เวินหนี่ตื่นขึ้นมาตอนเวลาเที่ยงคืนเธอขยับนิ้วและพบว่ามีคนกดทับเธออยู่เธอลืมตาขึ้นและมองไปด้านข้าง ก่อนจะเห็นเย่หนานโจวที่จับมือเธอไว้แน่นนอนหลับอยู่ผมของเขาดูยุ่งเหยิงและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดูเหมือนคนที่นอนไม่เพียงพอ คนรักสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอแบบเขา หนวดเครากลับเริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว เวินหนี่ชะงักไปครู่หนึ่งมีอารมณ์มากมายภายในใจของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน เผยชิงก็เข้ามาพร้อมกับของมากมายเต็มสองมือ “คุณผู้หญิงตื่นแล้วเหรอครับ” เผยชิงกระซิบถามเวินหนี่พยักหน้าเผยชิงมองไปที่เย่หนานโจวที่กำลังหลับอยู่และพูดว่า “ประธานเย่อยู่เฝ้าคุณทั้งคืน ผมบอกให้เขาพักผ่อนสักหน่อย แต่เขาก็ยืนกรานที่จะเฝ้าคุณ และเพิ่งได้หลับไปไม่นานนี้เองครับ”เวินหนี่เปิดปาก ราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่ในลำคอของเธอ ก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง “เด็ก…”เผยชิงกล่าว “ช่วยไว้ได้ครับ เกือบแย่ไปแล้ว แต่โชคดีที่เด็กยังอยู่ ไม่อย่างนั้นคุณกับประธานเย่ก็คงจะแย่กันแน่ ๆ ตอนที่คุณเข้าห้องผ่าตัด ประธานเย่เป็นห่วงคุณมาก และก็ห่วงเด็กในท้องของคุณด้วย เขากลัวว่าหากเด็กไม่อยู่แล้ว คุณจะเกลียดเ
“เย่หนาน...”ก่อนที่เวินหนี่จะพูดจบ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกเสียก่อนเห็นเพียงเย่จื่อที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ดวงตาของเธอมองตรงมาที่เวินหนี่ และพูดด้วยความดีใจว่า “ตายจริง เด็กดีของฉัน ทำไมถึงไม่บอกอาว่าท้องล่ะ จนถึงตอนนี้อาพึ่งจะทราบข่าว ถ้ารู้เร็วกว่านี้อาก็จะได้ไม่ไปเที่ยว ไหนบอกมาซิว่าอาเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม!”ในมือของเย่จื่อยังคงลากกระเป๋าเดินทางอยู่ เธอสวมผ้าคลุมศีรษะและแว่นตากันแดด ดูเหมือนว่าจะเพิ่งลงจากเครื่องผิวของเธอเข้มขึ้นกว่าเดิมมากในมือถือของหลายอย่าง เมื่อเวินหนี่เห็นเย่จื่อมาที่นี่ เรื่องที่จะคุยเย่หนานโจวก็ถูกขัดทันทีเธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วตะโกนเรียกเย่จื่อ “คุณอา!”เวินหนี่มีความสุขมากที่ได้เห็นเย่จื่อ ราวกับว่าเมฆดำทะมึนสลายไปทันทีเย่จื่อทิ้งกระเป๋าเดินทางแล้วเดินไปผลักเย่หนานโจวออกไป ก่อนจะกอดเวินหนี่ “เวินหนี่ของอา ลำบากเธอแย่เลย ตั้งท้องเลือดเนื้อของตระกูลเย่ของเราคงลำบากแย่เลยใช่ไหม”เวินหนี่กอดเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซาบซึ้งหรือเพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร เธอสูดจมูกและพูดเบา ๆ ว่า “ทำไมกลับมาไม่บอกเลยล่ะคะ หนูคิดถึงอามาก ๆ เลย”เ
อาหารต่าง ๆ ถูกใส่มาในกล่องเก็บความร้อนอย่างดีอาหารสำหรับสตรีมีครรภ์ที่เย่หนานโจวซื้อมาก็ปรุงมาจากในโรงแรมระดับ 5 ดาวเช่นกันเย่จื่อดูถูกของเหล่านั้น และผลักมันออกไป พลางเปิดกล่องอาหารของเธอแล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือซุปปลาคาร์พซึ่งดีต่อหญิงตั้งครรภ์ ส่วนนี่คือโจ๊กตับหมู ช่วยบำรุงเลือด และนี่ก็กีบเท้าหมูตุ๋นถั่วเหลือง…”เธอพูดอยู่คนเดียวและพูดให้ทุกคนฟัง ก่อนจะหันไปหาเย่หนานโจวอีกครั้ง “แกเป็นพ่อมือใหม่ หัดเรียนรู้วิธีดูแลหญิงตั้งครรภ์ไว้ซะ อนาคตยังต้องดูแลลูกอีก นี่คือสิ่งที่หญิงตั้งครรภ์ควรกิน อย่าให้เธอแตะต้องอาหารที่ขับเลือดเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้แท้งได้ …”เย่จื่อพูดไม่หยุด และเย่หนานโจวก็แทรกขึ้นว่า “เธอเป็นภรรยาของผม ผมรู้ว่าต้องดูแลเธอยังไง”“แกจะรู้อะไร!” เย่จื่อไม่เชื่อเลยสักนิด “เป็นสามีแต่ปล่อยให้ภรรยาทำงานหนักจนเหนื่อย แกรู้วิธีดูแลแบบไหน? สถานการณ์ของเวินหนี่ตอนนี้ ต้องให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ควรไปทำงาน เข้าใจไหม?”เย่หนานโจวมองเวินหนี่ จากนั้นก็มองไปที่ท้องของเธอ แล้วพูดขึ้นนิ่ง ๆ ว่า “เธอไม่ต้องไปทำงานก็ได้!”เวินหนี่ไม่อยากให้พวกเขาทะเลาะกันเพราะเธอ “คุณอา นั่งลง
เธอแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเย่หนานโจว แต่แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ประธานเย่ ในที่สุดก็ได้พบคุณสักที”เย่หนานโจวเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นเห็นผู้ช่วยที่มีใบหน้าโศกเศร้า เขารู้ว่าเธอเป็นผู้ช่วยของลู่ม่านเซิง จากนั้นจึงดับบุหรี่แล้วโยนมันลงในถังขยะ “ในบริษัทไม่มีใครแล้วหรือไง?”เขาเปิดบริษัทบันเทิงและเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ก็มีผู้บริหารอยู่ไว้เหมือนกันดังนั้นปัญหาต่าง ๆ ก็มีคนคอยจัดการผู้ช่วยกล่าว “ไม่ว่าบริษัทจะมีคนมากมายแค่ไหน แต่คนที่พี่เซิงต้องการก็คือคุณนะคะ เธอติดต่อคุณไม่ได้เลย”เย่หนานโจวไม่ต้องการได้ยินคำพูดแบบนี้อีกต่อไป เขาขมวดคิ้ว “มีอะไรอีกไหม?”ผู้ช่วยปาดน้ำตา แต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ปาดยังไงก็ปาดไม่หมด “พี่เซิงอาการกำเริบอีกแล้วค่ะ เมื่อวานมีถ่ายรายการแต่ก็ต้องยกเลิกไปเพราะหูเธอไม่ได้ยิน เธอจะหูหนวกหรือเปล่าคะ แล้วอนาคตจะแสดงละครยังไง เมื่อก่อนร้องเพลงก็ร้องไม่ได้แล้ว แล้วนี่ก็ไม่สามารถแสดงละครได้อีก อนาคตเธอจบแล้วงั้นเหรอคะ เธอจะทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้อย่างไร?” เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาจริงจังมากขึ้น “เธอหูหนวกสนิทเลยเหรอ?”ผู้ช่วยพย
ดวงตาของลู่ม่านเซิงกระตุกครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝืนยิ้ม “หนานโจว คุณกำลังพูดอะไร? อย่าเย็นชาขนาดนั้นสิ ฉันกลัว ฉันกลัวมากพออยู่แล้ว!”มือของเธอเริ่มสั่นเย่หนานโจวปล่อยเธอ ราวกับมีลูกศรเย็นเฉียบอยู่ในดวงตาของเขา “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทรมานตัวเอง มันจะส่งผลกระทบต่อการได้ยินของเธอได้ยังไง ดูเหมือนว่าการหวงแหนชื่อเสียงของตัวเองของเธอจะเป็นเรื่องโกหกสินะ เธอไม่ได้ต้องการอาชีพของเธอ แต่เพียงแค่อยากทรมานตัวเอง”“วงการบันเทิงนี้มันง่ายจะตายไป ทุกคนต่างก็สามารถปีนขึ้นมาในตำแหน่งของเธอได้ ในเมื่อเธอไม่รักษามันให้ดี งั้นฉันก็จะหาคนอื่นที่เขารักและหวงแหนอาชีพนี้มาแทนเธอ!” คำพูดของเย่หนานโจวนั้นโหดเหี้ยมโดยไม่สนว่าเธอจะได้ยินหรือไม่ แต่เขาก็พูดมันออกไปแล้ว เขาจะมัวเสียเวลาอยู่กับเธอไม่ได้เขาดึงเธอขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่งได้เขาก็สามารถทำให้เธอตกลงไปจากแท่นได้เช่นกันพูดจบ เย่หนานโจวก็ตั้งใจที่จะจากไปลู่ม่านเซิงเห็นว่าสีหน้าของเขาดูไม่แยแส ไม่ได้ดูสงสารเธอเหมือนก่อนหน้านี้ เธอก็ยิ่งกระวนกระวาย และรีบกอดเขาไว้จากด้านหลัง “เย่หนานโจว อย่าไปนะ!”ข้างนอก เวินหนี่กับเย่จื่อขึ้นมาชั้นสิบเอ็ด และกำลังเดิน
ลู่ม่านเซิงหน้าหัน และถลาล้มลงจากเตียงทันทีครั้งนี้เธอล้มแรงมากจนได้ยินเสียงกระดูกที่กระทบพื้น และลู่ม่านเซิงก็นอนอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพเย่หนานโจวกำลังจะผลักลู่ม่านเซิงออก แต่เขาไม่คิดเลยว่าเย่จื่อจะเข้ามาตบลู่ม่านเซิงซะก่อนเมื่อเขาเห็นเย่จื่อ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คุณอา นี่อากำลังทำอะไร?”ในเวลาเดียวกัน มีเพียงผู้ช่วยเท่านั้นที่เห็น และเข้าไปพยุงลู่ม่านเซิง“ฉันกำลังทำอะไรงั้นเหรอ ก็กำลังตบนังเมียน้อยนี่ไงไม่เห็นเหรอ?” เย่จื่อพูดอย่างเย็นชา โดยไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย ลู่ม่านเซิงหลั่งน้ำตาและยังคงแน่นิ่ง เธอดูอ่อนแอราวกับดูแลตัวเองไม่ได้เย่หนานโจวขมวดคิ้ว ดึงลู่ม่านเซิงขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดว่า “เธอป่วย และผมก็แค่มาดูเท่านั้น”“แกเป็นอะไรกับเธอ ถึงต้องให้แกมาเยี่ยม” เย่จื่อไม่เห็นด้วย “เธอเสแสร้งทั้งนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อให้แกสงสาร แล้วแกก็ยังดันไปติดกับ!”“ผมเป็นเจ้านายของเธอ แม้ว่าเธอจะเสแสร้ง แต่ผมก็ยังต้องมาพูดอะไรสักหน่อย” เย่หนานโจวไม่คิดว่ามันจะไม่เหมาะสม แต่การกระทำของเย่จื่อนั้นค่อนข้างหุนหันพลันแล่น“ฉันไม่เชื่อ!” เย่จื่อพูด “ป่วยเมื่อไหร่ไม่ป่วย แต่พอแกอยู่โรงพย
เมื่อเห็นพวกเธอสร้างปัญหา เย่หนานโจวก็ดึงเย่จื่อออกมา เพราะไม่ต้องการให้ความหุนหันพลันแล่นของเธอทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม “อาทำอะไร ปล่อยเธอเถอะครับ!”เย่จื่อสะบัดมือของเย่หนานโจวออก “ฉันไม่ปล่อย วันนี้ฉันจะฉีกใบหน้าที่แท้จริงของยัยผู้หญิงคนนี้ให้ทุกได้เห็น ปากของเธอเต็มไปด้วยคำโกหก และเธอก็ไม่ได้หูหนวก!”“กรี้ด….”ลู่ม่านเซิงกรี้ดร้องขึ้น“พวกคุณทุกคนอยากให้ฉันตายมากใช่ไหม งั้นฉันก็จะตาย ฉันจะตายไปตอนนี้เลย!” ขณะที่พวกเขากำลังยื้อกันไปมา เธอก็ผลักทุกคนออกและรีบวิ่งออกไปและเอาหัวโขกกำแพงศีรษะของเธอมีเลือดไหลออกมาทันที ก่อนจะล้มลงกับพื้นแล้วหมดสติไปเวินหนี่เบิกตากว้างมองดูการกระทำของลู่ม่านเซิง เธอตกใจมากจนหน้าซีดและอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปเย่จื่อก็ตกใจเช่นกัน เธอไม่คิดว่าลู่ม่านเซิงจะคิดสั้นแบบนี้ ทุกคนต่างก็ไม่ตอบสนอง“พี่เซิง!” ผู้ช่วยกรีดร้องด้วยความกลัว “พวกคุณมันเพชฌฆาต พวกคุณทำร้ายพี่เซิง!”เย่หนานโจวไม่พูดพร่ำทําเพลง เขาอุ้มลู่ม่านเซิงขึ้นมาแล้วรีบออกไปทันที “รีบเรียกหมอ!”ผู้ช่วยไม่มีเวลาโต้เถียงกับพวกเขา และรีบวิ่งออกไปเรียกหมอคุณหมอรีบเข้ามา แ
“เย่…”เธอเพิ่งเดินเข้าไป และยังไม่ทันได้เรียกเขา เย่หนานโจวก็หันกลับไปในขณะที่กำลังโทรศัพท์อยู่ เขาเดินไปโดยที่ไม่สังเกตเห็นเวินหนี่ “ปิดข่าวซะ อย่าให้ใครรู้เกี่ยวกับอาการของลู่ม่านเซิง มันจะส่งผลไม่ดี...”เย่หนานโจวเดินผ่านเวินหนี่ไปราวกับว่าเธอเป็นอากาศในขณะนั้น เวินหนี่รู้สึกเจ็บปวดใจมาก ๆเธอนึกว่าเย่หนานโจวจะกังวลเกี่ยวกับเย่จื่อ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงลู่ม่านเซิงมากกว่ากลัวมันจะกระทบต่ออาชีพของเธอเธอไม่ควรจะคิดมาก แต่ทุกสิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นเหมือนเมล็ดที่งอกขึ้นในใจของเธอเมื่อเห็นว่าเย่หนานโจวกำลังยุ่งเพื่อลู่ม่านเซิง เขาน่าจะกังวลเกี่ยวกับเธอมาก เวินหนี่จึงไม่ได้รบกวนและขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เดินกลับไปที่ห้องของคุณหมอแทนคุณหมอต้องให้คำตอบกับเธอได้อย่างแน่นอนหลังจากพูดคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับอาการของลู่ม่านเซิง เธอถึงได้รู้ว่าลู่ม่านเซิงหูหนวกสนิททั้งสองข้าง ก่อนหน้านี้เธอรู้มาว่าลู่ม่านเซิงไม่สามารถใช้เสียงร้องเพลงได้อีกและดูเหมือนว่าหูข้างหนึ่งของเธอจะมีปัญหาในการได้ยินแต่มันส่งผลต่อหูทั้งสองข้างได้ยังไงกัน?คุณหมอยังบอกเธออีกด้วยว่าหูของเธอสามารถฟื้
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ