“ประธานเย่”เวินหนี่ก้มหน้าและกล่าวทักทายเย่หนานโจวไม่ตอบ แต่เดินไปหาเวินหนี่ทีละก้าวรูปร่างสูงโปร่งนั้นทำให้เวินหนี่รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรงใบหน้าของเขาตึงเครียดเวินหนี่ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร จนกระทั่ง…เขาขมวดคิ้วและถามเธอว่า “เวินหนี่ ทำไมถึงช่วยฉัน?”เขาได้ยินมาจากเผยชิงหมดแล้ว คราวนี้ที่เขาสามารถออกมาได้อย่างรวดเร็ว และสืบพบว่าชุยเหล่ยและเฉินเพ่ยหลินเป็นผู้อยู่เบื้องหลังได้มันเป็นเพราะแผนของเวินหนี่เขาสั่งไว้ชัดเจนว่าไม่ให้เธอไปที่นั่น แต่เธอก็ยังไป แถมยังดำเนินการอย่างรวดเร็วอีกเป็นเพราะเธอเป็นห่วงเขางั้นเหรอกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาเวินหนี่ไม่คิดว่าเย่หนานโจวจะถามเธอแบบนี้แม้ว่าเธอจะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตอบเขาอย่างรวดเร็ว “ประธานเย่ ฉันเป็นเลขาของคุณ ตราบใดที่ฉันยังอยู่ในเย่กรุ๊ป ฉันก็จะช่วยคุณแก้ปัญหาค่ะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งไม่มีอารมณ์ใด ๆ ในดวงตาที่ชัดเจนคู่นั้นรอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเย่หนานโจว “ถ้างั้นเธอก็เป็นพนักงานที่ดีของฉันจริง ๆ”“ไม่หรอกค่ะ”เวินหนี่ก้มศีรษะลงท่าทีของเธอทำให้เย่หนานโจวรู้สึกโกรธไม่รู้จบ
เมื่อเสิ่นฉือได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกมีความหวัง “เราอยู่ที่คลับม่ายเซ่อห้องส่วนตัว 409 รีบมาเร็ว ๆ นะ คืนนี้ผมต้องเข้าเวร และรีบไปก่อนแล้ว”“...โอเค”แม้ว่าเสิ่นฉือจะไม่ได้บอกว่าต้องเข้าเวร แต่ในเมื่อเขาโทรหาเธอ เธอก็ไม่สามารถนิ่งเฉยไม่สนใจเย่หนานโจวได้ เสิ่นฉือได้ยินสัญญาณจากปลายสาย ก็ตระหนักได้ว่าหลังเวินหนี่วางสายไปแล้ว เขาจึงยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าของเย่หนานโจวเขามองฮั่วเยี่ยนและลู่ปั๋วเหนียน ทั้งสามถอยกลับออกไปแต่ทันทีที่พวกเขาก้าวออกไปเย่หนานโจวก็ลืมตาขึ้นดวงตาสีดำของเย่หนานโจวมืดมน และในขณะนี้เขาก็ดูไม่เหมือนคนเมาเลยแม้แต่น้อย …เวินหนี่รีบมาถึงม่ายเซ่อในหนึ่งชั่วโมงต่อมาเธอนั่งแท็กซี่จากเย่กรุ๊ปมายังม่ายเซ่อ แต่ถนนถูกปิดกั้นจึงเสียเวลาในการเดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมง เธอติดตามเย่หนานโจวและเป็นเลขาของเขามาเจ็ดปี เวินหนี่ได้มาสถานที่แบบนี้ค่อนข้างบ่อย แต่เมื่อมาถึงโถงทางเดิน ชายคนหนึ่งก็เดินโซเซเข้ามา ดวงตาของชายคนนั้นหรี่ลงเล็กน้อย ดูรู้เลยว่าเมาอีกทั้งผู้ชายคนนั้นตัวโตและดูแข็งแกร่งเมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ เวินหนี่ก็เบี่ยงตัวหลบอัตโนมัติแต
เสียงห้าวของชายคนหนึ่งดังมาจากฝั่งตรงข้าม “ไอ้เวร! ไอ้หน้าขาวโผล่มาจากไหน คิดจะเล่นบทฮีโร่ช่วยสาวรึไง? ทำฉันหมดสนุก ฉันเอาแกตายแน่”เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆเขาพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีดุดันแต่…เย่หนานโจวเพียงยกเท้าขึ้น และในชั่วพริบตา ชายคนนั้นก็ปลิวไปกระแทกพื้น“ปัง!”เสียงกระแทกดังสนั่นขณะที่ชายคนนั้นหล่นลงกระแทกพื้นอย่างแรงเย่หนานโจวใช้มือข้างหนึ่งโอบเวินหนี่ไว้ ขณะที่อีกมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮั่วเยี่ยน นายส่งคนมาจัดการไอ้สวะที่อยู่หน้าห้องนี้ด้วยนะ แล้วบอกเสิ่นฉือให้เอากล่องปฐมพยาบาลมาหาฉันที่ห้องนี้ด้วย”เขาพูดจบก็ตัดสายทันที แล้วพาเวินหนี่เข้าไปในห้องส่วนตัวเพียงแค่สองครั้งที่เย่หนานโจวออกแรง ชายคนนั้นก็ไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้ อีกทั้งเสียงที่เย่หนานโจวใช้โทรศัพท์เรียกคนก็เย็นชาจนสร้างความกดดัน ชายคนนั้นจึงเริ่มตระหนักว่าเย่หนานโจวไม่ใช่คนธรรมดาด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงรีบวิ่งหนีทันทีแต่เขาจะหนีไปได้อย่างไร?ฮั่วเยี่ยน เสิ่นฉือ และลู่ปั๋วเหนียน ทั้งสามคนนี้กว่าจะนัดเจอกันได้ก็ยากลำบากและเพราะเสิ่นฉือนั้นใช้โทรศัพท์ของเย่หนานโจวโทรหาเวินหนี่ เย่หนานโจวถึ
“ขอบคุณนะคะ”เวินหนี่ตัดสินใจพูดขอบคุณ เพราะไม่ว่าจะอย่างไร เย่หนานโจวก็ช่วยเธอไว้จริง ๆแต่เย่หนานโจวยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพราะตอนนี้เขาก็ยังไม่สร่างดีและคำพูดของชายคนนั้นก็ยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟให้กับความโกรธตอนนี้เวินหนี่มาขอบคุณเขาอีก?ริมฝีปากของเย่หนานโจวยกขึ้นอย่างเย็นชา “คำขอบคุณไม่จำเป็น พวกเราต่างแค่ทดแทนบุญคุณก็เท่านั้น”เวินหนี่รู้สึกจุกแน่นในลำคอเขาแค่คืนบุญคุณที่ติดค้างไว้ก็ดีแล้วจากนี้ไปพวกเขาจะได้ไม่ติดค้างกันเวินหนี่เม้มปาก และหลังจากเงียบไปสักพัก เธอจึงถามต่อ “เราจะกลับบ้านกันไหม?”“รออีกสักพัก”“อืม”เวินหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากเย่หนานโจวยื่นก้อนน้ำแข็งให้เวินหนี่ โดยจับมือเธอเอาไว้พร้อมกับพูดว่า “ประคบให้ดีหน่อย ตอนนี้เธอยังไม่ได้ออกจากงานและยังเป็นภาพลักษณ์ของบริษัทอยู่”น้ำเสียงของเขาเรียบเย็นเวินหนี่พยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”เขาช่วยเธอเพราะเธอยังเป็นภรรยาของเขา เพราะเธอยังเป็นเลขาของเขาและเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทตระกูลเย่และอีกอย่างก็เพราะสิ่งที่เขาพูดไว้ว่า “บุญคุณต้องทดแทน”เขาขีดเส้นระหว่างเขาและเธออย่างชัดเจน…ฮั่วเยี่ยนสั่งให้คนจับชา
เวินหนี่ล้างหน้า โดยใช้โฟมล้างหน้าล้างไปหลายครั้งแม้กระทั่งสบู่เหลวและเจลอาบน้ำก็ใช้ไปด้วยในอากาศยังคงมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกพุด นี่คือกลิ่นน้ำหอมที่เวินหนี่ชอบการที่เธอทำแบบนี้ ก็เพื่อกำจัดกลิ่นที่ติดมาจากตัวเย่หนานโจวเขาจะมีกลิ่นอะไรติดมาบ้างล่ะ?กลิ่นควันบุหรี่ที่ฉุนจัด กลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรง และยังมีกลิ่นคาวเลือดจากชายคนนั้นมือของเวินหนี่หยุดชะงักและเธอก็อึ้งไปชั่วขณะแต่เธอรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “คุณคิดมากไปแล้วล่ะ ฉันจะหย่ากับคุณและคุณก็รู้ดีว่าทำไม”ก็แค่มันถึงเวลาแล้วนอกจากนี้เขาไม่เคยมีความจริงใจที่จะให้เธออยู่ต่อถ้าเธอไม่ไปล่ะ? จะให้อยู่ดูเขากับลู่ม่านเซิงพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไปหรือไง?ริมฝีปากของเย่หนานโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเขารู้จริง ๆเธอต้องการกลับไปหาอาจ้านและลู่เซินเมื่อเย่หนานโจวนึกถึงภาพที่เธอนั่งคุยกับลู่เซินอย่างมีความสุขที่ข้างแปลงดอกไม้ในวันนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงมันอีกโดยเฉพาะท่าทางของเวินหนี่ในตอนนี้เธอดูสงบนิ่งมากตั้งแต่เธอกลับมา เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยสักคำในที่สุดเย่หนานโจวก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป เข
คำพูดของลู่ปั๋วเหนียนชัดเจนและราบเรียบเวินหนี่ตกตะลึงไปทั้งตัวสองเดือนครึ่ง... ตอนนั้นเธอจะท้องได้สี่เดือนแล้วและเริ่มมีหน้าท้องให้เห็นถ้าถึงเวลานั้นเย่หนานโจวจะยิ่งไม่ยอมให้เธอไปไหนแต่เวินหนี่ก็ตระหนักถึงบางอย่างได้อย่างรวดเร็วเธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเย็นชา "ฉันคงต้องเรียกคุณว่า เพื่อนของเย่หนานโจว สินะคะ?"สายตาของลู่ปั๋วเหนียนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่สะใภ้นี่ตาแหลมจริง ๆ”แม้ลู่ปั๋วเหนียนจะดูเหมือนใจเย็น แต่ในใจเขากลับชื่นชมเวินหนี่เวินหนี่สามารถมองออกได้ในพริบตาว่าเขาคือคนของเย่หนานโจว“ในเมื่อคุณไม่จัดการคดีหย่าของฉัน งั้นก็ลาก่อน”พูดจบเวินหนี่ก็หันหลังและเดินออกไปหลังจากเวินหนี่เดินออกไป ลู่ปั๋วเหนียนก็โทรหาเย่หนานโจวทันทีเย่หนานโจวยังคงหลับอยู่เขาดื่มเหล้ามากเกินไปและตอนนี้ถูกปลุกขึ้นมา ทำให้รู้สึกปวดไปทั้งตัวลู่ปั๋วเหนียนได้ยินเสียงแหบ ๆ ของเย่หนานโจวก็หัวเราะเบา ๆ "ยังนอนอยู่อีกเหรอ? เมียนายมาตาม หาฉันแต่เช้า แถมยังรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันว่านายควรใส่ใจเธอให้มากกว่านี้นะ!"ความเหนื่อยล้าในแววตาของเย่หนานโจวจางหาย
เจียงซิงถงเดินตรงเข้ามาหาเวินหนี่ในตอนนี้ บนใบหน้าของเจียงซิงถงประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อเทียบกับเมื่อวาน ท่าทีของเจียงซิงถงในตอนนี้ดีขึ้นมากเวินหนี่จึงยิ้มรับและตอบกลับ “ไม่เป็นไรค่ะ ซ่งฉือ มาทักทายคู่ค้าของเราหน่อยสิ”เย่หนานโจวกำชับให้ซ่งฉือเป็นคนต้อนรับผู้จัดการของบริษัทเจียง แม้ว่าเจียงซิงถงจะเปลี่ยนท่าทีไปแล้วก็ตาม เวินหนี่ก็ยังต้องพาซ่งฉือมาแนะนำให้เจียงซิงถงรู้จักแม้ว่าในใจของเจียงซิงถงจะไม่พอใจ แต่ภายนอกเธอก็ยังคงแสดงท่าทางสุภาพ“เลขาเวิน ช่วงนี้กำลังฝึกเด็กใหม่อยู่หรือคะ?”เย่หนานโจวยังไม่มาปรากฏตัว ทำให้เจียงซิงถงไม่พอใจนัก แต่เธอก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ตอนนี้จึงทำได้เพียงพูดคุยกับเวินหนี่ไปเรื่อย ๆเวินหนี่ตอบกลับ “คุณเจียงกังวลว่าจะทำให้การร่วมงานล่าช้าใช่ไหมคะ? ไม่ต้องกังวลค่ะ ประธานเย่จะตรวจสอบทุกความร่วมมือด้วยตัวเองเสมอ”เจียงซิงถงเม้มปาก “ถ้าอย่างนั้นไปคุยกันที่บริษัทเย่ดีกว่าค่ะ เลขาเวินคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับข้อเสนอความร่วมมือคะ?”หลังจากที่เวินหนี่ออกไป เจียงซิงถงก็ได้รู้ความจริงที่แท้เวินหนี่ทำงานเป็นเลขาของเย่หนานโจวมานานถึงเจ็ดปีเจียงซิงถงต้องการใช้
เวินหนี่เองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเจียงซิงถงจะรับถ้วยชาไว้ไม่มั่น“คุณเจียง คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไร มันเป็นเพราะคุณเองที่ถือไม่มั่นคงค่ะ” เวินหนี่พูดขึ้นอย่างเรียบๆเธอจ้องกลับไปยังดวงตาดำคมของเจียงซิงถง ซึ่งในตอนนี้มีประกายเย็นเยียบแวบผ่าน“ฉันถือไม่มั่น? ฉันจะถือชาถ้วยเดียวไม่อยู่เหรอ? ประธานเย่ ฉันมาเจรจาด้วยความจริงใจเต็มที่ แต่เลขาของคุณกลับหยิ่งยโสแบบนี้?”เจียงซิงถงตั้งคำถามกลับถึงสองครั้งประโยคสุดท้ายเธอหันไปมองเย่หนานโจวโดยตรงเย่หนานโจวยืนอยู่ไม่ไกล สายตาของเขาเย็นชาพร้อมแฝงความดูถูกเล็กน้อย “หรือผมควรให้คุณเจียงดูภาพจากกล้องวงจรปิดสักหน่อยเพื่อทบทวนความจำ?”เย่หนานโจวรู้ดีว่าเวินหนี่เป็นคนอย่างไรเวินหนี่ไม่เคยสนใจหากมีใครแย้งเธอในระหว่างที่ยังไม่ได้ลาออก เวินหนี่จะไม่ทำงานแบบขอไปที เธอจะทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเจียงซิงถงทำแบบนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจใส่ร้ายเวินหนี่เมื่อเย่หนานโจวพูดจบ สีหน้าของเจียงซิงถงก็ดูอึดอัดขึ้นมาทันทีเธอเป็นแค่เลขา แต่ทำไมเย่หนานโจวถึงปกป้องขนาดนี้?เจียงซิงถงมีท่าทีเย็นชาและพูดขึ้น “ประธานเย่ ฉันเข้าใจว่าคุณปกป้องลู
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ