ทันทีที่ฉู่ซวงจากไป ดวงตาสีดำของเย่หนานโจวก็ขึงตาจ้องไปที่เวินหนี่“ไปไหนมาถึงได้ถือของกลับมามากมายขนาดนี้?”เนื่องจากมันเป็นถุงใสจึงมองเห็นอาหารบางส่วนที่ถูกบรรจุอยู่ด้านในเวินหนี่ตอบ “ฉันไปบ้านพ่อกับแม่มาค่ะ”“ไม่ได้ไปเจอลู่เซินเหรอ?” เย่หนานโจวพูดอย่างเงียบ ๆตอนนี้เขาไม่ได้ดูเหมือนคนเมาเลยดูเหมือนว่าฉู่ซวงจะมีความสามารถในการเรียนรู้และความสามารถในการปฏิบัติที่ดีมากเลยทีเดียวเวินหนี่สงบนิ่ง “เขาก็มีธุระของเขา พวกเราไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น”หลังจากพูดจบ เวินหนี่ก็เดินถือถุงใบใหญ่สองใบเข้าห้องครัวไป ในเมื่อต้องอาศัยอยู่ที่ว่างเจียงหยวนเป็นเวลานาน เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมากหลังจากเก็บข้าวของเสร็จเธอก็เดินออกมา เย่หนานโจวก็พยักหน้าเรียกเธอให้เธอเดินมาหาเวินหนี่ไม่อยากทะเลาะกับเขา จึงเดินไปอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว เย่หนานโจวยื่นมือออกไปก่อนจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนในวินาทีต่อมา กลิ่นฉุนของเหล้าอบอวลไปทั่วซึ่งกลิ่นนี้มันทำให้เวินหนี่รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “กลิ่นเหล้าบนตัวของคุณมันฉุนเกินไป ให้ฉันไปเตรียมน้ำให้คุณอาบไหมคะ?”เวินหนี่พยายามแยกตัวออ
เวินหนี่กลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านี้จึงรีบตอบตกลงทันที “ค่ะ”เย่หนานโจวพอใจกับสิ่งนี้มาก “ช่วงนี้ระบบทางเดินอาหารของเธอไม่ดีเหรอ ทำไมดูเหมือนว่าอ้วนขึ้นอีกแล้ว”เวินหนี่ตัวแข็งทื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่หนานโจวพูดถึงเรื่องนี้เธอรีบแถ “อาจเป็นเพราะช่วงนี้ฉันพักผ่อนไม่เพียงพอ หน้าก็เลยดูบวมนิดหน่อยล่ะมั้งคะ อีกอย่างหากฮอร์โมนแปรปรวนก็อาจทำให้อ้วนได้เหมือนกัน…”เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “เธอรับฉู่ซวงเข้ามาแล้วไม่ใช่เหรอ แรงกดดันในการทำงานถึงยังสูงอยู่อีกเหรอ?”“ฉันคงหมกมุ่นกับความสมบูรณ์แบบมากเกินไปล่ะมั้งคะ”เวินหนี่ทำได้เพียงตามน้ำ และไม่กล้าแม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำเย่หนานโจวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมถึงได้ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้าง เธอไม่ต้องการอยู่คอยจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ข้างกายฉันใช่ไหม”“ไม่ใช่ค่ะ”เวินหนี่รู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไปเห็นได้ชัดว่าเธอพยายามเปลี่ยนเรื่องหันเหความสนใจของเย่หนานโจว แต่เรื่องกลับวกมาอีกเวินหนี่รู้สึกปวดหัวขึ้นมา“คุณพึ่งดื่มซุปบ๊วยเปรี้ยวสมุนไพรไป อยากให้ฉันทำอะไรให้กินไหมคะ?”เวินหนี่แอบบีบฝ่ามือตัวเองโดยหวังว่าเขาจะปล่อยข้าม
เขายกขึ้นจิบหนึ่งคำ รสขมอมหวานมีเพียงเวินหนี่เท่านั้นที่สามารถชงกาแฟดำแบบนี้ได้เวินหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าคุณจะทำงานนี้เสร็จคะ?”เรื่องที่เธอแต่งงานกับเย่หนานโจว นอกจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายและเพื่อนสนิทของเธอแล้วก็แทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยนอกจากทะเบียนสมรสแล้ว พวกเขาไม่มีแม้แต่รูปคู่ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทริปฮันนีมูนเลยหากเย่หนานโจวตัดสินใจพาเธอไปประเทศฝรั่งเศส เธอสามารถถือได้ว่านี่คือทริปฮันนีมูนของพวกเธอชีวิตนี้เธอจะได้ไม่เหลืออะไรให้นึกเสียใจทีหลังอีกเย่หนานโจวเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะตอบช้า ๆ “อย่างมากที่สุดก็หนึ่งสัปดาห์”“ตกลงค่ะ”ระยะเวลานี้ยังสามารถรอได้ในเมื่อพรุ่งนี้ไม่ต้องไปบริษัท เธอก็สามารถไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลได้ มีถังเยาอยู่ด้วย สามารถใช้ถังเยาเป็นโล่ได้เวินหนี่ไม่กล้าที่จะฟุ้งซ่านเกินไป “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปทำงานต่อเถอะค่ะ ฉันจะกลับห้องก่อน”หลังจากที่เย่หนานโจวพยักหน้า เวินหนี่ก็ออกจากห้องหนังสือไปหลังจากที่เวินหนี่กลับมาที่ห้อง เธอก็คุยไลน์กับถังเยาสักพักจากนั้นก็ดูละคร และดูข่าวตลาดหุ้น
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่พวกเขาเข้าไปในโถงทางเดิน พวกเขาก็เห็นเย่ซูเฟินนั่งอยู่บนโซฟาใบหน้าของเย่ซูเฟินบึ้งตึงไม่พอใจ“พวกเธอสร้างประเด็นร้อนเอาไว้ แต่กลับทำท่าไม่แยแสอะไรเลยนะ”เรื่องในงานเลี้ยงของเกากรุ๊ป ที่เย่หนานโจวออกมาปกป้องเวินหนี่ตอนนี้ยังคงเป็นประเด็นร้อนไม่หาย เย่หนานโจวส่งสายตาให้เวินหนี่เวินหนี่เข้าใจแต่ก็ยังทักทายเย่ซูเฟิน “คุณแม่ อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วค่ะ ถ้าแม่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า ฉันจะขอให้คนรับใช้เตรียมไว้ให้แม่ด้วยอีกที่”คนรับใช้ในวิลล่ารู้งานตัวเองเป็นอย่างดีในเมื่อเธอไม่ได้เข้าครัว คนรับใช้จึงเตรียมอาหารเช้าเองเมื่อถึงเวลาแต่เย่ซูเฟินกลับไม่แม้แต่จะมองเวินหนี่ด้วยซ้ำ “เย่หนานโจว แม่กำลังคุยกับลูกอยู่นะ!”เย่หนานโจวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่ช้าก็เร็วเรื่องการแต่งงานระหว่างผมกับเวินหนี่ก็ต้องถูกเปิดเผย อีกอย่างเราก็ไปห้ามปากคนอื่นไม่ได้”มีคนมากมายและมีปากตั้งกี่ปาก เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องหลบเลี่ยงหน้าอกของเย่ซูเฟินกระเพื่อมขึ้นลงด้วยโทสะแต่เธอระงับความโกรธไว้ “ได้ยินมาว่าคุณอาของพวกเธอชวนพวกเธอไปร่วมงานเต้นรำสวมหน้ากากเหรอ?”น้ำเสียง
เย่หนานโจวไม่ต้องการคุยกับเธอต่อ “เวินหนี่เอาของไปส่งให้คุณแล้ว ต่อไปมีธุระอะไรก็โทรมา”ความหมายคือถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญก็ไม่ต้องโผล่มาเย่หนานโจวรังเกียจเธอมาก!ดูเหมือนว่าฝั่งลู่ม่านเซิงคงต้องเร่งทำคะแนนเสียแล้ว!! เย่ซูเฟินไม่ต้องการโต้เถียงกับเย่หนานโจว “แม่เป็นคุณหญิงใหญ่ของตระกูลเย่และเป็นภรรยาของพ่อของลูก”เย่หนานโจวขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับเธอและทิ้งเธอไว้ข้างหลัง…เวินหนี่นำอาหารเสริมไปให้ลู่ม่านเซิงที่โรงพยาบาลก่อน ทันทีที่ลู่ม่านเซิงได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็คิดว่าเป็นเย่หนานโจวดังนั้นเมื่อเห็นว่าเป็นเวินหนี่ ความสุขบนใบหน้าของลู่ม่านเซิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที“ทำไมถึงเป็นเธอ?”เวินหนี่พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “แม่สามีของฉันไม่สบาย ฉันก็เลยเอาของมาส่งให้แทน”เวินหนี่ตอบพลางเดินไปที่เตียงของลู่ม่านเซิง และวางอาหารเสริมไว้บนโต๊ะข้างเตียงเมื่อวางของเสร็จเวินหนี่ก็เดินออกไปลู่ม่านตะโกนเรียกเธอ “เวินหนี่ ในเมื่อมาแล้ว จะไม่นั่งสักหน่อยก่อนเหรอ?”เวินหนี่ไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไป “คุณลู่ ฉันไม่ได้สนิทกับคุณค่ะ”เธอมาเพียงเพราะไม่ต้องการเห็นเย่ซูเฟินและเย่หนานโจว
เสียงนั้นคุ้นมากจนร่างกายของเวินหนี่ตัวแข็งทื่อเธอทำได้เพียงค่อย ๆ หันกลับไปมอง และเธอก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นสมัยมหาวิทยาลัยของเธอ ต่งหมิงห้าวเธอจำต่งหมิงห้าวได้ เมื่อสามเดือนก่อนเขาได้เข้ามาทำงานในแผนกเทคนิคของเย่กรุ๊ป เธอเป็นคนที่สัมภาษณ์ต่งหมิงห้าวเอง นอกจากที่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ต่งหมิงห้าวไม่เพียงแต่แสดงศักยภาพได้ดีในเวลานั้น แต่เขายังมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยเวินหนี่ได้แต่ฝืนยิ้ม “บังเอิญจริง ๆ”อาจจะเพราะเธออยากเก็บเด็กคนนี้ไว้จึงมีความรู้สึกผิด“วันนี้ฉันลาเลยว่าจะมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลน่ะ ไม่คิดว่าจะได้พบเธอที่นี่ เวินหนี่ วันศุกร์หน้าลูกชายของหัวหน้าห้องจะครบรอบหนึ่งเดือนเธอจะไปงานเลี้ยงด้วยหรือเปล่า?”ต่งหมิงห้าวมองเวินหนี่และพูดช้า ๆหัวหน้าห้องตอนมหาวิทยาลัยเป็นคนจริงใจนิสัยดีที่มาจากพื้นที่ห่างไกลในชนบท ในเวลานั้นเขาเป็นคนดีมากในชั้นเรียน ไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นจะมีปัญหาอะไรเขาก็จะคอยให้ความช่วยเหลือและตอนนั้นเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากเขาเช่นกันเพียงแต่เธอไม่ได้รับข่าวอะไรเรื่องงานนี้เลยเมื่อต่งหมิงห้าวเห็นว่าเวินหนี่เงียบ เขาก็รับรู้ได้
จากนั้นเธอก็โทรหาถังเยาน้ำเสียงของถังเยาฟังดูงัวเงีย เวินหนี่ขอโทษเธอ “ฉันขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ แต่ตอนนี้ฉันกำลังไปห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านเธอ ฉันจะหาที่รอเธอที่นั่นนะ”“โอเค” ถังเยาไม่ได้ปฏิเสธหลังจากที่เวินหนี่มาถึงห้างสรรพสินค้า เธอก็มาที่ร้านชานมแล้วสั่งชานมไปสองแก้วเมื่อถังเยามาถึง เธอก็เห็นเวินหนี่นั่งอยู่หน้าโต๊ะกลมสีขาวตัวเล็กจากระยะไกล พร้อมถือถ้วยชานมอยู่ในมือ“วันนี้คิดยังไงถึงได้นัดฉันออกมา? แถมยังเลือกร้านดังแบบนี้อีก? บอกฉันมาซิว่าเธอมีเรื่องอะไร?” ถังเยามองเวินหนี่ถึงกระนั้นเธอก็ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเวินหนี่เวินหนี่หัวเราะตาม “ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไร แค่อยากเรียกเธอออกมาช้อปปิ้งเป็นเพื่อนฉันก็เท่านั้น แล้วก็... เย่หนานโจวบอกกับฉันว่าเขาสั่งให้เผยชิงไปเจรจากับทางนิทรรศการแล้ว” เดิมทีตอนที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงเย่หนานโจว ถังเยายังอารมณ์ดีและหัวเราะพูดคุยกับเวินหนี่ แต่เมื่อเอ่ยถึงเย่หนานโจว ถังเยาก็นึกถึงคำขู่ที่แฝงอยู่ในคำพูดของเย่หนานโจวในวันนั้นได้ แล้วไหนจะที่เวินหนี่ใจอ่อนต่อเย่หนานโจวอีก“เวินหนี่ เธอต้องจำไว้ว่าหากผู้หญิงไม่ใจเด็ด
นี่คือลู่เหมียน คู่แข่งของเธอ เมื่อไรที่ถังเยาจัดนิทรรศการภาพวาด ลู่เหมียนก็จะรีบจัดตาม พอเธอตีพิมพ์แบบร่างการออกแบบ ลู่เหมียนก็ไม่พลาด สรุปได้ว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไรลู่เหมียนก็จะทำตามทุกอย่างพนักงานขายบางคนก็อยากเอาใจพวกคนมีเงินเวินหนี่จะปล่อยให้คนอื่นเอาเสื้อผ้าไปจากมือของถังเยาได้อย่างไร?เวินหนี่หยิบการ์ดสีดำที่เย่หนานโจวมอบให้จากกระเป๋าของเธอทันที “รูดการ์ด ฉันจะซื้อชุดนี้”เวินหนี่จับมือถังเยาและออกมาจากห้องลองเสื้อเห็นชัดว่าพวกเธอไม่ต้องลองก่อนด้วยซ้ำ เธอก็แค่ต้องการเอาชนะลู่เหมียนทันทีที่ลู่เหมียนและพนักงานขายเห็นการ์ดสีดำ ดวงตาของพวกเธอก็เบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ โดยเฉพาะลู่เหมียนที่โกรธมาก “เธอเป็นเลขาต๊อกต๋อยแต่กล้าใช้การ์ดของเจ้านายมากอวดที่นี่งั้นเหรอ?”เธอเป็นวีไอพีระดับสูงของที่ร้านนี้ ถึงถังเยาจะมีพรสวรรค์ แต่ในแง่ของเงินและอำนาจไม่สามารถเทียบเธอได้ เวินหนี่ก็เป็นเพียงเลขาต๊อกต๋อยเท่านั้น!“ระวังปากด้วย!” ถังเยาอดไม่ได้แล้ว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรลู่เหมียนก็ทำตามเธอไปเสียหมด และแฟน ๆ ที่งี่เง่าของลู่เหมียน ก็มักจะใส่ร้ายเธออย่างไม่มีสมองตอนนี้ลู่เหมียนยังคิดจะม
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม