เช้า...
เฮือก !!
ฉันใจหล่นวูบทันทีเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่เลยสักชิ้น แถมข้างกายยังมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มานอนอยู่ ข้าง ๆ อีกด้วย แถมที่นี่มันที่ไหนกัน เมื่อคืนฉันมาวันเกิดของสายธารเพื่อนสนิทของฉัน มันคือครั้งแรกกับการที่ฉันได้ดื่มเหล้า ฉันเมา ฉันจำอะไรไม่ได้เลย จริง ๆ ฉันลุกขึ้นหันไปมองที่ผู้ชายเจ้าของใบหน้าหล่อคมคายที่นอนข้างกายของเขามันมีเลือดของฉันเปื้อนอยู่ มันยิ่งตอกย้ำว่าฉันได้เสียความบริสุทธิ์ให้เขาไปแล้ว จริง ๆ ฉันรีบเก็บเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำแต่งตัว และออกจากห้องทันทีโดยที่ผู้ชายคนนั้นยังไม่ตื่น ใครจะไปทำใจได้ที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนกับใครก็ไม่รู้ ฉันได้แต่โทษความใจง่ายของตัวเอง ฉันสาบานว่าจะไม่ดื่มอีกแล้ว และขอให้ฉันไม่เจอกับผู้ชายคนนั้นอีก...— บ้าน
“พริ้ง ไปไหนมาฉันโทรไปหาแกทั้งคืน” นี่คือเสียงของพี่มารีพี่สาวของฉันเอง “พะ พริ้งไปวันเกิดสายธารมาค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบเพราะกลัวว่าพี่มารีจะจับพิรุธได้ “อื้อ ฉันจะให้มาช่วยดูชุดที่จะใส่ในวันหมั้นหน่อย” “อ๋อ ค่ะ ๆ” ฉันพยักหน้าตอบ ฉันกับพี่มารีเป็นพี่น้องกัน แต่คนละแม่ พ่อกับแม่เพิ่งเสียไปเมื่อสามเดือนที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากพ่อกับแม่เสีย จู่ๆ ก็มีเพื่อนของคุณพ่อ ซึ่งฉันก็ไม่เคยเห็นหน้า ท่านมาบอกว่าจะให้ลูกชายของท่านแต่งงานกับลูกสาวคนโตของคุณพ่อ นั่นก็คือพี่มารี เหมือนว่าคุณพ่อกับเพื่อนของคุณพ่อตกลงกันเอาไว้แล้ว พี่มารีกับคู่หมั้นก็ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำตอนนี้ แต่พี่มารีก็ไม่ได้มีท่าทางว่าไม่อยากแต่งอะไรนะ ซึ่งถ้าเป็นฉันโดนบังคับแบบนั้นฉันคงคิดไม่ตกหลังจากแยกตัวกับพี่มารี ฉันก็อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว ตราบาปที่ฉันได้ทำพลาดไป ฉันจะลบมันออกไปได้ยังไง...
กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จพอดี เบอร์ที่โทรเข้ามาคือเบอร์ของสายธารเพื่อนสนิทของฉันเอง (ว่าไงแก) (พริ้ง เมื่อคืนแกไปไหน กลับยังไง ฉันจำได้ว่าฉันฝากแกไว้กับ...) (ฮัลโหล ฮัลโหล แค่นี้ก่อนนะพี่มารีเรียกให้ฉันไปช่วยดูชุด เอาไว้ค่อยคุยกันนะ) ฉันรีบกดวางสายทันที โทรศัพท์ในมือถูกฉันกำแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฉันจะลบเรื่อง บ้า ๆ แบบนี้ออกไปได้ยังไงกัน1 อาทิตย์ผ่านไป...
วันนี้เป็นวันที่ฝั่งทางลูกชายเพื่อนของคุณพ่อจะมาคุยกับทางบ้านเรา ซึ่งทางฉันกับพี่มารีก็ไม่ได้มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน มันเหมือนเป็นการมาดูตัวและตกลงเรื่องงานหมั้นประมาณนั้นแหละ “เตรียมอาหารเสร็จหรือยังพริ้ง” พี่มารีเดินเข้ามาถามฉันในครัว “เกือบเสร็จแล้วค่ะ” “อื้อ ยกอาหารออกไปแล้วก็อยู่ในครัวนี่แหละนะ หรือไม่ก็ไปเดินเล่นนอกบ้าน ไม่ต้องเข้าไปนั่งฟังผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน” “อะ ค่ะ ๆ” ฉันไม่ได้คิดมากอะไรที่พี่มารีจะไม่ให้ฉันไปพบเพื่อนของคุณพ่อและลูกชายที่กำลังเดินทางมาดูตัวพี่มารี เรื่องอะไรแบบนี้ฉันไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว ฉันชอบอยู่คนเดียวมากกว่า หลังจากยกอาหารไปเสริฟแล้ว ฉันก็เดินไปเล่นที่สวนหลังบ้าน เพื่อนของคุณพ่อกับลูกชายคงจะมากันแล้วแหละฐานะทางบ้านของฉันอยู่ในระดับเศรษฐีเลยก็ว่าได้ แต่พอคุณพ่อกับคุณแม่เสีย ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกยึด ฉันกำลังจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องพักเอาไว้ก่อน
ถ้าพี่มารีได้แต่งงานกับเพื่อนคุณพ่อ เขาคงจะช่วยเราได้เยอะ อย่างน้อยเราสองพี่น้องก็คงจะต้องมีที่อยู่ใหม่ แทนบ้านหลังนี้ที่กำลังจะถูกยึดไป“หวัดดี เธอรู้สึก คุ้น ๆ หน้าฉันเหมือนที่ฉันคุ้นหน้าเธอไหม...”
เฮือก... ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อหันไปมองด้านข้างของตัวเองแล้วเจอกับคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด คนที่ฉันภาวนาขอให้ไม่เจอเขาอีกตลอดชีวิตนี้ ผู้ชายที่นอนกับฉันในวันนั้น ทะ ทำไมเขาถึง... มาอยู่ที่นี่ “จะ จำผิดคนแล้วค่ะ พริ้งไม่คุ้น...” “อ่า! ชื่อพริ้งหมือนกันซะด้วย แบบนี้คงไม่ผิดคนแล้วมั้ง...”ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเลยตอนนี้ เป็นเขาได้ยังไงกัน นี่ฉันไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหม เขามาที่บ้านฉันได้ยังไง“วันนั้น ทำไมไม่ปลุกฉัน” “วะ วันไหนพริ้งไม่รู้เรื่องค่ะ ขอตัวนะคะ” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบเขา ก่อนจะก้าวขาเดินให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ เพราะเขาอันตรายพรึบ! ยังเดินไปได้ไม่ถึงไหนแขนของฉันก็ถูกเขารั้งเอาไว้แล้วออกแรงดึงเข้าหาตัวเอง “รู้ไหม ว่าฉันไม่ชอบให้ใครเดินหนี” เขาก้มลงมาพูดกระซิบที่หูฉัน แค่นั้นไม่พอเขายังฝังจมูกลงบนซอกคอของฉันอีกด้วย ฉันตกใจรีบผลักเขาออกแต่ก็ถูกเขากอดเอวเอาไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด “ปะ ปล่อยนะคะพี่จำผิดคนแล้ว” “เธอเป็นอะไรกับผู้หญิงที่อยู่ในบ้าน?” เขาเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรจากฉันเลย “เป็น นะ น้องสาวค่ะ” “หึ!! โลกกลมชะมัด” “คะ...?”“ฉันมีข้อเสนอให้เธอ” “ขะ ข้อเสนออะไรคะ” “หมั้นกับฉันแทนพี่สาวของเธอ แล้วเธอกับพี่สาวอยากจะได้อะไรฉันให้ได้ทุกอย่าง...” เฮือก...มะ หมั้นกับเขา แบบนี่ก็หมายความว่า เขาคือคู่หมั้นของพี่มารี ลูกชายของเพื่อนคุณพ่องั้นเหรอ ทำไมโลกถึงกลมขนาดนี้กัน...“ว่ายังไง หื้ม..” “ไม่ค่ะ พริ้งไม่รับข้อเสนอนี้ของพี
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันใจลอยเอาแต่คิดเรื่องคืนนั้น บ้าจริง!! เป็นผู้ชายคนนั้น จริงๆ งั้นเหรอ คู่หมั้นพี่สาวของฉัน “พริ้ง นี่แกเห็นคู่หมั้นของฉันยัง หล่อมาก ๆๆ” พี่มารีเดินมาหาฉันที่สวนหลังบ้านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุข เราเป็นพี่น้องกันก็จริง แต่คงเป็นเพราะฉันกับพี่มารีไม่ได้เกิดมาจากแม่คนเดียว พี่มารีเลยแทนตัวเองว่าฉันไม่ได้แทนว่าพี่เหมือนกับคู่พี่น้องคนอื่น “พริ้ง นี่ได้ยินที่ฉันพูดไหม” “อะ ดะ ได้ยินค่ะ ๆ” ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อกี๊ใจลอยไปหน่อยเลยไม่ได้ยินคำที่พี่มารีพูด “ห้ามชอบผู้ชายของฉันนะยะ!!” “บะ บ้าพริ้งจะไปคิดแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ...” ถ้าพี่สาวฉันรู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองกับฉัน มันมีอะไรที่...เฮ้อ!! ไม่เอาไม่คิดมากสิพริ้ง ผู้ชายคนนั้นเขาจะไม่บอกใครแน่นอนเรื่องคืนนั้น “หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ...” “ฮะ แกว่าไงนะพริ้ง?” “อะ ปะ เปล่า ๆ ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธ บ้าจริง จู่ ๆ ก็หลุดพูดคำที่ตัวเองคิดออกมาซะได้ “พรุ่งนี้คู่หมั้นของฉันจะเข้ามารับฉันไปลองชุด แกอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม?”“ดะ ได้สิคะ พริ้งอยู่ได้” พี่มารีเดินหายกลับเข้าไปในบ้าน ฉันถึงกับถอนหายใจ
คำพูดของผู้ชายคนนี้มันช่างดูไม่เอาไหนซะเลย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยพลาดไปมีอะไรกับเขา แต่เรื่องแบบนั้นมันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก แล้วยิ่งตอนนี้เขาเป็นคู่หมั้นของพี่สาวฉันด้วยละก็มันยิ่งตอกย้ำตราบาปในใจของฉัน “ถะ ถอยไปนะ” ฉันใช้มือดันอกแกร่งของคนตรงหน้าเอาไว้ เพราะตัวฉันมันติดกับโต๊ะแล้วถอยไปไหนไม่ได้แล้ว “ถอยไปไหนดี หื้ม...” พรึบ!! “อร้ายยย~” ฉันหลุดร้องออกมาเสียงหลงเมื่อผ้าขนหนูที่พันร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ถูกเขากระตุกลงทำให้มันหล่นลงไปกองที่พื้น ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันไม่มีอะไรปิดคลุมอยู่เลยสักชิ้น ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกกับน้องสาวของตัวเองเอาไว้ แต่ก็โดนคนตรงหน้ารวบมือทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างฉันขึ้นวางบนโต๊ะ ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ “จะอายทำไม วันนั้นฉันเห็นของเธอหมดแล้ว” เขาโน้มตัวลงมากระซิบที่หูฉัน ก่อนจะใช้มือหนาลูบไล้ขาอ่อนของฉันไปมา “พอแล้ว ยะ อย่าทำแบบนั้นอีกได้ไหมคะพริ้งขอร้อง” ฉันร้องขอความเห็นใจจากเขา แต่เขากลับไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยฉันไปง่าย ๆ เลย “ฉันอุตส่าห์อยากจะหมั้นกับเธอ แต่เธอดันไม่ยอม สงสัยเธอ
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ “พริ้ง นี่แกทำอะไรอยู่เนี่ยฮะ ฉันเคาะจนเจ็บมือหมดแล้วนะ !!” เสียงของพี่มารีเรียกฉันอย่างต่อเนื่อง แถมยังเคาะห้อง รัว ๆ ฉันเม้มปากแน่น ไม่อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลยฉันจะออกห่างเขาได้ยังไงกัน ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย “สงสัยเธออยากให้พี่เธอรู้...” “ค่ะ พริ้งยอม” ฉันกลั้นใจตอบออกไป ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบของฉัน เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากร้ายกาจทันที ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงน่ากลัวจัง... “ก็แค่นั้น ทำเป็นเล่นตัวไปได้” ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ (เสียงเคาะห้อง) “ไปเปิดประตูสิ”“ปะ เปิดได้ยังไงคะ พี่ยังอยู่ในห้องอยู่เลยนะ ไหนพูดแล้วไงว่าถ้าพริ้งยอมพี่จะไม่บอกใคร” ฉันทวงคำสัญญาที่เขาเคยพูดเอาไว้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง เขาไม่พูดอะไรแต่กลับเดินตรงไปที่ประตูห้อง เห็นแบบนั้นฉันก็รีบวิ่งตามพี่เขาไปดักหน้าเอาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะเปิดประตูห้อง “ทำบ้าอะไรของเธอ”“ห้ามเปิดนะคะ !!” ฉันบอกคนตรงหน้าเสียงแข็ง ประตูห้องก็ถูกพี่มารีเคาะรัวมากเลยตอนนี้ “ฉันไม่ได้จะเปิด” พี่เขาตอบแบบหงุดหงิดนิดหน่อย จากนั้นก็เดินไปตรงบ้านประตูพร้อมกับส่งซิกให้ฉันเปิดประตู ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดว่าเขาจะไ
1 อาทิตย์ผ่านไป โชคดีว่าหลายวันมานี้ฉันไม่เจอกับผู้ชายคนนั้นเลย คู่หมั้นของพี่สาวฉัน ไม่เห็นเขามาที่บ้านไม่มาหาพี่มารีเลย มาแค่วันนั้นแล้วก็หายหน้าไปที่บอกแบบนี้ไม่ได้แปลว่าฉันคิดถึงเขานะ ไม่อยากจะเจอเลยต่างหาก แต่ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้สินะ...— ห้างสรรพสินค้า วันนี้สายธารขอให้ฉันพามาซื้อของที่ห้าง ไปลากฉันจากที่บ้าน มาตั้งแต่เช้านี่ก็จะเที่ยงแล้วยังไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง “แกจะเดินดูอีกนานไหมฉันปวดขาจะแย่แล้วนะ” ฉันบ่นสายธาร เธอเอาแต่เดินดูของไม่ยอมซื้อสักที “เดี๋ยวสิแก ของแบบนี้มันก็ต้องเลือกดูหลาย ๆ ร้านไหม” “แต่เล่นเข้าออกเป็นสิบ ๆ ร้านแล้วไม่ซื้อมันก็เหนื่อยนะ ปวดขาด้วย”“บ่นเป็นคนแก่ไปได้”“แกไปเดินซื้อคนเดียวเลย ฉันไม่ไปกับแกด้วยแล้ว” ฉันถอนหายใจออกมา เบา ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงที่เอาไว้นั่งพักภายในห้าง “ยัยพริ้ง !!! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” สายธารยืนท้าวเอวมองค้อนฉัน “เหนื่อย...” ในขณะที่ฉันกำลังคุยกับสายธารอยู่สายตาของฉันก็ดันเหลือบไปเห็นใครบางคน คนที่ฉันไม่อยากจะเจอหน้าเขาที่สุด คู่หมั้นของพี่มารี นั่นเขากำลังเดินอยู่กับใคร ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก “พริ้ง!! แกมองอะไรของแ
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมาของผู้ชายคนนี้ เขาพูดคำนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย แบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย“หะ หิวไหมคะ ดะ เดี๋ยวพริ้งทำอะไรให้กิน” ฉันพูดพลางผลักกอดออกจากตัวเขาเบา ๆ“หิวสิ ฉันอยากกินเธอ...” ไม่พูดเปล่าเขาใช้นิ้วม้วนเส้นผมของฉันเล่นไปด้วยสายตาของเขา มะ มันดูอันตรายจัง...“เดี๋ยวพริ้งทำอะไรให้กินก่อนเอาไหมคะ” ฉันพยายามหาเรื่องเบี่ยงประเด็นเรื่องอย่างว่า คือฉันกลัว ฉันไม่พร้อมถ้าเขาไม่ขู่ฉัน ฉันก็คงไม่มา“ตามใจเธอ”แปลกจัง เมื่อกี๊เขายังมีท่าทางที่เหมือนเสือกำลังจะตะโบมกินเหยื่ออยู่เลย แต่ตอนนี้เขากลับยอมให้ฉันทำอะไรให้กินแต่โดยดี“งะ งั้นเดี๋ยวพริ้งรีบไปทำมาให้กินนะคะ”หมับ!ฉันกำลังจะรีบเดินเข้าไปในห้องครัวแต่กลับโดนมือหนาคว้าเอวดึงเข้าไปหาตัวเขาอีกครั้ง“ถ้ากินข้าวเสร็จหวังว่าเธอจะไม่มีข้ออ้างอะไรกับฉันอีกนะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งกับแววตาดุจเหยี่ยวของคนตรงหน้าทำเอาฉันแทบไม่กล้าที่จะสบตากับเขาเลยตอนนี้“ค่ะ...”มือหนาที่คล้องเอวฉันอยู่ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นฉันก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องครัวทันที— Talk Singha“หึ!!”ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่ส
“พะ พี่สิงห์อย่าเพิ่ง... อ๊ะ” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อพี่สิงห์ดันนิ้วของตัวเองเข้ามาในช่องทางรักคับแคบของฉัน มันเจ็บจนพูดไม่ออก“ซี๊ด~ คับแน่นดี จริง ๆ”พรึบ!“อื้อออ ยะ อย่าค่ะหนูทำอาหารยังไม่เสร็จเลยนะ” ฉันร้องท้วงเมื่อถูกพี่สิงห์ช้อนตัวอุ้มขึ้นไปนั่งบนโต๊ะวางของภายในห้องครัวโดยไม่สนใจว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่เลย“เธอคิดว่าฉันมีความอดทนมากขนาดนั้นเลยรึไง?”น้ำเสียง เรียบ ๆ เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายเอ่ยบอกฉันจากนั้นเขาก็เดินไปปิดแก๊สก่อนจะเดินกลับมาประชิดตัวฉันและ ค่อย ๆ ถอดกางเกงออกจากเรียวขาของฉันทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีตอนนี้หัวใจดวง น้อย ๆ ของฉันมันเต้นรัวโครม ๆ เหมือนจะหลุดออกมาเสียให้ได้ การกระทำของคนตรงหน้ามันทำให้ฉันกลัวและรู้สึกตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกันพี่สิงห์จับขาข้างหนึ่งของฉันขึ้นไปพาดบ่า ฉันต้องเอามือค้ำตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองหงายหลังใบหน้าของฉันมันเห่อร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อถูกพี่สิงห์ใช้เรียวลิ้นร้อน ๆ ตวัดเลียขาอ่อนไปมา ช้า ๆ เขาไม่ได้ทำแค่เลีย เขากัดขาฉันด้วย“อื้อ พริ้ง จะ เจ็บนะคะ...” ฉันร้องห้ามปรามเพราะเขาเริ่มกัดขาอ่อนของฉันจนเป็นรอยฟันหลายจุดเมื่อฉันท้วงออกไ
เช้า... ฉันสะดุ้งผวาตื่นขึ้นเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไร เย็น ๆ ตรงหน้าอกของตัวเอง มันรู้สึกปวดหนึบไปทั่วบริเวณหน้าอก “อ๊ะ พอแล้วค่ะ พริ้งทำต่อไม่ไหวแล้ว...” ฉันดันใบหน้าหล่อคมคายของพี่สิงห์ออกจากหน้าอกของตัวเอง ฉันเพิ่งจะได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองเพราะพี่สิงห์ทำเรื่องอย่างว่าทั้งคืน และตอนนี้เขาก็กำลังจะทำมันอีกครั้ง “ไม่ไหวอะไร หื้ม...”“อื้อ พะ พริ้งเจ็บ” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกพี่สิงห์กัดเม้มยอดบัวตูมบนเนินหน้าอกแรง ๆ “แค่นอนอยู่ เฉย ๆ ให้ฉันเอา ฉันไม่ได้ขออะไรมากว่านี้...”พี่สิงห์หยัดตัวขึ้นนั่งตรงหว่างขาของฉันจากนั้นก็จับเรียวขาของฉันอ้าออก กว้าง ๆ ก่อนจะเอาท่อนเอ็นลำใหญ่ถูไปมาแหวกตรงกลีบแคมของฉันให้แยกออกจากกัน “พะ พอแล้วค่ะ อึก พอแล้วพริ้งขอร้อง” น้ำตาของฉันมันไหลพรากลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง พี่สิงห์เขาไม่ฟังอะไรเลย เขาสอดใส่ท่อนเอ็นลำใหญ่เข้ามา ทันทีที่ท่อนเอ็นเข้ามาจนสุดลำความเจ็บปวดมันแล่นเข้าสู่ร่างกายฉัน พร้อม ๆ กัน “ซี๊ดด เอาไปตั้งหลายครั้งยังฟิตได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ อ๊า...” พี่สิงห์สบถออกมาอย่างพึงพอใจ ตรับ ตรับ ตรับ ตรับ ๆๆๆ ปัก ปัก ปัก ๆๆๆๆพอสอดใส่ท่อนเอ็น
— Talk Singhaหึ!! คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเองแอบหนีไปเที่ยว เธอคงไม่รู้ว่าผมให้ลูกน้องคอยตามดูเธอเอาไว้ ว่าแล้ว ไล่ผมมาจัง กลับไปเจอดีแน่ ๆที่เธอไม่กล้าบอกผมก็เพราะรู้ว่าบอกผมยังไงผมก็ไม่ให้ไป ผมหวง ถ้าจะไปผมต้องไปด้วย ดูท่าเพื่อนของเธอคงจะเป็นต้นคิดแน่ ๆโชคดีที่งานอีกงานที่ผมต้องไปพรุ่งนี้ถูกยกเลิก ผมเลยคิดว่าจะบินกลับไทยไปตอนนี้เลยจริง ๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ผมแค่ไม่ชอบให้พริ้งไปเที่ยว เพราะเวลาเธอเมามันเหมือนคนอื่นเขาซะที่ไหนกันล่ะ แต่วันนี้ลูกน้องผมบอกว่าเธอดื่มน้ำเปล่า ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าผมรู้ว่าเธอดื่มเหล้าคงจะหัวเสียมากกว่านี้หลังจากที่ผมแน่ใจว่าเมียผมหลับไปแล้ว ผมก็กดวางสายก่อนจะนั่งรถไปขึ้นเครื่องกลับไทยจริง ๆ ผมไม่ชอบมางานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะพ่อเป็นคนขอให้ผมมา จะเอาเมียมาด้วยก็ไม่ยอมมา คงเพราะมีแผน อุตส่าห์ซื้อของขวัญไว้ให้ เตรียมจะเซอร์ไพรส์ รู้แบบนี้มันน่าให้ไหมวะ เมียผมแม่งดื้อ !!!#ประเทศไทยมาถึงผมก็สั่งให้ลูกน้องเอาของที่ผมจะให้เมียมาที่คอนโด เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง รอเวลาเ
หนีเที่ยว พรุ่งนี้พี่สิงห์จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเรียน วันนี้เขาก็เลยจะงอแงเป็นพิเศษ แถมจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย “ไปแค่สองวันเอง ไม่ได้รึไง?” พี่สิงห์ยกหัวขึ้นมานอนบนหน้าตักของฉันแล้วทำหน้าอ้อน ตอนนี้เราอยู่กันในห้อง พี่สิงห์เพิ่งจะไปรับฉันกลับมาจากมหาวิทยาลัย “ก็นั่นสิคะ แค่สองวันเองนะ” ฉันย้อนคำพูดของพี่สิงห์ทันที“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียง” พี่สิงห์มองฉันตาดุ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของฉัน “อื้อ พี่สิงห์ ก็พริ้งบอกว่าพริ้งมีเรียนไง” ฉันจับมือพี่สิงห์ออกจากแก้มแล้วก็อธิบายเหตุผลเดิม ๆ ที่ฉันพูดไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ให้พี่สิงห์ฟัง “ไม่อยากห่างเธอ” พี่สิงห์พูดเสียงจริงจัง“เราก็วิดีโอคอลคุยกันไงคะ ^_^”“มันเหมือนกันไหมล่ะ คอลคุยแล้วฉันได้กอดเธอไหมล่ะ” นั่นไง งอแงอีกแล้ว คนแก่นี่จริง ๆ เลยนะ “ยังไงก็ไปไม่ได้ค่ะ พี่สิงห์เข้าใจพริ้งหน่อย”“เธอใจร้ายชะมัด”“แล้วนี่เก็บกระเป๋ายังคะ?”“นี่อยากให้ฉันไปมากว่างั้น เธอมีพิรุธ !!” พูดจบพี่สิงห์ก็ลุกขึ้นมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เขามองฉันด้วยสายตาที่กำลังจ้องจะจับผิดฉันอยู่“เปล่า พริ้งแค่จะเก็บกระเป๋าให้ไ
ทะเล...ที่พี่สิงห์บอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าทะเลที่ไทย แต่ที่ไหนได้เขาพาฉันไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อพี่สิงห์มา และแน่นอนว่ารวยระดับพี่สิงห์ต้องเป็นเกาะส่วนตัวนี่เดี๋ยวกลับไปจากเที่ยวก็ต้องไปงานแต่งของพี่มารีต่อด้วย เรามากันแค่สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะมีเวลาแค่นี้จริง ๆ “ไปใส่ชุดนี้หน่อย”ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองบรรยากาศยามเช้าที่ชิงช้าริมหาดพี่สิงห์ก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน แถมเขายังทำหน้าอ้อนฉันอีกด้วย “อะไรคะ?” ฉันรับถุงมาจากพี่สิงห์ก่อนจะปิดดูข้างใน เมื่อเห็นว่าของข้างในนั้นมันมีสีแดงสดฉันก็รีบปิดถุงทันที มันคือบิกินี่ที่พี่สิงห์ซื้อให้ฉัน “บะ บ้า ก็พริ้งบอกว่าไม่ใส่ไง”พี่สิงห์นี่จริง ๆ เลยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ที่จะไม่หยิบบิกินี่มา ไม่รู้ว่าพี่สิงห์แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วยตั้งแต่เท่าไหร่ “อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” พี่สิงห์บ่น แต่ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อให้เลยนะ พี่สิงห์น่ะอยากจะซื้อเองต่างหาก “ก็พริ้งบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ”“ก็อยากให้เมียใส่ ที่นี่มีแค่ผัวเธอนะ เธอจะอายทำไม”“ก็พริ้งอายนี่นา...” ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพี่สิงห์
เชื่อไหมคะถ้าฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันถูกพี่สิงห์ลากตัวมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมาเลือกซื้อชุดบิกินี่ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่อยากจะใส่มันเลยสักนิด“พี่สิงห์ไม่เอา พริ้งบอกแล้วไงว่าไม่อยากใส่” ฉันปัดมือพี่สิงห์ออก เพราะเขาเอาบิกินี่สีแดงสดมาทาบลงบนตัวของฉัน“เซ็กซี่ดี เอาอันนี้ แล้วสีไหนอีกดี” รับบทเป็นคนหูหนวกไปแล้วค่ะแฟนฉันตอนนี้ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะทำยังไงกับเขาดีเนี่ยพูดไม่ฟังเลยพี่สิงห์หยิบชุดบิกินี่มาประมาณสามชุดได้แต่ละชุดควไม่ต้องให้พูดถึงความโป๊ของมันนะ ถ้าแบบนี้ให้ฉันแก้ผ้าเลยยังจะดีกว่า“ยิ้มหน่อยสิ ดูทำหน้าเข้า” พี่สิงห์บอกฉันหลังจากที่จ่ายเงินค่าชุดเดินออกมาจากร้านเรียบร้อยแล้ว“พี่สิงห์น่ะ บอกไม่ฟังเลย”“หิว กินอะไรดี เธออยากกินอะไร?” ค่ะ!! สุดท้ายพี่สิงห์ก็คือพี่สิงห์ ฉันควรชินได้แล้วจริง ๆ“อะไรก็ได้ค่ะ”“อะไรก็ได้ มันไม่มีขายหรอกนะ”“กวน... เหรอคะ” ฉันพูดเว้นคำมันก็แล้วแต่พี่สิงห์จะไปเติมคำในช่องว่าง“นั่นปากใช่ไหม ใครให้พูดกับคนที่อายุเยอะกว่าแบบนี้ อีกอย่างใครใช้ให้พูดกับผัวแบบนี้ ฮะ” พี่สิงห์มองฉันสายตาเกรี้ยวกราดเขายกมือขึ้นมาเท้าเอว
ภายในห้อง... เมื่อมาถึงพี่สิงห์ก็ยังงอนตุ๊บป่องอยู่ แต่ฉันต้องไปให้อาหารแมวก่อน ดูสิพอเห็นคนเดินเข้ามาในห้องนางร้องใหญ่เลย อึเอาไว้หลายกองด้วยนะ“ค้าบบ แม่กำลังจะเอาอาหารให้กินอยู่นี่ไงสิงห์” ฉันปรามแมวน้อยเพราะเอาแต่ร้องแล้วก็จะปีนกรงท่าเดียว“เหมี๊ยว เหมี๊ยว ~” ดูมันทำท่าเข้าสิน่ารักซะไม่มีหลังจากเอาอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมาง้อแฟน เฮ้อ!! เป็นฉันนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ“พี่สิงห์ งอนอะไรพริ้งอีก” ฉันถามเขาแต่พี่สิงห์ก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไม่สนใจฉันเลย“ทำไมคนแก่ชอบขี้งอนจัง ไม่กลัวพริ้งเบื่อเหรอคะ”“กล้าเบื่อฉันก็ลองดู !!” พี่สิงห์ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องฉันตาเขม่งเลยตอนนี้“พริ้งแค่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น เขาน่าจะแอบกิ๊ก ๆ กันกับยัยสารธาร”“อื้ม” พี่สิงห์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เขามองโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ฉันดูออกว่าแบบนี้น่ะยังไม่หายงอนหรอกฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง นั่งคร่อมตรงช่วงสะโพกของพี่สิงห์แล้วก็มุดหน้าลงไประหว่างแขนสองข้างของพี่สิงห์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่“พี่สิงห์ทำไมขี้งอนขนาดนี้เนี่ย” ฉันบนพึมพำบนแผงอกก
เช้าวันใหม่... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนฉันแช่ชุดนักศึกษาเอาไว้แล้วยังไม่ได้เอาไปตากเลยเพราะเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนที่พี่สิงห์อาบน้ำอยู่เมื่อเดินเข้าไปดูในห้องน้ำฉันก็ไม่เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองแล้ว หายไปไหนกัน“พี่สิงห์ พี่สิงห์เห็นชุดที่พริ้งแช่เอาไว้เมื่อคืนไหม” ฉันเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถามพี่สิงห์ที่กำลังนอนหลับอยู่พี่สิงห์ปรือตาขึ้นมามองฉันแต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองหน้า สายตาของพี่สิงห์ค่อย ๆ เลื่อนมองตรงระดับหน้าอกของฉันอย่างหื่นกามแป๊ะ!! ฉันฟาดไปที่ไหล่กว้างของพี่สิงห์แรง ๆ เพราะเขาเอาแต่บ้ากามไม่สนใจคำถามของฉันเลย“โอ้ย! เธอตีแรงไปไหมวะพริ้ง” พี่สิงห์จ้องหน้าฉันสายตาดุ ๆ เขายกมือขึ้นไปลูบตรงที่เพิ่งโดนฉันฟาดไปเมื่อกี๊“พริ้งถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอคะ”“เอาไปตากให้แล้ว” พี่สิงห์ตอบก่อนที่เขาจะเอาหัวของตัวเองมาวางไว้บนหน้าตักของฉัน จะว่าไปพี่สิงห์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยมีตากผ้าให้ด้วย“ขอบคุณนะคะ ^_^”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”“ไม่ค่ะ หยุดบ้ากามก่อนจะได้ไหม พริ้งอยากกลับห้องแล้ว แมวพริ้งไม่มีอาหารกิน”“แมวกับผัวอะไรสำคัญกว่า
ฉันดันตัวพี่สิงห์ออกเพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่พี่สิงห์กลับไม่ยอมปล่อยฉัน เขาเอาแต่จ้องไปหน้าของฉันไม่ละสายตา จนฉันต้องถอนหายใจออกมาเพราะความหนักใจกับอาการที่เหมือนเด็กของพี่สิงห์ ไม่สิ! เด็กบางคนยังพูดรู้เรื่องกว่าเขาอีกนะ“นานตรงไหนคะ แค่ไม่กี่ปีเอง”“สำหรับฉันหนึ่งเดือนก็ถือว่านานมาก” พี่สิงห์ยังคงงอแงไม่ยอมเลิก ฉันจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี“เราเลิกคุยกันเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ”“ยังคุยไม่รู้เรื่อง” พี่สิงห์ขัดขึ้น เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ รดใบหน้าของฉันด้วย“พริ้งรู้เรื่องแล้ว แต่พี่สิงห์น่ะไม่รู้เรื่อง” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง“ถ้าพี่สิงห์ยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้งั้นคืนนี้พริ้งขอกลับไปนอนที่คอนโดนะคะ” ฉันพูดตัดปัญหาไป เพราะขืนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วต้องมานอนด้วยกันพี่สิงห์ก็คงต้องหยิบเรื่องหมั้นขึ้นมาพูดอีกแน่ ๆ“เธอทำไมใจร้ายแบบนี้วะพริ้ง แม่ง!!” นั่นไง!! พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็โวยวาย ก็เขาพูดเองว่ารอได้แล้วจะมาอะไรเนี่ย งานหมั้นเชียวนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยพี่สิงห์ปล่อยกอดออกจากฉันจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งพร้อมกับกระแทกเท้ากลับไปน
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ