คำพูดของผู้ชายคนนี้มันช่างดูไม่เอาไหนซะเลย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยพลาดไปมีอะไรกับเขา แต่เรื่องแบบนั้นมันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก แล้วยิ่งตอนนี้เขาเป็นคู่หมั้นของพี่สาวฉันด้วยละก็มันยิ่งตอกย้ำตราบาปในใจของฉัน
“ถะ ถอยไปนะ” ฉันใช้มือดันอกแกร่งของคนตรงหน้าเอาไว้ เพราะตัวฉันมันติดกับโต๊ะแล้วถอยไปไหนไม่ได้แล้ว “ถอยไปไหนดี หื้ม...” พรึบ!! “อร้ายยย~” ฉันหลุดร้องออกมาเสียงหลงเมื่อผ้าขนหนูที่พันร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ถูกเขากระตุกลงทำให้มันหล่นลงไปกองที่พื้น ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันไม่มีอะไรปิดคลุมอยู่เลยสักชิ้น ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกกับน้องสาวของตัวเองเอาไว้ แต่ก็โดนคนตรงหน้ารวบมือทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างฉันขึ้นวางบนโต๊ะ ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ “จะอายทำไม วันนั้นฉันเห็นของเธอหมดแล้ว” เขาโน้มตัวลงมากระซิบที่หูฉัน ก่อนจะใช้มือหนาลูบไล้ขาอ่อนของฉันไปมา “พอแล้ว ยะ อย่าทำแบบนั้นอีกได้ไหมคะพริ้งขอร้อง” ฉันร้องขอความเห็นใจจากเขา แต่เขากลับไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยฉันไปง่าย ๆ เลย “ฉันอุตส่าห์อยากจะหมั้นกับเธอ แต่เธอดันไม่ยอม สงสัยเธอจะชอบอยู่ในสถานะ ลับ ๆ” “มะ ไม่ พริ้งไม่ชอบ ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น อะ ออกไปนะคะ” “เธอทำให้ฉันหลงเธออยู่ รู้ตัวไหม หื้มม...” “ยะ อย่านะ อ๊ะ...” ขาของฉันถูกเขาแยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็ใช้นิ้วแตะไปตรงนั้นของฉันแล้วขยี้ เบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูดเลียยอดปะทุทถันของฉัน ความรู้สึกแบบนี้ ฉันคุ้นเคย แต่มันก็ไม่แปลกใช่ไหมถ้าฉันจะคุ้นเคย เพราะคืนนั้นก็เป็นเขา “พะ พอแล้ว ซี๊ดด~” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่นเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อกี๊ได้เผลอหลุดส่งเสียงน่าอายออกไป “บอกให้ฉันพอ แต่น้ำเยิ้มขนาดนี้อยากให้ฉันหยุดทำจริง ๆ เหรอ หื้ม...” “พะ พริ้งขอร้องนะคะ อื้ออ...” เสียงของฉันถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อถูกคนตรงหน้ากดจูบลงมาประทับริมฝีปากของฉันอย่างหนักหน่วง ฉันแทบจะขาดอากาศหายใจจากรสจูบของเขา “จูบไม่เป็น?” เขาถอนจูบออกก่อนจะถามฉันผลัก! พรึบ!
ฉันใช้จังหวะนี้ที่เขาเผลอผลักตัวเขาออกไปให้ไกลก่อนจะก้มลงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันตัวไว้เหมือนเดิม “ให้มันจบแค่คืนนั้นได้ไหมคะ พริ้งขอร้อง” “ไม่ได้ !!” เขาปฏิเสธออกมาเสียงแข็งก๊อก ๆ ก๊อก ๆ (เสียงเคาะประตูห้อง)
“พริ้ง เปิดประตูหน่อย รูดซิบชุดให้ฉันหน่อยสิ” เฮือก... นะ นั้นมันเสียงของพี่มารีหนิ “คิดดี ๆ นะ อยากให้มันจบ หรืออยากจะสานต่อ” “...” “ถ้าเธออยากจบ ฉันก็จะบอกพี่สาวเธอว่าฉันเคยเอากับเธอมาก่อน” “...” ฉันเม้มปากแน่น เขากำลังบีบให้ฉันจนมุม “แต่ถ้าเธอยอมสานต่อ ฉันจะไม่บอกพี่สาว”ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ “พริ้ง นี่แกทำอะไรอยู่เนี่ยฮะ ฉันเคาะจนเจ็บมือหมดแล้วนะ !!” เสียงของพี่มารีเรียกฉันอย่างต่อเนื่อง แถมยังเคาะห้อง รัว ๆ ฉันเม้มปากแน่น ไม่อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เลยฉันจะออกห่างเขาได้ยังไงกัน ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย “สงสัยเธออยากให้พี่เธอรู้...” “ค่ะ พริ้งยอม” ฉันกลั้นใจตอบออกไป ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบของฉัน เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากร้ายกาจทันที ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงน่ากลัวจัง... “ก็แค่นั้น ทำเป็นเล่นตัวไปได้” ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ (เสียงเคาะห้อง) “ไปเปิดประตูสิ”“ปะ เปิดได้ยังไงคะ พี่ยังอยู่ในห้องอยู่เลยนะ ไหนพูดแล้วไงว่าถ้าพริ้งยอมพี่จะไม่บอกใคร” ฉันทวงคำสัญญาที่เขาเคยพูดเอาไว้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง เขาไม่พูดอะไรแต่กลับเดินตรงไปที่ประตูห้อง เห็นแบบนั้นฉันก็รีบวิ่งตามพี่เขาไปดักหน้าเอาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะเปิดประตูห้อง “ทำบ้าอะไรของเธอ”“ห้ามเปิดนะคะ !!” ฉันบอกคนตรงหน้าเสียงแข็ง ประตูห้องก็ถูกพี่มารีเคาะรัวมากเลยตอนนี้ “ฉันไม่ได้จะเปิด” พี่เขาตอบแบบหงุดหงิดนิดหน่อย จากนั้นก็เดินไปตรงบ้านประตูพร้อมกับส่งซิกให้ฉันเปิดประตู ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดว่าเขาจะไ
1 อาทิตย์ผ่านไป โชคดีว่าหลายวันมานี้ฉันไม่เจอกับผู้ชายคนนั้นเลย คู่หมั้นของพี่สาวฉัน ไม่เห็นเขามาที่บ้านไม่มาหาพี่มารีเลย มาแค่วันนั้นแล้วก็หายหน้าไปที่บอกแบบนี้ไม่ได้แปลว่าฉันคิดถึงเขานะ ไม่อยากจะเจอเลยต่างหาก แต่ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้สินะ...— ห้างสรรพสินค้า วันนี้สายธารขอให้ฉันพามาซื้อของที่ห้าง ไปลากฉันจากที่บ้าน มาตั้งแต่เช้านี่ก็จะเที่ยงแล้วยังไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง “แกจะเดินดูอีกนานไหมฉันปวดขาจะแย่แล้วนะ” ฉันบ่นสายธาร เธอเอาแต่เดินดูของไม่ยอมซื้อสักที “เดี๋ยวสิแก ของแบบนี้มันก็ต้องเลือกดูหลาย ๆ ร้านไหม” “แต่เล่นเข้าออกเป็นสิบ ๆ ร้านแล้วไม่ซื้อมันก็เหนื่อยนะ ปวดขาด้วย”“บ่นเป็นคนแก่ไปได้”“แกไปเดินซื้อคนเดียวเลย ฉันไม่ไปกับแกด้วยแล้ว” ฉันถอนหายใจออกมา เบา ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงที่เอาไว้นั่งพักภายในห้าง “ยัยพริ้ง !!! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” สายธารยืนท้าวเอวมองค้อนฉัน “เหนื่อย...” ในขณะที่ฉันกำลังคุยกับสายธารอยู่สายตาของฉันก็ดันเหลือบไปเห็นใครบางคน คนที่ฉันไม่อยากจะเจอหน้าเขาที่สุด คู่หมั้นของพี่มารี นั่นเขากำลังเดินอยู่กับใคร ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก “พริ้ง!! แกมองอะไรของแ
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนจะตรงไปตรงมาของผู้ชายคนนี้ เขาพูดคำนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย แบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย“หะ หิวไหมคะ ดะ เดี๋ยวพริ้งทำอะไรให้กิน” ฉันพูดพลางผลักกอดออกจากตัวเขาเบา ๆ“หิวสิ ฉันอยากกินเธอ...” ไม่พูดเปล่าเขาใช้นิ้วม้วนเส้นผมของฉันเล่นไปด้วยสายตาของเขา มะ มันดูอันตรายจัง...“เดี๋ยวพริ้งทำอะไรให้กินก่อนเอาไหมคะ” ฉันพยายามหาเรื่องเบี่ยงประเด็นเรื่องอย่างว่า คือฉันกลัว ฉันไม่พร้อมถ้าเขาไม่ขู่ฉัน ฉันก็คงไม่มา“ตามใจเธอ”แปลกจัง เมื่อกี๊เขายังมีท่าทางที่เหมือนเสือกำลังจะตะโบมกินเหยื่ออยู่เลย แต่ตอนนี้เขากลับยอมให้ฉันทำอะไรให้กินแต่โดยดี“งะ งั้นเดี๋ยวพริ้งรีบไปทำมาให้กินนะคะ”หมับ!ฉันกำลังจะรีบเดินเข้าไปในห้องครัวแต่กลับโดนมือหนาคว้าเอวดึงเข้าไปหาตัวเขาอีกครั้ง“ถ้ากินข้าวเสร็จหวังว่าเธอจะไม่มีข้ออ้างอะไรกับฉันอีกนะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งกับแววตาดุจเหยี่ยวของคนตรงหน้าทำเอาฉันแทบไม่กล้าที่จะสบตากับเขาเลยตอนนี้“ค่ะ...”มือหนาที่คล้องเอวฉันอยู่ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นฉันก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องครัวทันที— Talk Singha“หึ!!”ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่ส
“พะ พี่สิงห์อย่าเพิ่ง... อ๊ะ” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อพี่สิงห์ดันนิ้วของตัวเองเข้ามาในช่องทางรักคับแคบของฉัน มันเจ็บจนพูดไม่ออก“ซี๊ด~ คับแน่นดี จริง ๆ”พรึบ!“อื้อออ ยะ อย่าค่ะหนูทำอาหารยังไม่เสร็จเลยนะ” ฉันร้องท้วงเมื่อถูกพี่สิงห์ช้อนตัวอุ้มขึ้นไปนั่งบนโต๊ะวางของภายในห้องครัวโดยไม่สนใจว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่เลย“เธอคิดว่าฉันมีความอดทนมากขนาดนั้นเลยรึไง?”น้ำเสียง เรียบ ๆ เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายเอ่ยบอกฉันจากนั้นเขาก็เดินไปปิดแก๊สก่อนจะเดินกลับมาประชิดตัวฉันและ ค่อย ๆ ถอดกางเกงออกจากเรียวขาของฉันทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีตอนนี้หัวใจดวง น้อย ๆ ของฉันมันเต้นรัวโครม ๆ เหมือนจะหลุดออกมาเสียให้ได้ การกระทำของคนตรงหน้ามันทำให้ฉันกลัวและรู้สึกตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกันพี่สิงห์จับขาข้างหนึ่งของฉันขึ้นไปพาดบ่า ฉันต้องเอามือค้ำตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองหงายหลังใบหน้าของฉันมันเห่อร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อถูกพี่สิงห์ใช้เรียวลิ้นร้อน ๆ ตวัดเลียขาอ่อนไปมา ช้า ๆ เขาไม่ได้ทำแค่เลีย เขากัดขาฉันด้วย“อื้อ พริ้ง จะ เจ็บนะคะ...” ฉันร้องห้ามปรามเพราะเขาเริ่มกัดขาอ่อนของฉันจนเป็นรอยฟันหลายจุดเมื่อฉันท้วงออกไ
เช้า... ฉันสะดุ้งผวาตื่นขึ้นเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไร เย็น ๆ ตรงหน้าอกของตัวเอง มันรู้สึกปวดหนึบไปทั่วบริเวณหน้าอก “อ๊ะ พอแล้วค่ะ พริ้งทำต่อไม่ไหวแล้ว...” ฉันดันใบหน้าหล่อคมคายของพี่สิงห์ออกจากหน้าอกของตัวเอง ฉันเพิ่งจะได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองเพราะพี่สิงห์ทำเรื่องอย่างว่าทั้งคืน และตอนนี้เขาก็กำลังจะทำมันอีกครั้ง “ไม่ไหวอะไร หื้ม...”“อื้อ พะ พริ้งเจ็บ” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกพี่สิงห์กัดเม้มยอดบัวตูมบนเนินหน้าอกแรง ๆ “แค่นอนอยู่ เฉย ๆ ให้ฉันเอา ฉันไม่ได้ขออะไรมากว่านี้...”พี่สิงห์หยัดตัวขึ้นนั่งตรงหว่างขาของฉันจากนั้นก็จับเรียวขาของฉันอ้าออก กว้าง ๆ ก่อนจะเอาท่อนเอ็นลำใหญ่ถูไปมาแหวกตรงกลีบแคมของฉันให้แยกออกจากกัน “พะ พอแล้วค่ะ อึก พอแล้วพริ้งขอร้อง” น้ำตาของฉันมันไหลพรากลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง พี่สิงห์เขาไม่ฟังอะไรเลย เขาสอดใส่ท่อนเอ็นลำใหญ่เข้ามา ทันทีที่ท่อนเอ็นเข้ามาจนสุดลำความเจ็บปวดมันแล่นเข้าสู่ร่างกายฉัน พร้อม ๆ กัน “ซี๊ดด เอาไปตั้งหลายครั้งยังฟิตได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ อ๊า...” พี่สิงห์สบถออกมาอย่างพึงพอใจ ตรับ ตรับ ตรับ ตรับ ๆๆๆ ปัก ปัก ปัก ๆๆๆๆพอสอดใส่ท่อนเอ็น
ฉันบอกให้พี่สิงห์จอดรถส่งฉันอยู่ตรงกำแพงบ้าน แต่เขาไม่ยอมขับไปจอดตรงรั้วประตูบ้านทำเอาฉันถึงกับนั่งไม่ติดเลยตอนนี้“ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันกำลังจะรีบเปิดประตูลงจากรถเพราะว่ากลัวพี่มารีจะมาเห็น แต่พี่สิงห์ดันคว้ามาจับแขนฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้ฉันลงมากรถ แถมยังเอามือมาบีบเคล้นหน้าอกของฉันหน้าตาเฉยเลย“พะ พี่สิงห์อย่าค่ะเดี๋ยวมีใครมาเห็น” ฉันดันมือพี่สิงห์ออกจากหน้าอกของตัวเอง“ใครที่เธอว่าหมายถึงพี่สาวเธอน่ะเหรอ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถามฉัน จากนั้นก็ล้วงมือลงมาที่หน้าอกฉันและควักออกมาตะโบมดูดอย่างหนักหน่วงจนมันเจ็บร้าวไปทั่วทั้งหน้าอก“อื้อ พอแล้วค่ะพริ้งเจ็บไปหมดแล้ว”“อื้มม...” เสียงของพี่สิงห์ครางออกมา เบา ๆ ในลำคอ“เธอกำลังทำให้ฉันคลั่งนะรู้ตัวไหม...”“พี่สิงห์ พริ้งเจ็บ จริง ๆ นะคะพอแล้ว”“จิ๊ !!”พี่สิงห์ยอมปล่อยให้หน้าอกของฉันเป็นอิสระ เขาจิ๊ปากก่อนจะใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่“เจอกันวันงานหมั้นของพี่สาวเธอกับฉัน” เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของฉันพอฉันจัดแจงความเรียบร้อยของเสื้อผ้าเสร็จแล้วฉันก็รีบเปิดประตูลงจากรถทันที— ภายในบ้าน“ไปไหนมา ฉันโทร
เวลา 20:30 น.ตอนนี้ฉันแทบจะนั่งไม่ติดที่ เทียวเดินวนไปดูตรงบานหน้าต่างที่ฉันต้องกระวนกระวายใจขนาดนี้ก็เพราะว่าพี่สิงห์ยังไม่ยอมกลับไปสักที ไม่ว่าฉันจะพูดยังไงพี่สิงห์ก็ทำเมินเหมือนไม่ได้ยิน ดีที่ตอนนี้พี่มารียังไม่กลับบ้าน แล้วฉันจะทำยังไงถึงจะให้พี่สิงห์กลับไปก่อนที่พี่มารีจะกลับมาบ้านได้ล่ะทีนี้ เฮ้อ...“เลิกเดินวนไปวนมาสักทีจะได้ไหม เดินทำไมนักหนาวะ” พี่สิงห์ดุฉันเสียงดัง“พี่สิงห์ก็กลับไปสิคะ กลับไปได้แล้ว” ฉันจำไม่ได้แล้วว่าฉันพูดขอร้องให้พี่สิงห์กลับไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว“มันดึกแล้ว ขี้เกียจขับรถ”“หมายความว่าไงคะ?”“ก็หมายความว่าฉันจะนอนค้างกับเธอไงคืนนี้ เธอนี่มันซื่อบื้อ จริง ๆ พูดอะไรไปก็ไม่เข้าใจสักอย่าง”“มะ ไม่ได้นะคะ นอนไม่ได้นะคะ !!”ฉันรีบปฏิเสธทันที ฉันจะร้องแล้วนะทำไมพี่สิงห์ถึงทำแบบนี้ล่ะ เขาน่าจะเห็นใจฉันบ้าง น่าจะคิดบ้างว่าตัวเองกำลังจะหมั้นกับพี่สาวของฉัน เร็ว ๆ นี้แล้ว“ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นก็ได้”“พี่สิงห์ !!”ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อย ๆ ดูพี่สิงห์พูดสิ ใครดีใจกัน ฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วตอนนี้“ระหว่างที่รอลุ้นว่าพี่สาวเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันว่าเ
พี่สิงห์พูดออกมาอย่างไม่คิดจะแคร์อะไร จากนั้นสองมือของฉันที่ปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ก็ถูกพี่สิงห์ดึงออก เขาก้มหน้าลงมาตะโบมดูดดุนหน้าอกฉันอย่างรุนแรงเหมือนกำลังลงโทษที่เมื่อกี๊ฉันขัดใจเขา“อื้อ พี่สิงห์หนูเจ็บ” มือของฉันพยายามดันตัวพี่สิงห์ออกแต่ก็ไม่เป็นผล“เจ็บอะไรนักหนา” พี่สิงห์เงยหน้าขึ้นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา แรง ๆ จู่ ๆ เขาก็ลุกออกจากตัวฉันแล้วล้มตัวนอนลง ข้าง ๆ กับฉัน ฉันรีบดึงเสื้อลงไปปิดคลุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ให้เรียบร้อยทันทีและจะลุกขึ้นแต่ก็โดนพี่สิงห์รั้งเอวเอาไว้“จะไปไหน” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์เอ่ยถามฉันเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรอยู่สักอย่าง ก็คงจะไม่พอใจที่ฉันไม่ยอมนั่นแหละ “ปะ ไปอาบน้ำ”“ไม่ต้อง” พี่สิงห์ออกคำสั่งเสียงแข็งก่อนจะฝังจมูกลงมาบนซอกคอของฉันแล้วสูดหายใจเข้าแรง ๆ “ฉันชอบกลิ่นแบบนี้ของเธอ...” พี่สิงห์กระซิบพูด เบา ๆ ตึก ตัก ตึก ตัก!! หัวใจดวง น้อย ๆ ของฉันมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเลยตอนนี้ ไม่นะ ไม่ได้ ฉันต้องห้ามใจสิ ฉันจะปล่อยใจตัวเองไปแบบนี้ไม่ได้ ฉันนอนตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับปล่อยให้พี่สิงห์นอนกอดอยู่อย่างนั้น ใจมันยังคงกระวนกระวายอยากให้พี่สิงห์ รีบ ๆ กลั
— Talk Singhaหึ!! คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเองแอบหนีไปเที่ยว เธอคงไม่รู้ว่าผมให้ลูกน้องคอยตามดูเธอเอาไว้ ว่าแล้ว ไล่ผมมาจัง กลับไปเจอดีแน่ ๆที่เธอไม่กล้าบอกผมก็เพราะรู้ว่าบอกผมยังไงผมก็ไม่ให้ไป ผมหวง ถ้าจะไปผมต้องไปด้วย ดูท่าเพื่อนของเธอคงจะเป็นต้นคิดแน่ ๆโชคดีที่งานอีกงานที่ผมต้องไปพรุ่งนี้ถูกยกเลิก ผมเลยคิดว่าจะบินกลับไทยไปตอนนี้เลยจริง ๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ผมแค่ไม่ชอบให้พริ้งไปเที่ยว เพราะเวลาเธอเมามันเหมือนคนอื่นเขาซะที่ไหนกันล่ะ แต่วันนี้ลูกน้องผมบอกว่าเธอดื่มน้ำเปล่า ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าผมรู้ว่าเธอดื่มเหล้าคงจะหัวเสียมากกว่านี้หลังจากที่ผมแน่ใจว่าเมียผมหลับไปแล้ว ผมก็กดวางสายก่อนจะนั่งรถไปขึ้นเครื่องกลับไทยจริง ๆ ผมไม่ชอบมางานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะพ่อเป็นคนขอให้ผมมา จะเอาเมียมาด้วยก็ไม่ยอมมา คงเพราะมีแผน อุตส่าห์ซื้อของขวัญไว้ให้ เตรียมจะเซอร์ไพรส์ รู้แบบนี้มันน่าให้ไหมวะ เมียผมแม่งดื้อ !!!#ประเทศไทยมาถึงผมก็สั่งให้ลูกน้องเอาของที่ผมจะให้เมียมาที่คอนโด เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง รอเวลาเ
หนีเที่ยว พรุ่งนี้พี่สิงห์จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเรียน วันนี้เขาก็เลยจะงอแงเป็นพิเศษ แถมจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย “ไปแค่สองวันเอง ไม่ได้รึไง?” พี่สิงห์ยกหัวขึ้นมานอนบนหน้าตักของฉันแล้วทำหน้าอ้อน ตอนนี้เราอยู่กันในห้อง พี่สิงห์เพิ่งจะไปรับฉันกลับมาจากมหาวิทยาลัย “ก็นั่นสิคะ แค่สองวันเองนะ” ฉันย้อนคำพูดของพี่สิงห์ทันที“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียง” พี่สิงห์มองฉันตาดุ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของฉัน “อื้อ พี่สิงห์ ก็พริ้งบอกว่าพริ้งมีเรียนไง” ฉันจับมือพี่สิงห์ออกจากแก้มแล้วก็อธิบายเหตุผลเดิม ๆ ที่ฉันพูดไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ให้พี่สิงห์ฟัง “ไม่อยากห่างเธอ” พี่สิงห์พูดเสียงจริงจัง“เราก็วิดีโอคอลคุยกันไงคะ ^_^”“มันเหมือนกันไหมล่ะ คอลคุยแล้วฉันได้กอดเธอไหมล่ะ” นั่นไง งอแงอีกแล้ว คนแก่นี่จริง ๆ เลยนะ “ยังไงก็ไปไม่ได้ค่ะ พี่สิงห์เข้าใจพริ้งหน่อย”“เธอใจร้ายชะมัด”“แล้วนี่เก็บกระเป๋ายังคะ?”“นี่อยากให้ฉันไปมากว่างั้น เธอมีพิรุธ !!” พูดจบพี่สิงห์ก็ลุกขึ้นมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เขามองฉันด้วยสายตาที่กำลังจ้องจะจับผิดฉันอยู่“เปล่า พริ้งแค่จะเก็บกระเป๋าให้ไ
ทะเล...ที่พี่สิงห์บอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าทะเลที่ไทย แต่ที่ไหนได้เขาพาฉันไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อพี่สิงห์มา และแน่นอนว่ารวยระดับพี่สิงห์ต้องเป็นเกาะส่วนตัวนี่เดี๋ยวกลับไปจากเที่ยวก็ต้องไปงานแต่งของพี่มารีต่อด้วย เรามากันแค่สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะมีเวลาแค่นี้จริง ๆ “ไปใส่ชุดนี้หน่อย”ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองบรรยากาศยามเช้าที่ชิงช้าริมหาดพี่สิงห์ก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน แถมเขายังทำหน้าอ้อนฉันอีกด้วย “อะไรคะ?” ฉันรับถุงมาจากพี่สิงห์ก่อนจะปิดดูข้างใน เมื่อเห็นว่าของข้างในนั้นมันมีสีแดงสดฉันก็รีบปิดถุงทันที มันคือบิกินี่ที่พี่สิงห์ซื้อให้ฉัน “บะ บ้า ก็พริ้งบอกว่าไม่ใส่ไง”พี่สิงห์นี่จริง ๆ เลยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ที่จะไม่หยิบบิกินี่มา ไม่รู้ว่าพี่สิงห์แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วยตั้งแต่เท่าไหร่ “อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” พี่สิงห์บ่น แต่ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อให้เลยนะ พี่สิงห์น่ะอยากจะซื้อเองต่างหาก “ก็พริ้งบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ”“ก็อยากให้เมียใส่ ที่นี่มีแค่ผัวเธอนะ เธอจะอายทำไม”“ก็พริ้งอายนี่นา...” ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพี่สิงห์
เชื่อไหมคะถ้าฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันถูกพี่สิงห์ลากตัวมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมาเลือกซื้อชุดบิกินี่ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่อยากจะใส่มันเลยสักนิด“พี่สิงห์ไม่เอา พริ้งบอกแล้วไงว่าไม่อยากใส่” ฉันปัดมือพี่สิงห์ออก เพราะเขาเอาบิกินี่สีแดงสดมาทาบลงบนตัวของฉัน“เซ็กซี่ดี เอาอันนี้ แล้วสีไหนอีกดี” รับบทเป็นคนหูหนวกไปแล้วค่ะแฟนฉันตอนนี้ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะทำยังไงกับเขาดีเนี่ยพูดไม่ฟังเลยพี่สิงห์หยิบชุดบิกินี่มาประมาณสามชุดได้แต่ละชุดควไม่ต้องให้พูดถึงความโป๊ของมันนะ ถ้าแบบนี้ให้ฉันแก้ผ้าเลยยังจะดีกว่า“ยิ้มหน่อยสิ ดูทำหน้าเข้า” พี่สิงห์บอกฉันหลังจากที่จ่ายเงินค่าชุดเดินออกมาจากร้านเรียบร้อยแล้ว“พี่สิงห์น่ะ บอกไม่ฟังเลย”“หิว กินอะไรดี เธออยากกินอะไร?” ค่ะ!! สุดท้ายพี่สิงห์ก็คือพี่สิงห์ ฉันควรชินได้แล้วจริง ๆ“อะไรก็ได้ค่ะ”“อะไรก็ได้ มันไม่มีขายหรอกนะ”“กวน... เหรอคะ” ฉันพูดเว้นคำมันก็แล้วแต่พี่สิงห์จะไปเติมคำในช่องว่าง“นั่นปากใช่ไหม ใครให้พูดกับคนที่อายุเยอะกว่าแบบนี้ อีกอย่างใครใช้ให้พูดกับผัวแบบนี้ ฮะ” พี่สิงห์มองฉันสายตาเกรี้ยวกราดเขายกมือขึ้นมาเท้าเอว
ภายในห้อง... เมื่อมาถึงพี่สิงห์ก็ยังงอนตุ๊บป่องอยู่ แต่ฉันต้องไปให้อาหารแมวก่อน ดูสิพอเห็นคนเดินเข้ามาในห้องนางร้องใหญ่เลย อึเอาไว้หลายกองด้วยนะ“ค้าบบ แม่กำลังจะเอาอาหารให้กินอยู่นี่ไงสิงห์” ฉันปรามแมวน้อยเพราะเอาแต่ร้องแล้วก็จะปีนกรงท่าเดียว“เหมี๊ยว เหมี๊ยว ~” ดูมันทำท่าเข้าสิน่ารักซะไม่มีหลังจากเอาอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมาง้อแฟน เฮ้อ!! เป็นฉันนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ“พี่สิงห์ งอนอะไรพริ้งอีก” ฉันถามเขาแต่พี่สิงห์ก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไม่สนใจฉันเลย“ทำไมคนแก่ชอบขี้งอนจัง ไม่กลัวพริ้งเบื่อเหรอคะ”“กล้าเบื่อฉันก็ลองดู !!” พี่สิงห์ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องฉันตาเขม่งเลยตอนนี้“พริ้งแค่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น เขาน่าจะแอบกิ๊ก ๆ กันกับยัยสารธาร”“อื้ม” พี่สิงห์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เขามองโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ฉันดูออกว่าแบบนี้น่ะยังไม่หายงอนหรอกฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง นั่งคร่อมตรงช่วงสะโพกของพี่สิงห์แล้วก็มุดหน้าลงไประหว่างแขนสองข้างของพี่สิงห์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่“พี่สิงห์ทำไมขี้งอนขนาดนี้เนี่ย” ฉันบนพึมพำบนแผงอกก
เช้าวันใหม่... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนฉันแช่ชุดนักศึกษาเอาไว้แล้วยังไม่ได้เอาไปตากเลยเพราะเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนที่พี่สิงห์อาบน้ำอยู่เมื่อเดินเข้าไปดูในห้องน้ำฉันก็ไม่เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองแล้ว หายไปไหนกัน“พี่สิงห์ พี่สิงห์เห็นชุดที่พริ้งแช่เอาไว้เมื่อคืนไหม” ฉันเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถามพี่สิงห์ที่กำลังนอนหลับอยู่พี่สิงห์ปรือตาขึ้นมามองฉันแต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองหน้า สายตาของพี่สิงห์ค่อย ๆ เลื่อนมองตรงระดับหน้าอกของฉันอย่างหื่นกามแป๊ะ!! ฉันฟาดไปที่ไหล่กว้างของพี่สิงห์แรง ๆ เพราะเขาเอาแต่บ้ากามไม่สนใจคำถามของฉันเลย“โอ้ย! เธอตีแรงไปไหมวะพริ้ง” พี่สิงห์จ้องหน้าฉันสายตาดุ ๆ เขายกมือขึ้นไปลูบตรงที่เพิ่งโดนฉันฟาดไปเมื่อกี๊“พริ้งถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอคะ”“เอาไปตากให้แล้ว” พี่สิงห์ตอบก่อนที่เขาจะเอาหัวของตัวเองมาวางไว้บนหน้าตักของฉัน จะว่าไปพี่สิงห์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยมีตากผ้าให้ด้วย“ขอบคุณนะคะ ^_^”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”“ไม่ค่ะ หยุดบ้ากามก่อนจะได้ไหม พริ้งอยากกลับห้องแล้ว แมวพริ้งไม่มีอาหารกิน”“แมวกับผัวอะไรสำคัญกว่า
ฉันดันตัวพี่สิงห์ออกเพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่พี่สิงห์กลับไม่ยอมปล่อยฉัน เขาเอาแต่จ้องไปหน้าของฉันไม่ละสายตา จนฉันต้องถอนหายใจออกมาเพราะความหนักใจกับอาการที่เหมือนเด็กของพี่สิงห์ ไม่สิ! เด็กบางคนยังพูดรู้เรื่องกว่าเขาอีกนะ“นานตรงไหนคะ แค่ไม่กี่ปีเอง”“สำหรับฉันหนึ่งเดือนก็ถือว่านานมาก” พี่สิงห์ยังคงงอแงไม่ยอมเลิก ฉันจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี“เราเลิกคุยกันเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ”“ยังคุยไม่รู้เรื่อง” พี่สิงห์ขัดขึ้น เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ รดใบหน้าของฉันด้วย“พริ้งรู้เรื่องแล้ว แต่พี่สิงห์น่ะไม่รู้เรื่อง” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง“ถ้าพี่สิงห์ยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้งั้นคืนนี้พริ้งขอกลับไปนอนที่คอนโดนะคะ” ฉันพูดตัดปัญหาไป เพราะขืนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วต้องมานอนด้วยกันพี่สิงห์ก็คงต้องหยิบเรื่องหมั้นขึ้นมาพูดอีกแน่ ๆ“เธอทำไมใจร้ายแบบนี้วะพริ้ง แม่ง!!” นั่นไง!! พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็โวยวาย ก็เขาพูดเองว่ารอได้แล้วจะมาอะไรเนี่ย งานหมั้นเชียวนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยพี่สิงห์ปล่อยกอดออกจากฉันจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งพร้อมกับกระแทกเท้ากลับไปน
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ