“เซ็งจริงๆ น่าเบื่อชะมัด ไม่รู้จะตื๊ออะไรนักหนา” บ่นให้เสี่ยที่ไม่เคยคุยกันสักคำอย่างระอาใจ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ วันนี้เธอเล่นจนเงินเกลี้ยงบัญชีแล้ว มีเงินเท่าไหร่ก็เอาออกมาแลกชิปจนหมด และในเมื่อมี่ถงยังไม่ยอมแพ้ แล้วเธอจะยอมแพ้ได้อย่างไร
“อังเดรรู้ไหมว่าฉันอยู่นี่”
“ทราบครับ และเจ้านายยังหวังให้คุณทรายทองกลับบ้านก่อนสว่าง” นิคเปรย ร่างสูงใหญ่ (ใหญ่มาก) แทบจะกินพื้นที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ ไปด้วย
หญิงสาวเบะปากใส่คนที่นิคเรียกว่าเจ้านาย แม้จะอยู่ไกลแค่ไหนแต่ก็ไม่เลิกนิสัยชอบบงการ
“เอาเงินมานิค”
“หือ?”
“โทรไปหาอังเดร บอกเขาว่าฉันต้องการเงิน อ้อ...บอกเขาด้วยว่าฉันยืม ไม่ได้ขอ” เธออธิบาย ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร เพราะนี่คือเงินที่เธอตั้งใจเอามาเล่นพนัน
“เท่าไหร่ครับ”
“หนึ่งล้าน”
ดวงตาของนิคเบิกโต รีบลุกจากหน้าบาร์เพื่อไปโทรหาเจ้านายในที่ที่เงียบกว่านี้
*****
ทรายทองนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จนมี
ชลกรถอยห่างร่างที่กำลังอาเจียน เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น แล้วชั่วนาทีร่างอรชรของปรายรุ้งก็ปรากฏขึ้น หล่อนพุ่งตัวออกมาจากห้องตัวเอง วิ่งผ่านหน้าเขาเข้าไปหาพี่สาว“พี่ทราย! ไหวไหมพี่ ช้าหน่อย อ้วกช้าๆ หายใจลึกๆ”“โอ้กกก....”บุรุษเพียงหนึ่งเดียวส่ายหน้าระอาเมื่อได้ยินเสียงอาเจียน ปกติเขาก็เมาค้างละนะ แต่ไม่เคยอาเจียนอย่างทรายทองเลย เจ้าหล่อนคงอาการหนักน่าดู“นี่คุณ! ไปรอที่โซฟาโน่นสิ มายืนดูอยู่ได้ ไม่เหม็นหรือไง” คนสวยท้วงแล้วออกมาไล่ให้ชลกรไปนั่งที่โซฟา ทว่าจากพี่สาวมาไม่ถึงครึ่งนาที เจ้าหล่อนก็ร้องหา“ยัยปราย! ขอน้ำส้ม! เร็วเข้า!”ปรายรุ้งแทบเหาะไปที่ห้องครัว จัดการเทน้ำส้มมาแก้วใหญ่แล้ววิ่งเอาไปให้พี่สาวในห้องน้ำ ท่ามกลางสายตาของชลกรที่มองมาอย่างลุ้นระทึกสิบนาทีผ่านไปทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติชลกรนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวยาว มีปรายรุ้งนั่งอยู่ห่างออกไปบนโซฟาตัวเดียวกัน ส่วนทรายทองนั้น นั่งตาขวางอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัว เจ้าหล่อนถือแก้วน้ำส้มแก้วที่สองไว้มั่น และจิบมั
ปรายรุ้งน้ำตาคลอ“หนูเกิดมาจน หนูรู้ และหนูจะไม่ดันทุรัง เจ็บวันนี้ดีกว่าเจ็บวันหน้า หนูแค่รู้สึกดีกับเขา หนูยังไม่ได้รักเขาหรอก เชื่อเถอะ”ทรายทองเดินไปหาปรายรุ้ง ยืนอยู่ตรงหน้าน้องสาวแล้วเอื้อมมือไปหาศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมดำขลับ ดึงรั้งมันเข้าหาตัวแล้วกอดเจ้าหล่อนไว้เพื่อปลอบประโลม“รักหรือไม่รัก ตัวเองรู้ดีที่สุด แต่แกยังดีที่รู้จักถอยห่างจากมัน อย่าเป็นเหมือนฉันที่เหมือนติดกับลึกลงไปทุกที มันทรมานมากนะปราย จำเอาไว้ให้ดี และอย่าได้เผลอมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับฉัน มันไม่มีความสุขเลย”“พี่ทราย...ฮือออ...”ปรายรุ้งร้องไห้โฮ กอดเอวพี่สาวแน่นหนึบ ในอกโหวงเหวงว่างเปล่าเหมือนไม่มีก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ ยิ่งได้ฟังสิ่งที่พี่สาวเอื้อนเอ่ย ก็ยิ่งตอกย้ำถึงสิ่งที่เธอได้ทำ เธอทิ้งมันไปแล้ว ความหวังอันริบหรี่นั้น เธอควรดีใจที่เอาตัวรอดจากความทุกข์ระทมมาได้ แต่เชื่อไหมว่าเธอไม่มีความสุขเลย ความสุขของเธอได้ติดสอยห้อยตามชลกรไปแล้ว และเธอไม่รู้ว่าจะตามมันกลับมาได้อย่างไร“หยุดร้องก่อนเถอะ เรามีเรื่องจะต้องคุยกัน&
“ก็พี่รู้สึกอย่างนั้นนี่นา รู้ไหมตอนนี้พี่คิดถึงแต่กระเป๋า รองเท้า เครื่องเพชร โอ๊ย...น้ำหอมอีก กลับมาเถอะนะคนดีของพี่”อุษณีอ้อนวอนอย่างหมดท่า อังเดรเกือบหลุดขำยามได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของพี่สาว เขาไม่ค่อยได้ยินมันบ่อยนัก“แล้วผมจะรีบกลับครับ อย่าลืมดูแลลูกค้าด้วย ผมไม่รู้ว่าเขามีผู้ติดตามมากี่คน แต่ได้เชิญให้เขาพักที่บ้านของเราเพื่อแสดงน้ำใจ พี่อุ่นต้อนรับเขาดีๆ นะ”“โอ๊ย...ตายแน่ๆ เธอโยนอะไรมาให้พี่กันละนี่ แล้วลูกค้าผู้หญิงหรือผู้ชาย จะอยู่สักกี่วัน ฝรั่งหรือฮะ”“อ่า...ทำนองนั้นละครับ มิสเตอร์รูจน่ะ”“หา!? ร็อกเล่ต์เหรอ”อุษณีตาแทบถลน นี่อังเดรคิดอะไรอยู่ถึงได้เชิญผู้ชายคนนั้นมาพักที่บ้าน แถมจะให้เธอต้อนรับอีก ให้ตายสิ เอาระเบิดมาปาหลังคาให้มันวอดไปเลยเถอะ“พี่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเหรอ ทำไมผมรู้สึกว่าพี่รู้จักเขา”“ไม่รู้จักหรอก ช่างเถอะเอื้อ แค่นี้ใช่ไหม แล้วเขาจะมากี่โมง”“น่าจะถึงบริษัทตอนบ่ายสามครับ”“
[9]ความรักคือความลับ_____________ความอึดอัดยังตามติดอุษณีเหมือนเงาตามตัว แม้แต่ตอนที่เจ้าหล่อนและร็อกเล่ต์นั่งรอข้าวปลาอาหารที่กำลังถูกลำเลียงขึ้นโต๊ะ ผู้ติดตามของเขาขอตัวกลับไปพักที่โรงแรม และมีกำหนดกลับอังกฤษในเช้าวันรุ่งขึ้นความจริงแล้วร็อกเล่ต์ควรจะกลับไปพร้อมกับผู้ติดตามของเขา แต่เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างดึงดูดให้เขาอยู่ต่อ“ความจริงผมควรจะกลับไปพร้อมกับคนของผม”หนุ่มใหญ่เอ่ยขึ้น อุษณีรู้สึกเหมือนซื้อล็อตเตอรี่แล้วถูกรางวัล“ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ” ตอบเขาแล้วผายมือเชื้อเชิญให้รับประทานอาหารตรงหน้า มันถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างร้อนๆ มีควันฉุยอยู่เหนือถ้วยแกงหลายใบร็อกเล่ต์ยิ้มอย่างขบขัน“น้องชายคุณบอกว่ามีพี่สาว ผมคุ้นนามสกุลของเขาตั้งแต่แรก พอเขาเชิญให้มาค้างที่นี่และได้บอกว่าพี่สาวเขาชื่ออุษณี ผมเลยไม่รีรอที่จะตกลง”“คุณควรคุยแต่เรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจนะคะ” บอกเขาแล้วยิ้มเชือดเฉือน ทำเ
ปรายรุ้งได้งานบัญชีที่บริษัทส่งออกอาหารสำเร็จรูปบริษัทหนึ่งที่ตัวเองเคยไปฝึกงานตอนเป็นนักศึกษา มันเป็นบริษัทใหญ่โตและมั่นคง แต่ถ้าเทียบกับเวลางานและโอทีที่มีให้ทำแทบทุกวันก็ทำให้เธอต้องหวนมาพิจารณาว่าควรจะกลับไปเป็นสาวเสิร์ฟดีไหม ทว่าเมื่อไตร่ตรองและนึกถึงความมั่นคงในอนาคต เธอเลยต้องเลือกทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ ไม่อาจก้าวขาออกจากเก้าอี้ตัวนี้ไปได้เลย“โอย...เสร็จซะที” บอกกับตัวเองแล้วเหลือบมองนาฬิกาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เวลานี้ใกล้จะหนึ่งทุ่มเต็มทีแล้ว มีนักบัญชีหลายคนยังทำงานอยู่ในแผนกนี้ งานเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยามเข้าใกล้สิ้นปี เพราะหลังจากนั้นฤดูปิดงบประจำปีจะรอพนักงานบัญชีอย่างพวกเธออยู่อย่างขยันขันแข็ง เธอเก็บรวบรวมข้าวของแล้วกล่าวลาเพื่อนๆ ที่กำลังเก็บกระเป๋ากลับบ้านเช่นกันรถเมล์ประจำทางคือยานพาหนะที่ปรายรุ้งใช้โดยสารไปและกลับจากที่ทำงาน มันสะดวกแม้ว่าจะแออัดไปสักนิดหญิงสาวลงรถเมล์เมื่อถึงป้าย ซื้อกับข้าวสองสามอย่างที่มีขายหน้าร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะโบกเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้เข้าไปส่งในหมู่บ้าน น่าดีใจไหมเล่าที่บ้านทั้งหลังเปิดไฟสว่าง
กลางเดือนตุลาคมแก้ววิสกี้ที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ถูกหยิบมาจิบอย่างไวด้วยความเปรี้ยวปาก ตอนนี้ทรายทองอยู่ที่กาสิโนกับมี่ถง เขาดูร้อนรนและหลุกหลิก ท่าทางพิกลจนเธอรู้สึกได้ ทว่าเธอเหมารวมเอาว่าเขาคงกังวลกับเงินหลายล้านที่เพิ่งเสียไป เขาเสียไปมากโขในช่วงหลังมานี้ เธอเดาว่าความมั่นคงทางการเงินของมี่ถงเริ่มร่อแร่ เขาขายรถหรูไปหลายคันเท่าที่เธอรู้มา“ฉันจะไปเล่นที่ห้อง VIP ไปเถอะ” เขาบอกแล้วควงแขนทรายทองในชุดราตรีสั้นแสนเซ็กซี่ รูปร่างของหล่อนอวบอิ่มมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา จนใครบางคนเริ่มอดใจไม่ไหว ใครบางคนที่เขาเป็นหนี้อยู่“เราจะเล่นกับใครคะ”“คนที่มีอำนาจคุมที่นี่”“หือ? ไม่...ไม่เอาอะ ฉันไม่สะดวก”“ไปเถอะน่า เสี่ยน่ะ เขาชอบเธอนะ”“แต่ฉันไม่ชอบ อย่าทำแบบนี้เลยมี่ถง เพราะคุณเป็นลูกค้าฉันมานาน และเพราะคุณชอบเล่นพนันเหมือนฉันหรอกนะ ฉันถึงยอมมาด้วย แต่ไม่ใช่ให้คุณทำแบบนี้ ฉันไม่สะดวกจะคุยกับเสี่ยของคุณจริงๆ” เธออธิบายช้าๆ อย่างมีสติ พยายามปลดมือผอมเรียวที่ก
เสี่ยใหญ่พุ่งมาหาทรายทอง หญิงสาววิ่งหนี ชนเข้ากับเครื่องคอมบนโต๊ะจนมันล้มลงหลายเครื่อง หน้าจอโทรทัศน์ทั้งหลายดับพรึ่บลงอย่างพร้อมเพรียง ร่างบางล้มลงไปใต้โต๊ะ ขาพันอยู่กับสายไฟจำนวนหนึ่ง เธอดึงมันออกจากพันธนาการที่ไม่ได้ตั้งใจ สองแขนพยายามพยุงกายให้ลุกยืน แต่เหมือนสวรรค์แกล้งเพราะแขนข้างหนึ่งถูกจับไว้ด้วยมือของเสี่ยใหญ่ เขาดึงเธอขึ้นมาจากพื้น เธอดิ้นหนี เขาฉวยทีเผลอส่งหมัดแกร่งทะลวงร่างเธอเต็มแรงพลั่ก!“โอ๊ยยย!!!”ทรายทองร้องได้เท่านั้นก็ถูกผลักให้ล้มหงายบนโซฟา ร่างหนาของเสี่ยมือหนักทาบทับลงมาอย่างเร็วแรง มันซุกไซ้ซอกคอขาวอย่างหิวกระหาย เธอเจ็บจุกที่ใต้ฐานอกจนไม่มีแม้แต่แรงจะห้ามปรามปัง!เสียงปืนดังสนั่นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคน เขาเข้ามาพร้อมกับปืนในมือแล้วพุ่งตรงมาที่ร่างเสี่ยใหญ่ ฉุดมันออกจากร่างทรายทองแล้วประเคนทั้งหมัดทั้งศอกเข่าเข้าใส่ไม่ยั้ง ทรายทองพยุงกายลุกนั่ง สองตาพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา และก่อนที่สติจะดับวูบไป เธอก็ได้เห็นว่าเขาคนนั้นคือใคร...“นิค...”___________ข่าวด่วนยาม
อังเดรไม่ละความพยายาม เขารีบถอดเสื้อผ้าแล้วเลื่อนกายไปยังหัวเตียง ใช้หมอนสองใบวางซ้อนกันก่อนจะเอนหลังพิงมันแล้วดึงทรายทองมานั่งบนตักในท่าที่หันหน้าเข้าหากัน สองขาหล่อนคร่อมตักเขาอยู่ บางส่วนที่กำลังแข็งขึงนั้นได้แทงทะลุช่องว่างระหว่างขาของหล่อนขึ้นมาเลยทีเดียว“โอ...มันร้อน...”เธอพร่ำพูด จ้องมองเจ้าสิ่งนั้นที่กำลังชี้โด่และตั้งชัน บางทีก็เหมือนว่ามันจะกระดิกได้ด้วย“น้อยกว่าเธอก็แล้วกัน เอาละ หยุดพูดห้านาทีได้ไหม ขอจูบเธอให้หนำใจก่อน”เขาสั่งแล้วลงมือทำอย่างที่เอ่ย เพียรจูบทรายทองจนหล่อนแทบไม่มีเวลาหายใจ รสสัมผัสที่โหยหาราวว่ากำลังเติมน้ำมันลงกองเพลิง มันเผาไหม้ร้อนแรงและลุกเร็ว สองมือเขาเลื่อนลูบบนยอดทรวงน่ารัก มันหดแข็งสู้มืออันร้อนผ่าว เขายังเลื่อนมือลงมาที่บั้นท้ายงอนงาม บีบมันอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วค่อยยกสะโพกงอนนั้นให้สูงกว่าระดับอาวุธร้ายของตัวเองทรายทองถอนจูบอย่างเร็วเมื่อรับรู้ถึงการแทรกสอดเข้ามาของตัวตนเขา เธอก้มลงไปมอง แลเห็นส่วนสงวนอันอวบอูมกำลังอ้าอมเอาส่วนนั้นของชายชาตรีเข้าไปจนสุดโคน เธออ้าปากน้อยๆ รู้สึกจุกนิด
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ