“มันเป็นแค่คำพูดประชด ฉันรู้”“ฉันอยากกินเหล้า ฉันเปรี้ยวปาก อยากมาก...”ทรายทองหลับตาลงแล้วเอนร่างพิงพนักโซฟา เธอไม่ได้ดื่มเหล้ามากี่วันแล้วนะ แค่นึกถึงก็น้ำลายสอแล้วล่ะ“เธอคงไม่ดื่มมันอีกใช่ไหม อย่างน้อยก็จนกว่าจะคลอด” รู้สึกห่วงคนที่อยู่ในท้องหล่อนครามครัน“ฉันไม่ใช่แม่ใจร้าย ฉันรู้ดีว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร เอาละอังเดร คุณเห็นประตูไหม ฉันว่าคุณน่าจะเปิดมันแล้วก้าวออกไปซะ ฉันรำคาญ” บอกอย่างเหลืออด เธอแค่อยากอยู่เงียบๆ หลับสักงีบแล้วค่อยลุกมาหาอะไรรับประทาน“ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้ เงียบๆ” เขาบอก และทำอย่างที่พูดไว้ได้อย่างดี เขาไม่เอ่ยอะไรราวยี่สิบนาที เป็นทรายทองที่เอ่ยขึ้นมาก่อน“คุณมีงานมีการทำไหม”“มี...แต่ไม่อยากทำ มีหลายเรื่องรบกวนจิตใจจนไม่มีสมาธิ หนึ่งในเรื่องนั้นก็คือเธอ ฉันรู้ว่าเธอโกรธ”ทรายทองอมยิ้ม ลืมตาขึ้นมาแล้วลุกนั่งดีๆ เฝ้ามองเขา ดวงตาแสนเศร้าคู่นั้นวันนี้ยิ่งดูเศร้ามากกว่าเดิม“ฉันหายโกรธแล้ว ไปซะอังเดร”เขาส่ายหน้าช้าๆ “เธอยังไม่หายโกรธหรอก ฉันรู้ เธอกำลังโกหก”ทรายทองไม่รู้ว่าอังเดรใช้อะไรตัดสินความรู้สึกของเธอว่ากำลังโกรธหรือไม่โกรธ เธอรู้แค่ว่าเขามีความเชื่อมั่น
เวลา 16:00 นาฬิกา วันเดียวกันเป็นครั้งที่สองของวันที่ทรายทองถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกริ่งหน้าบ้าน คราวนี้เธอแต่งตัวเรียบร้อย และก้าวออกมาเจอผู้มาเยือนด้วยความสงสัยอังเดรยังอยู่ในบ้าน เขาหลับอยู่ที่โซฟา หลับสนิทชนิดที่ว่าเสียงออดดังอยู่นานก็ยังไม่ยอมตื่น เธอเลื่อนประตูรั้วให้เปิดออก เจอรถคันงามคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้านข้างๆ รถของอังเดร มีนิคยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างรถราวกับทาสผู้ซื่อสัตย์ เธอหันมาให้ความสนใจกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า อุษณีกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอรีบยกมือไหว้ตามมารยาท“ตาเอื้ออยู่ไหม” ถามพลางมองเข้าไปในบ้านหลังน้อยของทรายทอง“ค่ะ เขามาตั้งแต่ก่อนเที่ยง คุณจะเข้าบ้านก่อนไหมคะ”“ไม่ ฉันแค่มาดู แค่อยากรู้ว่าเขาปลอดภัย” อุษณีตอบ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล“เขามีเรื่องไม่สบายใจมากเลยหรือคะ เขาดูซึมๆ ดูแปลกไปจากปกติ เขาขอโทษหนูด้วย”อุษณียิ้มบางๆ ขอโทษงั้นหรือ อังเดรพูดคำว่าขอโทษเป็นด้วยหรือ“ฉันดีใจที่ตาเอื้อขอโทษคนอื่นเป็น พวกเธอทะเลาะกันสินะ”“ค่ะ...เรื่องของหนูมันหนักมาก” ทรายทองเอื้อนเอ่ย“เรื่องของฉันก็เหมือนกัน มีเรื่องให้คิดเยอะๆ ในเวลาเดียวกัน ฉันกลัวตาเอื้อจะเครียดจนทำร้ายตั
[14]โปรดเข้าใจฉัน_____________ทรายทองส่งอุษณีกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเดินเข้าบ้านมาอย่างเพลียๆ รู้สึกพะอืดพะอมจนต้องไปหาอะไรในครัวกินแก้เปรี้ยวปากอังเดรตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกุกกัก เขาลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา พอกลับออกมาก็เจอกับทรายทองเข้าพอดี หล่อนเดินไปนั่งยังโซฟาที่เขาเพิ่งลุกออก มีมะนาวฝานเป็นแว่นๆ กับเกลือวางอยู่ในจานตรงหน้า มีขวดเหล้าสี่เหลี่ยมทรงสูงที่มีฉลากสีทองคาดไว้ตั้งอยู่ด้วย ในนั้นจุน้ำสีอำพันไว้ครึ่งค่อน และหล่อนกำลังเทมันลงแก้วแล้วยกซด“นั่นเธอทำอะไร! เธอท้องอยู่นะ!”อังเดรโผเข้าไปคว้าแก้วในมือหล่อนมาถือไว้ทรายทองหน้าบึ้งหน้าบูด ขัดใจยิ่งนัก “เอาแก้วฉันมานะ!” ว่าที่คุณแม่เลือดร้อนทวงของคืน นั่นมันแก้วของเธอ ของที่อยู่ในแก้วก็ของเธอด้วย“เธอเป็นบ้าหรือไง เดี๋ยวเด็กก็พิการหรอก ทำอะไรหัดคิดซะบ้าง ลูกทั้งคนนะ!”ทรายทองลุกยืนเท้าสะเอว เขาจะอะไรกับเธอนักหนา อยากด่าอยากว่าเขาให้สมใจหรอกนะ แต่ไอ้มะนาวจิ้มเกลือนี่มันอร่อยเกินห้ามใจจริงๆ ว่าแล้วก็หยิบมะนาวจิ้มเกลือมากินอีกชิ้นหนึ่ง ความสุขของการกินของเปรี้ยวตอนท้องก็คือกินแล้วไม่เปรี้ยวนี่แหละ สะใจชะมัด!
ว่าที่คุณแม่หน้ามุ่ย ขุ่นเคืองใจจนอยากกระโดดออกนอกรถแล้วเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง โธ่เอ๋ย...มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น บะหมี่เกี๊ยว ข้าวขาหมู โอ๊ย...“คุณเอื้อ...ทรายหิวจริงๆ ไม่ไหวแล้ว...หาอะไรให้กินหน่อย นะๆ” ว่าพลางเอนร่างไปซบแขนพ่อของลูก ถูไถแก้มซีดๆ นั้นกับต้นแขนเขาอังเดรหันมามองแวบหนึ่งแล้วเบี่ยงพวงมาลัยชิดซ้าย แลเห็นปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล เขาขับไปเรื่อยๆ และแวะเข้าปั๊มเมื่อถึงที่หมาย เมื่อรถจอดนิ่งสนิท มือซ้ายของเขาเลื่อนคล้องคอทรายทอง หล่อนเงยหน้าขึ้นมอง เขาเลยฉวยจังหวะนั้นจุมพิตหน้าผากมนไปหนึ่งที ท่ามกลางหน้ายุ่งๆ ของคนที่ถูกจุมพิต“มีสิทธิ์อะไรมาจุ๊บเหม่งยะ”“แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาอ้อนฉันล่ะ”“สิทธิ์ของคนเคยๆ ละมั้ง”“งั้น...ฉันก็ใช้สิทธิ์เดียวกับเธอ”เขาพูดยิ้มๆ ยิ้มทั้งที่ดวงตายังมีแววเศร้าอยู่ มันชวนให้ทรายทองคิดได้ว่าความทุกข์ของตัวเองนั้นไม่สามารถเทียบได้กับความทุกข์ของเขาเลย“อย่ามายอกย้อนนะ ลงไปสิ” เธอสั่ง“ไปไหน”“ก็ไปหาอะไรมาให้กินไง”คราวนี้อังเดรทำตาโต“นี่ฉันต้องคอยรับใช้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เขาถามด้วยสงสัย ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรหรอกแค่อยากแกล้ง
“ช่างหัวคนอื่นเถอะ มานี่ ฉันจะไปส่ง มา!” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่ทั้งดึงทั้งลาก แขนข้างหนึ่งยังโอบเอวบางเข้ามาหาตัวอย่างถือสิทธิ์“ไม่! คุณโช! ปล่อยนะ อย่ามาทำอย่างนี้กับฉัน โอ๊ย! เจ็บ!”เสียงโอดโอยของปรายรุ้งยังดังอยู่ไม่ขาด ข้อมือข้างหนึ่งถูกมือขาวๆ ของชลกรพันธนาการไว้มั่น หญิงสาวถูกลากไปด้านข้างของตัวตึกขนาดใหญ่ เขาพาเดินอ้อมไปด้านหลังซึ่งเป็นส่วนของลานจอดรถสองร่างที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่เมื่อครู่ หายไปจากหน้าบริษัทแล้ว ทว่าทรายทองยังมองจุดจุดนั้นราวตกอยู่ในภวังค์ ภาพที่ชลกรทั้งดึงลากและโอบประคองปรายรุ้งยังติดอยู่ในสองตา วงหน้าที่ซีดอยู่แต่เดิมยิ่งซีดมากขึ้นไปอีก เธอมาถึงหน้าบริษัทสักพักแล้ว จอดรถอยู่ห่างพอสมควรแต่สามารถมองเห็นหน้าบริษัทอย่างชัดเจน กะว่าจะโทรหาปรายรุ้งว่าเธอมาจอดรถรอตรงนี้ ทว่ายังไม่ทันได้โทร ปรายรุ้งก็โผล่ออกมาเสียก่อนเธออยากลงไปเรียกน้องสาวอยู่หรอกหากไม่เพราะชายอีกคนที่เดินกึ่งวิ่งตามมา พวกเขายังติดต่อกันอีกหรือ เธอนึกว่าเลิกรากันไปแล้ว มันไม่ดีแน่ๆ หากความสัมพันธ์ยังคาราคาซังอย่างนี้“ทราย...ทรายทอง” อังเดรเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ทรายทองเหม่อลอยราวกับคนไร้สติ เขาเ
บริษัทอีกล่ะ ความน่าเชื่อถือมันไม่ได้สร้างแค่วันสองวันนะ ฉันไม่ยอมให้มันพังลงเพราะฉันหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเลยเป็นฉันเองที่จมอยู่กับความทุกข์ ฉัน...แค่คนเดียว”อุษณีปาดน้ำตาแรงๆ การได้ระบายออกไปบ้างทำให้รู้สึกดีไม่น้อย“แต่ตอนนี้เขารู้แล้วแอนนี่ เขาคงกำลังสับสน คุณก็อย่ากังวลนักเลย เขารู้แน่นอนว่าคุณรักเขามากขนาดไหน ผมต่างหากที่ไม่เคยได้แสดงถึงความรักนั่นเลย ผมมีความสุขอยู่อีกฟากโลก ปล่อยให้คุณต้องทุกข์ทรมาน ผมคิดถึงคุณนะ และไม่เคยลืมคุณเลย” ร็อกเล่ต์วางมือลงบนหลังมือของอุษณีอีกครั้ง แต่หญิงสาวกลับปัดมันออกอีกหน“ร็อกเล่ต์...ฉันแก่แล้วค่ะ ฉันไม่อยากมีสัมพันธ์ทางใจหรือทางกายกับใครอีกแล้ว ฉัน...ห่วงลูก ในความรู้สึกนึกคิดของฉันตอนนี้มีแต่ลูกเท่านั้น ได้โปรด อย่ามาทำให้ฉันต้องกังวลใจเพิ่มขึ้นเลย”ร็อกเล่ต์หน้าจ๋อย เขาเคยรักอุษณี และยังคงรักอยู่ รักมากเสียด้วย“ผมจะรอแอนนี่ เอาไว้เรื่องราวยุ่งเหยิงนี่สงบลงเมื่อไหร่ ผมคงได้มีโอกาสดูแลคุณบ้าง แหวนแต่งงานของผมยังรอคุณเสมอ ทรัพย์สมบัติที่ผมมี จะเป็นของคุณกับลูก ผมน่ะ...ไม่มีความดีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับความอบอุ่นของครอบครัวหรอกนะ แต่ผมก็ยังหวังว่า
“ทำไมแกเพิ่งมา แล้วใครมาส่ง”“เพื่อนที่ทำงานค่ะ เอ่อ...งานหนูมันติดพันก็เลย...”“ที่ทำงานแกใช้สบู่โรงแรมล้างมือหรือไง กลิ่นฉุนซะ” บอกไปอย่างนั้นเพราะกลิ่นหอมของสบู่เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำ มันโชยออกมาจากร่างของปรายรุ้งคนถูกประชดใจเต้นแรง “คือว่าหนู...”“เรียนก็จบแล้ว มีการศึกษาแล้ว ฉันนึกว่าแกจะไปได้ดีกว่าฉัน แต่ดูสิ่งที่แกกำลังเป็นสิ!”“แล้วพี่คิดว่าหนูอยากเป็นหรือไง พี่ก็รู้ว่าพวกผู้ชายมีวิธีมากมายแค่ไหนในการกล่อมให้เรายอม หนูพยายามแล้ว! พยายามไม่เข้าใกล้เขา แต่หนูห้ามมันไม่ได้ หนู...รักเขา! พี่ได้ยินไหม!”ทรายทองตื่นตะลึงกับอารมณ์อันเกรี้ยวกราดของปรายรุ้ง มันคงมีอะไรมากกว่านั้น และเธอยังไม่รู้“แกเลือกผิดทางปราย แกรักเขาได้แต่ไม่จำเป็นต้องนอนกับเขา แกก็เห็นแล้วนี้ว่าจุดจบมันเป็นยังไง มันหาความสุขไม่ได้หรอกในความสัมพันธ์ที่ไร้ความมั่นคง สักวันหนึ่ง วันที่เขาเบื่อแก เขาจะโยนแกทิ้งเหมือนเศษกระดาษชำระใช้แล้ว เชื่อฉันเถอะ”“หนูรู้...” ปรายรุ้งเสียงอ่อนลง ก้าวอย่างช้าๆ ไปนั่งบนโซฟา ทรายทองเดินไปนั่งด้วย น้องสาวคนดีเลยถือโอกาสนอนหนุนตักเสีย “แม่เขาเกลียดหนู เพราะหนูจน หนูเลยคบกับเขาแบบนั้นไม่
[15]แผนการของชลกร____________เช้าวันอังคารที่แสนโชคร้ายเหลือเกินสำหรับปรายรุ้ง เมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็เกือบเที่ยงคืน แถมยังต้องโหนรถเมล์มาทำงานแต่เช้า และแล้วก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อมาถึงที่ทำงานแล้วพบว่ามารดาของชลกรมาพบเธอด้วยตัวเอง นางซู่หลิงนั่งรออยู่ในห้องหัวหน้างานของเธอ และเธอกำลังยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้านางเพียงลำพัง“เลขาของตาโชโทรไปบอกฉันว่าเมื่อวานเธอขลุกอยู่กับเขาช่วงเที่ยง และมีคนเห็นพวกเธอออกไปด้วยกันตอนเลิกงาน”นางซู่หลิงกล่าวเสียงเรียบ แต่มีแววไม่พอใจในดวงตาปรายรุ้งอยากจะร้องไห้ ไหนว่าชลกรจะหาวิธีไม่ใช่หรือ ให้ตายเถอะ เขาหาได้หรือยัง ถ้าหาทางออกไม่ได้ละก็ เธอจะหามันด้วยตัวเองแล้วนะ“ค่ะ เขา...ไปส่งหนูที่บ้าน”“เธอไม่มีรถหรือไง”“หนูนั่งรถเมล์ค่ะ”“เธอต้องการเท่าไหร่”“คะ?” ปรายรุ้งเงยหน้าที่ก้มอยู่นานขึ้นมาสบสายตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า นางซู่หลิงในวัยเลยสาวดูงามสง่าราวกับนางพญา ในขณะที่เธอดูเหมือนสาวใช้ตัวเล็กต่ำต้อยในครัวของนาง“ฉันรู้ว่าเธอรู้ ว่าฉันหมายความถึงอะไร เธอไม่ใช่คนสำส่อน ฉันรู้ว่าตาโชเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ”ปรายรุ้งกลืนน้ำลายลงคอ นี่เขาเอาเรื่องนี้ไปบ
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ