บทที่ 7.6‘อำเภอเป่ยตู’..เย่ซูชางเดินออกมานอกเรือนเพื่อรับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเปิดอันสดใส เหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก้มหัวคำนับนาง ในฐานะท่านหญิงก็เป็นปกติอยู่แล้วที่คนต่างก้มหัวให้ แต่ที่นี่มันแตกต่างจากเมืองหลวงเพราะทุกคนแสดงความจริงใจต่อนางอยากเคารพนางจริง ๆ ไม่ใช่ทำตามหน้าที่เหมือนคนเมืองหลวงนางเดินมายังโรงนอนของคนป่วยที่ยามนี้ผู้ป่วยบางเบาลงมากแล้วเพราะหายดีไปหลายคนแล้วที่เหลืออยู่ก็อาการไม่หนักเท่าไหร่มันแปลว่าการรักษาของนางได้ผล แต่มันน่าจะดีกว่านี้ถ้ามีชิงเฮาเยอะ นี่ชิงเฮามีน้อยมากเพราะเป็นสมุนไพรหายากต้นหนึ่งได้ดอกน้อยเลยให้คนป่วยกินได้แค่วันละหนึ่งถ้วยเพื่อแบ่งกันกินให้ทั่วถึงเลยหายช้าต้องค่อยเป็นค่อยไป“รับราชโองการ!”เสียงตะโกนดังขึ้นด้านนอกจนเย่ซูชางตกใจรีบเดินออกมาดูก็เห็นว่าทุกคนนั่งคุกเข่าต่อหน้าชายคนหนึ่งที่มีท่าทางภูมิฐานแต่งตัวสูงศักดิ์ แต่ยังไม่ทันจะได้กล่าวสิ่งใดก็ถูกหยวนฉินที่นั่งคุกเข่าดึงมือนางให้นั่งตามพวกเขา“ราชโองการจากฮ่องเต้เจ้ายังจะกล้ายืนอยู่อีก คนโปรดก็โดนตัดหัวได้เหมือนกันถ้าหมิ่นพระเกียรติ” หยวนฉินบ่นเย่ซูชางจนนางหน้ามุ่ยใส่เ
บทที่ 7.7‘อำเภอเป่ยตู’..หยวนฉินที่เพิ่งกลับมาจากส่งฝูอ๋องที่หนานตูก็แปลกใจเมื่อเดินเข้ามาในหมู่บ้าน ผู้ป่วยที่ควรนอนในโรงนอนกลับถูกย้ายไปอยู่ที่โรงหมอแทน ส่วนรอบโรงนอนของผู้ป่วยและริมลำธารกลับมีกองฟืนกองใหญ่ถูกวางกองเอาไว้เมื่อเดินเข้ามาอีกก็เห็นเย่ซูชางกำลังยืนชี้มือชี้ไม้สั่งงานพวกทหารอยู่ด้วยท่าทางจริงจัง ทั้งที่จะกลับเมืองหลวงอยู่แล้วแทนที่จะพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมเดินทางไกลแต่กลับออกมาทำงานไม่ยอมหยุดเลยกะจะทำจนวินาทีสุดท้ายเลยเหรอไง“เจ้าจะทำอะไรอีก ไยไม่ไปพักผ่อน”“เจ้ากลับมาแล้วหรือ?” เย่ซูชางหันมายิ้มให้หยวนฉิน“เจ้าควรตอบคำถามข้าไม่ใช่มาถามกลับ”“ไหน ๆ ก็จะกลับเมืองหลวงแล้วเลยขอมอบเคล็ดลับวิชาสุดท้ายให้คนที่นี่ไว้ใช้เสียหน่อย”“เคล็ดลับวิชาอะไรของเจ้า?”“รมควันยุง”“ฮะ?” หยวนฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย“ตามมาสิ” นางจับมือของเขาแล้วพาเดินมาที่กองไฟ“ก่อไฟเลย” นางหันไปสั่งทหารกองไฟถูกจุดขึ้นจนควันโขมง เย่ซูชางหยิบเอาเปลือกส้มโยนใส่ไฟเพื่อให้มันเผาเอาน้ำมันหอมระเหยออกมาก่อนจะหันไปหาเหล่าทหาร “พวกเจ้าช่วยกันพัดควันให้หันทิศทางไปยังโรงนอน”“มันช่วยสิ่งใดหรือ?” หยวนฉินถามด้วยควา
บทที่ 14‘เดินทางกลับเมืองหลวง’..“จำไว้ว่าจะต้องป้องกันยุง อย่าให้ยุงกัด ยามค่ำคืนต้องจุดธูปกันยุง ยามนอนต้องกางมุ้ง แหล่งน้ำขังควรกำจัดทิ้งให้หมดอย่าให้มี แล้วก็โอ่งหรือที่เก็บน้ำควรมีฝาปิดมิดชิดไม่อย่างงั้นจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงจนเกิดโรคระบาดอีก”“เจ้าค่ะ / ขอรับ”เย่ซูชางกล่าวกับพวกชาวบ้านชาวเมืองที่มาส่งนางกลับเมืองหลวงแต่ก่อนกลับก็อดไม่ได้ที่จะต้องกำชับสิ่งเหล่านี้ให้ทุกคนจำให้ขึ้นใจเพราะโรคระบาดจะลดน้อยลงถ้าเรารู้จักป้องกันตนเอง มันก็คล้าย ๆ โควิด-19 ที่ระบาดในยุคปัจจุบันที่นางจากมาถ้าเรารู้จักป้องกันตัวเองการ์ดไม่ตกก็จะไม่ติดง่าย เมื่อไม่มีคนติดโรคระบาดก็จะเบาบางลงจนกลายเป็นเพียงโรคประจำถิ่นที่มีวิธีการรักษาและรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต้องกังวลอะไรมากอีกแล้ว“จำเอาไว้ว่าการรักษาโรคระบาดจะเอาแต่รักษาอย่างเดียวไม่ได้ พวกเจ้าจะต้องป้องกันตนเองด้วย อย่าให้ยุงกัด เข้าป่าควรแต่งตัวให้มิดชิด ทายาสมุนไพรกันยุงไปด้วย การรมควันยุงควรมีเดือนละครั้งเพื่อขับไล่ยุงที่หลบซ่อนตามซอกหลืบให้หนีไปให้ห่างจากหมู่บ้าน”“อ๋อ แล้วก็...”“พอแล้ว พวกเขารู้หมดแล้ว เจ้าพูดย้ำเช่นนี้มาทุกวันตั้งแ
บทที่ 15‘เข้าเฝ้าฮ่องเต้’..หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงได้เพียงวันเดียวเย่ซูชางก็รีบมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ตามราชโองการที่ได้รับก่อนหน้านี้ นางเดินเข้ามาในเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ที่เป็นตำหนักกลางสระบงกชสีชมพูงดงามราวกับแดนสวรรค์ชั้นฟ้า สายลมเย็นพัดผ่านร่างกายจนผมสีดำขลับปลิดปลิวเล็กน้อย กลิ่นของบงกชหอมหวานทำให้จิตใจผ่อนคลายได้จริง ๆ“ซูชางถวายพระพรฮ่องเต้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญเป็นหมื่น ๆ ปีเพคะ”“เราไม่อยู่เป็นหมื่น ๆ ปีหรอก เช่นนั้นคงต้องเจอเจ้าไปอีกนาน”องค์ฮ่องเต้ที่กำลังยืนรับลมชมวิวอยู่หันกลับมากล่าวกับเย่ซูชางด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเอ็นดูในตัวของนางที่ยิ่งเติบโตก็ยิ่งมีใบหน้าและท่าทางคล้ายบิดาไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้ตนนึกถึงสหายรักผู้ล่วงลับทุกครั้งที่เจอ“อีกอย่างบิดาของเจ้าก็รอเจอเราอยู่ ไปช้าเดี๋ยวจะถูกบิดาเจ้าตำหนิเอาได้ว่าปล่อยให้รอเสียนาน”“ฝ่าบาทอย่าทรงกล่าวเช่นนั้นเพคะ พระองค์จะต้องมีอายุยืนยาวอยู่เป็นที่พึ่งพิงของเหล่าราษฎรไปอีกนานแสนนาน เพราะบารมีของพระองค์ที่ทำให้แผ่นดินสงบสุขเช่นทุกวันนี้เพคะ”“เพราะสิ่งที่บิดาและพี่เจ้ากระทำไว้ต่างหาก แผ่นดินสงบสุขก็เพราะขับไล่พวกซี
บทที่ 16'ลงโทษ'..“ฝ่าบาทฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” “พอเป็นเรื่องนี้ก็รีบมาเชียว ให้นางเข้ามา” “พ่ะย่ะค่ะ” หวังกงกงเดินออกไปเพียงครู่เดียวก็กลับเข้ามาพร้อมฮองเฮาฉีฮองเฮาเข้ามาถึงก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าของฮ่องเต้ทันที สองมือก้มกราบพระสวามีของตนทั้งน้ำตา “ฝ่าบาททรงละเว้นโทษองค์ชายทั้งสามเถิดเพคะ”“ถ้าแค่บุตรเรายังปกครองมิได้แล้วจะเอาความสามารถที่ไหนไปปกครองประชาราษฎร์” “แต่องค์ชายทั้งสามนั่งคุกเข่ามาครึ่งวันแล้วนะเพคะ” “แล้วมันสมควรหรือไม่?” ฮ่องเต้ทรงทุบมือลงบนโต๊ะด้วยความโมโหก่อนจะมองออกไปยังนอกพระตำหนักที่เห็นเงาของพระโอรสทั้งสามกำลังนั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ “แข้งขาของพวกเขาก็ยังดีอยู่เหตุไฉนถึงได้ไปรังแกคนที่แข้งขาไม่ดี มิหนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นน้องชายของตนเองอีก” “แต่ถ้าผู้ใดรู้ว่าองค์รัชทายาทต้องมานั่งคุกเข่าเช่นนี้จะเป็นที่ด่างพร้อยให้อับอายนะเพคะ”“มันสมควรอายเพราะรังแกคนที่อ่อนแอกว่าตนเองต่างหากไม่ใช่อายเพราะถูกลงโทษในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปจริง” “หม่อมฉันขอร้องเถิดเพคะ เห็นแก่หม่อมฉันสักครั้งยังไงพวกเขาก็เป็นลูกของเรานะเพคะ” “มิใช่ว่ามีแม่ที่คอยให้ท้ายเช่นเจ้าหรือ พ
บทที่ 11'ความคับแค้นใจ'..“เสด็จแม่”องค์หญิงสี่เซียวซิงหยารีบพุ่งตัวเข้ามาสวมกอดพระราชมารดาด้วยแววตาเจิ่งนองไปด้วยคราบน้ำตาจนฉีฮองเฮาตกใจที่เห็นบุตรสาวเข้ามาหาตนเช่นนี้“หยาเอ๋อร์เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”“หม่อมฉันติดสินบนทหารหน้าประตูเพคะ”“ไยเจ้าถึงทำเยี่ยงนี้ ถ้าเสด็จพ่อของเจ้ารู้จะต้องลงโทษเจ้าแน่”“หม่อมฉันไม่กลัวเพคะ หม่อมฉันอยากมาเยี่ยมเสด็จแม่”“เจ้าดื้อยิ่งนัก อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว” ฉีฮองเฮาลูบมือลงบนผมขององค์หญิงสี่อย่างอ่อนโยน “เจ้าต้องหัดเชื่อฟังเสด็จพี่ของเจ้าบ้างนะ”“พวกเสด็จพี่พอรู้ว่าเสด็จแม่โดนโทษก็ไม่คิดจะหาทางช่วย ใจจืดใจดำยิ่งนัก”“เสด็จพี่ของเจ้ากระทำถูกแล้ว อย่าลืมว่าเสด็จพี่ของเจ้าก็เพิ่งโดนโทษมาถ้ายังไปขอร้องเสด็จพ่อเรื่องแม่อีกก็จะยิ่งสร้างความขุ่นเคือง ควรอยู่เงียบ ๆ แบบนี้แหละถูกแล้ว แม่เองก็แค่โดนกักบริเวณในพระตำหนักไม่ได้ลำบากอะไร ยังอยู่ดีกินดีแค่ไปไหนไม่ได้เท่านั้น”“ทั้งหมดก็เพราะเย่ซูชางผู้เดียว”องค์หญิงสี่กล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้นยามนึกถึงสิ่งที่เสด็จแม่และเหล่าเสด็จพี่ต้องเจอะเจอ ทุกคนโดนลงโทษก็เพราะเย่ซูชางทั้งนั้น ไม่รู้ชาติก่อนกระทำบาปกรรมสิ่
บทที่ 11'ความคับแค้นใจ'..“หนีเร็ว นางปีศาจร้ายมาแล้ว!”พวกเด็ก ๆ ต่างพากันวิ่งหนีพร้อมตะโกนหาว่าเย่ซูชางเป็นนางปีศาจร้ายที่จะเอาแมวไปกินจนชาวบ้านคนอื่นเริ่มหันมาซุบซิบนินทาจนเสียงเซ็งแซ่มันทำให้เย่ซูชางที่อยู่ตรงกลางท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้องมาที่นางจุดเดียว แววตาที่ชิงชังและรังเกียจนางอย่างชัดเจนจนอึดอัดเหลือเกินได้แต่กอดแมวในอ้อมแขนแน่น“มีกี่คนที่โดนท่านหญิงใจร้ายผู้นี้รังแก!” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นทำให้ชาวบ้านที่เหลือล้วนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที“แต่นางกลับยังได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มาเดินเล่นตลาด ทั้งที่บางคนที่โดนนางทำร้ายไม่สามารถออกมาเดินสุขกายสบายใจเยี่ยงนี้ได้”“ใช่ นางเป็นปีศาจร้ายจริง ๆ”“ตายไปก็ไม่ควรมีที่ฝัง!”“ออกไป นางปีศาจออกไป!”เสียงก่นด่าขับไล่ของชาวบ้านดังขึ้นทันทีพร้อมการรุกคืบเดินเข้ามาหาเย่ซูชางจนนางตกใจต้องก้าวถอยหลังหนีเพราะนางมาเดินเล่นเพียงผู้เดียว ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจขึ้นมายามถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจร้ายถูกสายตารังเกียจชิงชังจับจ้องราวกับนางไปเผาบ้านเผาเมืองจนฉิบหายวายวอดนางก็รู้ว่าตามนิยายตัวร้ายกระทำเรื่องชั่วร้ายเอาไว้มากมาย ชาวบ้านชาวเมืองคนไ
บทที่ 12‘ไม่อดทนวันนี้ วันหน้าก็ต้องอดทน’..“จะ… เจ็บ”“โอ๊ย!”เย่ซูชางร้องออกมาเมื่อหยวนฉินเอายาสมุนไพรมาทาลงบนแผลของนางจนแสบสันน้ำตาเล็ด ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นแต่ก็ไม่สามารถข่มกลั้นความเจ็บปวดได้จนต้องร้องออกมาเสียงหลง มือเล็กจิกลงบนไหล่หนาของหยวนฉินที่นั่งอยู่ที่พื้น“เจ้าอยู่เฉย ๆ หน่อย กระโปรงมันจะคลุมหัวข้าแล้ว”หยวนฉินถกชายกระโปรงของเย่ซูชางขึ้นไปเพื่อจะทายาที่หัวเข่าให้นางง่าย ๆ แต่เพราะนางขยับมากไปชายกระโปรงมันจะลงมาคลุมหัวของเขาที่นั่งอยู่ที่พื้นแล้ว“ก็ข้าเจ็บ”“เจ็บก็ต้องทน รีบทายาให้เสร็จ”“แล้วทำไมเจ้าต้องดุข้าด้วย”“ก็เจ้าดื้อไง”เย่ซูชางได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่เขาเพราะทำอะไรไม่ได้จะโต้เถียงก็ทำไม่ได้อีก ได้แต่นั่งเงียบบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ ยามหยวนฉินทายาแล้วใช้ผ้าพันแผลให้ นางมองดูการกระทำของเขาที่แสนอ่อนโยน ค่อย ๆ หยิบ ค่อย ๆ จับขาของนางอย่างใส่ใจก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าจะไปไหนก็ให้พาบ่าวไพร่ไปด้วยไม่ใช่ไปผู้เดียวแบบนี้ ทำเหมือนว่าเจ้าเป็นแม่ชีที่เดินไปไหนจะมีแต่ผู้คนยกย่องสรรเสริญไปได้”“เจ้าก็ไม่เห็นต้องตอกย้ำข้าเลย ข้ารู้แล้วว่าตนเองเป็นปีศาจร
บทที่ 20‘ตอนจบของนิยาย’..เย่ซูชางเปิดกล่องเครื่องประดับออกก่อนจะหยิบเอาปิ่นปักผมสีทองอร่ามออกมาทาบลงบนผมเพื่อดูว่าปิ่นอันไหนเหมาะสมกับตนเอง ของเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องประดับที่หยวนฉินซื้อให้นางซะเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ซื้อเองนักหรอก เวลาเขาเห็นเครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ ก็มักจะซื้อมาฝากนางเสมอ ยิ่งตอนที่แต่งงานกันก็หอบเอาของพวกนี้มาให้เป็นหีบจนตอนนี้มีเยอะเสียจนใช้แทบไม่ทัน“เจ้าว่าอันนี้งามหรือไม่?”“งามมากเจ้าค่ะ เหมาะกับชุดสีแดง” สาวรับใช้กล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหยิบหวีเตรียมจะสางผมให้ผู้เป็นนายแต่ยังไม่ทันจะสาง นายท่านของจวนก็เดินเข้ามาจนทุกคนต้องถอยหลังออกมาแล้วก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อม“เอาหวีมา ข้าจะสางผมให้นางเอง”“เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ส่งหวีให้ท่านเจ้าเมืองก่อนจะก้มหัวลาแล้วพากันเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่ายามนายท่านและฮูหยินอยู่ด้วยกันห้ามผู้ใดรบกวนทั้งสิ้น ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันตามลำพังถ้ามีอะไรจะเรียกใช้เองไม่ต้องยืนรอหยวนฉินเดินเข้ามาหาเย่ซูชางก่อนจะจับลงบนผมของนางแล้วใช้หวีสางลงบนเส้นผมอย่างอ่อนโยนไม่ให้มันขาดออกมาสักเส้นเดียว เย
บทที่ 20‘ตอนจบของนิยาย’..เย่ซูชางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เจ้าแฝดที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยไปแล้วเพราะวันทั้งวันเอาแต่วิ่งเล่นตกกลางคืนเลยอ่อนเพลียหลับง่ายเป็นธรรมดา นางหันตัวเดินออกมานอกห้องก่อนจะปิดประตูแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนลูกทั้งสองสายตามองไปยังห้องตำราก็เห็นมีแสงสว่างอยู่ แปลว่าหยวนฉินยังไม่กลับเรือนนอนจึงเดินไปหาเผื่อจะช่วยงานเขาได้บ้าง เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นว่าสามีกำลังนั่งอ่านหนังสือร้องเรียนอยู่“มันหมดเวลาทำงานแล้ว”นางเดินเข้ามานั่งข้างเขาก่อนจะหยิบเอาหนังสือร้องเรียนขึ้นมาดู วันแต่ละวันมีเรื่องร้องเรียนมากมายแต่ส่วนมากก็เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นคนตีกัน ตกลงกันไม่ลงตัว ไกล่เกลี่ยเล็กน้อยปัญหาก็จบแล้ว“ข้าเป็นเจ้าเมืองไม่มีหมดเวลาทำงานหรอก เป็นเจ้าเมืองทั้งวันทั้งคืน ชาวบ้านเดือดร้อนมีทุกข์ตอนไหนก็พร้อมช่วยเหลือทันที”“แต่เจ้าก็ต้องพักผ่อนบ้าง ถ้าทำงานหนักมากเกินไปมันจะไม่ดีต่อสุขภาพ เกิดเจ้าตายขึ้นมาข้าก็เป็นหม้ายสิ”“ไว้ข้าทำตรงนี้เสร็จก็จะพักแล้ว”“เหลืออีกตั้งมาก”“ครู่เดียวเท่านั้นแหละ”สุดท้ายเย่ซูชางก็ต้องยอมให้ท่านเจ้าเมืองสะสางงานต่อให้เสร็จ แต่มีหรือที่คนซุกซนแบบนางจะยอ
บทที่ 19'พระกระโดดกำแพง'..“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”“เจ้าไม่รู้อะไร การมีฝูอ๋องอยู่ในเมืองหลวงคอยช่วยงานฮ่องเต้ นอกจากจะคอยค้านอำนาจฝ่ายองค์รัชทายาทแล้ว ยังช่วยขับเคลื่อนองค์รัชทายาทให้เอางานเอาการสนใจงานบ้านเมืองด้วย เพราะถ้าไม่สร้างผลงานไม่ทำให้ฮ่องเต้พอใจก็อาจจะถูกแย่งตำแหน่งองค์รัชทายาทไปก็ได้ ฮ่องเต้คิดมาแล้วทั้งหมดว่าต้องทำยังไงถึงจะเคี่ยวเข็ญองค์รัชทายาทได้ วิธีนี้ฝ่าบาทก็ไม่ต้องลงแรงไปเคี่ยวเข็ญออกคำสั่งเอง แค่ใช้สถานการณ์รอบตัวให้เป็นประโยชน์ องค์รัชทายาทอยู่ไม่เป็นสุขหรอก ต้องรีบสร้างผลงานทำความดีเพื่อรักษาตำแหน่งตนเองอยู่แล้ว”“เช่นนี้ก็เหมือนว่าฝ่าบาทใช้ฝูอ๋องเป็นเครื่องมือทางการเมือง”“จะกล่าวเช่นนั้นก็ถูก แต่ที่ฝ่าบาทยังให้ฝูอ๋องอยู่ในเมืองหลวงส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นห่วงด้วย เจ้าอย่าลืมว่าวัยเยาว์ฝูอ๋องต้องไปอยู่ที่อื่นกับพระสนมกุ้ยจนสุดท้ายก็ถูกพวกกบฏลอบทำร้ายจนพระสนมกุ้ยตายส่วนฝูอ๋องก็กลายเป็นคนขาเป๋ ฝ่าบาทคงไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยจึงไม่ยอมให้ฝูอ๋องไปไกลพระเนตรพระกรรณตนเอง”เย่ซูชางยกถ้วยอาหารยื่นให้น้องสาว “เจ้าช่วยข้ายกออกไปตั้งที่โต๊ะในสวนทีจะได้กินข้าวกัน”
บทที่ 19'พระกระโดดกำแพง'..เสียงมีดหั่นลงบนเขียงดังก้องภายในโรงครัวที่มีควันลอยฟุ้งจากเตาถ่านที่ถูกจุดเอาไว้ บนเตามีหม้อที่กำลังตุ๋นเนื้อหมูสามชั้นให้นุ่มจนเข้าเนื้อ เย่ซูชางหันไปหยิบปลิงทะเลและหอยเป่าฮื้อมาหันเป็นชิ้นพอดีคำ“พี่หญิงรองทำสิ่งใดอยู่เจ้าคะ?” เย่ซูเจินเดินเข้ามาภายในครัวเมื่อได้กลิ่นหอมฟุ้งลอยออกมาจนน้ำลายสอท้องร้องขึ้นมา“พระกระโดดกำแพง”“ฮะ?” คนน้องหน้าตาเหวอกับคำตอบของพี่สาว “อะ… อะไรกระโดดกำแพงนะเจ้าคะ?”“อ๋อ พระอะ พระกระโดดกำแพง”“มันคือชื่ออาหารหรือเจ้าคะ แล้วทำไมพระต้องกระโดดกำแพงด้วย?”“เพราะเมื่อต้มเสร็จมันจะหอมมากจนพระต้องกระโดดกำแพงมาร่วมวงกินด้วยไง”“ฮะ?” เย่ซูเจินที่ได้ฟังความหมายของชื่อก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง แต่ก็พยายามคิดให้มันเป็นเรื่องปกติแล้วเดินไปหยิบส่วนผสมที่เป็นคล้าย ๆ ฟองสีทองนวลขึ้นมา“นี่คืออะไรหรือ?”“กระเพาะปลาเชื่อกันว่าจะช่วยให้ผิวพรรณดี ดูอ่อนเยาว์ ทำให้เนื้อเยื่อแข็งแรงและกระชับ ให้พลังงาน เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถรักษาอาการตกเลือด อาการซีด และโลหิตจางได้”“แล้วดำ ๆ อันนี้ล่ะ?”“ปลิงทะเล”“ฮะ? ปะ… ปลิงทะเล มันกินได้หรือพี่หญิง?”“กิ
บทที่ 18'ฉีฉีชิงชิง'..“เจ้านี่ยังปากร้ายเสมอต้นเสมอปลาย”หยวนฉินโน้มลงไปจูบริมฝีปากเอิบอิ่มด้วยความมันเขี้ยวจนเย่ซูชางตกใจจะดันเขาออกแต่ก็ถูกมือใหญ่รวบแขนเอาไว้จนไร้ทางขัดขืนได้แต่จ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าถมึงทึง“เจ้าทำบ้าอะไร สติเพี้ยนไปแล้วหรือ ถึงกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”“เรื่องบัดสีอะไรกัน ข้าเพียงจูบเจ้าเองก็ช่วยไม่ได้เจ้าน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ข้าจะอดใจไหวได้ยังไง รู้หรือไม่ว่าข้าต้องใช้ความอดทนอย่างมากขนาดไหนที่จะไม่ปิดที่ว่าการแห่งนี้แล้วอุ้มเจ้ากลับไปฟัดที่จวนให้จมเตียง”“เป็นถึงเจ้าเมือง ช่วยทำตัวให้น่านับถือหน่อยสิ นับวันเจ้ายิ่งหน้าหนาพูดเรื่องในม่านมุ้งได้ไม่อายปาก สงสัยข้าต้องส่งจดหมายไปทูลฟ้องฮ่องเต้แล้วว่าเจ้าคงไม่เหมาะกับตำแหน่งเจ้าเมืองให้ริบคืนเสีย”“ฮูหยินเจ้าเมืองก็ช่างโหดเหี้ยมนัก เจ้าดุจนคนรับใช้ในจวนกลัวกันหัวหด เรียกผู้ใดผู้นั้นก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นตาย”“ก็ข้าเป็นฮูหยินแล้ว เป็นนายหญิงของจวน เป็นภรรยาเจ้าเมือง และยังเป็นมารดาของเด็กแฝดด้วย ถ้าจะมามัวทำตัวเล่นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วถ้าไม่จริงจังไม่หนักแน่นจะคุมผู้อื่นได้อย่างไร ในเมื่อมีหน้าที่ภาระต้องดูแลทั้งภ
บทที่ 18'ฉีฉีชิงชิง'..ห้าปีต่อมาเมืองหนานตูเสียงเด็ก ๆ วิ่งกันเจื้อยแจ้วไปตามถนนของเมืองที่ครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมายที่แวะเวียนมาค้าขายตามประสาของเมืองท่าติดทะเลที่มีเรือขนส่งมากมายมาจอดเทียบท่า ผู้คนล้วนมีความสุขกับการใช้ชีวิตภายใต้เมืองที่เงียบสงบไร้เหตุร้ายเพราะทุกคนล้วนมีงานทำมีเงินใช้จึงไม่มีการปล้นฆ่าแย่งชิงกันในเมืองแห่งนี้หน้าร้านถังหูลู่มีเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังยืนจดจ้องของหวานอยู่ด้วยความอยากกินตามประสาเด็ก มือเล็ก ๆ หยิบเหรียญออกมาก่อนจะยื่นให้พ่อค้า“ท่านลุงข้าขอถังหูลู่สองไม้”“สำหรับคุณหนู ข้าให้สามไม้เลยขอรับ” ลุงใจดีหยิบถังหูลู่ให้เด็กน้อยสามไม้จนมือเล็ก ๆ แทบจะหยิบไม่หมดแต่เด็กน้อยก็ใจสู้พยายามจับมันให้ได้“ขอบคุณท่านลุง ขอให้ท่านค้าขายดิบดี”“ขอบคุณขอรับคุณหนู”“คุณหนูหยวน คุณหนูหยวนเจ้าคะ!”เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นจนเด็กสาวตัวน้อยตกใจรีบหันไปมองก็พบบรรดาพี่เลี้ยงที่กำลังวิ่งมาหานาง “ท่านลุงข้าไปก่อนนะ!”ว่าจบเด็กหญิงตัวน้อยก็รีบวิ่งหนีปะปนไปกับฝูงชนทันที มือยังคงถือถังหูลู่ไม่ยอมปล่อย วิ่งดุ๊กดิ๊กหนีเหล่าพี่เลี้ยงจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าชาวบ้าน บางคนก็ช่วยให้ที่หล
บทที่ 17'ค่ำคืนวสันต์'..เสียงดังเซ็งแซ่ลอยมาตามลมให้ได้ยินแว่วหู เย่ซูชางในชุดเจ้าสาวสีแดงที่กำลังนั่งรอเจ้าบ่าวอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังภายในห้องหอที่ประดับประดาไปด้วยสีแดงก็นึกเบื่อเพราะให้นั่งนิ่ง ๆ มันไม่ใช่นิสัยของนางเลย สุดท้ายจึงเลิกผ้าคลุมขึ้นไปไว้ด้านบนแล้วลุกเดินมายังโต๊ะอาหารที่มีขนมวางอยู่มือเล็กหยิบเอาขนมหวานขึ้นมากิน ลักษณะมันเหมือนถั่วตัดเลย รสชาติหวานละมุนเรียกว่าทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลยเมื่อร่างกายได้น้ำตาลบ้าง วันนี้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำยุ่งแต่กับพิธีแต่งงาน เครื่องหัวก็หนักมากเพราะเป็นมงกุฎหงส์พระราชทานจากฮ่องเต้เลยอลังการงานสร้างเพชรล้านเม็ดสุดอะไรสุด แขกในงานแทบลืมตาไม่ได้เพราะเพชรนิลจินดาบนตัวเจ้าสาวแยงตาแทบทะลุเสียงประตูเปิดออกมันทำให้เย่ซูชางตกใจรีบเคี้ยวกลืนขนมที่อยู่ในปากจนไม่ทันระวังติดคอสำลักจนหน้าดำหน้าแดงลำบากเจ้าบ่าวอย่างหยวนฉินต้องเดินมาทุบหลังนางดังปึกจนขนมกระเด็นหลุดออกมาจากปาก จนนางต้องรีบหันไปเทน้ำชาดื่มเพื่อล้างปากล้างคอมือก็ยกขึ้นปาดคราบน้ำตาตนเอง“ยังไม่ทันจะดื่มเหล้ามงคลเลยเจ้าก็จะตายแล้วหรือ?”“ก็เจ้าเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ข้าก็ตกใ
บทที่ 16'ดวงดาวกับข้าและเจ้า'..“นี่เจ้าจับปลาตั้งแต่ฟ้าสว่างจนฟ้ามืดเลยเหรอ?”“ข้าจับได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว” หยวนฉินยื่นปลาที่สุกแล้วให้เย่ซูชางนางรับปลาย่างมากัดไปเสียคำโตแต่ลืมไปว่ามันยังร้อนอยู่จนแทบจะคายทิ้ง เป่าลมเข้าปากพัลวันจนหยวนฉินหลุดขำออกมาเสียงดังทำเอานางหน้ามุ่ยใส่“มันร้อนทำไมเจ้าไม่บอกข้า”“เจ้าก็เห็นว่ามันเพิ่งลงจากกองไฟจะไม่ร้อนได้อย่างไร”“ก็เป่าให้ข้าสิ” นางยื่นปลาย่างคืนให้เขาหยวนฉินรับปลามาก่อนจะบิดเนื้อปลาออกมาแกะก้างให้เรียบร้อยแล้วเป่าเพื่อไล่ความร้อนก่อนจะจ่อมันไปยังปากของนาง“ข้าเป่าให้แล้ว กินสิคนงาม”“ร้อนหรือเปล่า?”“ไม่ร้อนแล้ว ถ้าร้อนข้าให้ตบเลย”เย่ซูชางอ้าปากกินเนื้อปลาที่หยวนฉินป้อนแต่โดยดี ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วทำสีหน้าเหมือนร้อนจนต้องเป่าปาก “ยังร้อนอยู่เลย”“ดะ… เดี๋ยวเจ้าจะทำอะไร?” หยวนฉินหน้าเหวอเมื่อเห็นเย่ซูชางง้างฝ่ามือขึ้น“ก็เจ้าบอกว่าถ้าร้อนจะให้ข้าตบไง”“อันนี้เจ้ากลั่นแกล้งข้าแล้ว”“ข้าร้อนจริง ๆ ลิ้นข้าพองหมดแล้ว”“ข้าเป่าขนาดนี้ยังร้อน คงต้องเคี้ยวเข้าไปก่อนแล้วคายให้เจ้ากินแล้วแหละ”“ยี๋!” เย่ซูชางทำหน้าหยีเมื่อนึกภาพตาม“จูบกัน
บทที่ 16'ดวงดาวกับข้าและเจ้า'..“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?” เย่ซูชางขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อหยวนฉินพานางมาที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี“พาเจ้ามาดูทะเลดาว”นางหยุดฝีเท้าลงก่อนจะเงยหน้ามองฟ้าที่ยังคงมีแสงอยู่เลย มันจะเอาดาวมาจากไหนวะแดดเปรี้ยงขนาดนี้ นอกจากดาวบนหัวเขาอะหาท่อนไม้สักท่อนฟาดเข้าให้น่าจะได้เห็นดาวจริง ๆ“แดดเปรี้ยงขนาดนี้เจ้าจะเอาดาวมาจากไหน?”“เดี๋ยวมันก็มืดแล้ว”“นี่ข้าต้องรอจนมืดหรือ?”“รอไม่ได้หรือ?” หยวนฉินทิ้งตัวลงนั่งย่อตรงกองไฟที่มีคนเคยมาจุดเอาไว้แล้วหยิบเอากิ่งไม้แห้งใส่เข้าไปแล้วใช้กระบอกจุดไฟจุดกองใบไม้แห้งให้ไฟลุกขึ้น“แทนที่ข้าจะได้กลับไปนอนพัดวีที่เรือนสบาย ๆ ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งรอพระอาทิตย์ตกดินอีกหรือ”“เจ้าจะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา ยังไม่ทันแก่เลยเจ้าบ่นเก่งนัก ถ้าแก่ตัวไปหูข้าไม่ตึงเพราะโดนเจ้าบ่นทุกวันทุกเวลาเลยหรือไง”“หูเจ้าไม่ตึงหรอก” เย่ซูชางที่หมั่นไส้หยวนฉินก็ยื่นมือไปบิดหูเขาจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง“โอ๊ย ๆ ข้าเจ็บ!”“ข้าจะบิดให้หูเจ้าขาดไปเลย จะได้ไม่ต้องมีหูให้ตึง”“ปะ… ปล่อย ข้ายอมเจ้าแล้ว ยอมเจ้าทุกอย่างเลย” หยวนฉินที่โดนบิดหูซะม้วนก็ร้องโอดครวญออกมาเสียง