Share

บทที่ 5

Penulis: l3oonm@
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-23 15:18:37

ซูหนี่ยังไม่ทันได้อาบน้ำ หัวเล็กๆสองหัวก็โผล่ออกมาจากประตูห้องครัว 

"หิวหรือไม่ มาสิข้าต้มปลาใส่หัวมันไว้มากินเร็ว" ซูหนี่ตักน้ำแกงที่มีเนื้อปลากับหัวมันจนเต็มถ้วยส่งให้เด็กทั้งสองคนละถ้วย

"กินเองได้หรือไม่ ข้าไปอาบน้ำก่อน" ทั้งสองนั่งลงพร้อมตักน้ำแกงเข้าปาก อาจจะเป็นเพราะได้ลิ้มรสฝีมือของซูหนี่สองมื้อแล้วให้พวกเขาไม่ปฏิเสธเมื่อนางตักให้กิน ทั้งสองบอกกินเองได้นางจึงไปอาบน้ำ 

เมื่อนางออกมาเด็กทั้งสองกินอิ่มเรียบร้อยแล้ว นางตักน้ำเย็นผสมน้ำร้อนให้พวกเขาล้างหน้าบ้วนปากแล้วส่งเขากลับไปที่หน้าห้องนอนของจ้าวหนิงหลง เสียงพูดคุยดังออกมาจากในห้องเป็นเสียงของเด็กน้อยทั้งสองแย่งกันเล่าที่พวกตนได้กินน้ำแกงปลาที่แสนอร่อย

ซูหนี่เมื่อเช็ดผมจนแห้งแล้วนางก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปทันที โดยไม่รู้เลยว่ามีคนเปิดเข้ามาในห้องนอนของตน จ้าวหนิงหลงยืนมองนางที่ประตูห้อง ห้องของนางสะอาดเก็บของอย่างเป็นระเบียน เครื่องนอนก็ดูสะอาดไม่มีกลิ่นเหม็นอับดังเช่นที่ผ่านมา ซูหนี่ที่มีลมพัดเข้ามาในห้องนางก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนเกือบมิดหัว ตอนแรกจ้าวหนิงหลงก็ตกใจคิดว่านางจะตื่นแต่นางก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด

เมื่อเห็นเช่นนั้นจ้าวหนิงหลงก็ปิดประตูแล้วออกไป ซูหนี่ยังคงขึ้นเขาอยู่ทุกวันนอกจากของที่ได้เช่นเดิมนางก็ยังไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่ติดมือกลับมา วันนี้วันที่สามแล้วที่นางขึ้นเขาหลังจากที่ทำอาหารไว้ให้ทุกคนเช่นเดิม นางจะกลับลงมาอีกทีก็เมื่อต้องทำมื้อเย็น 

ตอนนี้เด็กๆเริ่มที่จะยืนรอนางหน้าบ้านแล้ว เมื่อเห็นนางกลับมาก็จะเข้ามาช่วยถือของแล้วนั่งรอนางทำอาหารเย็นให้กิน เมื่อนางตั้งโต๊ะให้ทั้งสามแล้วนางยังคงหลบออกมากินในห้องครัวเช่นเดิม แม้เด็กๆจะให้นางนั่งกินด้วยกัน แต่ใครใช้ให้คนพ่อทำหน้าตาเช่นนั้น แล้วนางจะกินลงได้อย่างไง กินในครัวเช่นเดิมสบายใจกว่า

เมื่อเก็บของล้างจานแล้วนางก็จับเด็กๆอาบน้ำแปรงฟัน ตัวนางจึงจะไปอาบเป็นคนสุดท้าย ถึงแม้นางกับจ้าวหนิงหลงจะไม่ได้คุยกันแต่ทุกอย่างนางยังคงทำเช่นเคยน้ำก็ต้มเพื่อเขาเช่นกันเพียงแต่นางไม่ยกไปให้ก็เท่านั้น รับปากเพียงแค่จะดูบุตรให้เท่านั้นคงไม่ต้องถึงกับต้องดูแลตัวพ่อไปด้วย

วันนี้นางไม่ขึ้นเขาเพราะจะอยู่เก็บบ้าน แล้วซักผ้า ซักผ้าห่ม นางก็นำไปซักที่ริมแม่น้ำเช่นเดิมแต่เพียงตอนนี้เด็กทั้งสองตามไปเล่นใกล้ๆด้วย ชาวบ้านล้วนแต่ตกใจกับสิ่งที่เห็นบางคนคิดว่านางเปลี่ยนนิสัย แต่บางคนก็คิดว่านางเสแสร้งคงทำเช่นนี้ได้อีกไม่นาน เรื่องเสื้อผ้าของจ้าวหนิงหลงครั้งนี้นางนำมาซักด้วย คิดซะว่าอาศัยเขาอยู่ช่วยเขาทำงานบ้านซักผ้าเป็นการตอบแทนแล้วกัน

เมื่อนางกลับถึงบ้านก็เห็นลี่อินนั่งคุยกับจ้าวหนิงหลงตรงแคร่ใต้ต้นไม้ นางเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่สนใจ ลี่อินรีบหลบไปยืนด้านหลังจ้าวหนิงหลงทันทีคงกลัวว่านางจะพุ่งเข้าไปตบ สตรีที่ดีที่ไหนจะเข้ามาหาสามีชาวบ้านตอนภรรยาเขาไม่อยู่ นางสะดุ้งกับความคิดของตนเอง นางคงลืมไปว่าร่างนี่ไปแย่งของเขามา

จ้าวหนิงหลงมองตามไปเขาคิดว่าซูหนี่จะเข้ามาด่าทอหรือตบตีกับลี่อินเช่นเคยแต่นางไม่แม้แต่จะมองเขาทั้งสองคนเลย นางยังคงทำงานของตนเองคุยหัวเราะกับบุตรชายทั้งสอง เวลาที่นางหัวเราะจะปรากฏลักยิ้มสองข้างอย่างน่ามอง

ที่วันนี้เขาปล่อยให้ลี่อินเข้ามาเพราะเขาอยากรู้ว่าเรื่องที่นางจะไปจากเขาแล้วยอมหย่าง่ายๆ เป็นเพราะนางแสร้ง ปล่อยเพื่อจับหรือเปล่า แต่ที่เขาดูนางไม่แม้แต่จะสนใจคงอยากจะไปจากเขาจริงๆ เขาควรจะดีใจที่สลัดนางออกไปจากชีวิตได้ แต่ทำไมเขาต้องหงุดหงิดเช่นนี้ก็ไม่รู้

"พี่หลง พี่หลงเจ้าค่ะ" ลี่อินเรียกจ้าวหนิงหลงเสียงดัง 

"เจ้ากลับไปได้แล้ว ออกมาเช่นนี้ชาวบ้านจะนินทาได้" ลี่อินรู้ว่าตั้งแต่เขาแต่งงานก็ไม่พบนางอีกเลย แม้นางจะมาหาแต่เขาก็จะคุยที่หน้าประตูเท่านั้น 

นางไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้เขาจะให้นางเข้ามาในบ้าน เมื่อซูหนี่กลับมาเขายังพูดคุยกับนางอย่างสนิทสนมเช่นเคย แล้วตอนนี้เขาไล่นางให้กลับไป ลี่อินน้ำตาคลอจ้องมองหนิงหลงอย่างน่าสงสาร

นางมาพบเขาเพื่อขอให้เขาเลิกกับซูหนี่แล้วแต่งกับนางแทน เพราะมารดาของนางเริ่มจะรำคาญที่ชาวบ้านนินทาว่านางมายุ่งกับสามีชาวบ้าน มารดาของนางจึงหาลูกคหบดีที่อยู่ในเมืองให้นางแต่งออกไป

"พี่หลงท่านยังไม่ได้รับปากข้าเลยนะเจ้าค่ะ" ลี่อินน้ำตาไหล นางรักเขา นางไม่อยากแต่งกับคนอื่น ถึงเขาจะไม่ร่ำรวยแต่งมาต้องลำบากแต่หากปีนี้เขาสอบได้นางก็มีสิทธิ์ได้เป็นฮูหยินท่านใต้เท้าแน่นอน

"เจ้ากลับไปเสียแล้วไม่ต้องมาแล้ว ข้าแต่งงานแล้วมิ หากเจ้าทำเช่นนี้เจ้าจะเสียหายได้" เขาถอนหายใจ มองหญิงสาวที่เคยคิดจะแต่งงานด้วยอย่างสงสาร เพราะตอนนี้เขาเสียท่านย่าไปก็มีเพียงลี่อินที่ทำดีกับเขา เขาจึงคิดจะแต่งนางเพื่อดูแลนางบ้าง

ตอนนี้นางจะได้หมั้นหมายกับคุณชายเจียงแล้ว นางควรจะมีชีวิตที่ดี ด้วยหน้าตาของนางเมื่อคุณชายเจียงเห็นก็พึงใจทันที การหมั้นหมายครั้งนี้จึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ลี่อินที่ได้ยินจ้าวหนิงหลงเอ่ยปากไล่อีกครั้งนางก็วิ่งร้องไห้ออกจากบ้านไป หากแต่งให้คุณชายเจียงถึงจะได้เป็นถึงภรรยาเอกแต่อนุและสาวใช้ข้างห้องที่คุณชายเจียงมีอยู่แล้วทำให้นางไม่อยากแต่งเข้าไป

ซูหนี่มองตามร่างของลี่อินไปอย่างไม่เข้าใจตอนแรกก็คุยหัวเราะกันอยู่ดีๆ แล้วนางร้องไห้วิ่งออกไปได้อย่างไร นางเลิกสนใจแล้วเดินเข้าครัวเพื่อทำมื้อเที่ยงให้เด็กๆ ช่วงนี้ยังคงเป็นปลาเช่นเคย นอกจากน้ำแกงปลาแล้ว นางยังนำหน่อไม้มาต้มให้หายขมแล้วหั่นให้เป็นเส้นผัดกับไข่อีกด้วย

จ้าวหนิงหลงซื้อข้าวสารกับแป้งมาเก็บไว้ให้นางจึงได้หุงข้าวสวยในวันนี้ ทั้งสามกินข้าวกันได้เยอะขึ้นนางจึงทำมากขึ้นในแต่ละมื้อ ต่อให้ทำมากแค่ไหนทั้งสามก็กินหมด นางยังคงตักเก็บไว้ในครัวถ้วยเดียวเช่นเคย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้นางก็กินเพียงถ้วยเดียวก็อิ่ม อาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่กลัวน้ำหนักจะขึ้นจึงควบคุมอาหารการกินในทุกมื้อ

Bab terkait

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 6

    เมื่อเด็กทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้ว นางพาล้างหน้าบ้วนปากแล้วให้พวกเขามานอนกลางวันในห้องของนาง เด็กทั้งสองดีใจอย่างมากที่จะได้นอนกับนางหนิงเฉิงไม่ค่อยพูดเช่นเดียวกับบิดา แต่เขาก็แสดงออกให้นางเห็นว่าเขาพอใจที่นางทำให้เขาทุกอย่าง หนิงอันเป็นเด็กร่าเริงเขามักจะชวนนางพูดคุยทั้งยังออดอ้อนนางจนนางใจอ่อนยวบ นางนึกไปออกเลยหากวันใดที่นางต้องจากพวกเขาไปนางจะเสียใจแค่ไหน อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่คือสายเลือดของร่างนี้จึงทำให้ทั้งสามคนผูกพันกันอย่างรวดเร็วหากถึงวันนั้นจริงนางจะขอจ้าวหนิงหลงเพื่อดูแลเด็กทั้งสองคน เพราะเขาต้องเดินทางไปสอบที่เมืองหลวงอีก ยังไงเขาก็คือพระเอกของเรื่องเขาต้องสอบได้อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นถ้าเขาได้เป็นเสนาบดีนางก็ยินดีที่จะส่งเด็กทั้งสองกลับคืนเขาไป แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลารอให้ถึงเวลาก่อนค่อยว่ากันระหว่างที่หนิงเฉิงกับหนิงอันนอนกลางวันนางก็ออกมาทำความสะอาดรอบบ้าน กว่าจะเสร็จก็ต้องทำอาหารเย็นพอดี เด็กๆตื่นมานางก็พามาล้างหน้าแล้วให้นั่งเล่นรอนางทำอาหารเย็น อาหารเย็นก็เหมือนกับอาหารกลางวันเพียงแต่เพิ่มไข่ตุ๋นให้เด็กทั้งสองเท่านั้น เมื่อมองอาหารพรุ่งนี้นางต้องขึ้นเขาอีกแล้ว ครั้งนี้

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-24
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 7

    ซูหนี่กินข้าวเสร็จนางก็นำถั่งเช่าออกมาล้างน้ำจนสะอาดแล้วตากให้แห้ง พรุ่งนี้นางจะขึ้นเขาไปเก็บอีกครั้ง นางไม่รู้ว่าในยุคนี้จะหายากเพียงใด ที่ยุคที่นางจากมาราคาถือว่าแพงเช่นเดียวกับโสมและเห็ดหลินจือ หรืออาจมีราคามากกว่าด้วยเพราะโสมกับเห็ดหลินจือในยุคที่พัฒนาแล้วสามารถเพาะปลูกได้แต่ถั่งเช่าต่างกัน เพราะถั่งเช่าเกิดจากหนอนผีเสื้อที่จำศีลอยู่ใต้หิมะอาศัยกินสปอร์จากเห็ด จนเกิดเส้นใยงอกออกมาจากท้อง เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เห็ดก็จะงอกออกมาลักษณะคล้ายกิ่งไม้ ส่วนตัวหนอนก็จะค่อยๆแห้งตายไป จึงหาได้ยากกว่าโสมและเห็ดหลินจือ คงทำได้แต่เพียงนำไปให้โรงหมอประเมินราคาเท่านั้น ยังไงก็ดีกว่าไม่มีเงินในมือเลย เพราะตอนนี้นางจะขยับตัวหรือออกไปสำรวจในตัวเมืองก็ยังทำไม่ได้เลย ค่าเข้าเมืองก็ต้องเสีย หากไม่นั่งเกวียนก็ต้องเดินเท้าเกือบสองชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง)หมู่บ้านที่นางอยู่ในตอนนี้คือถงเหอ ห่างจากเมืองเซียงซาน สามสิบลี้ (1ลี้=500เมตร) หากเดินเท้าคงใช้เวลาสองชั่วยาม นั่งเกวียนก็เหลือเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ค่าเกวียนเข้าเมืองก็คนละสองอิแปะ ต้องเสียค่าเข้าเมืองอีกสองอิแปะ เงินทั้งนั้นที่ต้องใช้เมื

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-24
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 8

    เมื่อไม่ได้ขึ้นเขา แล้วงานที่ทำก็เสร็จหมดแล้ว ซูหนี่มานั่งเฝ้าเด็กทั้งสองเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ หากมีเก้าอี้โยกสักตัว นิยายสักเล่ม ก็คงจะดี เฉิงเออร์กับอันเออร์นั่งขุดดิน เล่นไปเรื่อยเปื่อย นางก็ปล่อยให้เขาเล่นกันไปแล้วก็เดินเข้าครัวไปเตรียมมื้อเที่ยงให้พวกเขาก่อนหน้านี้เด็กๆ จะได้กินอาหารเพียงสองมื้อเท่านั้น แต่ก็เฉพาะที่จ้าวหนิงหลงจะอยู่บ้าน หากเขาออกไปตั้งโต๊ะเขียนจดหมาย ซูหนี่คนเดิมแทบจะไม่หาอะไรให้เด็กๆกินเลย ทั้งๆที่เป็นลูกที่นางคลอดออกมา แต่นางคิดว่าจ้าวหนิงหลงต้องการแค่ลูกไม่ต้องการนาง นางจึงไม่สนใจเด็กทั้งสอง อาหารเที่ยงวันนี้ยังคงเป็นปลาทอด ซุปเห็ด ไข่ตุ๋น ข้าวสวยร้อนๆ ทั้งสามกินกันจนแทบจะลุกไม่ขึ้น เมื่อจ้าวหนิงหลงเห็นซูหนี่กินเพียงถ้วยเดียวก็อิ่ม เขามองหน้าหนิงเฉิงทันที บุตรชายก็ช่างรู้ความ"ท่านแม่กินน้อยเกินไปหรือไม่ขอรับ" ซูหนี่เลิกคิ้วขึ้น นางก็กินเท่าปกติทุกวัน แต่นางกินคนเดียวในห้องครัว บุตรชายสามขวบก็ช่างสังเกตเสียจริง"แม่อิ่มแล้ว เฉิงเออร์กับอันเออร์กินเยอะๆนะลูก จะได้โตเร็วๆ" ซูหนี่ยื่นมือใบลูบหัวเด็กทั้งสอง อันเออร์ที่ขี้อ้อนก็ดึงมือนางมาถูที่ข้างแก้มของตน นางเลยหอ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-24
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 9

    ซูหนี่ตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่างนางรับล้างหน้าแปรงฟันเข้าครัวเตรียมอาหารไว้ให้ทุกคนแล้วสะพายตะกร้าขึ้นเขาไป นางกำลังจะเดินออกจากประตูบ้านอยู่แล้วแต่ จ้าวหนิงหลงกับเด็กแฝดทั้งสองก็โผล่หน้าออกมาจากเรือนทันที"ทะ ท่าน ทำให้ข้าตกใจหมด" นางยกมือขึ้นลูบหน้าอก"แล้วทำไมถึงได้ตื่นเช้ากันเช่นนี้ เฉิงเออร์ อันเออร์ไปนอนต่อเถิดลูก" ซูหนี่เดินเข้าไปจูงมือเด็กน้อยจะพาเขากลับขึ้นเตียงนอน"ท่านแม่พวกข้าจะไปกับท่าน" หนิงเฉิงพูดขึ้น หนิงอันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแม้เขาจะง่วงนอนแต่จะไม่ยอมเด็ดขาดวันนี้ต้องได้ไปกับท่านแม่"ใช่ พวกข้าจะไปด้วย" เมื่อจ้าวหนิงหลงพูดจบ ซูหนี่ก็หันไปถลึงตาใส่เขา"ท่านจะพาลูกไปทรมานเพื่อเหตุใด ข้าไปไม่นานก็กลับแล้ว" จ้าวหนิงหลงเดินเข้ามาดึงตะกร้าไปจากนางแล้วอุ้มเฉิงเออร์ขึ้นเดินออกไป"เดี๋ยวก่อน ข้าจะเตรียมอาหารไปด้วย" ซูหนี่รีบวิ่งเข้าไปจัดอาหารใส่ปิ่นโตเพื่อเตรียมขึ้นเขา หนิงหลงเห็นว่านางต้องอุ้มหนิงอันด้วยเขาจึงนำอาหารไปใส่ไว้ในตะกร้าด้านหลังซูหนี่ถอนหายใจอย่างปลงตก นางอุ้มอันเออร์ขึ้นแนบอกให้เขาได้นอนต่ออีกหน่อย ทั้งสี่คนมุ่งหน้าขึ้นเขา โดยช่วงแรกเป็นหนิงหลงที่เดินนำ พอถึงทางแย

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 10

    ซูหนี่กลับมาถึงก็จัดการทำอาหารทันที นางทำไก่ย่างสองตัวกับน้ำแกงไข่ให้เด็กแฝดทั้งสองด้วย เมื่อทั้งสี่กินกันจนอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าลงเขาทันทีระหว่างทางยังแวะเก็บผลไม้อีกด้วย เพราะครั้งที่แล้วนางเก็บไปฝากเด็กทั้งสองเพียงไม่นานผลไม้ทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในท้องของเด็กแฝดแถมยังมาออดอ้อนให้นางะามาเก็บอีกด้วย ครั้งนี้จึงเก็บกลับไปมากหน่อยเมื่อถึงบ้านซูหนี่ยังมีเวลาเหลือที่จะจัดการกับถั่งเช่าก่อนที่จะทำอาหารเย็น นางล้างจนสะอาดแล้วนำไปตากแดด หนิงเฉิงกับหนิงอันจะเรียกว่าช่วยก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้ทั้งคู่เสื้อผ้าเปียกปอนกันเหมือนลูกหมาตกน้ำ ซูหนี่อยากจะห้ามแต่เห็นแววตาที่มองมาก็กลืนคำพูดลงคอไป กว่าที่นางจะจัดการทุกอย่างเสร็จ แล้วจับเด็กน้อยอาบน้ำเข้านอน นางก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินเท้าเข้าเมืองอีก ซูหนี่หัวถึงหมอนนางก็หลับทันทีเช้านี้นางยังคงทำเช่นเหมือนเช่นเคย เมื่อเตรียมอาหารเสร็จก็อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ซูหนี่ลองค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเงินที่ร่างเดิมเก็บไว้ หากจะให้นางไปขอค่าเข้าเมืองจากจ้าวหนิงหลงนางก็ไม่กล้า ในตู้เสื้อผ้ามีถุงเงินซ่อนอยู่ นับดูก็พบว

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 11

    จ้าวหนิงหลงนำตำราไปส่งที่ร้านก่อน ซูหนี่กับเด็กทั้งสองรออยู่ด้านนอกเพียงไม่นานเขาก็กลับออกมา พร้อมกับตำราชุดใหม่ที่จะต้องนำกลับไปคัด ซูหนี่มองจ้าวหนิงหลงอย่างเห็นใจ เขาต้องคัดตำราเพื่อหาค่าใช้จ่ายรวมไปถึงค่าเดินทางที่ต้องไปสอบ แล้วยังต้องทบทวนตำราที่จะต้องไปสอบด้วย หากให้นางลองเป็นตัวละครจ้าวหนิงหลงก็คงอยากจะฆ่าซูหนี่คนเดิมให้ตายเหมือนกัน เพราะนางไม่ทำงานก็แล้วไป ไม่ดูแลลูกแล้วยังจะทุบตีเด็กทั้งสอง ไหนจะวางแผนจับบัณฑิตคนอื่นอีก จ้าวหนิงหลงพาซูหนี่เดินไปที่โรงหมอจือชาง เพราะเขาซื้อยาให้ท่านย่าของเขาเป็นประจำจนคุ้นเคยกับท่านหมอที่นั่นเป็นอย่างดี ระหว่างที่จ้าวหนิงหลงกำลังออกจากร้านตำรา กลุ่มบัณฑิตสามคนก็เดินมาที่ร้านตำรา"หนิงหลง สบายดีหรือไม่" บัณฑิตหนุ่มในชุดสีฟ้า ชุดที่เขาสวมใส่ล้วนเป็นผ้าไหมเนื้อดี"ข้าสบายดี" ซูหนี่สังเกตเห็นว่าจ้าวหนิงหลงมิค่อยอยากจะพูดคุยด้วยสักเท่าไหร่ แม้แต่นางกับเด็กๆเขาก็ไม่แนะนำให้รู้จัก"พวกข้ามาหาซื้อตำราอ่านเพิ่ม แล้วเจ้าเล่าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว" บัณฑิตหนุ่มท่าทางหยิ่งยะโส เอ่ยถามเหมือนอยากจะถากถางจ้าวหนิงหลงเสียมากกว่าทั้งสามคนล้วนแสดงท่าทีเหมือนถือต

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-25
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่1

    "คุณซูหนี่ คิดยังไงคะที่รับบทบาทนี้" นักข่าวสัมภาษณ์เธอ"ยินดีมากเลยค่ะ ที่คุณหม่า เลือกฉัน ถึงบทจะออกมาได้กี่ตอน แต่ฉันอยากให้ทุกคนได้ติดตามนะคะ ครั้งนี้ฉันร้ายมากเลยค่ะ" เธอสัมภาษณ์ไปหัวเราะยิ้มแย้มไป รอยยิ้มของเธอไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตรึงใจทุกคนได้ชีวิตในวงการของเธอ เธอแสดงมาทุกบทแล้ว แต่ที่ยอมมาเล่นเพียงไม่กี่ตอนในเรื่องนี้เพราะคุณหม่าผู้กำกับมือทองที่ยื่นโอกาสในครั้งแรกให้เธอจนมีทุกวันนี้ เมื่อเขาส่งบทมาให้เธอจึงตอบรับทันที ซูหนี่เป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าหรือคนดูแลล้วนชื่นชอบเธอทั้งนั้น วันไหนเธอว่างมักจะออกไปเดินที่ตลาดสดเพื่อซื้อของมาทำอาหาร นี่คืออีกอย่างที่เธอทำได้ดีรองลงมาจากการแสดงเธอเรียนจบด้านเชฟมาโดยตรง ตอนแรกเธอเปิดร้านอาหาร ร้านอาหารของเธอนั้นขายดีจนมีชื่อเสียง ดารา อินฟลูเอนเซอร์ล้วนแล้วแต่เข้ามาถ่ายทำ เธอจึงมักได้ออกหน้าโซเซียลเป็นประจำ จนไปเข้าตาผู้กำกับเม่า เขาเรียกเธอมาลองแสดงให้ดู หลังจากนั้นมาเธอจึงได้รับโอกาสอีกมากมายและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอมาเลือกซื้อของเพื่อนำกลับไปทำอาหารเอง อีกอย่างเธออยากจะลองเช็คความนิยมจากบทบาทล่าสุดที่เธอได้ร

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-23
  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 2

    เธอกอดเข่าก้มหน้าลงร้องไห้อย่างหมดหวัง หากทะลุมิติมาจริงเธอจะใช้ชีวิตที่นี่ได้อย่างไร ซูหนี่ไม่รู้เลยว่าการกระทำทุกอย่างของเธออยู่ในสายตาของคนคนหนึ่งซูหนี่ร้องไห้จนหลับไป เธอตื่นขึ้นอีกครั้งก็ดีดตัวลุกขึ้นมาจากที่นอน มองผ้าห่มหมอนอย่างนึกรังเกียจ ชีวิตดั่งเจ้าหญิงที่แสนสุขสบายต้องมาอยู่ในห้องนี้เธอได้แต่ถอนหายใจ ตั้งแต่เล็กจนโตไปเรียนมีคนรถส่งตลอด มีพี่เลี้ยงดูแลทุกอย่างจนไปเรียนเป็นเชฟก็ไม่เคยลำบาก พอเป็นนักแสดงแม้จะเคยได้รับบทที่ต้องใช้ชีวิตในชนบท ทุกอย่างมีทีมงานจัดฉากขึ้นมาทั้งหมดจึงไม่ได้รู้สึกถึงความลำบากจริงๆ ต่อให้เข้าร่วมเกมโชว์ก็ไม่ได้เป็นถึงขั้นที่อยู่ในตอนนี้ร่างนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ชื่ออะไร รู้เพียง ร่างกายที่ผอมบาง หากไปยืนที่ลมแรงๆคงจะปลิวไปตามลมเป็นแน่ มือขาวราวหยกแม้ไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นเช่นไรก็คงจะพอดูได้อยู่ มือข้างที่โดนแก้วบาดเมื่อคืนยังเจ็บอยู่ดีที่แผลไม่ลึกนัก ทำให้เธอรู้อีกอย่างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือเรื่องจริง"นางตายหรือยังท่านพ่อ" เสียงเด็กถามแบบนี้อีกแล้วหรือคนพวกนี้จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตนางไว้"นางยังไม่ตาย" "ถ้า ถ้าเช่นนั้น นางจะตีพวกข้าหร

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-23

Bab terbaru

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 11

    จ้าวหนิงหลงนำตำราไปส่งที่ร้านก่อน ซูหนี่กับเด็กทั้งสองรออยู่ด้านนอกเพียงไม่นานเขาก็กลับออกมา พร้อมกับตำราชุดใหม่ที่จะต้องนำกลับไปคัด ซูหนี่มองจ้าวหนิงหลงอย่างเห็นใจ เขาต้องคัดตำราเพื่อหาค่าใช้จ่ายรวมไปถึงค่าเดินทางที่ต้องไปสอบ แล้วยังต้องทบทวนตำราที่จะต้องไปสอบด้วย หากให้นางลองเป็นตัวละครจ้าวหนิงหลงก็คงอยากจะฆ่าซูหนี่คนเดิมให้ตายเหมือนกัน เพราะนางไม่ทำงานก็แล้วไป ไม่ดูแลลูกแล้วยังจะทุบตีเด็กทั้งสอง ไหนจะวางแผนจับบัณฑิตคนอื่นอีก จ้าวหนิงหลงพาซูหนี่เดินไปที่โรงหมอจือชาง เพราะเขาซื้อยาให้ท่านย่าของเขาเป็นประจำจนคุ้นเคยกับท่านหมอที่นั่นเป็นอย่างดี ระหว่างที่จ้าวหนิงหลงกำลังออกจากร้านตำรา กลุ่มบัณฑิตสามคนก็เดินมาที่ร้านตำรา"หนิงหลง สบายดีหรือไม่" บัณฑิตหนุ่มในชุดสีฟ้า ชุดที่เขาสวมใส่ล้วนเป็นผ้าไหมเนื้อดี"ข้าสบายดี" ซูหนี่สังเกตเห็นว่าจ้าวหนิงหลงมิค่อยอยากจะพูดคุยด้วยสักเท่าไหร่ แม้แต่นางกับเด็กๆเขาก็ไม่แนะนำให้รู้จัก"พวกข้ามาหาซื้อตำราอ่านเพิ่ม แล้วเจ้าเล่าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว" บัณฑิตหนุ่มท่าทางหยิ่งยะโส เอ่ยถามเหมือนอยากจะถากถางจ้าวหนิงหลงเสียมากกว่าทั้งสามคนล้วนแสดงท่าทีเหมือนถือต

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 10

    ซูหนี่กลับมาถึงก็จัดการทำอาหารทันที นางทำไก่ย่างสองตัวกับน้ำแกงไข่ให้เด็กแฝดทั้งสองด้วย เมื่อทั้งสี่กินกันจนอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าลงเขาทันทีระหว่างทางยังแวะเก็บผลไม้อีกด้วย เพราะครั้งที่แล้วนางเก็บไปฝากเด็กทั้งสองเพียงไม่นานผลไม้ทั้งหมดก็ลงไปอยู่ในท้องของเด็กแฝดแถมยังมาออดอ้อนให้นางะามาเก็บอีกด้วย ครั้งนี้จึงเก็บกลับไปมากหน่อยเมื่อถึงบ้านซูหนี่ยังมีเวลาเหลือที่จะจัดการกับถั่งเช่าก่อนที่จะทำอาหารเย็น นางล้างจนสะอาดแล้วนำไปตากแดด หนิงเฉิงกับหนิงอันจะเรียกว่าช่วยก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะตอนนี้ทั้งคู่เสื้อผ้าเปียกปอนกันเหมือนลูกหมาตกน้ำ ซูหนี่อยากจะห้ามแต่เห็นแววตาที่มองมาก็กลืนคำพูดลงคอไป กว่าที่นางจะจัดการทุกอย่างเสร็จ แล้วจับเด็กน้อยอาบน้ำเข้านอน นางก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินเท้าเข้าเมืองอีก ซูหนี่หัวถึงหมอนนางก็หลับทันทีเช้านี้นางยังคงทำเช่นเหมือนเช่นเคย เมื่อเตรียมอาหารเสร็จก็อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ซูหนี่ลองค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเงินที่ร่างเดิมเก็บไว้ หากจะให้นางไปขอค่าเข้าเมืองจากจ้าวหนิงหลงนางก็ไม่กล้า ในตู้เสื้อผ้ามีถุงเงินซ่อนอยู่ นับดูก็พบว

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 9

    ซูหนี่ตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่างนางรับล้างหน้าแปรงฟันเข้าครัวเตรียมอาหารไว้ให้ทุกคนแล้วสะพายตะกร้าขึ้นเขาไป นางกำลังจะเดินออกจากประตูบ้านอยู่แล้วแต่ จ้าวหนิงหลงกับเด็กแฝดทั้งสองก็โผล่หน้าออกมาจากเรือนทันที"ทะ ท่าน ทำให้ข้าตกใจหมด" นางยกมือขึ้นลูบหน้าอก"แล้วทำไมถึงได้ตื่นเช้ากันเช่นนี้ เฉิงเออร์ อันเออร์ไปนอนต่อเถิดลูก" ซูหนี่เดินเข้าไปจูงมือเด็กน้อยจะพาเขากลับขึ้นเตียงนอน"ท่านแม่พวกข้าจะไปกับท่าน" หนิงเฉิงพูดขึ้น หนิงอันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแม้เขาจะง่วงนอนแต่จะไม่ยอมเด็ดขาดวันนี้ต้องได้ไปกับท่านแม่"ใช่ พวกข้าจะไปด้วย" เมื่อจ้าวหนิงหลงพูดจบ ซูหนี่ก็หันไปถลึงตาใส่เขา"ท่านจะพาลูกไปทรมานเพื่อเหตุใด ข้าไปไม่นานก็กลับแล้ว" จ้าวหนิงหลงเดินเข้ามาดึงตะกร้าไปจากนางแล้วอุ้มเฉิงเออร์ขึ้นเดินออกไป"เดี๋ยวก่อน ข้าจะเตรียมอาหารไปด้วย" ซูหนี่รีบวิ่งเข้าไปจัดอาหารใส่ปิ่นโตเพื่อเตรียมขึ้นเขา หนิงหลงเห็นว่านางต้องอุ้มหนิงอันด้วยเขาจึงนำอาหารไปใส่ไว้ในตะกร้าด้านหลังซูหนี่ถอนหายใจอย่างปลงตก นางอุ้มอันเออร์ขึ้นแนบอกให้เขาได้นอนต่ออีกหน่อย ทั้งสี่คนมุ่งหน้าขึ้นเขา โดยช่วงแรกเป็นหนิงหลงที่เดินนำ พอถึงทางแย

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 8

    เมื่อไม่ได้ขึ้นเขา แล้วงานที่ทำก็เสร็จหมดแล้ว ซูหนี่มานั่งเฝ้าเด็กทั้งสองเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ หากมีเก้าอี้โยกสักตัว นิยายสักเล่ม ก็คงจะดี เฉิงเออร์กับอันเออร์นั่งขุดดิน เล่นไปเรื่อยเปื่อย นางก็ปล่อยให้เขาเล่นกันไปแล้วก็เดินเข้าครัวไปเตรียมมื้อเที่ยงให้พวกเขาก่อนหน้านี้เด็กๆ จะได้กินอาหารเพียงสองมื้อเท่านั้น แต่ก็เฉพาะที่จ้าวหนิงหลงจะอยู่บ้าน หากเขาออกไปตั้งโต๊ะเขียนจดหมาย ซูหนี่คนเดิมแทบจะไม่หาอะไรให้เด็กๆกินเลย ทั้งๆที่เป็นลูกที่นางคลอดออกมา แต่นางคิดว่าจ้าวหนิงหลงต้องการแค่ลูกไม่ต้องการนาง นางจึงไม่สนใจเด็กทั้งสอง อาหารเที่ยงวันนี้ยังคงเป็นปลาทอด ซุปเห็ด ไข่ตุ๋น ข้าวสวยร้อนๆ ทั้งสามกินกันจนแทบจะลุกไม่ขึ้น เมื่อจ้าวหนิงหลงเห็นซูหนี่กินเพียงถ้วยเดียวก็อิ่ม เขามองหน้าหนิงเฉิงทันที บุตรชายก็ช่างรู้ความ"ท่านแม่กินน้อยเกินไปหรือไม่ขอรับ" ซูหนี่เลิกคิ้วขึ้น นางก็กินเท่าปกติทุกวัน แต่นางกินคนเดียวในห้องครัว บุตรชายสามขวบก็ช่างสังเกตเสียจริง"แม่อิ่มแล้ว เฉิงเออร์กับอันเออร์กินเยอะๆนะลูก จะได้โตเร็วๆ" ซูหนี่ยื่นมือใบลูบหัวเด็กทั้งสอง อันเออร์ที่ขี้อ้อนก็ดึงมือนางมาถูที่ข้างแก้มของตน นางเลยหอ

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 7

    ซูหนี่กินข้าวเสร็จนางก็นำถั่งเช่าออกมาล้างน้ำจนสะอาดแล้วตากให้แห้ง พรุ่งนี้นางจะขึ้นเขาไปเก็บอีกครั้ง นางไม่รู้ว่าในยุคนี้จะหายากเพียงใด ที่ยุคที่นางจากมาราคาถือว่าแพงเช่นเดียวกับโสมและเห็ดหลินจือ หรืออาจมีราคามากกว่าด้วยเพราะโสมกับเห็ดหลินจือในยุคที่พัฒนาแล้วสามารถเพาะปลูกได้แต่ถั่งเช่าต่างกัน เพราะถั่งเช่าเกิดจากหนอนผีเสื้อที่จำศีลอยู่ใต้หิมะอาศัยกินสปอร์จากเห็ด จนเกิดเส้นใยงอกออกมาจากท้อง เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เห็ดก็จะงอกออกมาลักษณะคล้ายกิ่งไม้ ส่วนตัวหนอนก็จะค่อยๆแห้งตายไป จึงหาได้ยากกว่าโสมและเห็ดหลินจือ คงทำได้แต่เพียงนำไปให้โรงหมอประเมินราคาเท่านั้น ยังไงก็ดีกว่าไม่มีเงินในมือเลย เพราะตอนนี้นางจะขยับตัวหรือออกไปสำรวจในตัวเมืองก็ยังทำไม่ได้เลย ค่าเข้าเมืองก็ต้องเสีย หากไม่นั่งเกวียนก็ต้องเดินเท้าเกือบสองชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง)หมู่บ้านที่นางอยู่ในตอนนี้คือถงเหอ ห่างจากเมืองเซียงซาน สามสิบลี้ (1ลี้=500เมตร) หากเดินเท้าคงใช้เวลาสองชั่วยาม นั่งเกวียนก็เหลือเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ค่าเกวียนเข้าเมืองก็คนละสองอิแปะ ต้องเสียค่าเข้าเมืองอีกสองอิแปะ เงินทั้งนั้นที่ต้องใช้เมื

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 6

    เมื่อเด็กทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้ว นางพาล้างหน้าบ้วนปากแล้วให้พวกเขามานอนกลางวันในห้องของนาง เด็กทั้งสองดีใจอย่างมากที่จะได้นอนกับนางหนิงเฉิงไม่ค่อยพูดเช่นเดียวกับบิดา แต่เขาก็แสดงออกให้นางเห็นว่าเขาพอใจที่นางทำให้เขาทุกอย่าง หนิงอันเป็นเด็กร่าเริงเขามักจะชวนนางพูดคุยทั้งยังออดอ้อนนางจนนางใจอ่อนยวบ นางนึกไปออกเลยหากวันใดที่นางต้องจากพวกเขาไปนางจะเสียใจแค่ไหน อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่คือสายเลือดของร่างนี้จึงทำให้ทั้งสามคนผูกพันกันอย่างรวดเร็วหากถึงวันนั้นจริงนางจะขอจ้าวหนิงหลงเพื่อดูแลเด็กทั้งสองคน เพราะเขาต้องเดินทางไปสอบที่เมืองหลวงอีก ยังไงเขาก็คือพระเอกของเรื่องเขาต้องสอบได้อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นถ้าเขาได้เป็นเสนาบดีนางก็ยินดีที่จะส่งเด็กทั้งสองกลับคืนเขาไป แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลารอให้ถึงเวลาก่อนค่อยว่ากันระหว่างที่หนิงเฉิงกับหนิงอันนอนกลางวันนางก็ออกมาทำความสะอาดรอบบ้าน กว่าจะเสร็จก็ต้องทำอาหารเย็นพอดี เด็กๆตื่นมานางก็พามาล้างหน้าแล้วให้นั่งเล่นรอนางทำอาหารเย็น อาหารเย็นก็เหมือนกับอาหารกลางวันเพียงแต่เพิ่มไข่ตุ๋นให้เด็กทั้งสองเท่านั้น เมื่อมองอาหารพรุ่งนี้นางต้องขึ้นเขาอีกแล้ว ครั้งนี้

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 5

    ซูหนี่ยังไม่ทันได้อาบน้ำ หัวเล็กๆสองหัวก็โผล่ออกมาจากประตูห้องครัว "หิวหรือไม่ มาสิข้าต้มปลาใส่หัวมันไว้มากินเร็ว" ซูหนี่ตักน้ำแกงที่มีเนื้อปลากับหัวมันจนเต็มถ้วยส่งให้เด็กทั้งสองคนละถ้วย"กินเองได้หรือไม่ ข้าไปอาบน้ำก่อน" ทั้งสองนั่งลงพร้อมตักน้ำแกงเข้าปาก อาจจะเป็นเพราะได้ลิ้มรสฝีมือของซูหนี่สองมื้อแล้วให้พวกเขาไม่ปฏิเสธเมื่อนางตักให้กิน ทั้งสองบอกกินเองได้นางจึงไปอาบน้ำ เมื่อนางออกมาเด็กทั้งสองกินอิ่มเรียบร้อยแล้ว นางตักน้ำเย็นผสมน้ำร้อนให้พวกเขาล้างหน้าบ้วนปากแล้วส่งเขากลับไปที่หน้าห้องนอนของจ้าวหนิงหลง เสียงพูดคุยดังออกมาจากในห้องเป็นเสียงของเด็กน้อยทั้งสองแย่งกันเล่าที่พวกตนได้กินน้ำแกงปลาที่แสนอร่อยซูหนี่เมื่อเช็ดผมจนแห้งแล้วนางก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปทันที โดยไม่รู้เลยว่ามีคนเปิดเข้ามาในห้องนอนของตน จ้าวหนิงหลงยืนมองนางที่ประตูห้อง ห้องของนางสะอาดเก็บของอย่างเป็นระเบียน เครื่องนอนก็ดูสะอาดไม่มีกลิ่นเหม็นอับดังเช่นที่ผ่านมา ซูหนี่ที่มีลมพัดเข้ามาในห้องนางก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนเกือบมิดหัว ตอนแรกจ้าวหนิงหลงก็ตกใจคิดว่านางจะตื่นแต่นางก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดเมื่อเห็นเช่นนั

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 4

    เมื่อเห็นเขายังเงียบอยู่นางก็ไม่กล้าจะพูดสิ่งใดออกมาอีก ได้แต่นั่งบีบมืออย่างรอคอยคำตอบ "ความหมายของเจ้าคือ ต้องการจะหย่าใช่หรือไม่" เสียงของเขาทำให้คนหวาดกลัวจนหยุดหายใจได้เลยทีเดียว"เป็นเช่นนั้น แต่ขอเวลาข้าสักหน่อย หากท่านไม่วางใจจะเขียนหนังสือหย่าไว้เลยก็ย่อมได้" นางมองเขาอย่างคาดหวัง หากเขาเขียนหนังสือหย่าแล้วไล่นางออกไปเลย นางจะไปอยู่ที่ไหน นางยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด หน้าผากเริ่มมีเหงื่อออก"ได้ หากเจ้าอยากอยู่ก็ต้องทำตัวให้ดี หากเจ้าทุบตีเฉิงเออร์กับอันเออร์อีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย" นางรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่แต่เขาสามารถลงมือฆ่านางได้จริงๆ"ได้ ข้าจะทำดีกับเด็กทั้งสองคน" นางถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนี้ค่อยคิดเรื่องหาเงินต่อ"เช่นนั้นท่านจะเขียนหนังสือหย่าเลยหรือไม่" หากนางมีเงินมากพอเมื่อมีหนังสือหย่าอยู่ในมือนางจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ "ได้" เขาลุกขึ้นหายไปไม่นานก็กับมาพร้อมกระดาษสองแผ่น จ้าวหนิงหลงส่งหนังสือหย่าให้นาง เขาลงชื่อเรียบร้อยแล้วทั้งสองใบ นางก้มหน้าลงอ่าน เมื่อทั้งคู่หย่าขาดกันเด็กทั้งสองจะอยู่กับจ้าวหนิงหลงและนางไม่สามารถกลับมายุ่งกับพวกเขาสามคนได้อีก เมื่อเห็นไ

  • นางร้ายของท่านเสนาบดี   บทที่ 3

    ระหว่างทางไปริมแม่น้ำนางพบต้นตั๊กแตนผึ้งจีน ฝักของมันใช้ซักผ้าได้ นางรู้มาจากการไปถ่ายรายการหนึ่งในชนบท นางเด็กฝักแห้งติดมือมาหลายฝัก ชาวบ้านมาซักผ้าริมแม่น้ำกันหลายคน นางเพียงแค่ยิ้มตอบเมื่อคนเหล่านั้นมองมาที่นางซูหนี่นำฝักจ้าวเจียวมาทุบแล้วลอกออกให้เหลือแต่ด้านในสีขาว นำมาขยี้กับผ้า นางซักอยู่หลายรอบเมื่อดมจนหมดกลิ่นก็ยิ้มอย่างพอใจ ชาวบ้านมองนางแล้วกระซิบกระซาบกัน ซูหนี่ไม่มีเวลาที่จะสนใจ หากนางมาอยู่ในร่างของซูหนี่นางร้ายจริงก็คงไม่แปลกหากพวกเขาจะเห็นนางยิ้มแล้วตกใจซูหนี่กลับมาถึงนางก็จากผ้าจนเสร็จแล้วเริ่มทำความสะอาดในบ้าน เจ้าของร่างเดิมคงไม่เคยทำอะไรเลยในบ้านจึงสกปรกและรกไปหมด ในครัวนางก็ล้างและขัดหม้อใหม่ทั้งหมด นางอยากต้มน้ำเพื่อล้างจานแต่นางจุดไฟไม่เป็น เด็กทั้งสองมองการกระทำของนางอยู่ตลอด ถึงจะอายุแค่สามขวบพวกเขาก็รู้เรื่องมากนัก"จุดไฟเป็นหรือไม่" อาจจะดูแปลกที่ถามเด็กสามขวบว่าจุดไฟเป็นหรือไม่ แต่เพราะนางทำไม่เป็นไง นางจึงต้องถามไปก่อน คนพี่เดินมาส่งตะบันไฟให้นาง "ใช้เช่นไร" นางเกาจมูกอย่างเขินอาย แต่ก่อนที่เด็กชายจะตอบนางก็มีเสียงบุรุษดังขึ้น"เจ้าจะทำอันใด" เขาดึงเด็กท

DMCA.com Protection Status