เกาหยวนไปเช่าเกวียนในหมู่บ้านให้ไปส่งน้องสาวของตน นางเกาซินยังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้บุตรสาวกลับจนนางต้องรับปากว่าจะมาหาบ่อยๆ ทั้งหมดจึงได้ขึ้นเกวียนกลับหมู่บ้านถงสือเพราะกินข้าวเย็นกันมาแล้ววันนี้นางจึงไม่ต้องเข้าครัวเอง ซูหนี่จับเด็กๆอาบน้ำ แล้วนางก็ไปอาบตาม อาจตะเป็นที่เล่นกับเกาชวนจนเหนื่อยเด็กแฝดเมื่อล้มตัวลงนอนไม่รอให้ซูหนี่เล่านิทานก็หลับกันทันทีจ้าวหนิงหลงที่เดินมาดูลูกเมื่อเห็นทั้งคู่หลับแล้วเขาก็เดินออกไป แต่ซูหนี่เรียกเขาไว้เสียก่อน"วันนี้ขอบคุณท่านมาก" นางขอบคุณเขาจากใจที่ช่วยให้นางผ่านความกังวลเรื่องครอบครัวไปได้"ไม่เป็นไร ทำไมเจ้าเพียงกลับบ้านเดิมถึงต้องกังวลเช่นนั้น" นางกรอกตาอย่างไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรดี มือทั้งสองของนางเริ่มบีบนิ้วอีกแล้วเมื่อจ้าวหนิงหลงเห็นนางเป็นเช่นนั้นก็ไม่รอฟังคำตอบ เขาเดินออกจากห้องของนางเพื่อกลับห้องตนเองทันที ที่เขาถามเพียงอยากจะให้นางเปิดใจคุยกับเขาเท่านั้น แต่อาจจะเร็วเกินไปจึงทำให้นางตกใจส่วนซูหนี่ที่กังวลกับคำถามของเขาก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขกลัวว่าถ้าเขารู้ว่านางมาจากต่างมิติแล้วมาอยู่ในร่างนี้ เขาจะคิดว่านางเป็นปีศาจแล้วจับนางเผาทั้
สองวันหลังจากที่สบู่กวนร้อนได้ที่ นางนำออกมาให้ทุกคนในครอบครัวได้ลองใช้ ตัวนางที่ได้ลองใช้ก็รู้สึกว่าใกล้เคียงกับสบู่ทำมือในยุคของนาง แม้จะไม่มีกลิ่นหอม แต่ก็นับว่าสำเร็จ หากจะให้มีกลิ่นหอมนางยังต้องสกัดน้ำหอมจากดอกไม้อีก จึงเอาไว้ก่อนค่อยๆทำไป"เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ" ซูหนี่ถามจ้าวหนิงหลงทันทีที่เขาออกมาจากห้องน้ำ หากไม่กลัวเขาคิดว่านางเป็นโรคจิตนางคงไปยืนเฝ้าเขาที่หน้าห้องน้ำแล้ว"ดียิ่ง" เพียงแค่นี้ก็ทำให้นางมีกำลังใจที่จะทำการค้าครั้งนี้แล้ว จ้าวหนิงหลงรู้สึกทึ่งกับความสามารถของนางมาก ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ช่วยนาง เพราะนางบอกบางขั้นตอนอันตรายไม่อยากให้คนอื่นเข้าใกล้ แต่ทุกครั้งที่เห็นนางตั้งใจทำ เขาเห็นถึงความตั้งใจจริงของนางซูหนี่ปรึกษาจ้าวหนิงหลงนางอยากจะสร้างห้องเพิ่มเพื่อเก็บสบู่โดยเฉพาะซึ่งเขาก็เห็นดีด้วย เพราะในบ้านมีห้องว่างอีกแค่หนึ่งห้องก็ใช้เก็บของไปแล้ว หากสบู่ที่นางทำเพิ่มจำนวนมากขึ้นคงไม่มีที่เก็บแล้วจ้าวหนิงหลงจำได้ว่าฮูหยินของท่านอาจารย์ของตนนั้นมีร้านเครื่องหอมอยู่ด้วยเขาจึงขอสบู่จากซูหนี่ไปให้ท่านอาจารย์ของเขาได้ลองใช้ หากใช้แล้วถูกใจการค้าครั้งนี้นางก็ไม่ต้องออกไปห
ซูหนี่รับตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม คนรับของมองนางอย่างตกตะลึง จ้าวหนิงหลงถึงกับหัวเสีย เขาไปสำนักศึกษาพร้อมกับรถม้าของฮูหยินหู วันนั้นทั้งวันเขาไม่มีสมาธิที่จะอ่านตำรา เนื้อหาที่อาจารย์สอนก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด "จ้าวหนิงหลง วันนี้เจ้าเป็นอันใดถึงไม่มีสมาธิในชั้นเรียนเลย" อาจารย์หูคิดว่าลูกศิษย์ของตนมีเรื่องเครียด แต่วันนี้เขาก็เพิ่งจะขายสบู่ได้เงินก้อนใหญ่ยังจะมีอะไรให้เครียด"ศิษย์ขออภัยท่านอาจารย์ขอรับ ศิษย์มีเรื่องที่คิดไม่ตกจริงขอรับ""หากมีอันใดไม่เข้าใจก็มาปรึกษาอาจารย์ได้ รีบจัดการปัญหาเสียใกล้จะสอบแล้ว" ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงศิษย์อาจารย์ แต่เป็นคู่ค้าของภรรยาเขาด้วย"ศิษย์น้อมรับคำสอนของท่านอาจารย์ขอรับ" จ้าวหนิงหลงบอกลาอาจารย์หูแล้วกลับออกไปวันนี้ซูหนี่ได้รายได้ก้อนใหญ่มา นางจึงพาเด็กๆเข้าเมืองเพื่อซื้อของ เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเลิกเรียนของจ้าวหนิงหลงแล้วทั้งหมดจึงไปรอรับเขาเพื่อกลับบ้านพร้อมกันจ้าวหนิงหลงที่เดินหน้าเครียดออกมา เมื่อพบนางกับบุตรชายทั้งสองมารอรับก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ภายในหัวใจของเขาเมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาคิดว่าหากเป็นเช่น
ซูหนี่ที่ไม่ต้องรีบทำสบู่แล้วนางจึงหันมาสนใจทำยาสระผมแทน ตอนที่นางเข้าร่วมรายการต่างๆได้มีโอกาสศึกษาวิธีทำของใช้ในชีวิตประจำวันของคนโบราณ อาจารย์ที่ได้รับเชิญมาเขาเห็นนางสนใจจึงได้อธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด นักแสดงส่วนมากจะเป็นพวกความจำดีอยู่แล้ว เรื่องนี่จึงเป็นผลดีของนางที่มีความรู้ติดตัวมาตอนนี้ซูหนี่ต้องทำหัวเชื่อยาสระผมเสียก่อนนางต้องเข้าเมืองอีกครั้งเพื่อไปหาซื้อน้ำมันมาทำ แต่นางไม่รู้ว่าในยุคนี้จะมีน้ำมันหลายชนิดหรือไม่ นางบอกจ้าวหนิงหลงไว้ว่านางจะเข้าเมืองแต่เขาให้นางรอไปพร้อมเขาในวันที่สำนักศึกษาหยุดเรียนในอีกสองวันข้างหน้า ระหว่างนี้นางจึงทำน้ำด่างเก็บไว้ก่อน ห้องใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บสบู่นั้นกว้างขวางอย่างมากต่อให้มีสบู่หลายหมื่นก้อนก็เก็บได้อย่างสบาย สองวันที่ผ่านมานางล้วนหมดเวลาไปกับทำน้ำด่างและทำสบู่กลิ่นใหม่เพิ่ม นางใช้วิธีสกัดน้ำหอมจากดอกไม้แบบโบราณถึงกลิ่นจะไม่ชัดเท่ายุคของนางแต่กลิ่นที่ได้ก็ยังติดผิวกายขั้นตอนก็แสนง่าย นางนำดอกเหมยกุ้ยป่า(กุหลาบ) ที่หาได้ง่าย นำดอกไม้ใส่ไหประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วนำนุ่นที่ชุบน้ำมันบีบหมาดๆห้ามให้น้ำมันหยดลงไปโดนดอกไม้ ปิดไหให้แน่น
ร้านที่จ้าวหนิงหลงพามานั้นเป็นร้านเครื่องปรุง เสี่ยวเอ้อหน้าร้านให้การต้อนรับเป็นอย่างดี"นายท่านกับฮูหยิน อยากได้สินค้านิดไหนดีขอรับ""ข้าอยากได้น้ำมัน ไม่ทราบว่าที่ร้านมีน้ำมันอะไรบ้าง""ที่ร้านมีน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันละหุ่ง น้ำมันมะกอกขอรับ" นางไม่อยากจะเชื่อว่าในยุคนี้ก็มีน้ำมันหลายอย่างให้หาซื้อได้แล้ว"ราคาเท่าใด" หนึ่งไหใส่น้ำมันได้สองชั่ง นางต้องดูราคาก่อนว่าสมควรใช้น้ำมันชนิดใดดี"น้ำมันมะพร้าวชั่งละหนึ่งร้อยอิแปะ น้ำมันงาชั่งละสองร้อยอิแปะ น้ำมันละหุ่งชั่งละสามร้อยอิแปะ น้ำมันมะกอกชั่งละห้าร้อยอิแปะ" พระเจ้าน้ำมันราคาแพงมากจริงๆ แต่สบู่ ยาสระผมล้วนแล้วต้องใช้น้ำมัน "เอาน้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันละหุ่งอย่างละห้าไห ประเดี๋ยวให้รถม้ามารับของ" นางจ่ายเงินไปห้าตำลึงเงิน ที่นางไม่ซื้อน้ำมันมะพร้าวไปด้วยเพราะก่อนหน้านี้นางซื้อเก็บไว้เยอะแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อที่ร้านนี้ก็เท่านั้น ราคาน้ำมันมะพร้าวร้านที่นางซื้อประจำถูกกว่าแต่ก็ไม่มีน้ำชนิดอื่นให้เลือกเยอะเหมือนร้านนี้เฉิงเออร์กับอันเออร์เมื่อรู้ว่าท่านพ่อท่านแม่จะซื้อรถม้าก็ดีใจกันยกใหญ่ ซูหนี่เห็นแล้วก็ใจอ่อนเลยบอกว่าจะให้ทั้
เมื่อถึงเรือนก็พบปัญหาใหม่ ไม่มีห้องสำหรับทั้งสามคน นางกุมขมับเลย แต่เรื่องนี้จ้าวหนิงหลงคิดมาแล้ว เขาย้ายตัวเองไปอยู่ห้องเดียวกับซูหนี่และบุตรชาย ยกห้องให้เจ้าไห่กับจ้าวถิง ส่วนจ้าวหยุนเขาให้เก็บกวาดห้องเก็บของห้องเล็กให้จ้าวหยุนอยู่ ของในห้องเขาให้ไปเก็บไว้ในห้องที่สร้างใหม่แทนห้องของซูหนี่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในบ้านจะมีจ้าวหนิงหลงมาอยู่อีกคนก็ไม่ถึงกับคับแคบ แต่นางจะไม่ยินยอมก็ไม่ได้ ต่อไปคงทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกแล้ว แต่ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่สามเดือนเท่านั้นที่จ้าวหนิงหลงจะต้องไปสอบเมื่อเขากลับมานางก็ได้ย้ายออกแล้วแม้จ้าวไห่กับจ้าวถิงจะแปลกใจที่นายใหม่ของตนแยกห้องกันนอนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะต้องถามออกมา และอีกเรื่องที่เขาต้องตกใจคือ นายใหม่ของตนเป็นเจ้าของสบู่ที่ขายดีในเมืองตอนนี้แม้แต่เมืองหลวงก็ยังต้องการสบู่ของซูหนี่"วันนี้ก็ไม่มีอันใดพวกเจ้าจัดการที่พักเถิด" จ้าวหนิงหลงชวนจ้าวไห่ออกไปข้างนอกเขาไม่ได้บอกนางไว้ว่าจะไปที่ใด แต่เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นนางก็รู้ว่าเขาไปซื้อโต๊ะเก้าอี้ชุดใหม่มา ในหมู่บ้านมีช่างไม้อยู่แล้วเพียงแต่เป็นงานธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้ประณีตเท่าร้านในเมืองอาหารเ
เช้าวันต่อมาหลังจากจัดการเรื่องในบ้านแล้ว จ้าวหนิงหลงไปเรียนที่สำนักศึกษาโดยมีจ้าวไห่ขับรถม้าไปส่ง จ้าวหยุนรับหน้าที่ดูแลเด็กแฝดทั้งสอง จ้าวถิงตามซูหนี่เข้าครัวเพื่อลองทำยาสระผมนางนำน้ำด่างที่ทำเก็บไว้มาผสมน้ำในแล้วทิ้งให้อุณหภูมิลดลง จากนั้นนำน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ขึ้นตั้งไว้คนจนได้อุณหภูมิที่เท่ากับน้ำด่างแล้วยกเทรวมกับน้ำด่างคนต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อส่วนผสมข้นหนืดแล้วนำไปตุ๋นคนจนมีเนื้อเหมือนแป้งเปียก ปิดฝาตุ๋นต่ออีกสองชั่วยาม จนได้เป็นเนื้อเจลใสเก็บไว้สิบห้าวันถึงจะนำออกมาผสมน้ำต้มไฟอ่อนทิ้งไว้หนึ่งคืนจะได้เป็นสบู่เหลว เมื่อได้เป็นสบู่เหลวแล้วซูหนี่แบ่งเป็นสองส่วน นางนำไปผสมน้ำหอมไว้อาบน้ำด้วย อีกส่วนนางนำไปใส่น้ำสมุนไพรที่เตรียมไว้สำหรับบำรุงผมโดยเฉพาะ นางใช้ไม้พายคนจนเข้ากันแล้วเต็มน้ำมันละหุ่งเข้าไปก็ใช้ได้แล้ว ถึงขั้นตอนการทำจะไม่ยุ่งยาก แล้วยังสามารถแยกออกมาเป็นสบู่เหลวได้ ผลที่ได้ก็น่าพอใจแต่ระยะเวลาที่ต้องทิ้งไว้ก่อนนำมาเจือจางนั้นใช้เวลาถึงสิบห้าวัน เมื่อครบเวลาซูหนี่นำยาสระผมออกมาให้ทุกคนได้ลองใช้ ทุกคนล้วนแต่พึงพอใจ "ฮูหยินยาสระผมของท่านใช้ดีย
ตอนนี้ในเมืองต่างๆที่เป็นร้านของฮูหยินหูล้วนต้อนรับลูกค้าไม่ทัน คนที่มาที่หลังแล้วไม่ได้ก็เกิดความไม่พอใจ จนต้องให้ลงชื่อไว้หากของมาถึงเมื่อไหร่จะให้คนไปแจ้งทันที ลูกค้าถึงได้ยอม เมื่อสินค้าขายได้ย่อมมีคนลอกเลียนแบบ แต่สบู่ที่ทำออกไม่มีกลิ่นเหม็นหื่น แถมไม่มีฟองอีกด้วย ยาสระผมก็เช่นกันถึงใช้แล้วผมจะสะอาดแต่ก็กระด้างไม่จับแล้วนุ่มมือเช่นของซูหนี่ เรื่องนี้ทางฮูหยินหูจึงไม่มีความกังวลนางอยากจะได้มากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แต่จ้าวหนิงหลงใกล้สอบแล้วนางจึงไม่กล้าจะรบกวนเขามากเกินไป ที่ไม่ได้เข้าไปคุยกับซูหนี่เอง เพราะจ้าวหนิงหลงบอกว่านางไม่ชอบออกนอกบ้านแล้วก็วุ่นวายกับการดูแลลูกๆด้วย เขารับปากว่าเมื่อเขาสอบเสร็จแล้วจะพาซูหนี่มาคารวะอาจารย์หญิงแน่นอนอีกไม่ถึงเดือนจ้าวหนิงหลงจะต้องเดินทางไปเมืองเซียงตงที่อยู่ห่างจากเมืองเซียงซานที่พวกตนอาศัยอยู่ สองร้อยลี้ เพื่อเข้าสอบจวี่เหริน"เจ้าอยากไปกับข้าด้วยหรือไม่" เขาถามขึ้นขนาดที่กำลังเช็ดผมให้นาง ตอนนี้เขาแย่งทำหน้าที่นี้ทุกวันแล้ว "ท่านไปคนเดียวจะสะดวกเสียกว่า จะพาข้ากับลูกไปเป็นภาระได้อย่างไร" นางหันไปมองหน้าเขา จ้าวหนิงลูบหน้านางอย่างหลงใหล ขอ
องค์รัชทายาทจ้องมองจ้าวหนิงหลงอย่างขอร้อง จ้าวหนิงหลงถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขารู้เรื่องเจ้าเมืองหานกับสิ่งที่บุตรสาวของเขาทำแล้ว แต่อยากจะรู้ว่าองค์รัชทายาทจะทำอย่างไร แต่เรื่องที่บุตรสาวของตนเสียใจเป็นเรื่องจริง บิดาอย่างเขาทนเห็นไม่ได้เขาเลี้ยงนางมาแทบจะอมไว้ในปาก หากนางต้องเจ็บปวดเช่นนี้เขายอมให้นางแต่งออกไปกับคนธรรมดาเสียดีกว่าองค์รัชทายาทที่ได้รู้เจียวเจียวอยู่ที่ใดก็ไม่รั้งรออีก เขารีบออกจากวังไปพบนางทันที "เจ้ารอรับราชโองการได้เลยหนิงหลง ครั้งนี้เจิ้นยังยอมให้อวี่เออร์ไม่แต่งอนุเข้าตำหนัก เจ้าก็คงต้องยอมถอยก้าวหนึ่งได้แล้วกระมัง" ฮ่องเต้ถลึงตาใส่จ้าวหนิงหลงอย่างไม่สบอารมณ์ซูหนี่กับซูฉีมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม สุดท้ายก็ต้องยินยอมเช่นนี้ แล้วตาเฒ่าของตนจะดื้อด้านตั้งแต่แรกกันทำไมเซี่ยเฟยอวี่ที่ควบม้าเร็วโดยไม่หยุดพักตลอดสองชั่วยามก็มาถึงเรือนพักอากาศของตระกูลจ้าว เขาให้คนไปแจ้งจ้าวเหว่ยว่าบิดาเขาเรียกตัวกลับด่วน เพราะที่จวนเกิดปัญหา ส่วนตัวเขาได้รับอนุญาตให้มาแก้ไขเรื่องที่ซูเจียวเข้าใจผิดจ้าวเหว่ยแม้ไม่อยากจะเชื่อเซี่ยเฟยอวี่แต่ก็จับผิดเขาไม่ได้จึงรีบกลับจวน
เวลาสามปีที่ผ่านมา เซี่ยเฟยอวี่ส่งจดหมายมาไม่ได้ขาด จ้าวซูเจียวตอนนี้เป็นสาวสะพรั่ง ไม่ว่าจะก้าวเดินไปที่ใดล้วนแต่ได้รับความสนใจ จนหลังๆนางเบื่อสายตาที่แทะโลมของบุรุษกักขฬะที่ไม่กลัวบิดาของนางควักลูกตาทั้งหลาย จึงเลือกที่จะอยู่ในจวนหรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่นที่ตำหนักองค์หญิงฟางเซียนที่ตอนนี้แต่งราชบุตรเขยจนมีท่านชายน้อยแล้ว"เจ้ารู้หรือยังว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จกลับเมืองหลวงแล้ว" ฟางเซียนกล่าวกับซูเจียวที่หยอกล้อบุตรของตนอยู่ นางพยักหน้ารับรู้แต่มิได้พูดสิ่งใด เซี่ยเฟยอวี่ส่งข่าวให้นาง ตอนนี้เขาคงจะถึงกลางทางแล้ว แต่เรื่องคืนนั้นที่เขาลอบเข้ามาพบนางไม่มีใครรู้ และเรื่องที่นางติดต่อกับเขาก็มีเพียงคนในครอบครัวที่รู้เท่านั้น นางจึงไม่พูดออกไปวันที่เซี่ยเฟยอวี่เสด็จกลับถึงเมืองหลวง นางไม่ได้ไปรอรับเขา แต่ข่าวลือที่องค์รัชทายาทพาสตรีแดนเหนือกลับมาด้วยเรื่องนี้นางย่อมได้ยิน จ้าวหนิงหลงแทงจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เขาอยากจะเข้าไปพังตำหนักขององค์รัชทายาทแต่ก็ทำมิได้ บุตรชายทั้งสี่เช่นกัน งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาครั้งนี้จ้าวซูเจียวมิยอมไป จ้าวหนิงหลงกับซูหนี่เห็นเช่นนั้นก็ปวดใจ ทุกคนต่างรู้ว่าบุตรสา
องค์รัชทายาทเสด็จมาเยี่ยมดูอาการของซูเจียวทุกวันแต่นางไม่ให้เขาเข้าพบ มีเพียงพี่ขายของนางที่หมุนเวียนออกมาต้อนรับเขาเท่านั้น เขาไม่เข้าใจว่านางทำเช่นนี้กับเขาเพื่ออันใดจนบุกเข้าไปถึงเรือนของนางเพื่อคำตอบซูหนี่สั่งให้บุตรชายทั้งสี่ของตนหลบทางให้องค์รัชทายาทเข้าไปพบจ้าวซูเจียว นางรู้ว่าบุตรสาวของตนเป็นเช่นเดียวกับตนหากเรื่องใดที่ไม่สมควรดึงดัน จ้าวซูเจียวจะถอยห่างทันที"เจียวเจียวเหตุใดเจ้าไม่ยอมพบหน้าข้า" เซี่ยเฟยอวี่มองนางในดวงใจอย่างปวดใจ นางหายป่วยมาเกือบเดือนแล้ว มิใช่ว่านางสบายดีตั้งแต่อาทิตย์แรกหรือ ทำไมต้องหลบหน้าตน"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันกลัวนำโรคไปติดพระองค์จึงไม่ได้ออกไปต้อนรับเพคะ" ท่าทีที่ห่างเหินทำให้เซี่ยเฟยอวี่ปวดใจจนแทบคลั่ง นางไม่เคยพูดเป็นทางการเช่นนี้กับเขาเลยสักครั้งเมื่ออยู่เพียงลำพัง แต่วันนี้นางขีดเส้นชัดเจนมิให้เขาล่วงล้ำเข้าไป"เจียวเจียว เจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้กับข้า" เขาทนไม่ได้หากนางหันหลังให้เขา นางคือความสดใสเดียวในชีวิตของเขา"พระองค์เลิกดึงดันเถิดเพคะ ตำแหน่งที่พระองค์ต้องการมอบให้หม่อมฉัน หม่อมฉันรับไม่ไหวจริงๆ หากพระองค์ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ห
"เจียวเจียว" เสียงเด็กหนุ่มวัยสิบสองหนาว ร้องเรียกจ้าวซูเจียวเสียงดังลั่นเมื่อเดินผ่านประตูจวนตระกูลจ้าวเข้ามา เซี่ยเฟยอวี่ องค์รัชทายาท แขกประจำจวนตระกูลจ้าว"พี่อวี่" เสียงเด็กน้อยวัยแปดหนาวร้องเรียกพร้อมวิ่งมาหาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เด็กน้อยตากลมโต ความงามที่หากนางเป็นที่สองในเมืองหลวงคงหาที่หนึ่งมิได้ นอกจวนจะลือว่านางอ่อนแอเปาะบางเพียงใด แต่ความจริงแล้วนางแข็งแรง สดใสร่าเริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดที่นั่นล้วนแล้วแต่น่ามองไปเสียทุกอย่างองค์รัชทายาทในปีนี้ก็เริ่มมองหาพระชายาเพื่อหมั้นหมายแล้ว แต่เสนาบดีจ้าวยังคงมิใจอ่อนยอมให้เขาได้เข้าใกล้เจียวเจียวมากเกินไป วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาแอบหนีออกจากวังมาพบนาง เพียงได้เห็นรอยยิ้มของนาง ได้พูดคุย เรื่องต่างๆในวังที่แสนเบื่อหน่ายก็หายไปในพริบตาเพราะบิดาของนางไม่อยากให้บุตรสาวของตนโดนกักขังอยู่ในวังหลัง และไม่ต้องการให้ว่าที่บุตรเขยมีอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง เมื่อมองตนเองแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะได้ครอบครองตัวนางเมื่อจ้าวซูเจียวอายุได้สิบสามหนาว บิดาอย่างจ้าวหนิงหลงก็ขังนางไว้แต่ในจวนมิได้เสียแล้ว เจียวเจียวติดตามบิดามารดาและพี่ชายทั้งสี่เข้า
จ้าวหนิงหลงพาซูหนี่ไปบ้านพักตากอากาศนอกเมือง เขาทิ้งบุตรชายทั้งสี่ไว้ที่เรือน แม้เหว่ยเออร์จะโวยวายเพียงใด บิดาเช่นเขาก็ไม่ยอมใจอ่อนพามาด้วย อันเออร์มองน้องชายจอมโง่ที่ได้แต่ร้องไห้ ตัวเขาก็เคยผ่านมาแล้ว น้ำตาไม่ทำให้ท่านพ่อใจอ่อนเรือนสี่ประสานหลังใหญ่ที่เขาได้รับพระราชทานจากฝ่าบาท ห้อมล้อมไปด้วยขุนเขาและสายน้ำ สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี บ่อแช่น้ำร้อนมีกว้างขวางพอให้คนนับสิบลงไปแช่ได้ แต่ตอนนี้คนที่แช่มีเพียงสองสามีภรรยาเท่านั้นจ้าวหนิงหลงที่แช่น้ำรอภรรยารักอยู่ก่อนแล้ว ซูหนี่แม้จะบอกว่านางคลอดบุตรออกมาแล้วสี่คน แต่เขายังคงหลงใหลในความงามของนางอยู่เช่นเดิม ร่างกายทรวดทรงส่วนเว้าสวนโค้งของนางงดงามดั่งภาพวาด ยิ่งนางเยื้องย่างก้าวเดินเข้ามา เหมือนกันทุกก้าวเดินของนางกระแทกลงไปที่ใจของเขาเพียงเห็นแค่นั้น จ้าวหนิงหลงก็ลุกพรวดขึ้นจากน้ำอุ้มซูหนี่ลงน้ำทันที ไม่ต้องรอให้นางเอ่ยปากอนุญาตเขาที่แทบจะอดกลั้นไม่ไหวก็จู่โจมเสียแล้ว บทรักอันร้อนแรงใต้น้ำได้เริ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ เสียงอันน่าอับอายที่ดังไปทั่วก็ไม่ต้องอดกลั้นกลัวใครได้ยิน บ่าวที่ติดตามมาก็เป็นคนเก่าที่รู้งานอย่างดีตอน
กว่าซูหนี่จะฟื้นขึ้นมาก็ผ่านมาสองวัน จ้าวหนิงหลงไม่ออกห่างจากนางเลย เขานั่งจับมือมองนางเช่นนั้นทั้งวันทั้งคืน เพราะกลัวว่าหากปล่อยมือนางเมื่อใดนางจะทิ้งเขาไปในที่ที่นางจากมา (ก็บอกแล้วว่ากลับไม่ได้แล้ว เห้อออ)เพียงลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็น จ้าวหนิงหลงเริ่มมีหนวดขึ้นร่ำไร ดูดิบเถื่อนไปอีกแบบ "ท่านพี่" เสียงเบาราวยุงบินผ่านเรียกสติของจ้าวหนิงหลงให้กลับมาเขาดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด อยากจะหลอมนางให้อยู่ในกระดูกของเขา เมื่อซูหนี่บอกหิวน้ำ เขาถึงได้ปล่อยตัวนาง "ลูกละเจ้าคะ" "อยู่กับแม่นม เจ้าลุกไหวหรือไม่ กินอะไรเสียหน่อยแล้วข้าจะให้แม่นมพาลูกมาให้เจ้าดู" เขาเรียกให้คนยกอาหารมาให้ แล้วป้อนนางทีละคำ"ท่านต้องกินด้วย ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่กินแล้ว" นางรู้ว่าเขาคงไม่ยอมกินอะไรหรือลุกไปไหน นางลูบหน้าเขาอย่างปวดใจ เพียงสองวันเท่านั้นเขาดูซูบผอมไปเยอะจ้าวหนิงหลงต้องยอมกินกับนาง เขาป้อนนางคำตักใส่ปากตนเองคำ ตอนนี้อีกห้องที่แม่นมดูแลเด็กน้อยอยู่ เฉิงเออร์กับอันเออร์นั่งจ้องน้องสามกับน้องสี่ด้วยสายตาเคร่งขรึม เขาต้องกำราบน้องชายตั้งแต่เล็กๆ ยังไม่ออกมาก็ทำให้ท่านแม่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ"พี่ใหญ่ ดูเจ้าสามเ
องค์รัชทายาทและจ้าวหนิงหลงที่ยังคงแพ้ท้องแทนเมียจนกลายเป็นที่ขบขันของขุนนางทั้งหลาย องค์รัชทายาทอาเจียนแห้งทั้งวันจนทำให้เข้าประชุมขุนนางในท้องพระโรงไม่ได้ขุนนางที่อยู่ฝ่ายเดียวกับองค์ชายสาม องค์ชายห้าก็ถวายฎีการ้องเรียนองค์รัชทายาท กล่าวหาว่าพระองค์ใช้ข้ออ้างเรื่องป่วยไม่ทำราชกิจ พระองค์เพียงรอดูว่าฝ่ายไหนหางจะโผล่ก่อนกันเท่านั้นมิได้โต้แย้งแต่อย่างใดตอนนี้ราชสำนักแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย ด้วยโอรสสวรรค์มากความสามารถทุกคน ตอนนี้ก็รอดูเพียงใครจะเพลี่ยงพล้ำก่อนกัน องค์ชายสามโจมตีขุนนางฝ่ายองค์รัชทายาทโดยยัดข้อหาความผิดให้ เพราะตอนนี้องค์รัชทายาทไม่สามารถออกมาปกป้องพวกเขาได้ส่วนองค์ชายห้าที่ซ่องสุมกำลังไว้ รอให้องค์ชายทั้งสองสู้กันให้แล้วเสร็จตนจะนำกองกำลังเข้ายึดอำนาจทีหลัง แต่พวกเขาพลาดไปจุดหนึ่ง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังคงพลานามัยแข็งแรงดี พระองค์รอดูว่าบุตรของตนคนใดจะเคลื่อนไหวก่อนกันจ้าวหนิงหลงยังคงแอบออกไปพบองค์รัชทายาทและคนของเสนาบดีเพื่อวางแผนตลบหลังองค์ชายทั้งสอง"พระองค์ทรงรอดูองค์ชายสามกับองค์ชายห้าเคลื่อนไหวเท่านั้น อย่าได้ทรงทำอะไรทั้งสิ้น เพราะฝ่าบาทกำลังจับตามองทุกพระองค์อยู่"
เรื่องมงคลของจวนตระกูลจ้าวมาพร้อมกันติดๆ จ้าวหนิงหลงสอบจิ้นชื่อหน้าพระที่พักตร์ได้เป็นจ้วงหยวนสมใจ ของที่ตระกูลสวีจะร่วมแสดงความยินดีกับการตั้งครรภ์ของซูหนี่ต้องเพิ่มเข้าไปให้จ้วงหยวนคนใหม่ด้วยซูหนี่ที่แพ้ท้องก็ลุกขึ้นจัดการสิ่งใดไม่ได้เลยในช่วงนี้ นางยังแปลกใจที่ตอนแรกเพียงแค่ง่วงนอนอย่างเดียวเท่านั้น พอรู้ว่าตัวเองท้องก็แพ้ท้องทันที เหมือนเด็กในท้องจะกลั่นแกล้งมารดาของตน"ยินดีด้วยหนี่เออร์"สวีซูฉีมาเยี่ยมนางหลังจากที่ผ่านวันประกาศผลสอบมาได้สองวัน "เจ้าก็ต้องรีบตามข้ามาเร็วๆเสียแล้ว" ซูหนี่กล่าวเย้าซูฉี อีกไม่ถึงเดือนนางก็ต้องแต่งออกแล้วเช่นกันทั้งสองพูดคุยกันอีกไม่นานซูฉีก็ขอตัวกลับไปนางออกมานานไม่ได้เพราะต้องเตรียมตัวเรื่องงานแต่ง จ้าวหนิงหลงช่วงนี้ก็ต้องเดินสายขอบคุณเหล่าอาจารย์ และยังต้องเตรียมตัวเข้ารายงานตัวอีกด้วยขบวนแห่จ้วงหยวนคนใหม่รอบเมืองหลวงนั้นซูหนี่ต่อให้มีใจอยากจะไปดูแค่ไหนสภาพของนางก็ไม่อำนวยให้ไป อีกอย่างจ้าวหนิงหลงก็ไม่ยินยอมให้นางไปเบียดกับคนอื่นด้วย ถึงนางจะเสียดายที่ไม่ได้ชมแต่อันเออร์กับเฉิงเออร์ก็นำกลับมาเล่าให้ฟังว่าบิดาสง่างามเพียงใดเมื่ออยู่บนหลังม้าเดิ
พรุ่งนี้จะเป็นวันที่จ้าวหนิงหลงต้องเข้าสอบ ซูหนี่ก็จัดของให้เรียบร้อยอย่างดี"หนี่หนี่" เมื่ออยู่สองคนเขาจะเรียกนางเช่นนี้เสมอ ซูหนี่มองค้อนอย่างรู้ทัน "จะสอบอยู่แล้วท่านยังไม่ละเว้นข้าอีกหรือ" "ต้องห่างเจ้าหลายวัน ข้าปวดใจยิ่งนัก" คำพูดเช่นนี้นางได้ยินจนเบื่อ สุดท้ายก็ต้องยอมเขาอยู่ดี"วันนี้ท่านกินน้อยลงหน่อย พรุ่งนี้จะเข้าสอบไม่ไหวเสียก่อน" ถึงนางจะห้ามเขาเช่นไร หรือร้องขอให้เขาหยุด เนื้อที่เข้าปากเสือไปแล้วย่อมไม่คายออกมา จ้าวหนิงหลงก็เช่นกัน เขาเคี่ยวกลำนางเช่นเวลาปกติ คำพูดของคุณชายเสเพลถูกดึงมาใช้ทั้งคืน หากนางยังไม่ยอมชมเขา เขาจะลงโทษนางอย่างถึงพริกถึงขิง"หากข้าลุกไปส่งท่านไม่ไหวก็อย่าได้พูดว่าก็แล้วกัน" นางเริ่มโมโหเขาแล้วที่ไม่ยอมปล่อยให้นางนอนเสียที "เจ้าไม่ต้องลุกไปส่งข้า เจ้านอนพักให้นานขึ้นเสียหน่อย" ทุกครั้งเขาก็พูดเช่นนี้ นางจะไม่ลุกได้อย่างไร เจ้าเด็กแสบได้มาน้ำตาคลอข้างเตียงคิดว่ามารดาป่วยอีก"ข้าอยากจะผูกเจ้าไว้กับตัวแล้วพาไปสนามสอบด้วย" จ้าวหนิงหลงถึงจะหยุดรังแกนางแล้วแต่เขาก็ยังคลอเคลียนางไม่เลิก นางอยากจะให้คนที่มองสามีนางอย่างเทิดทูนมาเห็นตอนที่เขาเป็นหมาน้