ทิวป่าที่ทอดยาวเบื้องหน้าให้ความรู้สึกเงียบงันจนผิดปกติ เส้นทางที่ชายแปลกหน้าชี้นำยังคงนำพวกซาเอบะลึกเข้าไปในพื้นที่ที่แทบไม่มีร่องรอยการเดินทาง หลินหลินเดินเคียงข้างเมย์ คอยจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ ขณะที่ซาเอบะ ทาเคชิ และอาคิระคอยระวังภัยจากรอบด้าน “เราคงใกล้ถึงฐานของพวกมันแล้ว” ชายแปลกหน้าพูดพลางชี้ไปยังเนินเขาเล็กๆ ที่โผล่พ้นยอดไม้ “จากตรงนี้จะมองเห็นฐานได้ชัดหรือเปล่า?” ซาเอบะถาม “ขึ้นไปอีกไม่ไกลก็จะเห็น” ชายคนนั้นตอบ ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังในการเดิน เพราะพวกเขารู้ดีว่าการเข้าใกล้พื้นที่ของศัตรูย่อมหมายถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้น ทุกย่างก้าวต้องใช้ความเงียบที่สุด เมื่อขึ้นถึงเนินเขาเล็กๆ กลุ่มของซาเอบะหยุดพักและสำรวจพื้นที่ด้านล่าง พวกเขามองเห็นฐานของคนร้ายที่ชายแปลกหน้ากล่าวถึง เป็นอาคารไม้หลังเล็กๆ ที่ล้อมด้วยรั้วลวดหนามสูง มีหอคอยเล็กๆ พร้อมกับคนยืนเฝ้าอยู่ด้านบน “ที่นี่ดูเหมือนจุดกระจายคำสั่ง ไม่ใช่ที่พักของหัวหน้ากลุ่ม” อาคิระวิเคราะห์ “แต่ก็ยังสำคัญอยู่ดี” ซาเอบะตอบ “เราอาจหาข้อมูลบางอย่างได้จากที่นี่” “แล้วเราจะบุกยังไง?” ทาเคชิถามขณะตรวจสอบปืนในมือ “ตอนนี้กระสุนเรา
เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบของป่าท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดลอดยอดไม้ ซาเอบะและพวกพยายามหนีจากการตามล่าของกลุ่มคนร้ายที่เหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด เสียงตะโกนไล่ล่าผสมกับเสียงปืนที่ยิงขึ้นฟ้ากดดันทุกย่างก้าวของพวกเขา“เราต้องหาเส้นทางใหม่ หนีไปทางนี้ไม่ได้แล้ว!” ทาเคชิพูดพร้อมมองไปด้านหลัง เห็นแสงไฟฉายไล่ล่าใกล้เข้ามา“เราต้องหาจุดซ่อนตัวสักพักก่อนจะเคลื่อนไหวต่อ” ซาเอบะพูดพลางพิจารณาเส้นทางรอบตัวชายแปลกหน้า ผู้นำทางที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ หยุดกะทันหันพลางชี้ไปทางขวามือ “ที่นั่น มีทางเล็กๆ ไปยังแอ่งน้ำ ถ้าเราว่ายน้ำต่อไปได้ พวกมันอาจไม่ตามเรา”“แอ่งน้ำน่ะเหรอ?” หลินหลินถามด้วยความสงสัย “พวกมันมีไฟฉาย แค่แอบใต้น้ำคงไม่พอ”“แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น” ชายแปลกหน้าตอบ“ฉันเห็นด้วยกับเขา” อาคิระเสริม “อย่างน้อยพวกมันจะใช้เวลาเพิ่มในการตามรอย”“โอเค งั้นไปตามนั้น” ซาเอบะตัดสินใจในทันทีเสียงน้ำกระเพื่อมเบาๆ ขณะพวกเขาเดินลุยลงแอ่งน้ำที่ถูกล้อมรอบด้วยพุ่มไม้หนาทึบ หลินหลินและเมย์เดินอยู่ตรงกลาง ขณะที่ซาเอบะคอยระวังหลัง ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ หาความผิดปกติ“ตรงนี้ลึกพอไหม?” ทาเคชิถามชายแปลกหน้า“แค่เ
กลุ่มของซาเอบะยังคงเดินทางต่อไปในป่าลึกหลังจากที่หนีจากงูยักษ์และการตามล่าของคนร้ายมาได้ แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาก็เริ่มกัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ เสียงหายใจหนักของแต่ละคนสอดประสานกับเสียงฝีเท้าบนใบไม้ที่กรอบแกรบใต้เท้า“พวกเราจะไปถึงเขตแดนเมื่อไหร่?” หลินหลินถามพร้อมหอบเบาๆ ขณะพยายามรักษาจังหวะการเดินชายแปลกหน้าที่นำทางหยุดชะงัก หันมามองพวกเขาด้วยสีหน้าขรึม “ยังอีกไกล เราต้องเดินตัดผ่านป่าทึบช่วงหนึ่งก่อนจะถึงพื้นที่เปิด”“พื้นที่เปิด?” ทาเคชิเลิกคิ้วถาม “คุณหมายถึงพื้นที่เสี่ยงใช่ไหม?”“ใช่” ชายแปลกหน้าตอบเสียงเรียบ “แต่เราต้องเสี่ยง ถ้าอยากหลุดพ้นจากการตามล่าของพวกมัน”ซาเอบะที่เดินรั้งท้ายมาตลอดหยุดเพื่อฟังบทสนทนา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าเส้นทางไหน เราต้องพร้อมเผชิญหน้า ถ้าเจอคนร้ายอีกก็แค่จัดการให้จบ”คำพูดของเขาเรียกกำลังใจกลับคืนมา แม้แต่หลินหลินที่ดูอ่อนล้า ก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเห็นด้วยหลังจากเดินมาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงพื้นที่ที่ชายแปลกหน้าพูดถึง มันเป็นลานหินขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปยังอีกฝั่งของป่า ด้านบนมีหน้าผาสูงชันซึ่งเหมือนเป็นกำ
หลังจากที่กลุ่มของซาเอบะหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยในช่องหินแคบ ๆ ทุกคนพยายามเรียกกำลังใจและวางแผนใหม่เพื่อรับมือกับสิ่งที่ยังไม่รู้รออยู่ข้างหน้า ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ท่ามกลางกำแพงหินช่วยให้พวกเขาได้พักหายใจบ้าง แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆหลินหลินเริ่มจัดการบาดแผลเล็กน้อยบนแขนของเธอ ขณะที่ทาเคชินั่งเช็กจำนวนกระสุนที่เหลือในแม็กกาซีน เขามองไปที่ซาเอบะและชายแปลกหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เรามีทางเลือกอะไรบ้าง?” ทาเคชิเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความวิตกกังวลซาเอบะยืดตัวตรง ขณะที่ถือแผนที่ที่เริ่มขาดรุ่งริ่งไว้ในมือ “ทางออกมีสองทาง หนึ่งคือเดินหน้าผ่านหุบเขาเบื้องหน้า สองคือย้อนกลับไปเสี่ยงกับพวกคนร้ายที่อาจยังตามมา”“ถ้าย้อนกลับไป เราอาจถูกปิดล้อม” ชายแปลกหน้าแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่ถ้าเดินหน้า เราไม่มีทางรู้เลยว่าข้างหน้ามีอะไรอยู่”หลินหลินเงยหน้าขึ้นจากการพันแผล ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “เราไม่มีเวลามากพอที่จะลังเล ถ้าเรายังอยู่ที่นี่นานกว่านี้ พวกมันจะตามเราทัน”ซาเอบะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขามองดูสมาชิกในกลุ่ม ก่อนจะตัดสินใจ “เราจะเด
เสียงปืนที่ดังสะท้อนกลับกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้กลุ่มของซาเอบะยังคงเคลื่อนไหว พวกเขาหนีต่อเนื่องไปในความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุด เส้นทางที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบถูกขับเคลื่อนด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยว่าจะสามารถหลุดพ้นจากการตามล่าของคนร้ายซาเอบะหยุดเพียงชั่วครู่เมื่อพวกเขามาถึงลำธารที่ตัดผ่านแนวหุบเขา น้ำใสเย็นไหลเอื่อย แต่ลึกพอที่จะปกปิดร่องรอยการหลบหนี“เราต้องลุยน้ำ” เขาพูดเสียงแผ่ว พลางชี้ไปยังแนวป่าอีกฝั่ง “มันอาจช่วยทำให้พวกนั้นตามเราไม่เจอ”“แผนนี้เสี่ยงเกินไปไหม?” หลินหลินถาม แม้ว่าเธอจะเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงความระแวดระวัง“เสี่ยง” ทาเคชิพูดพร้อมยิ้มบาง ๆ “แต่ตอนนี้เรามีตัวเลือกอื่นเหรอ?”ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทุกคนก้าวลงไปในลำธาร น้ำเย็นจัดชวนให้เสียวสะท้าน แต่พวกเขาจำเป็นต้องกัดฟันทน ซาเอบะเดินนำหน้า โดยตรวจดูทุกย่างก้าวอย่างระมัดระวัง ขณะที่หลินหลินเดินประคองเมย์อยู่ตรงกลาง อาคิระและทาเคชิปิดท้ายคอยคุ้มกันไม่นานนัก เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และเสียงตะโกนของกลุ่มคนร้ายก็เริ่มดังขึ้นมาจากด้านหลัง พวกมันกระจายตัวค้นหาท่ามกลางพุ่มไม้และพื้นป่า“พวกมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม” อาคิระกระซิบ “เราจะเอายัง
เสียงวิทยุยังคงดังสะท้อนอยู่ในมือของซาเอบะ ทุกคนในกลุ่มหยุดนิ่งเหมือนเวลาถูกหยุดไว้ หลินหลินขยับเข้าไปใกล้เขา ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม ขณะที่ทาเคชิและอาคิระจับอาวุธแน่น เฝ้าระวังสิ่งที่อาจเกิดขึ้น“คุณเป็นใคร?” เสียงจากปลายสายถามอีกครั้ง น้ำเสียงแหบพร่าเหมือนวิทยุเก่า“เราเป็นคนที่กำลังหนีจากการถูกตามล่า” ซาเอบะตอบกลับด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “เราต้องการความช่วยเหลือ”เสียงในวิทยุเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่ปลายสายจะตอบกลับมา “คุณอยู่ที่ไหน?”ซาเอบะลังเล ก่อนจะหันไปมองทาเคชิที่พยักหน้าอย่างระมัดระวัง “พวกเรามาถึงหมู่บ้านร้างใกล้ลำธารทางตะวันตก”“รับทราบ” ปลายสายตอบ “อย่าเพิ่งขยับตัว เราจะมาหาคุณ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณไม่ใช่ภัยคุกคาม”หลังจากวางวิทยุ ทุกคนต่างมองหน้ากัน หลินหลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกเขาจะเป็นมิตรจริง ๆ หรือเปล่า?”“เราไม่มีทางรู้” ทาเคชิพูด “แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกแค่สองอย่าง—รอ หรือออกไปต่อ”“ถ้าพวกเขาเป็นมิตร มันอาจช่วยเราออกจากที่นี่ได้” อาคิระเสริมซาเอบะพยักหน้า “เราจะรอ แต่ทุกคนต้องเตรียมพร้อม ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป เรายังต้องมีแผนสำรอง”ความเงียบครอบคลุมหมู่บ้านร้างอี
รุ่งเช้าของวันที่เต็มไปด้วยความกดดัน แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างอาคารเก่า กลุ่มของซาเอบะยังคงระแวดระวัง แม้จะอยู่ในสถานที่ที่ดูเหมือนปลอดภัย ทาเคชิและอาคิระยืนอยู่บริเวณประตูตรวจตราความเรียบร้อย ขณะที่หลินหลินกำลังชงกาแฟด้วยท่าทางที่ยังคงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ซาเอบะนั่งอยู่ที่มุมห้อง มองดูแผนที่ที่คาซึกินำมาให้เมื่อคืนก่อน แผนที่นี้แสดงเส้นทางที่สามารถใช้หลบหนีออกจากพื้นที่ได้ แต่เส้นทางแต่ละเส้นล้วนเต็มไปด้วยอันตราย ไม่ว่าจะเป็นด่านของกลุ่มทหารรับจ้างหรือภูมิประเทศที่ยากลำบาก “ถ้าเราเลือกเส้นทางนี้ เราอาจต้องเผชิญหน้ากับด่านตรวจของพวกมันโดยตรง” ซาเอบะพูดขึ้น ขณะที่นิ้วชี้ไปยังเส้นทางที่ใกล้ที่สุด “แต่ถ้าเราเลือกเส้นทางอ้อม มันจะใช้เวลามากกว่าสองวัน และเรายังไม่รู้ว่าพวกมันจะส่งกำลังเสริมมาที่นี่หรือเปล่า” คาซึกิเดินเข้ามาพร้อมกับชายอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นสมาชิกทีมอาสาสมัคร “สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับโยนซองเอกสารลงบนโต๊ะ “เมื่อคืนเราดักฟังสัญญาณของพวกมันได้ มันรู้แล้วว่าคุณอยู่ในพื้นที่นี้ และกำลังวางแผนปิดล้อมทุกทางออก” หลินหลินที่ได้ยินคำพูดนั้นถึง
แสงแดดยามบ่ายส่องลงมาบนป่าที่เต็มไปด้วยหมอกจางๆ กลุ่มของซาเอบะทั้งหกคนกำลังเคลื่อนตัวผ่านเส้นทางแคบๆ กลางแนวต้นไม้หนาทึบ ซาเอบะเดินนำหน้าอย่างระมัดระวัง ทาเคชิและอาคิระตามมาด้านหลัง ขณะที่หลินหลินและเมย์ประคองกระเป๋าสัมภาระที่เต็มไปด้วยเสบียง น้ำ และอาวุธเท่าที่พอมี ชายแปลกหน้าที่ร่วมเดินทางมาด้วยเงียบกริบ ราวกับเป็นเงาที่ไร้เสียง “แปลกดีนะ ทำไมพวกมันยังไม่ตามมาอีก” ทาเคชิกระซิบกับอาคิระขณะกวาดตามองไปรอบๆ “พวกมันน่าจะรู้ว่าเราหนีมาทางนี้ แต่กำลังรอดูว่าเราจะไปทางไหนต่อ” อาคิระตอบเสียงเบา ชายแปลกหน้าที่เดินอยู่ท้ายกลุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าพวกมันฉลาดขนาดนั้น เราคงไม่มีทางรอดแน่” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความประชดประชัน ซาเอบะหันกลับมามองชายแปลกหน้าแวบหนึ่ง เขายังคงไม่ไว้ใจชายคนนี้เต็มร้อย แม้คาซึกิจะเป็นคนส่งเขามาเพื่อช่วยเหลือพวกเขาก็ตาม “พูดให้น้อยลง แล้วทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยเป็นไง” ซาเอบะกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ชายแปลกหน้าไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่งเสียงหึในลำคอ หลินหลินที่เดินอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มหันไปพูดกับเมย์ที่ดูท่าทางเหนื่อยล้า “ไหวไหมเมย์?” เมย์พยักหน้า แม้จะหอบเบา
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ