หลังจากที่หลินหลินและทาเคชิช่วยพยุงซาเอบะข้ามซากปรักหักพังที่เกิดจากการระเบิด พวกเขาพบว่าทางเดินเบื้องหน้ามีเพียงความมืดสนิทที่ทอดยาวไปไกล ความเงียบสงัดทำให้ทุกเสียงเล็กน้อยดูดังเกินปกติ ทาเคชิมองรอบๆ อย่างระมัดระวัง ในขณะที่หลินหลินพยายามประคองซาเอบะที่สีหน้าซีดเซียวจากการเสียเลือด “ซาเอบะ นายยังไหวอยู่ไหม?” หลินหลินถามเสียงเบา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ไหว…ฉันยังไปต่อได้” ซาเอบะตอบพร้อมฝืนยิ้ม แม้ว่าในใจเขารู้ดีว่าเรี่ยวแรงของตัวเองลดลงเรื่อยๆ “เราต้องหาที่พักหลบก่อน พวกมันตามเราไม่หยุดแน่” ทาเคชิพูด พลางกวาดสายตามองหาจุดที่เหมาะสม ระหว่างทางเดินลึกเข้าไปในความมืด พวกเขาเจอกับห้องเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะเคยเป็นที่เก็บอุปกรณ์เก่าๆ ภายในห้องเต็มไปด้วยฝุ่นหนาและกลิ่นอับ ซาเอบะนั่งลงพิงกำแพงอย่างหมดแรง ขณะที่หลินหลินรีบตรวจดูบาดแผล “เลือดหยุดไหลแล้ว แต่เราต้องทำแผลให้ดีกว่านี้” หลินหลินกล่าวเสียงเคร่ง เธอฉีกชายเสื้อของตัวเองเพื่อใช้พันบาดแผล “เธอไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” ซาเอบะพูด แต่หลินหลินไม่สนใจ เธอจัดการพันแผลให้แน่นที่สุดเพื่อหยุดเลือด “ถ้าฉันไม่ทำ นายก็คงตายก่อนที่จะหนีออ
หลังจากที่หนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซาเอบะ หลินหลิน ทาเคชิ และเมย์ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินที่มืดสนิท แสงจากไฟฉายขนาดเล็กของทาเคชิส่องให้เห็นเพียงกำแพงเปียกชื้นและเส้นทางคดเคี้ยวเบื้องหน้า “นี่มันเหมือนเขาวงกต…” หลินหลินเอ่ยขึ้น ขณะมองเส้นทางแยกที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ซาเอบะทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพงอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจลึกเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากบาดแผล ทาเคชิเดินเข้ามาประคองพร้อมกับพูดว่า “นายควรพักสักหน่อย ถ้าฝืนมากไปอาจไม่รอด” “ไม่มีเวลาให้พัก พวกมันยังตามเราอยู่” ซาเอบะตอบเสียงแผ่ว แต่ดวงตายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หลินหลินรีบเปิดกระเป๋ายาเล็กๆ ที่พกติดตัวมา เธอหยิบผ้าพันแผลและยาฆ่าเชื้อออกมาจัดการทำแผลใหม่ให้ซาเอบะโดยไม่พูดอะไร “หลินหลิน เราต้องรีบไปต่อ อย่าเสียเวลามาก” ทาเคชิเตือน “ถ้าเขาไม่ไหว เราก็ไม่มีทางรอดไปด้วยกันทั้งหมด” หลินหลินตอบเสียงแข็ง เมย์ที่ยืนอยู่เงียบๆ จนถึงตอนนี้เริ่มพูดขึ้น “ฉันขอโทษ…เพราะฉัน ทุกคนถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” “อย่าพูดแบบนั้น” ซาเอบะกล่าว “พวกเราทำสิ่งนี้เพราะมันถูกต้อง ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง” หลังจากจัดการทำแผลเสร็จ ทั้งสี่คนก
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด ทั้งสี่คนหลบหนีไปตามเส้นทางแคบในอุโมงค์ใต้ดิน เสียงฝีเท้าของศัตรูยังคงดังสะท้อนมาตามผนังราวกับเป็นเงาตามตัว “เราไม่มีทางหนีได้ตลอด” ทาเคชิพูดเสียงหนัก พลางตรวจสอบกระสุนในปืนที่เหลือน้อยเต็มที “อย่าเพิ่งหมดหวัง เรายังมีโอกาส” ซาเอบะกล่าว เขายืนพิงกำแพง พลางจับแผลที่เริ่มเลือดซึมออกมาอีกครั้ง หลินหลินหยุดเดินและหันกลับมามองทั้งสอง เธอรู้ดีว่าซาเอบะไม่มีทางไหวอีกนานหากยังต้องหนีแบบนี้ “ฟังนะ พวกเราต้องหาทางออกจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะล้อมเราไว้” เมย์ยืนหลบอยู่ด้านหลังเงียบๆ ดวงตาของเธอสั่นไหว เธอกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด “หลินหลิน ฉัน…” เมย์เอ่ยขึ้น แต่หลินหลินจับไหล่เธอไว้และพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่ใช่ความผิดของเธอ อย่าโทษตัวเอง ทุกอย่างที่เราทำก็เพื่อหยุดพวกมัน” ไม่นานนัก ทั้งสี่ก็เดินมาถึงจุดที่เส้นทางใต้ดินเริ่มแคบลงและชันขึ้น มีบันไดเหล็กเก่าขึ้นไปสู่พื้นที่เบื้องบน “ทางออก?” ทาเคชิถามพร้อมกับเงยหน้ามองปลายบันไดที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด หลินหลินพยักหน้า “ใช่ ถ้าแผนที่ไม่ผิดพลาด ทางนี้จะพาเราออกไปยังเขตโกดังร้
เสียงกระสุนยังคงดังกึกก้องในโกดังร้าง ซาเอบะยืนหยัดอยู่ที่เดิม ยิงตอบโต้ศัตรูที่บุกเข้ามาไม่ขาดสาย ขณะที่ทาเคชิลงไปถึงพื้นด้านล่างเรียบร้อยแล้ว เขาไม่อาจปล่อยให้เพื่อนของเขาอยู่คนเดียวในสถานการณ์เช่นนี้ “ซาเอบะ! เร็วเข้า!” ทาเคชิตะโกนจากด้านล่าง แต่ซาเอบะกลับส่งสัญญาณมือให้เขาไปต่อ “นายต้องพาพวกเธอออกไป นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!” ทาเคชิลังเล เขารู้ว่าซาเอบะกำลังเสียสละตัวเองเพื่อช่วยทีม แต่เขาไม่อาจปล่อยให้เพื่อนคนนี้ต้องเผชิญหน้ากับความตายเพียงลำพัง “ฉันจะกลับมาหานาย” ทาเคชิตะโกน ก่อนจะหันไปวิ่งหาหลินหลินและเมย์ที่ซ่อนตัวอยู่ ที่มุมหนึ่งของโกดัง หลินหลินกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ของเมย์ แม้ว่าตัวเธอเองจะรู้สึกกดดันเช่นกัน “หลินหลิน… ฉันไม่อยากให้เขาต้องตายเพื่อฉัน” เมย์พูดเสียงสั่น “ซาเอบะเป็นคนที่ไม่เคยละทิ้งใคร เธอต้องเชื่อในตัวเขา” หลินหลินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทันใดนั้น ทาเคชิวิ่งเข้ามาหาทั้งสอง เขาเอ่ยอย่างเร่งรีบ “เราไม่มีเวลาแล้ว! พวกมันกำลังตามมา เราต้องรีบออกไป!” “แล้วซาเอบะล่ะ?” หลินหลินถาม “เขาจะตามมา เขาขอให้เราหนีก่อน” ทาเคชิกล่าว แต่แววตาของเขาบ่งบอกถึงความไม่
เสียงยางบดถนนดังสะท้อนในความเงียบงันของค่ำคืน รถ SUV สีดำคันเก่าที่มีรอยกระสุนพรุนตามตัวแล่นตัดผ่านถนนลูกรังในป่าทึบ หลินหลินนั่งเบาะหลังกับเมย์ ขณะที่ซาเอบะนั่งเบาะหน้า ทาเคชิเป็นคนขับ เขามองกระจกมองหลังอยู่เป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา “แน่ใจนะว่า ‘เดอะไฮฟ์’ อยู่ที่นี่?” ทาเคชิถามพลางจับพวงมาลัยแน่น “ฉันเคยได้ยินมันพูดถึงชื่อสถานที่นี้ตอนที่พวกมันจับตัวฉัน” เมย์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น “ถ้ามันเป็นศูนย์กลางของพวกนั้นจริง เราคงต้องเจออะไรที่ไม่คาดคิด” ซาเอบะพูดพร้อมกับกระชับปืนในมือ แม้เขาจะยังมีบาดแผลจากการต่อสู้ก่อนหน้า แต่แววตาของเขายังเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น “เรามีแผนหรือยัง?” หลินหลินถาม ขณะที่พยายามมองแผนที่จากโทรศัพท์ “แผนคือเข้าไป หาทางทำลายมัน แล้วออกมาให้ได้” ซาเอบะตอบสั้นๆ “พูดง่ายเหมือนปอกกล้วย” ทาเคชิพึมพำ “เราไม่มีทางเลือก” ซาเอบะตัดบท ไม่นานพวกเขาก็ถึงจุดที่ถนนสิ้นสุด เบื้องหน้าคือป่าทึบซึ่งดูเหมือนจะกลืนกินทุกอย่างในความมืด “เราต้องเดินต่อ” ซาเอบะบอกพลางเปิดประตูรถ ทุกคนลงตามและเริ่มตรวจสอบอาวุธและอุปกรณ์ เมย์ยืนมองป่าที่เงียบ
ควันจากการระเบิดของ ‘เดอะไฮฟ์’ ยังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ เศษซากอาคารที่พังทลายกลายเป็นเพียงภาพเบื้องหลัง ขณะที่ทั้งสี่คนพยายามหนีออกจากพื้นที่ เมย์ที่ดูเหมือนจะเหนื่อยล้าจากการวิ่งหอบหายใจหนัก หลินหลินจับแขนเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ “ทุกคนโอเคไหม?” หลินหลินถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย “บาดแผลเก่าของฉันเริ่มสร้างปัญหาอีกแล้ว” ซาเอบะตอบ พลางจับไหล่ที่ยังมีเลือดซึมจากกระสุนที่โดนก่อนหน้านี้ ทาเคชิเดินนำทางไปข้างหน้า คอยสังเกตทุกความเคลื่อนไหวในความมืด “ฉันไม่ไว้ใจเลยว่าจะไม่มีใครตามเราอีก” “มันก็จริง” ซาเอบะเสริม “เดอะไฮฟ์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของขบวนการใหญ่ ถ้าพวกมันรู้ว่าเราเข้ามายุ่ง สิ่งที่เราทำในคืนนี้อาจเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของบางอย่างที่ใหญ่กว่านี้” ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงกระท่อมร้างในป่าเพื่อหลบพักชั่วคราว ขณะที่ซาเอบะนั่งซ่อมอาวุธและพันแผลใหม่ หลินหลินกับเมย์นั่งอยู่ที่มุมห้อง ทาเคชิกำลังมองแผนที่และหาทางออกจากป่า “หลินหลิน…” เมย์เอ่ยเรียกเสียงเบา ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง “เธอคิดว่าพวกเขาจะหยุดตามหาเราจริงไหม?” หลินหลินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ฉันไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราจะไม่ยอมให้พ
เสียงใบไม้ไหวกระทบกับลมเย็นยามค่ำคืนดังก้องในความเงียบสงัด ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างไม้ของกระท่อมร้าง ซาเอบะ ทาเคชิ หลินหลิน และเมย์ นั่งล้อมกันอยู่รอบโต๊ะไม้เก่า ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เอกสารที่พวกเขาพบในตัวหัวหน้ากลุ่มคนร้ายถูกกางออกบนโต๊ะ รูปถ่ายของเมย์ในวัยเด็กที่ไม่เคยเห็นมาก่อนถูกติดไว้บนกระดาษ พร้อมด้วยข้อมูลที่เขียนด้วยรหัสลับและชื่อขององค์กรที่พวกเขาไม่รู้จัก “องค์กรนี้คืออะไร?” หลินหลินถามพลางชี้ไปที่ชื่อที่ปรากฏบนเอกสาร ‘อัลฟาโพรเจกต์’ “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อน” ทาเคชิพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่ฟังดูเหมือนเป็นหน่วยงานลับอะไรสักอย่าง” “เมย์ เธอเคยได้ยินชื่อพวกนี้ไหม?” ซาเอบะถาม ขณะมองหน้าเมย์ที่นั่งนิ่งด้วยแววตาสับสน เมย์ส่ายหัว “ไม่เลย ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ทำไมพวกเขาถึงมีรูปของฉัน… แล้วก็…” เสียงของเธอแผ่วเบาลง พร้อมกับความรู้สึกกดดันที่เริ่มแผ่ซ่าน “รูปนี้มันแปลกมาก” หลินหลินพูดขึ้น ขณะหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูใกล้ๆ “ดูเหมือนจะถ่ายในสถานที่อะไรสักอย่าง… นี่มันดูเหมือน… ห้องทดลอง?” “ห้องทดลอง?” ทาเคชิเลิกคิ้ว ขยั
ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆดำ ลมแรงพัดผ่านท้องทุ่งร้างราวกับเสียงกรีดร้อง ซาเอบะพยุงตัวเองออกจากกระท่อมโดยมีทาเคชิคอยประคอง ดวงตาของเขายังคงมุ่งมั่นแม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยร่องรอยของการบาดเจ็บ เมย์และหลินหลินเดินตามหลังอย่างระมัดระวัง พวกเขาทั้งหมดกำลังหลบหนีไปยังจุดนัดพบที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งที่ซาเอบะเคยใช้ในอดีต “พวกมันคงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ” ทาเคชิพูดพลางมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเฉียบคม “ใช่” ซาเอบะตอบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “แต่เราต้องพาเมย์ไปให้ถึงสถานที่ปลอดภัยก่อน” หลินหลินเดินเข้ามาข้างเมย์ พลางกระซิบให้กำลังใจ “ไม่ต้องห่วง เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน” เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินเป็นทางลูกรังที่ทอดยาวผ่านป่า ความมืดมิดของค่ำคืนทำให้ทุกก้าวเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เสียงใบไม้ไหวและเสียงกิ่งไม้แตกทำให้พวกเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา “ดูเหมือนจะไม่มีใครตามมา” ทาเคชิพูดขณะหันมามองด้านหลัง “อย่าประมาท” ซาเอบะเตือน “พวกมันอาจซ่อนตัวอยู่ในเงามืด” แต่แล้ว เสียงวัตถุโลหะกระทบกันเบาๆ ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทั้งสี่คนหยุดเดินทันที ซาเอบะยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ เสียงฝีเ
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ