เที่ยงวันนั้น..
ก๊อกๆ "ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ" พนักงานที่ทำงานอยู่ชั้นผู้บริหารเห็นกันจนชินตาแล้ว เลยไม่ค่อยสนใจเหตุการณ์นี้มากนัก เหตุการณ์ที่ว่าก็คือผู้จัดการทั่วไปจะมาชวนท่านรองประธานออกไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน
แต่คนที่ไม่ชินตาก็คือไอรีส เพราะเสียงเคาะประตูและเสียงชวนไปทานข้าวมันดังกึกก้องมาจนถึงโต๊ะทำงานของเธอ ตอนนี้ไอรีสได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยทั่วไป ผู้ช่วยทั่วไปหมายถึงช่วยทุกคนที่ต้องการให้เธอช่วยแม้แต่แม่บ้าน
ทีแรกธันวาผู้จัดการฝ่ายการตลาดขอตัวเธอไปเป็นผู้ช่วยแต่ก็ถูกปฏิเสธโดยนรสิงห์ และเขาก็ได้มอบหมายตำแหน่งนี้ให้เธอทำโดยตรงนั่นคือเป็นผู้ช่วยของทุกคน ที่เขาไม่ปล่อยให้เธอไปกับธันวาถ้าพ่อรู้มีหวังเล่นงานเขาแน่
"วันนี้ผมงานเยอะออกไปไม่ได้ เดี๋ยวผมจะให้.." ขณะเดียวกันนั้นสายตาเขาก็มองไปเห็นคนที่เขาเพิ่งให้ตำแหน่งใหม่ๆ
"จะให้อะไรคะ" อัญญามองตามสายตานรสิงห์ออกไป เพราะตอนที่เธอเข้ามาประตูห้องไม่ได้ปิด
"ให้ผู้ช่วยทั่วไปไปจัดหามาให้"
"ผู้ช่วยทั่วไปหรือคะ?" อัญญายังไม่รู้ว่ามีตำแหน่งนี้ด้วย บนชั้นนี้มีผู้ช่วยหลายตำแหน่ง แต่ยังไม่เคยได้ยินผู้ช่วยทั่วไปเลย
"เธอ" อิ่มเอมที่นั่งอยู่หน้าห้องได้ยินการสนทนาเลยเรียกให้ไอรีสเข้าไปรับงาน
"เดี๋ยวพี่ไปเอง" สิธารู้ว่าถ้าเรียกเวลานี้คือเรียกให้ไปซื้ออาหารมาให้
"ไม่เป็นไรหรอก พี่ยังติดงานอยู่ไม่ใช่เหรอ"
ห้องท่านรองประธาน..
"เธอมีรถใช้งานอยู่ใช่ไหม" คนที่ถามไอรีสก็คืออัญญา
"ถามทำไมคะ"
"ฉันจะให้ไปซื้ออาหารเที่ยงมาให้ท่านรองกับฉันหน่อย"
"มีค่ะ เป็นรถที่บ้านของคู่หมั้นฉันเอง เขาให้คนขับรถประจำตำแหน่ง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะใช้รถของเขาไปซื้อของได้ไหม" สิ้นคำพูดประโยคนี้ดวงตางามก็ตวัดมองไปดูท่านรองประธาน ประหนึ่งเหมือนบอกเป็นนัยว่าผู้ชายที่เธอพูดถึงคือใคร
"เธอมีคู่หมั้นแล้วเหรอ?"
"ถ้าจะคุยกันออกไปคุยข้างนอก"
หึ.. เห็นเขาไล่ไอรีสก็นึกขำคงกลัวว่าเธอจะพูดเรื่องนี้ล่ะสิ
"เธอออกไปซื้ออาหารร้านคุณปราณี บอกว่าซื้อมาให้ฉัน คุณปราณีรู้ว่าต้องจัดอะไรมาบ้าง" ร้านอาหารชื่อร้านคุณปราณี และร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลบริษัท
"แล้วเงินล่ะคะ" เห็นมีแต่สั่งไม่ส่งเงินมาให้เลย
"ฉันไม่ได้เอากระเป๋าออกมาด้วย" ทุกครั้งไปทานข้าวกับนรสิงห์ อัญญาไม่เคยต้องจ่ายเอง
นรสิงห์ที่นั่งทำงานอยู่ล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาแล้วก็ส่งไปให้กับไอรีส
"คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอ" เธอถามพร้อมกับรับเงินในมือของเขา ถ้าอยากรู้เรื่องนี้ต้องถามกับเจ้าตัว และมันก็เป็นเวลาที่เหมาะเจาะมากเพราะทั้งสองอยู่ต่อหน้าเธอ
แต่พอคำถามนี้ออกจากปากไอรีส อัญญาก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบพนักงานยังไง
"ไปซื้ออาหารและก็ไม่ต้องใช้รถนะให้เดินไป" เขาไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครู่ แถมยังสั่งเหมือนแกล้งเธอด้วย
ไอรีสลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล่าง แล้วเธอก็ออกมาเรียกแท็กซี่ ..เดินไปก็โง่น่ะสิแดดร้อนก็ร้อน
ถึงแม้ว่าร้านคุณปราณีจะอยู่ไม่ไกลแต่ถ้าให้เดินก็เหนื่อยเลยแหละ
พอได้อาหารเธอก็ไม่ได้รีบที่จะกลับ เพราะถ้ามาถึงเร็วเดี๋ยวเขาจะหาว่าขัดคำสั่ง เธอเลยต้องหาซื้ออะไรกินไปก่อนที่จะขึ้นมาชั้นบน
"ไปซื้อถึงนอกโลกเลยหรือไง ทำไมถึงไปนานจัง" กลับมาก็ถูกคุณเลขาตำหนิยกใหญ่
"ก็ท่านรองประธานของคุณสั่งให้ฉันเดินนี่คะ ถ้าสั่งให้ฉันวิ่งก็คงจะได้เร็วกว่านี้หน่อย"
"ยังจะพูดอยู่อีก เอาอาหารไปจัดใส่ถ้วย เดี๋ยวฉันจะเข้าไปแจ้งท่านรองกับผู้จัดการ" ไอรีสกำลังจะไปทำตามคำสั่ง แต่อิ่มเอมก็เรียกไว้ก่อน "ฉันนั่งรอเธอจนจะบ่ายโมงอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันจะลงไปกินข้าว เธอช่วยมาแก้ไฟล์งานรอหน่อยนะ ฉันเปิดไฟล์งานไว้แล้ว"
แก้ไฟล์งานอีกแล้วเหรอ.. ไอรีสเดินอ้อมมามองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเลขาที่เปิดไว้ คิดว่าฉันจะโง่ล่ะสิ เดี๋ยวก็หาเรื่องใส่ร้ายฉันอีก
ไอรีสทิ้งไว้แบบนั้นแล้วก็ถืออาหารเข้ามาในห้องเครื่องดื่มเพื่อที่จะเตรียมอาหาร
"อ้าวมาแล้วเหรอ"
"พี่กินข้าวหรือยัง"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก เรานั่นแหละกินข้าวหรือยังเดี๋ยวพี่จัดการเองเราไปกินข้าวเถอะ"
จนถึงช่วงบ่ายโมง อิ่มเอมกลับมาก็เห็นว่างานยังอยู่เหมือนเดิม
"ฉันบอกให้เธอแก้งานไม่ใช่เหรอ"
"คุณเลขาก็กลับมาแล้วนี่คะทำไมไม่แก้เองล่ะ"
"ยังจะยอกย้อน เธอเป็นผู้ช่วยนะฉันสั่งอะไรก็ต้องทำสิ"
"หรือคุณแก้ไม่ได้.."
"ฉัน.. เธอพูดอะไร"
"ก็ไม่รู้สิคะมันเป็นงานของคุณคุณก็ทำเองสิ"
จะทำยังไงดีท่านรองบอกให้ส่งพรุ่งนี้แล้ว แม่นี่ก็ดันมาฉลาดตอนนี้ ..หรือว่าเราจะจ้างคนนอกแก้ให้
เย็นวันนั้นกลับมาถึงบ้านไอรีสก็ขึ้นนอนเลยเพราะเธอเหนื่อยมาก
ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้วทำไมมันเช้าเร็วจัง เวลายังเดินเท่าเดิมไหมเนี่ย โอ๊ยวันนี้ต้องเจออะไรอีก ..เธอต้องรีบหาหลักฐานเรื่องที่เขาสองคนเป็นแฟนกันให้ได้ จะได้หลุดจากวงจรนี้สักที
หลังจากที่บังคับตัวเองให้ลุกมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเธอก็ลงมาข้างล่าง พอลงมาก็เห็นว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
>>{"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมกำลังจะเข้าบริษัท"}
{"เช็คดูว่างานมันหลุดรอดออกไปได้ยังไง หาคนผิดมารับโทษให้ได้"}
"เรียกทุกคนมาพบฉันที่ห้องประชุม" มาถึงเขาก็สั่งทุกคนที่อยู่ชั้นผู้บริหารให้เข้ามาในห้องประชุม และยังมีคำสั่งอีกอย่างก็คือทุกคนวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างนอก แม้แต่กระเป๋าตังค์ก็ห้ามนำเข้ามา"เกิดอะไรขึ้น""นั่นสิมันเกิดอะไรขึ้น" เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าท่านรองจะเรียกคือเรียกแค่แผนก อย่างเช่นแผนกเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขา แต่นี่เล่นเรียกทั้งหมดแม้แต่แม่บ้านยังเรียก"มาครบทุกคนหรือยัง""ยังไม่ครบค่ะพนักงานใหม่ยังไม่มา""มันเกิดอะไรขึ้นครับท่านรอง" ธันวาสงสัยเพราะเหมือนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"ใช่ค่ะมันเกิดอะไรขึ้น" อีกคนที่สงสัยก็คืออัญญาที่อยู่ในห้องประชุมด้วย"พนักงานใหม่มาแล้วค่ะ""มีอะไรคะ" ไอรีสถามสิธาแต่เธอก็คิดไว้แล้วแหละว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่เขารับโทรศัพท์เมื่อเช้านี้แน่เลยก๊อกแก๊ก~ ขณะเดียวกันด้านนอกก็กำลังมีคนค้นหาหลักฐาน ไอรีสที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดมองผ่านช่องประตูออกไปดู ก็เห็นว่าแผนกไอทีและแผนกรักษาความปลอดภัยกำลังเดินกันให้วุ่นก๊อกๆ ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาเคาะประตู"เจอหลักฐานแล้วครับ""หลักฐานอะไร!?" พอได้ยินคำพูดประโยคเมื่อครู่ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ มันต้องเกี่ยวกับที่
เขาจะมองอะไรเรานักหนา ตอนที่เธอเล่านิทานจนจบเรื่อง สายตาของท่านรองประธานเอาแต่จับจ้องมาที่เธอ จนตอนนี้เขายังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเลย"สิงห์คะ" เห็นสายตาของทั้งสองมองกันอัญญาก็รีบขัดจังหวะ "ฉันอยากให้คุณตรวจสอบให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเชื่อคำพูดของพนักงานใหม่ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเธอเองหรือเปล่าที่เป็นหนอนบ่อนไส้""เชิญตรวจสอบเลยค่ะ ถ้าข้อมูลฉันหายากคุณถามจากท่านรองประธานได้เลยนะคะ" นอกจากจะไม่กลัวแล้วเธอยังท้าทายอีกผู้หญิงคนนี้ตอนอยู่บ้านกับอยู่ที่ทำงานคนละแบบกันเลย เธอเป็นคนที่มีสองบุคลิกหรือเปล่า ..เขาไม่ได้สงสัยเธอเรื่องข้อมูลที่หลุดออกไปเลย แต่เขาสงสัยว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่"เธอหมายความว่ายังไง ทำไมข้อมูลของเธอต้องถามจากท่านรองด้วย""ก็ไม่รู้สิคะ พวกคุณยังอยากจะสอบสวนอะไรฉันอีกไหม""ออกไปก่อน" ได้ยินคำพูดประโยคนี้อิ่มเอมลุกก่อนใครเพื่อนเลย เพราะไม่อยากจะนั่งอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว ..แต่ก็ถูกขวางไว้โดยหน่วยรักษาความปลอดภัย"คนอื่นออกไปได้ยกเว้นเธอ""ท่านรองค่ะอิ่มทำงานกับท่านรองมาก็หลายปีแล้ว อิ่มไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย""ถ้าทำไม่ได้ทำไมไม่บอก" หลังจากที่ทุกคนไปแล้วเขาถึงได้หันมา
"อะไรนะคะสิงห์?" อัญญารีบเดินตามนรสิงห์เข้าไปในห้องทำงาน"ผมยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ""ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่อัญอยากให้คุณคิดดูดีๆ ค่ะ ขนาดเลขาที่ทำงานมาด้วยกันตั้งหลายปียังไว้ใจไม่ได้ แล้วผู้หญิงคนนี้คุณจะไว้ใจให้มาเป็นเลขาส่วนตัวได้ยังไงคะ""เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง คุณก็กลับไปทำงานได้แล้ว"ทีแรกไอรีสก็ตกใจที่เขาสั่งให้เธอไปนั่งตำแหน่งเลขา แต่พอเห็นท่าทีของคุณผู้จัดการแล้วเธอเลยคิดว่าเล่นกับเขาสักยกก็ดีเหมือนกัน"เดี๋ยวพี่ช่วย" สิธารีบเข้าไปช่วยไอรีสเก็บของจากโต๊ะเดิมมาไว้ที่โต๊ะเลขา ..ทำงานที่นี่มาเกือบทั้งชีวิต ไม่สิ ต้องเรียกว่าทำงานมาตั้งแต่รุ่นแม่ เพิ่งเคยเจอคนนี้คนแรกที่กล้าต่อกรกับคนพวกนี้"ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วย""ต่อไปนี้ไม่ต้องขอบคุณพี่แล้วนะมันเป็นหน้าที่""ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ก็ต้องขอบคุณค่ะ"สิธามองเด็กคนนี้ไม่ผิดจริงๆ เธอต้องก้าวหน้าในหน้าที่การงานแน่ น้อยครั้งมากที่จะได้ยินคำว่าขอบคุณจากคนที่ทำงานบนชั้นนี้ เพราะทุกคนคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของแม่บ้านตอนที่ไอรีสกำลังจัดโต๊ะประตูห้องท่านรองประธานก็เปิดออกมา พร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึงของคุณผู้จัดการ"เข้าไปชาร์จแบตตั้ง
ตอนที่ได้ยินพ่อกับลูกคุยกันนรสิงห์เอื้อมไปหยิบแก้วไวน์มาดื่ม เหมือนว่าไม่ได้สนใจกับคำพูดพวกนั้น ไอรีสที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็อดมองเขาไม่ได้ เขาต้องแอบสงสัยเรื่องนี้แน่ แต่ก็ช่างสิเปลี่ยนตัวคู่หมั้นไปเลยได้ยิ่งดี"อย่าสนใจคำพูดไอด้าลูกสาวคนเล็กผมเลยนะครับ แกเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ""ใช่ค่ะเพราะไอด้าไปต่างประเทศนี่แหละถึงได้มีคนมาสวมรอย""ที่หนูไอด้าพูดหมายความว่ายังไงหรือ" เด็กพูดมาขนาดนี้จะไม่ถามก็คงไม่ได้ อิทธิฤทธิ์เลยถามดู"คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ""ไอด้า! ตามพ่อออกมานี่ก่อน" อดิเรกลากตัวลูกสาวออกมาคุยกันด้านนอก "เราเองไม่ใช่เหรอที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมหมั้น""ก็ไอด้าไม่รู้นี่คะว่าเขาจะหล่อขนาดนี้""แต่มันสายไปแล้ว จำวันที่เราหนีตามไอ้หมอนั่นไปได้ไหม""ไอด้าก็กลับมาแล้วนี่ไงคะ แถมเลิกกับผู้ชายคนนั้นแล้วด้วย""พ่อก็บอกแล้วไงว่ามันสายไปแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว""ทำไมจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ล่ะคะ วันนี้ไม่ใช่หรือคะที่เป็นวันฉลองการหมั้น พ่อก็บอกไปเลยสิว่าคู่หมั้นของคุณสิงห์คือไอด้า""ลูกรู้ไหมว่าคุณอิทธิฤทธิ์เป็นใคร คิดจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก็เปลี่ยนได้ง่ายๆ งั้นหรือ""ยังไงไอด้า
"คุณจะมานอนในห้องนี้ไม่ได้นะ""ทำไม.." ชายหนุ่มที่หันหลังถอดเสื้ออยู่ค่อยๆ หันกลับไปมองคนที่พูด"ก็..ก็..""อย่าลืมสิว่าวันนี้คือวันอะไร""ก็แค่หมั้น เรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย""แต่คุณก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านผมแล้ว อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าผมจะทำอะไร" สายตาคนที่พูดมองตั้งแต่ใบหน้าต่ำลงไปจนถึงเท้า และสายตาเขาก็ไปสะดุดตรงเท้าของเธอ ตอนนี้มันบวมแดงคงเกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูงนานไปหน่อย"ไม่ทำอะไรก็ดีแล้ว คุณหาที่นอนเสริมมาด้วย""หาที่นอนเสริม คนก็รู้น่ะสิว่าเราไม่ได้นอนด้วยกัน""ใครจะรู้ก็ช่างเขาปะไร""คุณก็เห็นแล้วว่าพ่อผมเป็นคนนิสัยยังไง""คุณกลัวพ่อด้วยเหรอ""ขนาดคุณยังกลัวเลย" ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงพูดคำนี้ออกมาไม่ได้ แต่วันนี้เขาเห็นอะไรหลายๆ อย่าง"ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็ไม่ให้คุณนอนบนเตียงด้วย"ชายหนุ่มส่ายศีรษะเหมือนเอือมระอาก่อนจะถอดเสื้อออกเผยให้เห็นรอยสักนี่เขาสักลายเยอะขนาดนี้เลยเหรอ มาอยู่ที่นี่ก็เดือนกว่าแล้วมั้ง เพิ่งเห็นนี่แหละว่าร่างกายของเขามีรอยสักด้วย"จะมองอีกนานไหม""....." เผลอไปสำรวจรอยสักของเขาจนเจ้าตัวจับได้ "แล้วนี่ทำไมคุณต้องมาถอดเสื้อผ้าในห้องฉันด้วย""จะอาบน้ำก็ต้
"พ่อเพิ่งรู้ว่าเราให้น้องรับตำแหน่งเลขา" คำพูดแรกที่เห็นหน้าลูกชายในห้องทำงานชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองดูพ่อเล็กน้อยก่อนจะตวัดสายตาไปมองเธอที่เดินเข้ามาพร้อมกับท่าน"ชั้นผู้บริหารตอนนี้ว่างแค่เลขาครับพ่อ""ก็ให้น้องเป็นผู้ช่วยของเราไง เรายังไม่มีผู้ช่วยไม่ใช่เหรอ" ถึงแม้มันจะเป็นคำถามแต่ก็เหมือนเป็นคำสั่งไปในตัว"คงยังไม่ได้หรอกครับพ่อ เธอเพิ่งเข้ามาทำงาน ยังไม่รู้เลยว่าเธอทำอะไรได้บ้าง"ไอรีสไม่ได้เสียมารยาทพูดแทรก เธอทำแค่ยืนฟังอยู่เงียบๆ"ถ้าเราไม่ให้น้องเป็นผู้ช่วยงั้นพ่อจะให้เป็นผู้ถือหุ้นเลยดีไหม จะได้นั่งตำแหน่งเดียวกับเราไปเลย""ไม่ได้นะครับพ่อ" ชายหนุ่มรีบหยุดยั้งพ่อไว้ก่อน ช่วงนี้ท่านยิ่งทำอะไรเอาแต่ใจ ไม่เคยจะปรึกษาเขาหรอก"วิกฤตครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้เพราะน้องเรายังไม่เชื่อใจอีกเหรอ""เรายังจับตัวการไม่ได้เลยครับ ผมขอเวลาหน่อยแล้วกัน"ถามเราหรือยังว่าอยากเป็นผู้ช่วยเขาไหม แค่เลขายังไม่อยากเป็นเลย ..เธอทำได้แค่คิดอยู่ในใจ ถ้าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของพ่อ สาบานได้เลยว่าเธอคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้แน่"เที่ยงนี้ออกไปทานข้าวด้วยกันนะ""ค่ะ" ไอรีสเห็นว่าประโยคนี้ท่านหันมาพูดกับเธอ แต่พอพ
ห้องอาหารของโรงแรมที่เขานัดไว้"พี่คะ""มารอกันนานแล้วเหรอ""ยังไม่นานค่ะ คนนี้ไงคะคือคุณพ่อที่เลี้ยงดูไอเดียมา" ใช่แล้วคนที่นรสิงห์นัดเจอที่โรงแรมก็คือไอเดียน้องสาวที่เกิดจากมารดาแท้ๆ ของเขา เธอเป็นลูกสาวกับสามีใหม่ ทั้งสองเพิ่งรับรู้ว่าต่างก็มีพี่น้อง พ่อกับแม่ของไอเดียประสบอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ ตอนนั้นมีพลเมืองดีเข้ามาช่วย แล้วพลเมืองดีคนนั้นก็รับเลี้ยงน้องสาวของเขามาจนเติบโต (เรื่องนี้ติดตามอ่านได้ในเรื่องของเจ้าเวหา[มาเฟียร้ายรัก]เลยนะคะ ไอเดียคู่กับเจ้าวายุน้องชายของเจ้าเวหาค่ะ)"สวัสดีครับ" ที่เขานัดมาทานข้าวที่นี่เพราะอยากขอบพระคุณท่านที่ดูแลน้องสาวเขามาเป็นอย่างดี"สวัสดีครับ" ชัยนาทก็คือพลเมืองดีคนนั้น"ผมต้องขอบพระคุณคุณมาก ที่ดูแลน้องสาวผมเติบโตมาเป็นคนดีได้แบบนี้""คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมเห็นไอเดียเป็นลูกสาวแท้ๆ คนหนึ่งของผมเลยครับ" ท่านยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อเลี้ยงให้เธอเติบโต แม้แต่ทะเลาะกับภรรยาเรื่องที่ท่านส่งเสียไอเดียเรียน ท่านก็ทำเป็นหูทวนลมยังคงกัดฟันส่งเสียเธอเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย"ผมมีสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กับท่าน" นรสิงห์ยื่นเช็คเงินสดให
หลังจากที่แจกจ่ายเอกสารกับผู้ถือหุ้นเสร็จแล้ว ไอรีสก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งลงด้านหลัง แล้วเตรียมอุปกรณ์ของเธอให้พร้อม ระหว่างที่ท่านผู้บริหารทำการประชุมอยู่ เธอก็นั่งอยู่เงียบๆ พร้อมกับเก็บรายละเอียดไปด้วย"เธอไม่เห็นเหรอว่าประชุมกันอยู่ เธอเป็นเลขาทำไมไม่จด" ระหว่างที่ผู้บริหารกำลังพูดคุยกันอัญญาก็รู้สึกขวางหูขวางตา ที่ขวางหูขวางตาเพราะเห็นไอรีสเอาแต่มองมาที่นรสิงห์ บางทีเธอก็มองเขาเพลินไป ยอมรับว่าผู้ชายคนนี้สามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดีนัก แม้แต่เธอยังถูกดึงดูดเลย"ฉันบันทึกเสียงไว้แล้วค่ะ" จริงๆ ในห้องประชุมก็มีเครื่องบันทึกเสียงอยู่แล้ว เลขาคนก่อนๆ ก็ทำกันแบบนี้ แต่นอกจากบันทึกเสียงแล้วก็จดรายละเอียดไว้ด้วยเผื่อตอนที่ดึงข้อมูลออกมาอาจจะช้าและก็กันพลาดด้วย"เผื่อเครื่องบันทึกมีปัญหาไง เธอไม่คิดจะจดเลยเหรอ""ฉันบันทึกใส่เครื่องนี้ด้วยค่ะ" ไอรีสยกแท็บเล็ตของสำนักงานขึ้นมา เธอไม่เชื่อเครื่องบันทึกอยู่แล้วเผื่อเกิดเหตุขัดข้อง เธอเลยต้องบันทึกใส่อีกเครื่องหนึ่งไว้"ฉันพูดอะไรทำไมเธอไม่ฟัง รู้จักแต่จะเถียง" เห็นว่าสู้เธอไม่ได้ก็ดึงอำนาจออกมาใช้ "ถ้างานออกมาพลาดเหมือนเลขาคนก่อน บอกไว้ก่อนเล
Set มาเฟียร้ายรัก Ep 116 ตอนจบทันน์"ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ ชอบนอนโซฟาไม่ใช่เหรอก็ไปนอนที่เดิมสิ" อลิสรู้สึกตัวตอนที่ทันน์ขยับตัวเข้ามานอนใกล้ๆทันน์ไม่ได้ตอบแต่เขาขยับมือต่ำลงไปสำรวจดูว่าทางโล่งหรือเปล่า เพราะเมื่อวานได้ยินว่าเธอใกล้จะเป็นประจำเดือน"คุณ!" อลิสดึงมือนั้นออกไป ทันน์ยอมเอามือออกมาแต่ที่เอาออกมาเพราะจะถอดเสื้อผ้า "ไปนอนโซฟาเลยนะถ้าไม่งั้นก็กลับไปนอนที่คอนโด"ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเขาก็ทำเฉย แถมยังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกก่อนจะโน้มตัวไปจับเธอคว่ำลงโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว"โอ๊ยฉันเจ็บนะ" หลังจากที่จับเธอคว่ำลงแล้วเขาก็ดึงกางเกงชุดนอนที่เธอใส่อยู่ขยับออกจนเลยสะโพกลงมา "คุณทันน์!"ผ่านไปครู่หนึ่งจากเสียงต่อว่าเมื่อครู่กลายเป็นเสียงคราง เพราะเขาสอดใส่ผ่านทางด้านหลังเข้ามาแล้วก็กระแทก ตัวแค่นี้หรือจะมาสู้ได้ ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนชอบใช้กำลังไม่ชอบพูดจากท่าคว่ำทันน์ก็เปลี่ยนเป็นท่าตะแคงข้างโดยที่เขายังคงสอดใส่ผ่านทางด้านหลังอยู่เวลาผ่านไปทุกอย่างก็ได้หยุดลงพร้อมกับคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดแบบหมดเรี่ยวแรง"อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง" เห็นว่าเธอไม่โวยวายเหมือนตอนแรกแล้ว"ยังจะมาพูดอีก!" นี่
Set มาเฟียร้ายรัก Ep 115 ตอนจบตุนท์อัคคีมองตามสาวเอ็นเตอร์เทรน อยู่ดีๆ เธอก็ลุกเดินออกจากห้องไปเลย ที่จริงมันทำได้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ บางทียังเห็นแขกคนอื่นล้วงอยู่เลยแต่เขาทำแค่จูบเองนะข้าวปุ้นพยายามอดกลั้นอารมณ์ตัวเองมาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนของเสี่ยป่านนี้ถูกฝ่ามือเธอไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็มาขโมยจูบไป"นั่นใช่คุณข้าวปุ้นไหม" ระย้ามองเห็นตอนเดินผ่านห้องทำงานแค่แว๊บเดียว"ใช่.. แล้วทำไมออกมาแล้วล่ะ" อลิสเลยรีบไปดูแขกที่ห้องพิเศษ พอไปถึงก็เห็นว่ามีเด็กใหม่เข้ามาเอ็นเตอร์เทนเสี่ยอัคคีแล้ว หรือว่าข้าวปุ้นงอนเรื่องนี้ ต้องใช่แน่ๆ เลยใครปล่อยให้เด็กเข้ามาเนี่ย ..ค่อยหาโอกาสใหม่แล้วกัน อุตส่าห์ได้โอกาสดีๆ แล้วเชียวดึกๆ ของคืนเดียวกัน..นเรศวรแวะเข้ามาดูงานได้ครู่หนึ่งพอรู้ว่าอัคคียังไม่ออกไปเลยแวะมาที่ห้องพิเศษ"เป็นยังไงบ้างครับคุณอัคคี" ทั้งสองไม่ได้สนิทกันมากมายรู้จักกันผ่านทางเพื่อน เวลาพูดคุยเลยใช้คำเหมือนที่พูดกับเพื่อนสนิทไม่ได้"นึกว่าคุณจะไม่เข้า""ภรรยาผมใกล้คลอดเลยไม่อยากปล่อยไว้คอนโดตามลำพังครับ""อ้าว ใกล้คลอดแล้วเหรอครับ"ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ก็เห็นว่าทันน์ที่ยืนรอรับใช้อยู่เหมื
ช่วงเที่ยงคืนของคืนนั้น.."ไปทานข้าวด้วยกันค่ะ" ระย้าถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องของข้าวปุ้นเพื่อชวนออกไปทานข้าวด้วยกัน"ชวนข้าวเหรอคะ" นอกจากคุณทรงอัปสรแล้วคนอื่นไม่ค่อยมาชวนเธอไปทานข้าวด้วยหรอก อาจเพราะเธอทำงานอยู่คนละโซนกัน และส่วนมากข้าวปุ้นก็จะสั่งอาหารที่นี่เข้ามาทานในห้อง"หรือว่าคุณข้าวจะทานข้าวในห้องคะ""ข้าวไปได้ค่ะ" ข้าวปุ้นเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วก็เดินตามระย้าออกมาทีแรกคิดว่าจะมากันแค่สามคน แต่ที่ไหนได้พอออกมาถึงด้านหน้าแฟนของทั้งสองก็รออยู่ แสดงว่าเราเป็นส่วนเกินหรือเปล่าเนี่ย"คุณข้าวชอบทานอะไรคะ""ทานเหมือนกันนั่นแหละค่ะ""ถ้างั้นสั่งทีเดียวเลยนะคะ"เข้ามาผู้ชายก็เดินไปเตรียมน้ำมาให้ ทีแรกข้าวปุ้นจะไปเตรียมน้ำของตัวเองแล้ว แต่อลิสบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวมีคนเตรียมมาให้ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวางบริการ ข้าวปุ้นเพิ่งรู้สึกว่าส่วนเกินมันเป็นแบบนี้นี่เอง เพราะคนรักเขาเทคแคร์กันแบบไม่สนใจคนโสดเลยที่อลิสและระย้าทำแบบนี้อยากให้ข้าวปุ้นมีความกล้าขึ้นมาหน่อยหลังทานข้าวเสร็จพวกเธอก็กลับเข้ามาที่ทำงาน ส่วนทันน์และตุนท์ก็ต้องแบ่งงานกันทำเหมือนเคยจนถึงช่วงเลิกงานอลิสเดินกลับมาที่
"เท้าไม่เป็นอะไรแล้วเหรอทำไมใส่ส้นสูง" หลังจากส่งเจ้านายห้องทำงานเสร็จแล้วตุนท์ก็รีบออกมาดูระย้า เห็นตอนที่เธอกำลังคุยอยู่กับข้าวปุ้นพอดี"โอ๊ย.." ทีแรกก็ยืนดีๆ อยู่นี่แหละ แต่พอเห็นสามีเดินเข้ามาเริ่มเจ็บเท้าขึ้นมาเลย และข้าวปุ้นที่ยืนอยู่ด้วยกันอดมองลงไปดูเท้าของระย้าไม่ได้ เมื่อสักครู่ยังเห็นเดินปกติอยู่เลย หรือว่าจะเริ่มเจ็บแผลแล้ว"คุณเจ็บแผลเหรอคะ""เปล่าค่ะคุณลุกขึ้นมาก่อน เดี๋ยวฉันทำอะไรให้ดู" ระย้ารีบบอกข้าวปุ้นที่กำลังจะก้มลงไปช่วยขยับรองเท้าออกให้ลุกขึ้นมาก่อน "รู้สึกเจ็บนิดหน่อยค่ะ" แต่พอตุนท์เดินเข้ามาใกล้ระย้าก็ทำทีเป็นยืนไม่อยู่ จนฝ่ายชายต้องรีบเข้าไปประคอง"โอ๊ยยังเจ็บอยู่เลยค่ะ" เห็นว่าเธอยังเจ็บอยู่ตุนท์เลยโน้มลำตัวลงไปอุ้มร่างของเธอขึ้นมา ตอนที่ร่างของเธอลอยขึ้นจากพื้นระย้าก็หันไปขยิบตาใส่ข้าวปุ้น และก็บอกให้ข้าวปุ้นดูไว้ผู้หญิงต้องมีมารยาบ้าง"หึหึหึ" ข้าวปุ้นอดขำในความน่าเอ็นดูของระย้าไม่ได้ คิดว่าพอจะรู้แล้วที่ระย้าทำเมื่อครู่คงอยากให้เธอเรียนรู้เรื่องนี้ไปใช้กับผู้ชายที่ชื่ออัคคีแน่เลย โอ๊ยฉันจะบ้าตาย หวังว่าเรื่องนี้คงจะจบลงแค่นี้นะ"คุณจะพาฉันไปไหน" มัวบอกให้
"ผมทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า" ตุนท์เห็นเธอยิ้มตอนเขาเดินเข้ามาหาเลยรู้สึกเสียวๆ"ฉันจะกลับขึ้นห้องแล้วค่ะ คุณจะทำงานต่อหรือจะกลับด้วยกัน" หลังจากที่รับรู้ว่าข้าวปุ้นไม่ได้สนใจสามีเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา จริงๆ ถ้าเขาจะชอบกับข้าวปุ้นป่านนี้คงไม่เหลือรอดมาถึงเธอหรอก แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหึง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นแต่เธอก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาสนใจเขา"ผมเคลียร์งานเสร็จแล้ว เดี๋ยวหลังเลิกงานผมค่อยลงมาดูแลเจ้านาย" ทิ้งงานให้ทันน์ทำมาหลายวันแล้ว ถ้าจะทิ้งอีกก็กลัวมันจะโวยวายระย้ายอมให้เขาโอบร่างพาเดินกลับห้องพัก เท้าเธอดีขึ้นมากแล้วแต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่"ฉันขออาบน้ำก่อนค่ะ" เข้ามาถึงตุนท์ก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า แต่ตอนที่เขากำลังจะจูบระย้าก็เบือนหน้าหลบ"ผมเห็นคุณเปลี่ยนชุดแล้วนี่""อาบน้ำตั้งหลายชั่วโมงแล้วค่ะ""หลายชั่วโมงก็ยังหอมอยู่""ไม่ได้ค่ะยังไงฉันก็ต้องไปอาบน้ำก่อน" ยังไงต้องไปล้างให้สะอาดก่อนแล้วกัน เพราะเขาเล่นสัมผัสทุกส่วนของร่างกายตอนที่น้ำฝักบัวกำลังไหลรินลงมาชโลมร่างกาย ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเข้ามา"ฉันอาบน้ำยังไม่เสร็จเลย""อาบด้วยกันก็ได้"เข้ามาแทน
กลับไปถึงห้องก็ไม่เห็นเธอ ตุนน์เลยรีบออกไปดูร้านอาหารหน้าสถานบันเทิง ที่เขาไม่ได้โทรไปเพราะเห็นอยู่ว่าโทรศัพท์เธอไม่ได้ถือออกไปด้วย แต่พอเดินดูก็ไม่เห็น ..แม้แต่ร้านที่เธอไม่เคยมาทานเขาก็ยังไปดูเลย"ไปไหนของเธอเนี่ย" หรือว่าบางทีเธออาจจะไปหาอลิส คิดได้แบบนั้นตุนท์เลยลองกดโทรเข้าเครื่องของอลิสดู แต่คำตอบที่ได้ไม่เห็นระย้ามา และอลิสยังถามอีกว่าระย้ากลับมาด้วยเหรอ ตอนนั้นยังนึกเสียใจอยู่เลยว่ายังไม่ได้บอกลากันก๊อกๆ ตอนที่ระย้านั่งเศร้าอยู่ก็มีคนมาเคาะประตูห้องเธอเลยเงยหน้าขึ้นมอง"อ้าวคุณระย้า?" คนที่เข้ามาก็คือข้าวปุ้น ข้าวปุ้นว่าจะเข้ามาคุยงานกับอลิสมองเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ในห้องหัวหน้าก็คิดว่าเป็นอลิส"ทำไมเห็นฉันแล้วต้องตกใจด้วยล่ะคะ""?" ข้าวปุ้นแปลกใจกับคำถามนี้ แต่ก็ต้องรีบสลัดมันออกไปก่อน"ได้ยินคุณตุนท์บอกว่าคุณอยู่ที่ห้องนี่คะ""เขาบอกแบบนั้นหรือคะ""เอ่อ..ค่ะ..?" ข้าวปุ้นชักจะสงสัยกับท่าทีนี้แล้ว ก่อนหน้าระย้าไม่ได้เป็นคนแบบนี้นี่ ทำไมช่วงหลังมาถึงพูดกับเธอแปลกๆ"มาอยู่นี่เองบอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห้อง" ตุนท์เดินตามหาไม่เจอเลยเข้ามาดูในห้องทำงานและก็เป็นแบบที่เขาคิดไว้จริงๆ "อ้
"???" เห็นนายทะเบียนยื่นเอกสารสำคัญมาให้เซ็น เธอถึงได้รู้ว่าที่เขาพามาคือมาจดทะเบียนสมรส เพราะแบบนี้เองเหรอที่เขาบอกจะทำให้เชื่อใจว่าเขาจะไม่ทิ้งขว้างเธอตุนท์หยิบปากกามาแล้วก็เซ็นชื่อนามสกุลลงไปก่อน หลังจากที่เขาเซ็นเสร็จแล้วก็ส่งปากกาให้กับเธอ"คุณไม่ได้บอกฉันเรื่องนี้" ยอมรับว่าตกใจมากแต่งงานก็ยังไม่ได้ขอแต่ง บอกรักปุ๊บก็พามาจดทะเบียนสมรสเลยใครจะไม่ตกใจล่ะ"คุณพูดเมื่อคืนนี้เองไม่ใช่เหรอ กลัวว่าผมจะไม่จริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้" นี่แหละมันเป็นสิ่งที่ยืนยันยิ่งกว่าการกระทำและคำพูดว่าเขาจริงจังกับเธอแค่ไหน"ทั้งสองได้ตกลงกันมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ" เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนที่ต้องดูให้แน่ใจว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกบังคับให้มาจดทะเบียนสมรส"เราตกลงกันแล้วค่ะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบปากกานั้นมาเขียนชื่อและนามสกุลของเธอลงไป และนายทะเบียนก็สอบถามว่าฝ่ายหญิงจะยังใช้นามสกุลตัวเองหรือเปลี่ยนมาใช้นามสกุลฝ่ายชาย "ฉันจะใช้นามสกุลสามีค่ะ"ตุนท์เผยรอยยิ้มออกมาตอนได้ยินเธอบอกจะใช้นามสกุลสามี แบบนี้สินะเขาถึงเรียกว่าคนที่ใช่มักมาในเวลาที่เหมาะสมตามด้วยพยานอีกสองคนที่ต้องเซ็น เพราะ
บ้าหรือไงเล่นขอกันตรงๆ แบบนี้ จากที่นอนหันหลังให้ระย้าก็ค่อยๆ นอนหงาย ทีแรกตุนท์ก็เตรียมตัวตั้งการ์ดไว้แล้วล่ะ เผื่อกำปั้นของเธอสวนกลับมาจะได้ไม่ถูกจุดสำคัญ แต่พอนอนหงายระย้าก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา"?" ตุนท์รับรู้ได้ในทันทีว่าเธออนุญาต ถึงแม้ไม่อนุญาตเขาก็ไม่รอแล้วนะผ้าเช็ดตัวที่ยังคงพันรอบเอวอยู่ถูกเขากระชากดึงทิ้งลงไปข้างเตียงก่อนจะพลิกกายคร่อมร่างเธอครั้งนี้เขาจะทำให้ดีที่สุดให้เธอติดใจถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยอมกลับไปด้วย ก็จะให้เธอไม่มีวันลืมเขาไปตลอดชีวิตแต่ปัญหาคือเธอเจ็บขาเล่นท่ายากไม่ได้ด้วยสิ เขาต้องพลิกแพลงท่าใหม่แล้วล่ะ"พอก่อนค่ะ" ระย้าแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนที่บอกให้เขาพอก่อนไม่รู้ว่าเสียงพูดหรือเสียงหอบหายใจดังกว่ากัน แต่ตุนท์ก็ไม่คิดจะหยุดเขายังคงเดินหน้าต่อ ตั้งแต่ลีลาการคว้านลิ้นแล้วจนมาถึงการคว้านท่อนเอ็นงัดซ้ายทีขวาที ทุกครั้งเขาก็ไม่ใช่ย่อยแต่ครั้งนี้เขาร้อนแรงกว่าทุกครั้งอีกกว่าจะจบครั้งแรกไปก็กินเวลาเป็นชั่วโมง"ขะ.. คุณจะทำอะไรอีก""แค่นี้คิดจะยอมแพ้แล้วเหรอ""คุณไปกินดีเสือมาหรือไง""จนกว่าคุณจะล้มเลิกเรื่องนั้นผมถึงจะปล่อยให้คุณพัก"ระย้ารู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องอ
"คุณจะทำอะไร" ระย้าขยับใบหน้าหลบริมฝีปากอีกฝ่ายที่โน้มเข้ามา แต่เขาก็ไม่ได้ตอบ หลังจากที่เธอเบือนหน้าหลบริมฝีปากนั้นก็ฝังจูบลงซอกคอแทนระย้านอนนิ่งโดยที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก จนชุดที่เธอใส่อยู่ค่อยๆ ถูกถอดออกทีละชิ้นแบบระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะไปถูกเท้าที่มีแผลเข้าหลังจากนั้นใบหน้าคมคายก็ได้ขยับต่ำลงไปซุกลงกับเนินน้องสาว"อือ" หญิงสาวทำได้แค่นอนเกร็ง จังหวะนั้นมือหนาก็ได้เกี่ยวเรียวขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บยกขึ้นก่อนจะนำหมอนมาวางใต้ท้องขา เพื่อทำให้แผลไม่ต้องสัมผัสกับที่นอนจากนั้นตุนท์ก็ขยับใบหน้าต่ำลงพร้อมกับใช้ลิ้นชโลมเลียร่องสวาทที่เขาโหยหา"อื้อออ" ตอนลิ้นสากตวัดเกี่ยวยอดเม็ดเสียว คนตัวเล็กที่นอนเกร็งอยู่ถึงกับกระตุกไปตามแรงตวัดลิ้นความต้องการในร่างกายเธอมันสูงมาก สูงจนเขาคิดว่าคืนนี้ยังไงก็ยับยั้งตัวเองไม่อยู่แน่ จังหวะนั้นเขาก็ยังคงลงลิ้นให้เธอต่อเพราะเสียงครวญครางนั้นช่างน่าหลงใหลไม่ต่างจากร่างกายของเธอเลยระย้าทนความช่ำชองในการใช้ลิ้นของเขาไม่ไหว จนเท้าเผลอจิกลงพื้นที่นอน แต่เธอก็รีบเอามือมาปิดปากไว้ไม่อยากร้องเจ็บกลัวว่าเขาจะหยุดเห็นเธอดิ้นพล่านชายหนุ่มก็อดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ร