ฉันหยิบกล่องใบสุดท้ายขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ ห้อง ห้องนี้เป็นที่หลบภัยของฉันในช่วงสองปีที่ผ่านมาห้องนี้เป็นห้องของฉันตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันได้เปลี่ยนแปลงมันเมื่อฉันเติบโตเป็นหญิงสาว การตกแต่ง สีและเฟอร์นิเจอร์ ฉันเปลี่ยนทุกอย่างให้เข้ากับผู้หญิงที่ฉันอยากเป็นฉันร้องไห้ในห้องนี้ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าโรแวนนอนกับเอวา... หลายปีต่อมา ในห้องเดิมนี้ฉันบรรเทาแผลใจหลังจากตระหนักถึงความเจ็บปวดและความเจ็บช้ำทั้งหมดที่ฉันก่อขึ้นมันกลายเป็นที่ที่ฉันสบายใจที่จะอยู่ที่สุด สถานที่เดียวที่ฉันสามารถวิ่งหนีและซ่อนตัวได้ สถานที่เดียวที่ฉันสามารถพังทลายโดยไม่มีใครเห็นว่าฉันแตกสลายขนาดไหน หากกำแพงพูดได้ คงบอกว่าพวกมันเห็นอะไรมาบ้าง ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ความคิดแสนน่ากลัวเเรื่องจบชีวิตตนเองแต่ตอนนี้ฉันคงต้องบอกล่ามันเสียแล้ว ฉันรู้ว่าฉันจะยังคงนอนที่นี่ตอนที่กลับมาพักค้างคืนที่บ้าน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันรู้สึกเหมือนฉันต้องบอกลาแล้ว มันให้ความรู้สึกถึงจุดจบบางสิ่ง ราวกับว่าในที่สุดฉันก็ปล่อยความทรงจำจากสองปีที่ผ่านมา มันรู้สึกเหมือนเดินทางมาถึงตอนสุดท้าย“พร้อมหรือยัง
ฉันจ้องมองพี่ชายไม่วางตา ทันใดนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันหลงทางกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมากจนลืมมองคนที่อยู่ข้าง ๆ ไปเสียสนิทนั่นแหละคือปัญหาของโรคซึมเศร้า คุณมองไม่เห็นความทุกข์ทรมานของคนอื่นเพราะคุณมัวแต่จดจ่ออยู่กับตัวเองมากเกินไป ฉันปล่อยให้ชีวิตไหลผ่านไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมกับคนรอบข้าง อันที่จริงฉันดึงความสนใจของทุกคนมาที่ตัวเอง เพราะพวกเขากังวลเรื่องสุขภาพจิตของฉันมากฉันไม่ได้หยุดมองเลยว่าแม่กำลังเผชิญกับความรู้สึกผิดของแม่เองอย่างไร ไม่ได้หยุดมองทราวิสที่ต้องแบกรับน้ำหนักบาปของตัวเองรวมถึงบริษัทขนาดไหน ฉันไม่ได้หันกลับมามองใครเลยนอกจากตนเองฉันรู้สึกแย่มากเมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่ฉันทำให้พวกเขาต้องเจอ ความกังวล ความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวด ฉันรู้ว่าตนเองไม่อยากเห็นพวกเขาอยู่ในสภาพที่ฉันเคยเป็น มันคงเจ็บปวดที่รู้ว่าฉันช่วยพวกเขาไม่ได้จริง ๆ เพราะพวกเขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือ ฉันเข้าใจสิ่งนั้น ดังนั้นฉันจึงเข้าใจว่ามันก็เหมือนที่ฉันต้องรับมือกับตัวเอง."ขอโทษนะคะ" ฉันกระซิบ เอามือลูบผมฉันต้องเข้าร้านทำผมแล้วจริง ๆ จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันตัดผ
ฉันมองไปที่บ้านของเอวา และมันก็เหมือนกับที่ฉันจำได้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันก็ยังเหมือนเดิม ฉันรู้ว่านี่เป็นบ้านคนละหลังกัน แต่เมื่อได้มองมันทำให้ฉันย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปหลังจากพ่อเสียชีวิตฉันจำได้ว่ามาที่บ้านของเธอแล้วก่นด่าเรื่องไม่ใช่เรื่องออกมาเพราะฉันรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียโรแวนไปอีกครั้ง และมันเป็นความผิดของเธอ พระเจ้า ฉันรู้สึกอับอายที่ตนเองพูดเรื่องแบบนั้นรวมถึงสิ่งที่ทำกับเธอไปทั้งหมด ฉัยยุแหย่เธอไม่หยุด เมื่อเธอหมดความอดทนและสู้กลับ ฉันก็กลับไปหาโรแวนและโกหกออกมาฉันอิจฉาเธอมาตลอด อิจฉาที่แม้ว่าโรแวนจะไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอดีนัก แต่เขาก็แต่งงานกับเธอมาเกือบสิบปี มันยังทำให้ฉันหงุดหงิดที่เขาซื่อสัตย์ต่อเธอแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอ เราไม่เคยนอนด้วยกันตอนที่เราคบหากัน แต่ฉันรู้จักผู้ชายเป็นอย่างดี ไม่มีทางที่เขาจะถือพรหมจรรย์มาตลอดเก้าปีหรอกในตอนนั้น มันรู้สึกเหมือนมีมีดแทงอยู่ในใจเมื่อฉันคิดว่าพวกเขานอนด้วยกัน ฉันรู้ว่ามันเกิดขึ้นแม้ว่าเอวาจะไม่ได้ย้ำให้ฉันเห็นก็ตาม ในหัวของฉัน ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเขานอกใจและไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย มันคงเจ็บปวด
ภายในสะอาดหมดจดราวกับจะส่องประกาย เธอเล่าให้ฉันฟังว่าปกติแล้วเธอจะให้คนมาทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดเลย นอกจากนี้ยังมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เนื่องจากเอวาไม่ได้ขนย้ายอะไรออกไปเลย ยกเว้นเตียงของโนอาและเปลของไอริสเท่านั้นแม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่ได้ถูกใช้งานมาสองปีแล้ว แต่ก็ยังคงอบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ควรจะเป็น มันยังคงรักษาความอบอุ่นบางอย่างไว้ได้ เอวามีพรสวรรค์ในการเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นที่พักใจจริง ๆ คอนโดเพนต์เฮาส์ของฉันไม่เคยให้ความรู้สึกแบบนี้เลย มันรู้สึกเย็นชาเป็นแค่ที่อยู่อาศัย ไม่ใช่ที่พักใจเลยฉันสะดุ้งตอนที่ทราวิสเดินเข้ามาพร้อมกับกล่อง เขามองฉันอย่างสงสัย แต่ฉันหันหลังให้และไม่สนใจ ฉันเดินออกไปที่รถเพื่อขนของเข้าไปข้างในเราขนของลงมาและย้ายเข้าบ้านทั้งหมดในเวลาไม่นานนัก สิบห้านาทีหรือน้อยกว่านั้น ฉันมีของไม่มากนัก เพราะฉันหมดความหลงใหลในการช้อปปิ้งไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ซื้ออะไรใหม่ ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา"ดูเหมือนว่าเราจะเสร็จแล้วนะ" ทราวิสพึมพำพลางมองไปที่บันไดพลางยกมือเท้าเอว"อืม" ฉันตอบ "ฉันอยากทำอาหาร
ฮาร์เปอร์"ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงอยากให้พวกเรามาที่นี่กันนัก" ฉันบ่นพลางถูมือเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความอบอุ่น"แล้วการที่ผมอยากเดินเล่นกับภรรยาในสวนสาธารณะมันผิดตรงไหนกันล่ะ?" เกเบรียลเอ่ยถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความขบขัน การที่ฉันงอแงเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ประกายในดวงตาของเขาลดลงเลย ความเป็นจริงดูเหมือนว่าเขาจะมองว่ามันน่ารักด้วยซ้ำ"ในเวลาทำงานเนี่ยนะคะ?" ฉันถามเพราะความสงสัย ดวงตากวาดมองสวนสาธารณะที่เรากำลังเดินอยู่ เพราะว่าตอนนี้สภาพอากาศอันหนาวเย็น ทำให้เราเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่"ผมเป็นเจ้านายนะครับ ฮาร์เปอร์ และคุณก็เป็นภรรยาผม เราจะทำอะไรก็ได้ตามใจที่เราต้องการ" เขาพูด พลางคว้ามือฉันและจับเอาไว้แน่น "ถ้าใครมีปัญหา ก็ให้ไปคุยกับยมบาลแทนแล้วกัน"แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นและฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่ฉันก็ลอบยิ้มออกมาเกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความห่วงใย ความรัก และความใส่ใจนี้ ถ้าพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะมีความสุขกับเขาขนาดนี้ เขาทำให้ฉันประหลาดใจทุกเรื่อง"มันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ดีนี่คะ" ฉันบอกเขาพร้อมมองขึ้นไปที่ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นต
เกเบรียลตัวแข็งทื่อ ยืนนิ่งอยู่กับที่ มือเขาบีบมือของฉันแน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด ฉันเงยหน้ามองเขาพบว่าดวงตาเขาเบิกกว้างพร้อมสีหน้าตื่นตกใจฉันมองข้ามไหล่ของเขาไป จากนั้นจึงพบหญิงสาวผมแดงกำลังจ้องมองเขาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า ดูเหมือนเธอจะกำลังสะเทือนอารมณ์ ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมของเธอหรือของเกเบรียลเลยเกเบรียลค่อย ๆ คลายความแข็งทื่อและหันกลับมา แต่การเคลื่อนไหวยังค่อนข้างแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์"แอชลีย์?"คราวนี้ฉันเองที่เป็นฝ่ายยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นแรงเมื่อชื่อของเธอดังเข้ามาปะทะโสตประสาทและประมวลผลในสมอง ฉันก้าวถอยหลังและพยายามดึงมือออกจากเกเบรียล แต่เขาไม่ปล่อยกลับบีบแน่นยิ่งขึ้นเรือนผมปล่อยของเธอลงมาด้านหลังเป็นลอนเงางามจนทำให้ฉันนึกถึงพระอาทิตย์ตกดิน ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างและแสดงออกถึงอารมณ์มากมาย เธอมีขนตายาวที่เข้มกว่าสีผมล็กน้อย โหนกแก้มสูงและคมชัดโดดเด่น และริมฝีปากอวบอิ่มทำให้ใบหน้าดูโดดเด่น เธอสูงกว่าฉัน น่าจะสูงประมาณห้าฟุตแปดหรือเก้านิ้วได้ เธอมีรูปร่างเพรียวบาง เอวเล็กฉันจ้องมองความงามตรงหน้า ดื่มด่ำกับภาพลักษณ์ของเธอ ไม่แปลกใจเลยที่เกเบรียลเลือกเธอ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ค
ฉันรู้สึกขยะแขยงจริง ๆ ที่ได้ฟังเธอในตอนนี้ ใครกันที่กล้าทำแบบนี้กับคนอื่นได้ลงคอ? กาเบรียลเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกนะ สิ่งที่พวกเขาทำช่างโหดร้ายอย่างยิ่ง"ที่เหลือคุณก็รู้หมดแล้วล่ะค่ะ" เธอหยุดชะงักก่อนจะพูดต่อ "ตอนคุณขึ้นบัญชีดำฉันกับพอล ชีวิตก็ลำบากมาก พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้เพราะหางานทำไม่ได้ ต้องหนีไปต่างประเทศแต่ก็เลิกกันหลังจากนั้นไม่นาน ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะเกบ ฉันขอโทษที่ฉันหลอกใช้คุณและไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราเคยมี หลังจากที่เราเลิกกัน ฉันถึงได้รู้ความรู้สึกที่มีต่อคุณ แต่มันสายเกินไปแล้ว คุณเกลียดฉันและไม่อยากเจอฉันอีก"หัวใจของฉันเต้นระรัวและลมหายใจก็เสียดแทงขึ้นทุกขณะ แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็น แต่เหงื่อก็ไหลลงมาตามแผ่นหลัง ฉันกลัวเหลือเกินว่าเขาจะเลือกเธอ นี่เป็นโอกาสที่จะได้อยู่กับรักแรกของเขา ฉันพยายามควบคุมไม่ให้ร่างกายสั่นเทาขณะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไร ฟังคำตอบของเขาที่มีต่อคำสารภาพของเธอ ยังไงซะรักแรกมันก็ยากที่จะลืม"เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญแล้วครับ" เขาก็พูดหลังจากเงียบไปสักพักนั่นหมายความว่าอะไร? เขาหมายความว่ามันไม่สำคัญเพราะเขายังรักและอยากให้อภัยเธอแล้วหรือเปล่า?ฉ
เอมม่าฉันลงจากรถด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรง รองเท้าส้นสูงทำให้ฉันเจ็บเท้ามาก และฉันก็อยากจะถอดมันออกแล้วนอนลงบนโซฟาหรือเตียงเดี๋ยวนี้เลยวันนี้เป็นวันแรกของการกลับไปทำงาน และฉันบอกเลยว่ามันวุ่นวายมาก ฉันลืมไปแล้วว่าการเป็นทนายความต้องทำอะไรบ้าง ลืมไปแล้วว่ามันวุ่นวายแค่ไหน คุณยืนหรือนั่งอยู่บนเก้าอี้จมอยู่กับเอกสารที่คุณต้องอ่านเป็นชั่วโมง ๆ เลยก็ว่าได้ส่วนใหญ่แล้วฉันจะนั่งอ่านคดีของลูกค้าและหลักฐานต่าง ๆ จนกระทั่งอ่านจะหมด ฉันรู้สึกเหมือนจะเสียสติ เหมือนกับว่าฉันกำลังจะเป็นบ้าในที่สุดแม้ว่าวันแรกจะเหนื่อยล้าแค่ไหน การกลับไปทำงานก็เติมเต็มตัวตนของฉันด้วยพลังงานบางอย่างที่ฉันอธิบายไม่ได้จริง ๆ เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา รู้สึกสดชื่น รู้สึกเหมือนชิ้นส่วนที่ขาดหายไปภายในตัวฉันกำลังเข้าที่เข้าทางในที่สุดพูดตามตรงการได้กลับไปทำงานนั้นรู้สึกดีเป็นอย่างมากเลย ฉันคิดถึงการทำงานมาก ฉันไม่รู้เลยว่าฉันคิดถึงการเป็นทนายความมากแค่ไหนจนกระทั่งฉันกลับไปทำงานในวันนี้ฉันล็อครถ คันที่แม่ส่งมาให้ฉันหนึ่งวันหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันเดินไปที่ประตูพร้อมความเหนื่อยล้า ม
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว
ฮาร์เปอร์ฉันขยับตัวไปมาบนเตียงโดยพยายามหาท่าที่สบายที่สุด พูดตามตรงฉันดูเหมือนปลาวาฬและรู้สึกเหมือนปลาวาฬด้วย ฉันกำลังพับผ้าอยู่เพราะดูเหมือนว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันได้รับอนุญาตให้ทำเกเบรียลดูแลฉันมากเกินความจำเป็นตั้งแต่เขารู้ว่าฉันตั้งครรภ์ ฉันแทบห้ามขยับร่างกายเลยเพราะอาจทำให้เขาตื่นตระหนกไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันแทบบ้า แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีฉันเผยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนตั้งท้องลิลลี่ เลียมดูแลฉันดีเหมือนกัน เขาไม่ได้ดูแลฉันมากเกินความจำเป็นอย่างที่เกเบรียลทำ แต่เขาก็ดูแลฉันอยู่ดี หมายถึงเขาเคยวิ่งไปซื้อของที่ร้านกลางดึกเพราะฉันรู้สึกหิวโดยไม่บ่นสักคำ มีแต่ผู้ชายที่ใส่ใจเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นการตั้งครรภ์ครั้งนี้แตกต่างจากการตั้งครรภ์ลิลลี่ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น ตอนท้องลิลลี่ ฉันแทบไม่แพ้ท้องเลย แต่ครั้งนี้ฉันแพ้ท้องตอนเย็นด้วย และมันอยู่ไปถึงช่วงเข้าเดือนที่สี่ มันแย่จริง ๆ ที่ต้องรู็สึกแย่ตลอดเวลาแล้วก็เรื่องความอยากอาหาร ตอนท้องลิลลี่ ฉันอยากกินของหวาน ๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากกินของคาวและเค็มมากกว่า มันบ้ามาก ฉันไม่อยากกินของหวานเลยตั้งแต่รู้ว่าตัวเองท้อง อย่าพูดถึ
ผมนั่งอยู่ข้าง ๆ กันเนอร์และพวกเรามาอยู่ที่โรงพยาบาลกันทุกวัน ทางโรงเรียนของกันเนอร์เข้าใจสถานการณ์ดี เขาเลยไม่ต้องไปโรงเรียน โนอามาเยี่ยมเขาทุกวันและนำการบ้านมาให้เสมอ"พวกเราเคยคุยกันด้วยนะครับ โนอาบอกผมว่าเขารู้สึกยังไง มันรู้สึกดีที่ได้คุยกับเขาเรื่องนี้ ได้คุยกับคนที่เคยผ่านมันมาและเข้าใจว่ามันยากแค่ไหน" เขาหยุดขณะที่คลายปมผมของผู้เป็นแม่ก่อนที่จะพูดต่อ "ไม่ต้องห่วงนะครับ แม่กับโนอาจะเข้ากันได้ดีตอนแม่รู้จักเขาดีขึ้นแล้ว"ขอร้องแหละ เอมม่า ได้โปรดตื่นเถอะ ฟื้นขึ้นมาเพื่อกันเนอร์เถอะนะ ผมขอเท่านี้จริง ๆ ผมภาวนา อ้อนวอนเธอในใจให้ลืมตาขึ้นมา"พวกเรายังเหลืออะไรต้องทำด้วยอีกตั้งเยอะ" กันเนอร์วางหวีลง "อะไรอีกเยอะที่พวกเรายังไม่เคยทำ ผมยังต้องรู้จักแม่ให้มากขึ้นนะครับ และแม่ก็ยังต้องรู้จักผมเหมือนกัน อีกอย่างแม่สัญญากับผมว่าจะให้ของขวัญผมทุกปีที่แม่พลาดไป แม่ให้มาหนึ่งชิ้นแล้ว เหลืออีกสิบเจ็ดชิ้นนะครับ"เช่นเดียวกับสี่วันที่ผ่านมา เอมม่าไม่ได้ตอบกลับ ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวที่จะให้ความหวังว่าเธอจะหายดีเสียงถอนหายใจดัง กันเนอร์จับและจูบหลังมือเธอ "ผมไม่เคยได้พูดให้ฟังเลย แต่ผมรัก
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพลันหายไปและผมก็สะดุดกับคำพูดของคุณหมอ ผมไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือความหมายเป็นนัยของคำพูดนี้ได้อย่างเต็มที่เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้นเต็มห้อง ทุกคนต่างจ้องมองแพทย์ราวกับเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก"เธอจะได้สติไหมคะ? แล้วพวกเราเข้าเยี่ยมเลยได้ไหม?" เสียงของเอวาดังขึ้น"ตอนนี้ยังไม่ฟื้นครับ เธออยู่ในห้องฉุกเฉินและอนุญาตให้เฉพาะสมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดเข้าเยี่ยมได้เท่านั้น" เขาตอบ "ผมจะจัดการให้ในอีกสักครู่... ขอตัวนะครับ ผมต้องไปตรวจเธออีกครั้ง"พวกเราจ้องมองแผ่นหลังคุณหมอขณะที่เขาเดินออกไป ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่ได้ยินว่าเอมม่าอาจจะเดินไม่ได้อีกแล้วผมทรุดตัวลงนั่งเพราขาไม่เหลือเรี่ยวแรงจะยืนต่อไปได้อีกต่อไปผมไม่เข้าใจเลย ตอนนี้เธอกำลังฟื้นฟูสิ่งต่าง ๆ อยู่ และทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เธอฟื้นฟูความสัมพันธ์และประกอบชีวิตตนเองขึ้นมาใหม่ ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นกับเธอได้นะ?***"แม่ผมจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ?" กันเนอร์ถามแพทย์ที่กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจดูอาการของเอมม่าตอนนี้เธอออกจากห้องฉุกเฉินได้แล้ว พวกเขาย้ายเธอออกมาเมื่อประมาณสองวัน
ผมพยายามเหยียดตัวแผ่นหลังตรง ขณะฝืนใจสร้างความกล้าหาญจอมปลอมให้กับตนเอง ผมพยายามพูดออกมาให้พยาบาลคนนั้นรู้ว่าตนเองยังไหว แต่ลิ้นกลับแข็งทื่อไปหมดและคำพูดก็ไม่ยอมหลุดออกจากปากเลยสักคำเธอตบไหล่ผมเบา ๆ "ดิฉันเข้าใจค่ะ ไปนั่งพักก่อนดีกว่า ดูเหมือนว่าลูกชายคุณต้องการพี่พักพิงในตอนนี้นะคะ พวกคุณควรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจซึ่งกันและกัน"ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือพยักหน้าตอบรับก่อนเดินออกไป ผมเดินไปหากันเนอร์และนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนดึงเขามานั่งบนตัก พวกเรากอดกัน เป็นที่ยึดเหนี่ยวให้กันและกันผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตอนที่ผมรู้สึกว่ามีคนเขย่าตัวเรียก ผมมัวจดจ่อกับเอมม่าและเพิ่งเห็นว่าเอวากำลังจ้องมองอยู่ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ริมฝีปากคว่ำลงและดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล"เรามากันหมดบ้านเลยค่ะ" เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะนั่งข้าง ๆ “ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัดอีกเหรอคะ?""ครับ" ผมเหมือนต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อเปล่งคำพูดออกมา"มันเกิดอะไรขึ้น?" ทราวิสเอ่ยถามพร้อมกับประคองผู้เป็นแม่ ซึ่งดูเหมือนจะสติหลุดลอยอยู่ในอ้อมแขนเธอเหมือนจวนเป็นลมอยู่รอมร่อ หรือไม่เธออาจกำลังรำลึกถึงอดีตเช่นกัน เพราะเวลาที่
ความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมร่างกาย ลมหายใจผมเริ่มถี่กระชั้น ผมรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อความเจ็บปวดในอกทวีความรุนแรงขึ้น ผมดึงกันเนอร์เข้ามาใกล้ตัวแล้วกอดเขาไว้ราวกับเขาเป็นลมหายใจของผมมันจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เธอต้องไม่เป็นอะไรสิผมพูดคำเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนบทสวดภาวนา เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่เสียสติต่อให้ต้องเสียอะไรก็จะให้เธอจากไปตอนนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ตอนที่กันเนอร์เพิ่งตัดสินใจให้โอกาสครั้งที่สองกับเธอและยอมรับเธอกลับเข้ามาในชีวิต ผมรู้จักลูกชายเป็นอย่างดี การที่เอมม่าจากโลกนี้ไปจะต้องทำให้เขาเสียใจมาก ความปรารถนาเดียวของกันเนอร์คือการมีแม่ การให้เอมม่าเป็นแม่และยอมรับเขา มันคงโหดร้ายหากในที่สุดเขาได้รับโอกาสนั้นแต่กลับต้องสูญเสียเธอไป"ไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่เป็นไรแล้ว" เอริคประกาศ เสียงเต็มไปด้วยความโล่งใจผมไม่เคยมีความสุขกับการได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน ความโล่งใจนั้นมากมายมหาศาล ขณะที่แสงแห่งความหวังเริ่มส่องประกายทะลุผ่านเมฆดำมืดที่ปกคลุมพวกเราผมทรุดตัวลงเอนพิงกายในรถพยาบาลนั้น ก่อนทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ผมเฝ้าดูสัญญาณชีพของเธออย่างไม่วางตา ภาวนาไ