โรแวนผมมองเห็นความสับสน ความสุข และความยินดีปรากฏในดวงตาของเธอ น้ำตาคลอเต็มดวงตา แต่เธอพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาผมจับมือของเธอที่กำลังสั่นและจูบเบา ๆ“เอวาครับ” ผมเริ่มพูดพร้อมหัวใจเต้นระรัว “คุณทำให้ทุกวันของผมสดใส และนอกจากโนอากับไอริสแล้ว คุณคือคนที่ดีที่สุดในชีวิต ผมไม่เคยรู้เลยว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร จนกระทั่งผมตกหลุมรักคุณ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรหรืออย่างไร แต่รู้แน่ชัดว่าผมรักคุณหมดหัวใจ เราผ่านอะไรมามากมาย ส่วนใหญ่เป็นเพราะความผิดของผมเอง แต่เราก็ยังอยู่ตรงนี้ และก็ถือว่าโชคดีมากที่คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง”บ้าเอ้ย ผมไม่เก่งเรื่องแบบนี้เลย ความคิดนั้นหายไปทันทีที่เห็นความรักที่เปล่งประกายจากดวงตาของเธอโนอาหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด ผมแน่ใจว่าหลังจากนี้เจ้าลูกชายคงแซวเรื่องนี้ นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาพร้อมมองเอวา“ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลคุณทุกวันในชีวิตนี้ เพราะผมไม่สามารถและจะไม่มีวันหยุดรักคุณได้ ผมเชื่อว่าความรักของเราเป็นรักที่ไม่มีอะไรมาเอาชนะได้ เพราะเราผ่านอุปสรรคมามากมาย และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดเราจากการมีตอนจบที่มีความสุขได้ ผมจะรักคุณเสมอ ไม่ว่าจะเ
เอวาผ่านมาสองสามวันแล้วตั้งแต่คริสตินพยายามฆ่าฉัน ฉันไม่โกหกหรอก ตอนนี้ฉันยังรู้สึกสะเทือนใจอยู่เลย เมื่ออาการตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนลดลง ฉันก็พังทลายลงและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคนเราจะชั่วร้ายและโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ แค่เพราะเธอโทษฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ควบคุมหลังจากเธอถูกจับกุม หมายจับสำหรับลุงของเธอก็ถูกส่งออกไป ในใจลึก ๆ ฉันรู้ว่าคงไม่มีวันเจอเขา อย่างน้อยก็ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันรู้ได้ยังไงเหรอ? มันง่ายมาก ก็รีเปอร์โทรมาหาฉัน เขาบอกเพียงว่าฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับลุงของคริสตินอีกต่อไป ซึ่งแปลตรง ๆ ได้ว่าเขาจะฆ่าลุงของเธอเมื่อพบตัวมันทำให้ฉันเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าที่ฉันไม่แคร์? บางทีการที่ฉันข้องเกี่ยวกับรีเปอร์อาจทำให้ฉันกลายเป็นคนเลือดเย็น แต่ฉันไม่สนใจเลยว่าเขาจะอยู่หรือตาย จริง ๆ แล้ว ฉันหวังว่ารีเปอร์จะทำให้เขาทรมานก่อนที่จะจบชีวิตที่น่าสมเพชของเขาส่วนคริสติน ฉันขอให้เธอพบเจอแต่สิ่งเลวร้ายที่สุด เธอเกือบจะทำให้ฉันและลูกสาวต้องเสียชีวิต ไม่มีทางที่ฉันจะให้อภัยเธอ ฉันหวังว่าเธอจะต้องลำบากในคุก หวังว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน หวังว่าเธอจะตายอย่างเจ็บปวด แล
ตอนนี้ฉันเติบโตมากพอที่จะเข้าใจโรแวนและการกระทำของเขาได้ดีขึ้น เขาสูญเสียผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอดชีวิต ถ้าฉันอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ฉันคงตอบสนองแบบเดียวกัน ฉันคงโกรธและระบายมันออกใส่คนที่ฉันคิดว่าทำให้ฉันเจ็บปวด เหมือนที่ฉันเคยทำกับเขาหลังจากการหย่าของเรา โดยปฏิบัติกับเขาด้วยความเกลียดชังและขมขื่น“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะเห็นว่าฉันทำให้คุณเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนนั้น” ฉันกระซิบเสียงเบา ความรู้สึกท่วมท้น “ฉันขมขื่นมานานมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เอมม่ากลับมา และฉันตระหนักว่าฉันไม่เคยเป็นในสิ่งที่คุณต้องการหรือปรารถนา ฉันเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ และบางทีถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณกับเอมม่าอาจมีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ฉันขอโทษจริง ๆ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันเสียใจแค่ไหน”ฉันชะงักเมื่อรู้สึกถึงมือที่แข็งแรงกุมมือฉันไว้ ฉันประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขาย้ายมานั่งข้าง ๆ ฉันแล้วเขาสูดลมหายใจลึก และฉันกุมมือเขาไว้แน่นราวกับเป็นสายช่วยชีวิตของฉัน “สิ่งที่ผมทำกับคุณมันแย่กว่านั้นมาก ความเจ็บปวดที่ผมทำให้คุณต้องทนทุกข์มาตลอดหลายปีเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะให้อภัยตัวเองได้ ผมก็เห็นแก่ตั
หลังจากถอนจูบ ผมเอนหัวพิงกับเธอ “ได้โปรดบอกผมทีว่าคุณต้องการสิ่งนี้” ผมวิงวอนด้วยความสิ้นหวังบางอย่างมันผ่านมานานเหลือเกิน และร่างกายแทบจะทนไม่ไหวที่จะจมดิ่งเข้าไปในความอบอุ่นของเธอ“ค่ะ” เธอตอบพลางถูไถตัวเองเข้ากับความแข็งขืนของแท่งสวรรค์ของผมคำพูดของเธอยังไม่ทันจบดี ผมก็ลุกขึ้นและคว้ามือเธอ ลากเธอไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็วผมไม่หยุดแม้กระทั่งตอนที่มาถึงประตูห้องนอนที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เพียงแค่ใช้เท้าเตะมันจนเปิดกระแทกผนัง เสียงดังทำให้เอวาสะดุ้งเล็กน้อยร่างกายของผมพร้อมเต็มที่ และผมก็แทบจะรอไม่ไหว ไม่มีอะไรที่จะหยุดผมได้ในตอนนี้ นอกจากเธอจะบอกให้ผมหยุด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องให้เธอเข้าใจเสียก่อนผมหันไปหาเธอ ดึงเสื้อเธอออกจากแขน ปล่อยให้มันหล่นลงพื้น เธอเงยหน้ามองผม ดวงตาสีน้ำตาลของเธอถูกกลืนหายไปด้วยความมืดจากรูม่านตาที่ขยายกว้าง เธอหายใจหอบจนหน้าอกขนาดพอเหมาะของเธอยกขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เธอเลียริมฝีปาก และผมสาบานได้เลยว่าผมรู้สึกเหมือนมันสัมผัสปลายแท่งสวรรค์ผมจับเธอหมุนตัวและดึงเธอเข้ามาชิดกับร่างกายของผม สะโพกของเธอสัมผัสกับเจ้าโลกของผม มันรู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์ เธอสูดหายใ
เธอเอื้อมมือไปด้านหลังและจับสะโพกของผม ดึงให้ผมแนบชิดกับเธอยิ่งขึ้น “ได้โปรด อย่าหยุดนะคะ ฉันต้องการคุณ โรแวน” เธอครางออกมาผมเลื่อนมือขึ้นและดึงเสื้อกล้ามของเธอขึ้น เผยให้เห็นหน้าอกของเธอ จากมุมที่ผมมองข้ามไหล่ของเธอ เห็นหัวนมสีชมพูเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนเชอร์รี่ และผมอยากจะเลีย ดูด และลิ้มรสเธอจนหมด ผมบีบและบิดมันเบา ๆ จนหัวนมแข็งเป็นไตเธอยกศีรษะขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะพิงกลับมาที่ไหล่ของผมอีกครั้ง ผมจับผมเธอที่ยังมัดเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย และบิดศีรษะไปด้านข้างเพื่อให้ผมขบเบา ๆ และเลียไปตามลำคอ ผมไม่มีวันพอใจกับรสชาตินี้ เธอมีรสชาติเหมือนกลิ่นหอมของตัวเอง มือของผมจับหน้าอกทั้งสองข้างและบีบเบา ๆ เธอดันอกของเธอออกมาและบดสะโพกของเธอกลับมาที่ส่วนล่างของผม ทำลายการควบคุมตัวเองของผมจนแทบหมดสิ้นผมก้าวถอยหลังออกจากเธอเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงหนักแน่นว่า “ถอดกระโปรงกับกางเกงในออกนะ แล้วค่อยขึ้นไปที่ปลายเตียง วางมือและเข่าลงในท่าหมอบ”เธอหันกลับมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันอยากให้คุณทำฉันในท่าหมามาตลอดเลยนะ”. ผมยืนอยู่ที่เดิม ทั้งที่สิ่งที่อยากทำที่สุดคือคุกเข่าลงตรงหน้าเธอและบูชาทุกตารา
เธอทำให้ผมแทบเสียสติสายตาของผมยังคงจดจ้องไปที่จุดอ่อนไหวและสะโพกของเธอ ขณะที่ผมก้าวเข้าไปใกล้จนเหลือเพียงไม่กี่นิ้วระหว่างกางเกงยีนส์ของผมกับความชื้นของเธอ ผมวางมือข้างหนึ่งที่แผ่นหลังส่วนล่างของเธอ แล้วไล่มันขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง เธออยู่ในท่าคลานบนมือและเข่า แต่ผมต้องการให้หน้าอกของเธอแนบกับเตียงเธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสแรกของผมมาถึงผมไล่มือไปจนถึงฐานคอของเธอและออกแรงกดเล็กน้อย เธอเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ และลดตัวลงจนข้อศอกแนบกับเตียง แก้มของเธอพิงอยู่บนผ้าห่ม“ฉีกขาออกอีก” ผมสั่งเธอพร้อมกับกดแผ่นหลังของเธอเธอทำตาม แต่ยังไม่มากพอ“อีก” ผมพูดเสียงต่ำและเพิ่มแรงกดเธอแยกขาออกกว้างขึ้น จนกระทั่งผมหยุดเธอเมื่อถึงระดับที่พอดีกับแท่งสวรรค์ผมผมใช้มือทั้งสองข้างเริ่มลูบจากสะโพกของเธอขึ้นไปตามลำตัว จนถึงหน้าอกที่แนบกับเตียง ผมสอดมือไปข้างใต้ บีบหัวนมเบา ๆ ก่อนจะลากมือกลับลงมาตามลำตัวของเธอผิวของเธอเนียนนุ่มและรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อเมื่ออยู่ใต้ฝ่ามือของผม เธอครางออกมาเบา ๆ กับผ้าห่มและแอ่นหลังขึ้นเล็กน้อย เมื่อผมเลื่อนมือลงไปถึงขาอ่อน ผมเปลี่ยนทิศทางและลูบกลับขึ้นมา คราว
สายตาผมจับจ้องที่ปลายอวัยวะของตัวเองที่แตะอยู่ตรงทางเข้าของเธอ ก่อนที่ผมจะค่อย ๆ สอดเข้าไปทุกนิ้วในจังหวะที่ช้าและนุ่มนวล“อ้า เอวา” ผมครางเสียงต่ำ ขณะที่เธอร้องออกมาเบา ๆ กับผ้าห่มเธอตอดรัดผมแน่นเสียจนผมเกือบจะถึงจุดสุดยอดตั้งแต่แรกเข้า ความรู้สึกที่เธอโอบล้อมตัวผมเอาไว้ อบอุ่นและนุ่มนวล มันเหมือนทั้งสวรรค์และนรกในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งที่หวานที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัส และผมรู้ว่านี่จะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่ผมได้สัมผัสความรู้สึกนี้ผมถอนสะโพกกลับจนเหลือเพียงปลายอยู่ภายใน การเห็นความชื้นที่เปล่งประกายบนตัวเองทำให้ผมกัดฟันแน่นเพื่อระงับเสียงคราง และต้องสู้กับความปรารถนาที่จะกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง ผมค่อย ๆ ดันตัวกลับเข้าไปและหยุดนิ่งอยู่ข้างใน ปล่อยให้เธอปรับตัวกับขนาดของผม เมื่อผมรู้สึกว่าเธอผ่อนคลาย ผมจับสะโพกเธอแน่นแล้วกระแทกตัวเข้าไปเต็มแรง พร้อมกับดึงตัวเธอกลับมาหาผมเธอครางสะอื้นและจิกผ้าห่มแน่น เมื่อผมกระแทกเข้าไปอีกครั้ง ผมบดสะโพกเข้าหาสะโพกของเธอ จนสัมผัสจุดหนึ่งในตัวเธอที่ทำให้เธอร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง “โรแวน!”การได้ยินเธอร้องเรียกชื่อผมทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยากตบอกตั
โรแวนให้ตายเถอะ ผมแทบจะประสาทเสีย หัวใจเต้นผิดจังหวะจนแทบจะหลุดออกมา และมือของผมก็สั่นจนยากที่จะควบคุม ครั้งสุดท้ายที่เราแต่งงานกัน มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเรายังเด็กและไม่มีใครอยากแต่งงานเลยสักคนเธอพยายามจะหนีจากผมพร้อมลูกในท้อง ขณะที่ผมโกรธแค้นจักรวาลทั้งใบที่บังคับให้ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมเกลียด ส่วนหนึ่งของผมยังคงสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเอวาสามารถหนีไปได้สำเร็จ แน่นอน ผมคงโกรธจนแทบบ้า ที่เธอพาผมหนีจากโอกาสที่จะได้รู้จักลูกของตัวเอง แต่เราจะยังได้กลับมาเจอกันหรือไม่?เมื่อก่อนผมมองไม่เห็น แต่ตอนนี้ผมมั่นใจเต็มหัวใจว่า เอวาเป็นคู่แท้ของผม มันอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็น กว่าจะยอมรับ แต่ดีกว่าที่จะไม่เห็นเลย “นายช่วยใจเย็นได้เปล่า?” เกเบรียลบ่นข้าง ๆผมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำใจให้สงบแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมเดาว่าผมคงสงบลงไม่ได้จนกว่าจะเห็นเธอเดินมาตามทางเดินนั้น“ไม่ได้เว้ย” “งั้นช่วยใจเย็นลงที นายทำให้ฉันประสาทเสียไปด้วย และฉันไม่ใช่คนที่กำลังจะแต่งงานนะ”เรายืนอยู่ที่ด้านหน้า รอให้เอวามาถึง เธอยังไม่มาถึง และเพื่อนเจ้าสาวก็ยังไม่มาเช่นกันถึงแม้ผมจะอยากจัดงาน
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว