เอวา“วันมะรืนเดี๋ยวฉันกับโครินเข้าไปหาได้ไหม?” เล็ตตี้เอ่ยถาม เธอโทรมาหาเมื่อสักครู่ ฉันตกใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกดีที่เธอโทรมา ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่ เราคุยกันและฉันก็เข้าใจว่าทำไมฉันถึงได้กลายเป็นเพื่อนกับเธอ ถึงแม้เล็ตตี้คบหากับทราวิสอยู่ก็ตามเธอเป็นคนสนุกสนาน จึงชวนให้ใกล้ชิดได้ง่าย นอกจากนี้เธอยังน่ารักและใจดีมาก ฉันชอบเธอตั้งแต่แรก และดีใจที่มีเธอในชีวิตฉันขยับตัวไปมาในครัวพร้อมไอริสในอ้อมแขน ลูกสาวไม่ยอมนอนกลางวันเสียที และเพราะเหตุนี้ เธอจึงมีอารมณ์หงุดหงิดมากทุกครั้งที่ฉันพยายามวางเธอลง เธอจะร้องไห้จนน้ำตาไหล และจะสงบก็ต่อเมื่อฉันอุ้มขึ้นใหม่“เอวา?”ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอโครินคือที่โรงพยาบาล เธอไม่ได้ติดต่อหรือมาเยี่ยมฉัน ฉันไม่เข้าใจ เพราะเธอน่าจะเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิท “สำหรับโครินจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้สึกไม่มั่นใจ “คือเราไม่ได้เจอกันตั้งแต่วันนั้นที่โรงพยาบาลเลย”“ก็เพราะว่าโครินอยากให้เวลากับเธอได้จัดการเรื่องต่าง ๆ กับคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมนี้ไงเล่า” เธอเอ่ยตอบ “สรุป วันพุธนะ?”“ได้สิ เอาเข้าจริง ฉันก็ไม่มี
หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอกเมื่อได้ยินสองพี่น้องพูดนายคิดว่าเขาบอกความจริงกับเอวาหรือเปล่า?ประโยคเดียวนั้นวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเครื่องเล่นแผ่นเสียงชำรุด ฉันรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ขณะนิ่งรอคำตอบจากโรแวนฉันกอดไอริสไว้แน่นเพราะรู้สึกได้ไม่เพียงแค่มือที่สั่นเท่านั้น แต่ทั้งร่างกายกำลังสั่นสะท้าน ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ แต่เหมือนอากาศทั้งหมดติดค้างอยู่ในหลอดลมเสียอย่างนั้นฉันเอนตัวพิงกำแพงเพื่อพยุงตัวให้ยืนอยู่ได้ เพราะเข่าอ่อนแรงจนกลัวว่าจะทรุดลงไปกองกับพื้นขณะอุ้มลูกสาวในอ้อมแขน โชคดีที่ไอริสหลับไปแล้ว มิเช่นนั้นฉันคงถูกจับได้ไปแล้ว“ไม่รู้เหมือนกัน” โรแวนพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดัน จำได้ไหมที่ฉันบอกว่าหัวใจเต้นแรงแทบแหกอกออกมา? บอกเลยว่าตอนนี้มันแย่กว่านั้นร้อยเท่า“เธอสงสัยนายอยู่นะ นั่นหมายความว่ามีใครบางคนพูดบางอย่างให้เธอได้ฟัง และในเมื่ออีธานไม่ชอบนาย ก็คงเป็นเขานั่นแหละ”ความเงียบเข้ามาปกคลุม หูอื้ออึงไปหมด ฉันได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังสนั่นในหูราวกับว่าพวกเขาจะได้ยินและรู้ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้เดินจากไปไหน“แล
“เอวา ตื่นเถอะ ข้าวเย็นพร้อมแล้วนะ” เสียงของโรแวนดังขึ้นเรียกฉันจากความฝันก็ไม่ใช่ทั้งความฝันแสนดี แต่ก็ไม่ใช่ฝันร้ายเช่นกัน เป็นเพียงความฝันที่ทำให้รู้สึกสับสนและมีเพียงความพร่าเลือนแล่นอยู่ตลอดห้วงฝันนั่น “ไอริสล่ะค่ะ?”“ไม่ต้องห่วงเมื่อกี้ตื่นแล้ว แต่ผมป้อนนมไปขวดหนึ่งแล้วก็หลับต่อแล้ว” เขาเอ่ยตอบขณะมองฉันประหนึ่งว่ากำลังหาบางสิ่งฉันพยักหน้ารับจากนั้นจึงผลักผ้าห่มออกไปด้านข้าง ฉันยืดเส้นยืดสายรู้สึกว่ากระดูกทุกท่อนยืดออกและมีความรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิว“ไม่ไปนอนห้องเราล่ะ มานอนนี่ทำไม?” โรแวนเอ่ยถามพร้อมมองตรงเข้ามาในดวงตาฉันทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากระแทกเข้าใจฉันอย่างจัง กลับมาย้ำเตือนฉันถึงเหตุผลว่าทำไมฉันถึงนอนอยู่ตรงนี้แทนที่จะเป็นเตียงกว้างแทนฉันรู้สึกถึงความหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยวภายใน ความสงบนิ่งหายไปจนหมดสิ้น จากนั้นจึงแทนที่ด้วยความขมขื่นแทน ทำไมถึงต้องโกหกกันด้วย? ทำไมถึงต้องเก็บซ่อนบางสิ่งจากฉันด้วย? แบบนี้เรียกว่าอยากให้เราสองคนเริ่มต้นความสัมพันธ์กันใหม่จริง ๆ เหรอ? เริ่มด้วยคำโกหกและมีความลับต่อกันอย่างนั้นเหรอ“อย่าหาเรื่องกันนะ โรแวน ฉันยังไม่มีอารมณ
ความสุขที่ฉันรู้สึกอยู่เพียงครู่เดียวพลันหายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยความหงุดหงิดที่เข้ามาครอบงำร่างกายอย่างรวดเร็ว"ตอนที่แม่บอกว่าทุกคน แม่หมายถึงทุกคนจริง ๆ โนอา ไม่มีข้อยกเว้นทั้งนั้น" ฉันพูดผ่านฟันที่ขบแน่น "แต่ผมไม่อยากให้เธอมานี่" เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด"เซียร่าคือใคร?" โรแวนถามขึ้น“เป็นเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงครับ ผมไม่ชอบเธอเลย เธอน่ารำคาญจะตาย แล้วถ้าต้องเห็นหน้าเธอในงานวันเกิด ผมต้องรู้แย่ไปตลอดแน่เลยครับ”ฉันเข้าใจว่าเซียร่าน่ารำคาญสำหรับเขา แต่การไม่เชิญเธอมางานวันเกิด ทั้งที่เชิญคนอื่นทั้งห้อง มันออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย“แล้วลูกรู้ไหมว่าหนูเซียร่าจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่ไม่ได้มางานคนเดียวทั้ง ๆ ที่เพื่อนคนอื่นเขามากันหมด? มันแย่มากแน่ ๆ”“ผม ไม่ สน” คำตอบของลูกชายดังชัด ฉันเริ่มจะหมดความอดทนกับโนอาแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันเข้าข้างเด็กหญิงคนนั้นหรอกนะ แต่ฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ฉันรู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อทุกคนได้รับเชิญไปงานวันเกิดหรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ ยกเว้นคุณมันเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อคนอื่นปฏิบัติต่อคุณเหมือนคุณไม่มีค่า ทั้งที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยที่สมควรจะได้รับค
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่วุ่นวายสุด ๆ และไม่ได้หมายถึงช่วงเวลาที่ฉันอยู่ในคุกด้วยซ้ำ ฉันสบายดีไหมน่ะเหรอ? บอกตามตรงเลยว่าไม่ ฉันห่างไกลจากคำว่าสบายดีมาก ทุกสิ่งในชีวิตตอนนี้เหมือนไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยฉันจะไม่ปิดบังหรอกว่ารู้สึกหลงทาง ฉันเคยมีแผน มีเป้าหมาย และมีความฝันว่าจะได้อยู่กับโรแวนในสักวันหนึ่ง ฉันมุ่งมั่นกับความฝันนั้นมานานจนมันกลายเป็นอากาศที่ฉันหายใจ ทุกสิ่งที่ฉันทำ ล้วนขับเคลื่อนด้วยความฝันที่จะได้โรแวนกลับมาให้ตายเถอะ ฉันถึงกับเลือกเป็นทนายความเพราะเขา ฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องขอหย่ากับเอวา และฉันจะอยู่ตรงนั้นเพื่อสนับสนุนเขา ฉันเชื่ออย่างสุดใจว่าเอวาจะต้องต่อสู้ ต้องไม่ยอมปล่อยเขาไป และฉันจะเป็นคนสู้แทนเขา เพราะฉันไม่เคยแพ้คดีใด ๆ ฉันเป็นทนายหย่าร้างที่เก่งที่สุดในวงการแต่ทุกอย่างก็พังลงในพริบตา ตอนที่โรแวนส่งฉันเข้าคุก ความฝันในเทพนิยายของฉันก็พังทลาย เหลือเพียงความจริงที่โหดร้าย ทุกวันนี้ฉันรู้สึกเหมือนถูกดึงพรมออกจากใต้เท้า ไม่มีทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฉันทำให้ผู้ชายคนหนึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของชีวิตอย่าเข้าใจฉันผิด ฉันยอมรับแล้ว
ฉันจะบอกเธออย่างไรดีว่าฉันรู้สึกหลงทาง? ฉันจะบอกเธอยังไงดีว่าชีวิตของฉันไม่มีความหมายอะไรเลย? ฉันถูกส่งมาบนโลกนี้เพื่ออะไรตั้งแต่แรก? ฉันหมดพลังและความตั้งใจที่จะทำอะไรทุกอย่าง เพราะฉันรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว“หนูอยากอยู่คนเดียว แม่” ฉันตอบ “มันมีเรื่องที่หนูต้องจัดการเอง”ฉันไม่อยากบอกแม่ว่าฉันกำลังต่อสู้กับทุกสิ่ง รวมถึงตัวตนของฉันเอง เพราะแม่จะโยงทุกอย่างกลับไปที่โรแวน แล้วบอกให้ฉันก้าวต่อไปและทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง ฉันรู้ว่าควรทำ แต่การทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังมันยากเหลือเกิน เมื่อคุณยึดมั่นกับมันมาเป็นเวลานาน มันยากที่จะปล่อยมันไป เมื่อคุณปล่อยให้มันกลายเป็นสมอเรือของชีวิต“แม่รู้ แม่รู้ว่าทุกอย่างมันไม่ง่ายสำหรับลูก แต่แม่สัญญา ถ้าลูกให้โอกาสตัวเอง ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง แล้วลูกจะเจอความสุขของตัวเอง” แม่ดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด และฉันซบลงบนไหล่ของเธอ ปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม“หนูไม่รู้ว่าควรทำยังไง ไม่รู้เลยว่าจะมีความสุขได้หรือเปล่า เพราะหนูไม่ได้มีความสุขมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่หนูก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้น”“ลูกบอกว่าไม่รู้ว่าจะทำยังไงใช่ไหม? งั้นก็เริ่มจากการแก้ไขสิ่งที่
ฉันไม่สามารถหยุดความตื่นตระหนกที่ท่วมท้นในตัวเองได้ หรือหยุดเสียงหัวใจที่เต้นแรงเสียจนฉันกลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอกของตัวเองฉันมาทำบ้าอะไรที่นี่? ทำไมฉันถึงมาที่นี่ มีที่อื่นอีกตั้งมากมาย?คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลยตอนที่ฉันตัดสินใจขับรถออกมา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาที่ที่คาลวินกับกันเนอร์อยู่เลย ฉันแค่คิดว่าจะขับรถเล่นเพื่อหนีจากบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกหดหู่ใจ แล้วค่อยกลับบ้าน อาบน้ำ และงีบสักหน่อยแต่ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านของเขา และไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี ฉันควรจะกลับไปดีไหม? หรือควรจะเข้าไปหาเขา? บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่บ้านก็ได้ นี่มันวันธรรมดา และฉันพนันได้เลยว่าเขาคงไปทำงานความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคาลวินมันซับซ้อนมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เราอยู่มัธยมปลาย เขาต้องการฉัน แต่ฉันไม่ได้ต้องการเขา ความพยายามของเขาที่จะทำให้ฉันสนใจตอนนั้นทำให้ฉันรำคาญจนแทบระเบิดฉันเกลียดที่เขาไม่เคยยอมแพ้ ฉันเกลียดที่เขาอยากให้ฉันเป็นของเขา ทั้ง ๆ ที่ฉันมีแฟนแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าฉันรักโรแวน ฉันเคยโมโหมากตอนที่เขาก่อเรื่องกับโรแวนเพราะฉันฉันไ
อย่าให้ฉันเริ่มพูดถึงกันเนอร์เลย เขาเป็นแค่เด็ก แต่ฉันได้ทำร้ายเขาไปมากมาย และฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มแก้ไขสิ่งที่ฉันทำพังจากตรงไหน เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน แต่ฉันกลับทำทุกวิถีทางเพื่อหนีจากความจริงข้อนั้นฉันรู้สึกละอายทุกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่ฉันทำกับเขา ฉันจำได้ว่าเอวายืนหยัดเพื่อโนอาอย่างไร เธอพร้อมที่จะสู้กับฉันโดยไม่มีความลังเล ฉันจำเปลวไฟที่ลุกโชนในแววตาของเธอได้ เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกชายของเธอ แต่ฉันกลับทำทุกอย่างเพื่อทำร้ายลูกชายของตัวเอง“ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ เอมม่า” น้ำเสียงแข็งกระด้างดึงฉันกลับสู่ความเป็นจริง“ฉันแค่ขับรถไปเรื่อย ๆ แล้วก็มาลงเอยที่นี่” ฉันเอ่ยกระซิบ รู้สึกอึดอัดจริง ๆครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาคือตอนที่เขาบอกว่าเขาตัดขาดจากฉันแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคาลวินจริง ๆ เลย และตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้เขา พอเอาเรื่องเซ็กส์ออกไป เราก็แทบจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน“ผมคิดว่าผมบอกคุณไปแล้วนะว่าผมไม่ต้องการเจอคุณ... ว่าไม่ต้องการให้คุณอยู่ในชีวิตของผมหรือของกันเนอร์อีก” เขากอดอกแน่นจนกล้ามเนื้อต้นแขนของเขานูนขึ้นมา“ฉันรู้” ฉันตอบพร้อมหลุบต
ขณะที่เราคุยกัน ดวงตาของเอวาก็ยังคงมองกลับไปหาโรแวน คุณจะเห็นความรักในแววตาเธอ จากทุกสิ่งที่เขาทำกับเธอ เธอก็ยังคงให้โอกาสเขาอีกครั้งและแน่นอนดวงตาของโรแวนก็คอยมองไปที่ภรรยาของเขาเช่นกัน มันเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ รวมถึงมือของเขาด้วยเพราะเขาหาทางแตะเนื้อต้องตัวเธอตลอดฉันรู้จากเกเบรียลว่าโรแวนโหดร้ายกับเอวาขนาดไหนในช่วงสามปีของชีวิตแต่งงาน เขาปฏิบัติเหมือนเธอไร้ค่า แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนจะเป็นโลกทั้งใบของเขา ความรักที่เขามีต่อเธอแสดงออกมาให้เห็นชัด ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเพื่อเธอมากขนาดนี้ แต่หลักฐานการเปลี่ยนแปลงและความรักของเขาประจักษ์อยู่ตรงหน้าฉัน“มีอะไรกวนใจสิท่า” เอวากระซิบ ดึงฉันออกจากห้วงความคิดฉันหันหน้าไปหา ดวงตากวาดทั่วใบหน้าของเธอ "เธอให้อภัยโรแวนจริง ๆ เหรอ? ทำได้ยังไง? เธอปล่อยวางอดีตได้ไง?”ฉันเพียงแค่ไม่เข้าใจ และถ้าฉันจะพูดตามตรง ฉันกลัวที่จะก้าวเดินไปพร้อมกับเกเบรียลในอนาคตดวงตาเอวาเลื่อนไปมองสามีก่อนที่จะกลับมาที่ฉัน"ฉันยกโทษให้เขาแล้วนะและนั่นเป็นเรื่องง่ายที่สุดด้วย ส่วนเรื่องยากคือการปล่อยวางและลืมมันไป ฉันจะไม่โกหกเธอหรอกนะฮาร์เปอร์
“รีบไปกันก่อนจะสายเถอะค่ะ” ฉันบอกหลังจากที่เราหายใจหายคอกันทันแล้วเขาพยักหน้าขณะที่มือลูบไล้มือของฉันก่อนประสานนิ้วของเราเข้าด้วยกันและดึงฉันออกจากห้องนอน"คุณสวยมากเลยค่ะ คุณฮาร์เปอร์!" หนูเซียร่าร้องออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดีเมื่อเธอเห็นฉัน"ใช่! แม่สวยมากเลยค่ะ" ลิลลี่กล่าวเสริมพร้อมกระโดดโลดเต้น“ขอบใจจ้ะ สาว ๆ”อีกครู่หนึ่งเซียร่าก็จะกลับบ้านเพราะต้องไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้ เนื่องจากทั้งฉันและกาเบรียลไม่อยู่ที่นี่เพื่อรอส่งเธอกลับบ้าน เราจึงได้จัดเตรียมกับคนขับรถให้ไปส่งเธอ เขาจะดูแลให้เธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย"ตอนนี้พวกลูกต้องทำตัวดี ๆ กับคุณชารอนด้วยนะ อย่าสร้างปัญหาให้เธอด้วย เข้าใจกันไหมเอ่ย?" ฉันหยอกล้อเชิงตักเตือน“ไม่สร้างปัญหาแน่นอนค่ะ” ทั้งสองพูดพร้อมกันตั้งแต่ที่สบตากับเซียร่า ฉันก็คอยจะมองเธอเสมอ อย่างที่ฉันบอกมีบางอย่างเกี่ยวกับเธอที่ดึงดูดฉัน บางสิ่งที่ดูคุ้นเคยหลังจากบอกลาเด็กหญิงทั้งสองคน เกเบรียลและฉันก็ออกเดินทาง ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก แต่เขาจับมือฉันไว้ตลอดเวลาซึ่งทำให้ฉันรู้สึกสบายใจเราไปถึงสถานที่จัดงานในเวลาอันรวดเร็ว และฉันเริ่ม
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”เพราะฉันหาชุดที่เหมาะกับโอกาสเช่นนี้ไม่ได้ เกเบรียลก็เลยให้ความช่วยเหลือ ทีมงานทั้งหมดมาถึงเมื่อประมาณสามชั่วโมงที่แล้วเพื่อช่วยฉันแต่งหน้าและแต่งตัวการแต่งหน้านั้นไร้ที่ติ ช่างแต่งหน้าเลือกใช้แนวหรูหรา ดวงตาแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์อันนุ่มนวลแต่โดดเด่นซึ่งช่วยเพิ่มความลุ่มลึกของดวงตาเพิ่มด้วยขนตายาวหนา ทำให้แววตาน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ช่างแตะแต้มสีทองระยิบระยับที่หัวตาทำให้ดวงตาดูสว่างขึ้นช่วยดึงดูดความสนใจมาที่ดวงตาแสนอบอุ่นนี้ ในขณะที่ทรงผมม้วนเป็นลอนหลวม เงางามเหมือนผ้าไหมภายใต้แสงอ่อนโยนเรื่องชุด เราเลือกชุดราตรีสีแดงยาวเพราะสีแดงกลายเป็นสีโปรดที่เกเบรียลชอบให้ฉันสวม ชุดราตรีเป็นการผสมผสานที่น่าทึ่งระหว่างความเย้ายวนและความสง่างาม ถักทอจากผ้าซาตินสีแดงทับทิมเข้มทิ้งตัวอย่างสวยงามไปตามส่วนโค้งเว้า คอเสื้อเว้าลงเล็กน้อยพอที่จะขับเสน่ห์ออกมา ในขณะที่รายละเอียดลูกไม้อันสลับซับซ้อนตามริมผ้าช่วยเพิ่มความหรูหรา เสื้อท่อนบนที่พอดีเน้นบริเวณเอว ตัวกระโปรงบานออกเล็กน้อยยาวพริ้วลากพื้นเมื่อฉันขยับ ผ้าจะเล่นแสง ส่องประกายเหมือนของผืนน้ำขณะที่เผยเรียวขาให้เห็นเพียงเล็ก
"เข้ามาได้" ในที่สุดเขาก็ตอบ ขณะฉันกำลังจะยอมแพ้คิดว่าเขายังหลับอยู่เมื่อเปิดประตูฉันก็เข้าไป ฉันพบเขานั่งอยู่บนเตียง เมื่อเขาเห็นฉัน เขาก็ขยับลงมานั่งอยู่ตรงขอบเตียง ฉันปิดประตูและเดินตรงไปหาเขา"วันของสาว ๆ เป็นยังไงบ้างครับ?" เขาเอ่ยถาม น้ำเสียงงัวเงีย“ว้าวมากค่ะ”“ยังไงครับ?”“ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ? ช่วยสัญญาด้วยนะคะว่าจะพูดความจริง”เขาหันมาหาฉันอย่างเต็มที่ ตอนนี้เขาตื่นเต็มที่แล้ว ดวงตาจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉันราวกับว่าเขากำลังพยายามคิดว่าฉันกำลังจะถามอะไร หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็พยักหน้า"ฉันรู้ว่าพี่แอนดรูว์ต้องแบล็กเมล์คุณให้แต่งงานกับฉันในครั้งแรกแน่ พอคิดเรื่องที่คุณอกหักแล้ว คุณคงไม่เต็มใจจะแต่งงานในตอนนั้นแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับต้องมาแต่งงานผู้หญิงที่คุณแทบไม่รู้จัก ช่วยบอกทีได้ไหมคะว่าพี่เขาใช้อะไรบังคับคุณ?"ฉันบอกได้ว่าเขาไม่อยากทำจริง ๆ แต่ฉันต้องการคำตอบ ฉันอยากรู้ว่าพี่แอนดรูว์สามารถจัดการเรื่องแต่งงานระหว่างเราได้อย่างไร“ฮาร์เปอร์…”“นะคะ?”“พอโรแวนแต่งงานกับเอวา พี่เขาก็ดูแย่ลงจริง ๆ พี่เขาดูไม่ดีเลย แอนดรูว์ได้หลักฐานว่าโรแวนดื่มเหล้าและใช้ยาเส
อย่างที่ฉันบอก ฉันให้อภัยเกเบรียลแล้ว แต่ทำไมฉันยังคงยึดติดกับอดีตอีก? ทำไมฉันยังคงเปรียบเทียบเขากับตัวตนที่เขาเคยเป็น? เห็นได้ชัดว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่สมองยังคงสงสัยเขาคุณรู้จักคำกล่าวที่ว่า 'ถ้าเขาอยากทำ เขาคงทำไปแล้ว?' นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกเบรียลในตอนนี้ ในตอนนั้นเขาไม่อยากทำ เขาไม่อยากรักฉัน เขาไม่อยากสนใจฉัน ให้ตายสิ เขาแค่ไม่อยากได้ฉันด้วยซ้ำ... และเพราะเขาไม่อยากได้ฉัน เขาเลยปฏิบัติกับฉันเหมือนไม่สำคัญอะไรลึกลงไปฉันเข้าใจเขาดี ถ้าฉันคิดไม่ผิด เขาแต่งงานกับฉันหนึ่งปีครึ่งหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นหักอกเขา หากพี่แอนดรูว์รู้ พี่คงจะแบล็กเมล์เขาหรืออะไรบางอย่างเพื่อให้เกเบรียลแต่งงานกับฉันแน่ฉันไม่ได้คิดถึงมันตอนที่เราแต่งงานกัน อันที่จริงฉันไม่อยากคิดถึงมันเพราะมันจะทำลายภาพลวงตาที่ฉันสร้างว่าเขาแต่งงานกับฉันเพราะเขารู้สึกอะไรบางอย่างกับฉัน หลายปีต่อมาฉันยอมรับว่าเกเบรียลแต่งงานกับฉันเพราะเขาถูกบังคับให้ทำ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการฉันทำได้แค่จินตนาการว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาอาจจะยังไม่หายอกหักจากแฟนเก่า เขาโกรธและขมขื่น และอาจจะคิดว่าผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกัน จากนั้นเขาถูกบังค
"ใช่เลย! เขาไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว" เธอเปล่งประกายความสุขและความตื่นเต้นแพร่กระจายไปทั่ว "เขาถึงกับขอแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการแล้วด้วยนะ""หมายความว่ายังไงก่อนเรื่องขอแต่งงานแบบไม่เป็นทางการ?" ฉันถามด้วยความงงงวยเมื่อมองจากท่าทีของคนอื่น พวกเธอก็สับสนเช่นกัน ปกติก็มีแค่ขอกับไม่ได้ขอแต่งงาน ถูกขอแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการมันคืออะไรกัน"คืองี้ตอนที่ฉันบอกเขาว่าท้องน่ะ เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะขอแต่งงาน แต่ด้วยเจ้าตัวน้อยนี่มาเซอร์ไพรส์เราก่อน เขาเลยจะเลื่อนการขอแต่งงานขึ้นมาเพื่อให้เราแต่งงานกันก่อนที่ลูกจะเกิดไง" เธอตอบ ดวงตายังคงเปล่งประกายด้วยความปิติและความสุขอย่างแท้จริงนั่นสมเหตุสมผล ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเรียกคำพูดนั้นว่าเป็นการขอแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการมีเสียงกรีดร้องด้วยความยินดีดังขึ้นขณะที่เรากอดเธอและแสดงความยินดีอีกครั้ง การที่ผู้ชายของเธอกลับมามีผลกระทบอย่างมาก ตอนนี้เธอดูเหมือนเป็นอิสระ ภาระที่เธอแบกไว้เมื่อครั้งที่เราเจอกันไม่มีอีกต่อไป เธอเปล่งประกายหลังจากที่รีเปอร์กลับมาอยู่กับเธอ"แล้วเธอล่ะ เล็ตตี้?" ฉันหันไปหาเธอ "เธอคบกับทราวิสมานานแล้วนะ ทำไมเขายังไม่ขอแ
ฉันถอนหายใจและพยายามควบคุมลมหัวใจ นี่คือบทสนทนาหนึ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้คุยกับลิลลี่ในวัยนี้ สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกขอบคุณคือเธอไม่ได้ถามว่าเด็กทารกมาจากที่ไหนกันแน่ นั่นคงจะเป็นบทสนทนาที่ยากมาก“เดี๋ยวแม่ขอกลับไปห้องก่อนแล้วค่อยออกไปนะ” ฉันบอกพวกเขาและเพิกเฉยต่อการพูดคุยเกี่ยวกับเด็กทารกไปเลย“ยังไม่ได้บอกผมเลยว่าจะไปไหน” เกเบรียลถามย้ำฉันคงจะบอกเขาไปแล้วถ้าไม่ได้มัวแต่นึกปัดป้องตนเองอยู่ แต่เขาทำให้ฉันไขว้เขวไปหมด“ฉันจะออกไปกินข้าวกลางวันกับพวกเอวาค่ะ”ฉันรู้สึกอยากจะยกเลิกนัดกับพวกเธอแล้วนอนพักผ่อน แต่ฉันตัดสินใจไม่ทำแบบนั้น เอวาโทรมาสองสามวันก่อนที่เราจะออกจากโตเกียว เธอเอ่ยถามว่าฉันจะไปร่วมทานอาหารกลางวันกับพวกเธอในวันเสาร์ได้ไหม ฉันตอบตกลงทันทีโดยไม่ได้คิดว่าฉันจะเหนื่อยแค่ไหนหลังจากเที่ยวบินสิบสามชั่วโมงรอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเขา "ดีใจจริง ๆ ที่เห็นว่าคุณมีเพื่อน"“ค่ะพวกเธอเจ๋งมากเลย”"พูดถึงเพื่อน" ลิลลี่พูดแทรก "คืนนี้เซียร่ามานอนค้างที่บ้านเรานะคะ"“แม่จำได้จ้ะ ลูกรัก” ฉันเอ่ยตอบ “หนูมีอะไรฝากมาแม่ซื้อเตรียมตัวสำหรับคืนนี้บ้างไหมลูก?”เธอส่ายหัว “หนูขอขนมกับน
ฮาร์เปอร์ฉันมองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย ฉันสวมกางเกงยีนส์เอวสูงและเสื้อผ้าไหม ผมมวยขึ้นเป็นมวยยุ่ง ๆ และนอกจากมาสคาร่าและคอนซีลเลอร์ ฉันไม่ได้แต่งหน้ามากนักเรากลับถึงบ้านประมาณสามทุ่มได้ ลิลลี่หลับไปแล้ว ดังนั้นเราจึงเข้านอนทันทีที่ถึงบ้านฉันหยิบกระเป๋าออกมาจากห้องขณะมองดูเวลา ฉันมีเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ฉันจะต้องไปที่ร้านอาหาร"จะไปไหนครับ?" เกเบรียลถามทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในห้องครัวให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้ดูดีมากฉันรักเกเบรียลที่สวมใส่ชุดสูท เขาดูร้อนแรงมากในชุดสูทเสมอ แต่มันก็มีบางอย่างเวลาที่เขาแค่เท้าเปล่าพร้อมสวมเสื้อยืดรัดรูปและกางเกงวอร์ม แล้วก็เวลาที่เขาไม่ได้ใส่เสื้อแต่ใส่แค่กางเกงวอร์มเอวหลวม ๆ ด้วยไม่ว่าจะภาพลักษณ์แบบไหน ฉันก็เห็นมาทั้งหมดแล้ว และฉันยังตัดสินใจไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ไหนที่ฉันชอบที่สุด ไม่แน่อาจเป็นตอนที่เขาไม่ใส่อะไรเลยก็ได้นะ "ฮาร์เปอร์?" เสียงขบขันของเขาดังขึ้น "น้ำลายไหลเยิ้มหมดแล้ว"ฉันหัวเราะเบา ๆ พยายามซ่อนความเขินอายไว้ "เยิ้มที่ไหนล่ะ"วันนี้เขาอยู่ในเสื้อยืดรัดรูปและกางเกงวอร์มตัวหนึ่งและเขาดูน่าอร่อยมาก ฉันอยากจะใช้ลิ้นตนเองทดสอ
คอนนี่ฉันแทบจะยืนไม่อยู่ขณะที่ขึ้นลิฟต์ไปที่เพนท์เฮาส์ของฉัน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันผ่านไป ที่ฉันทำงานล่วงเวลาจนเป็นเรื่องปกติเพื่อที่ตนเองจะได้ไม่ต้องกลับมาเจอกับห้องนอนที่ว่างเปล่าฉันคิดถึงรีเปอร์มากจริง ๆตอนที่ฉันได้เห็นเขาครั้งแรกที่โรงพยาบาลหลังจากที่เอวาถูกยิงครั้งนั้น ฉันไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับแรงดึงดูดที่ฉันรู้สึกต่อเขา แน่นอนว่าแรงดึงดูดนั้นเกิดขึ้นทันที และฉันแค่รู้สึกเหมือนจิตวิญญาณตนเองรู้จักเขา แต่เขาคือรีเปอร์เชียวนะ ชายคนเดียวกับที่เคยลักพาตัวเพื่อนสนิทของฉันไปถ้าพูดกันตามตรง ฉันไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหนเหมือนที่ฉันรู้สึกกับรีเปอร์ในครั้งแรกนั้นเลย ฉันไม่เคยรู้สึกดึงดูดกับผู้ชายตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขา มันเป็นสิ่งที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเมื่อฉันได้รู้จักพวกเขามากขึ้น ทว่ากับรีเปอร์มันแตกต่างออกไป และนั่นทำให้ฉันกลัวแทบตายฉันคิดว่าการพบกันครั้งแรกนั้นจบแล้ว ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอเขา และในไม่ช้าแรงดึงดูดก็จะจากหายไป และนั่นคือความตั้งใจที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเขาปรากฏตัวที่หน้าห้องฉันในคืนหนึ่งฉันควรจะรู้สึกอับอายที่จะบอกว่าฉันยอมนอนกับเขาในคืนนั้