เอวา“วันมะรืนเดี๋ยวฉันกับโครินเข้าไปหาได้ไหม?” เล็ตตี้เอ่ยถาม เธอโทรมาหาเมื่อสักครู่ ฉันตกใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกดีที่เธอโทรมา ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่ เราคุยกันและฉันก็เข้าใจว่าทำไมฉันถึงได้กลายเป็นเพื่อนกับเธอ ถึงแม้เล็ตตี้คบหากับทราวิสอยู่ก็ตามเธอเป็นคนสนุกสนาน จึงชวนให้ใกล้ชิดได้ง่าย นอกจากนี้เธอยังน่ารักและใจดีมาก ฉันชอบเธอตั้งแต่แรก และดีใจที่มีเธอในชีวิตฉันขยับตัวไปมาในครัวพร้อมไอริสในอ้อมแขน ลูกสาวไม่ยอมนอนกลางวันเสียที และเพราะเหตุนี้ เธอจึงมีอารมณ์หงุดหงิดมากทุกครั้งที่ฉันพยายามวางเธอลง เธอจะร้องไห้จนน้ำตาไหล และจะสงบก็ต่อเมื่อฉันอุ้มขึ้นใหม่“เอวา?”ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอโครินคือที่โรงพยาบาล เธอไม่ได้ติดต่อหรือมาเยี่ยมฉัน ฉันไม่เข้าใจ เพราะเธอน่าจะเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิท “สำหรับโครินจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้สึกไม่มั่นใจ “คือเราไม่ได้เจอกันตั้งแต่วันนั้นที่โรงพยาบาลเลย”“ก็เพราะว่าโครินอยากให้เวลากับเธอได้จัดการเรื่องต่าง ๆ กับคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมนี้ไงเล่า” เธอเอ่ยตอบ “สรุป วันพุธนะ?”“ได้สิ เอาเข้าจริง ฉันก็ไม่มี
หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอกเมื่อได้ยินสองพี่น้องพูดนายคิดว่าเขาบอกความจริงกับเอวาหรือเปล่า?ประโยคเดียวนั้นวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเครื่องเล่นแผ่นเสียงชำรุด ฉันรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ขณะนิ่งรอคำตอบจากโรแวนฉันกอดไอริสไว้แน่นเพราะรู้สึกได้ไม่เพียงแค่มือที่สั่นเท่านั้น แต่ทั้งร่างกายกำลังสั่นสะท้าน ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ แต่เหมือนอากาศทั้งหมดติดค้างอยู่ในหลอดลมเสียอย่างนั้นฉันเอนตัวพิงกำแพงเพื่อพยุงตัวให้ยืนอยู่ได้ เพราะเข่าอ่อนแรงจนกลัวว่าจะทรุดลงไปกองกับพื้นขณะอุ้มลูกสาวในอ้อมแขน โชคดีที่ไอริสหลับไปแล้ว มิเช่นนั้นฉันคงถูกจับได้ไปแล้ว“ไม่รู้เหมือนกัน” โรแวนพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดัน จำได้ไหมที่ฉันบอกว่าหัวใจเต้นแรงแทบแหกอกออกมา? บอกเลยว่าตอนนี้มันแย่กว่านั้นร้อยเท่า“เธอสงสัยนายอยู่นะ นั่นหมายความว่ามีใครบางคนพูดบางอย่างให้เธอได้ฟัง และในเมื่ออีธานไม่ชอบนาย ก็คงเป็นเขานั่นแหละ”ความเงียบเข้ามาปกคลุม หูอื้ออึงไปหมด ฉันได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังสนั่นในหูราวกับว่าพวกเขาจะได้ยินและรู้ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้เดินจากไปไหน“แล
“เอวา ตื่นเถอะ ข้าวเย็นพร้อมแล้วนะ” เสียงของโรแวนดังขึ้นเรียกฉันจากความฝันก็ไม่ใช่ทั้งความฝันแสนดี แต่ก็ไม่ใช่ฝันร้ายเช่นกัน เป็นเพียงความฝันที่ทำให้รู้สึกสับสนและมีเพียงความพร่าเลือนแล่นอยู่ตลอดห้วงฝันนั่น “ไอริสล่ะค่ะ?”“ไม่ต้องห่วงเมื่อกี้ตื่นแล้ว แต่ผมป้อนนมไปขวดหนึ่งแล้วก็หลับต่อแล้ว” เขาเอ่ยตอบขณะมองฉันประหนึ่งว่ากำลังหาบางสิ่งฉันพยักหน้ารับจากนั้นจึงผลักผ้าห่มออกไปด้านข้าง ฉันยืดเส้นยืดสายรู้สึกว่ากระดูกทุกท่อนยืดออกและมีความรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิว“ไม่ไปนอนห้องเราล่ะ มานอนนี่ทำไม?” โรแวนเอ่ยถามพร้อมมองตรงเข้ามาในดวงตาฉันทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากระแทกเข้าใจฉันอย่างจัง กลับมาย้ำเตือนฉันถึงเหตุผลว่าทำไมฉันถึงนอนอยู่ตรงนี้แทนที่จะเป็นเตียงกว้างแทนฉันรู้สึกถึงความหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยวภายใน ความสงบนิ่งหายไปจนหมดสิ้น จากนั้นจึงแทนที่ด้วยความขมขื่นแทน ทำไมถึงต้องโกหกกันด้วย? ทำไมถึงต้องเก็บซ่อนบางสิ่งจากฉันด้วย? แบบนี้เรียกว่าอยากให้เราสองคนเริ่มต้นความสัมพันธ์กันใหม่จริง ๆ เหรอ? เริ่มด้วยคำโกหกและมีความลับต่อกันอย่างนั้นเหรอ“อย่าหาเรื่องกันนะ โรแวน ฉันยังไม่มีอารมณ
ความสุขที่ฉันรู้สึกอยู่เพียงครู่เดียวพลันหายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยความหงุดหงิดที่เข้ามาครอบงำร่างกายอย่างรวดเร็ว"ตอนที่แม่บอกว่าทุกคน แม่หมายถึงทุกคนจริง ๆ โนอา ไม่มีข้อยกเว้นทั้งนั้น" ฉันพูดผ่านฟันที่ขบแน่น "แต่ผมไม่อยากให้เธอมานี่" เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด"เซียร่าคือใคร?" โรแวนถามขึ้น“เป็นเพื่อนร่วมห้องผู้หญิงครับ ผมไม่ชอบเธอเลย เธอน่ารำคาญจะตาย แล้วถ้าต้องเห็นหน้าเธอในงานวันเกิด ผมต้องรู้แย่ไปตลอดแน่เลยครับ”ฉันเข้าใจว่าเซียร่าน่ารำคาญสำหรับเขา แต่การไม่เชิญเธอมางานวันเกิด ทั้งที่เชิญคนอื่นทั้งห้อง มันออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย“แล้วลูกรู้ไหมว่าหนูเซียร่าจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่ไม่ได้มางานคนเดียวทั้ง ๆ ที่เพื่อนคนอื่นเขามากันหมด? มันแย่มากแน่ ๆ”“ผม ไม่ สน” คำตอบของลูกชายดังชัด ฉันเริ่มจะหมดความอดทนกับโนอาแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันเข้าข้างเด็กหญิงคนนั้นหรอกนะ แต่ฉันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ฉันรู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อทุกคนได้รับเชิญไปงานวันเกิดหรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ ยกเว้นคุณมันเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อคนอื่นปฏิบัติต่อคุณเหมือนคุณไม่มีค่า ทั้งที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยที่สมควรจะได้รับค
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่วุ่นวายสุด ๆ และไม่ได้หมายถึงช่วงเวลาที่ฉันอยู่ในคุกด้วยซ้ำ ฉันสบายดีไหมน่ะเหรอ? บอกตามตรงเลยว่าไม่ ฉันห่างไกลจากคำว่าสบายดีมาก ทุกสิ่งในชีวิตตอนนี้เหมือนไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยฉันจะไม่ปิดบังหรอกว่ารู้สึกหลงทาง ฉันเคยมีแผน มีเป้าหมาย และมีความฝันว่าจะได้อยู่กับโรแวนในสักวันหนึ่ง ฉันมุ่งมั่นกับความฝันนั้นมานานจนมันกลายเป็นอากาศที่ฉันหายใจ ทุกสิ่งที่ฉันทำ ล้วนขับเคลื่อนด้วยความฝันที่จะได้โรแวนกลับมาให้ตายเถอะ ฉันถึงกับเลือกเป็นทนายความเพราะเขา ฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องขอหย่ากับเอวา และฉันจะอยู่ตรงนั้นเพื่อสนับสนุนเขา ฉันเชื่ออย่างสุดใจว่าเอวาจะต้องต่อสู้ ต้องไม่ยอมปล่อยเขาไป และฉันจะเป็นคนสู้แทนเขา เพราะฉันไม่เคยแพ้คดีใด ๆ ฉันเป็นทนายหย่าร้างที่เก่งที่สุดในวงการแต่ทุกอย่างก็พังลงในพริบตา ตอนที่โรแวนส่งฉันเข้าคุก ความฝันในเทพนิยายของฉันก็พังทลาย เหลือเพียงความจริงที่โหดร้าย ทุกวันนี้ฉันรู้สึกเหมือนถูกดึงพรมออกจากใต้เท้า ไม่มีทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฉันทำให้ผู้ชายคนหนึ่งกลายเป็นศูนย์กลางของชีวิตอย่าเข้าใจฉันผิด ฉันยอมรับแล้ว
ฉันจะบอกเธออย่างไรดีว่าฉันรู้สึกหลงทาง? ฉันจะบอกเธอยังไงดีว่าชีวิตของฉันไม่มีความหมายอะไรเลย? ฉันถูกส่งมาบนโลกนี้เพื่ออะไรตั้งแต่แรก? ฉันหมดพลังและความตั้งใจที่จะทำอะไรทุกอย่าง เพราะฉันรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว“หนูอยากอยู่คนเดียว แม่” ฉันตอบ “มันมีเรื่องที่หนูต้องจัดการเอง”ฉันไม่อยากบอกแม่ว่าฉันกำลังต่อสู้กับทุกสิ่ง รวมถึงตัวตนของฉันเอง เพราะแม่จะโยงทุกอย่างกลับไปที่โรแวน แล้วบอกให้ฉันก้าวต่อไปและทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง ฉันรู้ว่าควรทำ แต่การทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังมันยากเหลือเกิน เมื่อคุณยึดมั่นกับมันมาเป็นเวลานาน มันยากที่จะปล่อยมันไป เมื่อคุณปล่อยให้มันกลายเป็นสมอเรือของชีวิต“แม่รู้ แม่รู้ว่าทุกอย่างมันไม่ง่ายสำหรับลูก แต่แม่สัญญา ถ้าลูกให้โอกาสตัวเอง ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง แล้วลูกจะเจอความสุขของตัวเอง” แม่ดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด และฉันซบลงบนไหล่ของเธอ ปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม“หนูไม่รู้ว่าควรทำยังไง ไม่รู้เลยว่าจะมีความสุขได้หรือเปล่า เพราะหนูไม่ได้มีความสุขมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่หนูก็แค่แสร้งทำไปเท่านั้น”“ลูกบอกว่าไม่รู้ว่าจะทำยังไงใช่ไหม? งั้นก็เริ่มจากการแก้ไขสิ่งที่
ฉันไม่สามารถหยุดความตื่นตระหนกที่ท่วมท้นในตัวเองได้ หรือหยุดเสียงหัวใจที่เต้นแรงเสียจนฉันกลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอกของตัวเองฉันมาทำบ้าอะไรที่นี่? ทำไมฉันถึงมาที่นี่ มีที่อื่นอีกตั้งมากมาย?คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลยตอนที่ฉันตัดสินใจขับรถออกมา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาที่ที่คาลวินกับกันเนอร์อยู่เลย ฉันแค่คิดว่าจะขับรถเล่นเพื่อหนีจากบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกหดหู่ใจ แล้วค่อยกลับบ้าน อาบน้ำ และงีบสักหน่อยแต่ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านของเขา และไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี ฉันควรจะกลับไปดีไหม? หรือควรจะเข้าไปหาเขา? บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่บ้านก็ได้ นี่มันวันธรรมดา และฉันพนันได้เลยว่าเขาคงไปทำงานความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคาลวินมันซับซ้อนมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เราอยู่มัธยมปลาย เขาต้องการฉัน แต่ฉันไม่ได้ต้องการเขา ความพยายามของเขาที่จะทำให้ฉันสนใจตอนนั้นทำให้ฉันรำคาญจนแทบระเบิดฉันเกลียดที่เขาไม่เคยยอมแพ้ ฉันเกลียดที่เขาอยากให้ฉันเป็นของเขา ทั้ง ๆ ที่ฉันมีแฟนแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าฉันรักโรแวน ฉันเคยโมโหมากตอนที่เขาก่อเรื่องกับโรแวนเพราะฉันฉันไ
อย่าให้ฉันเริ่มพูดถึงกันเนอร์เลย เขาเป็นแค่เด็ก แต่ฉันได้ทำร้ายเขาไปมากมาย และฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มแก้ไขสิ่งที่ฉันทำพังจากตรงไหน เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน แต่ฉันกลับทำทุกวิถีทางเพื่อหนีจากความจริงข้อนั้นฉันรู้สึกละอายทุกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่ฉันทำกับเขา ฉันจำได้ว่าเอวายืนหยัดเพื่อโนอาอย่างไร เธอพร้อมที่จะสู้กับฉันโดยไม่มีความลังเล ฉันจำเปลวไฟที่ลุกโชนในแววตาของเธอได้ เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกชายของเธอ แต่ฉันกลับทำทุกอย่างเพื่อทำร้ายลูกชายของตัวเอง“ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ เอมม่า” น้ำเสียงแข็งกระด้างดึงฉันกลับสู่ความเป็นจริง“ฉันแค่ขับรถไปเรื่อย ๆ แล้วก็มาลงเอยที่นี่” ฉันเอ่ยกระซิบ รู้สึกอึดอัดจริง ๆครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาคือตอนที่เขาบอกว่าเขาตัดขาดจากฉันแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคาลวินจริง ๆ เลย และตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้เขา พอเอาเรื่องเซ็กส์ออกไป เราก็แทบจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน“ผมคิดว่าผมบอกคุณไปแล้วนะว่าผมไม่ต้องการเจอคุณ... ว่าไม่ต้องการให้คุณอยู่ในชีวิตของผมหรือของกันเนอร์อีก” เขากอดอกแน่นจนกล้ามเนื้อต้นแขนของเขานูนขึ้นมา“ฉันรู้” ฉันตอบพร้อมหลุบต
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว