“ขอบใจนะลูก” ฉันกล่าวพวกเรากลับมาทำงานกันต่อและสุดท้ายก็ทำอาหารเสร็จ พวกเขาทั้งคู่ช่วยฉันจัดโต๊ะและพวกเราก็นั่งลงทานข้าวกันพวกเราสามคนหรือฉันจะบอกว่าสี่คนดีนะทานทุกอย่างจนเกือบหมด แต่ฉันเหลือไว้ส่วนหนึ่งเพราะคาลวินอาจกลับมาบ้านเหนื่อยและหิวก็ได้ เขาคงจะไม่มีเวลาทำอาหารหรอกหลังจากมื้อเย็น ฉันให้พวกเด็ก ๆ ไปอาบน้ำและจากนั้นก็ถึงเวลาเข้านอนสำหรับพวกเขาหลังจากที่เด็ก ๆ หลับไปแล้วฉันถึงคิดบางอย่างขึ้นมาได้ บ้านฉันมีตั้งห้าห้องนอน ยังคงมีห้องว่างแม้หลังจากเปลี่ยนห้องหนึ่งเป็นห้องเด็กเล็ก ห้องนอนสุดท้ายที่เหลืออยู่อาจเป็นห้องนอนของกันเนอร์ได้เขาสามารถมานอนที่นั่นได้ทุกเมื่อที่เขามาและมันสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขาได้ขณะที่เขาอยู่นี่ ฉันเริ่มตื่นเต้นเกี่ยวกับความคิดนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฉันหยิบสมุดขึ้นมาในทันทีและเริ่มจดสิ่งที่ฉันต้องการลวก ๆ ฉันจะต้องขออนุญาตคาลวิน แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะเห็นด้วย ฉันหวังว่าเขาจะตกลงนะ นอกจากนี้เขาจะช่วยได้ถ้าเป็นเรื่องตกแต่งห้อง เขารู้จักกันเนอร์ดีกว่าใคร เขาคงรู้ว่าเขาชอบอะไรฉันเพิ่งทำรายการสิ่งของที่จำเป็นเสร็จเมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ฉันบิ
โรแวนเท้าของผมกระทบกับทางเท้าขณะที่ผมวิ่งไป ปกติผมจะวิ่งในตอนเช้า แต่วันนี้ผมตัดสินใจตรงกันข้าม ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มโดยประมาณ และผมต้องการที่จะออกมาวิ่งตอนนี้ผมเร่งความเร็วขึ้น รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อกำลังเผาผลาญ ผมอยากจะวิ่งหนีจากความรู้สึกผิดของผม อยากจะวิ่งหนีจากความปวดร้าวใจ ผมอยากจะหนีจากความโง่เง่าของผมเองความรู้สึกผิดที่ผมได้ทำร้ายเอวาไปมากมายแค่ไหนกำลังกัดกินผมทั้งเป็น โดยทำลายผมจากภายในสู่ภายนอก ผมไม่สามารถสู้หน้าเธอได้ตั้งแต่ที่ผมค้นพบความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ ผมมองดูตัวเองในกระจก และทั้งหมดที่ผมเห็นคือคนต่ำช้าคนหนึ่ง ผมมันน่ารังเกียจโดยเฉพาะการกระทำของผมเอง ผมถูกรังเกียจด้วยทุกสิ่งที่ผมได้ทำกับเธอไว้ผมคิดว่าผมเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ประเภทที่รักอย่างทุ่มเท ผมภูมิใจในตัวเองเสมอมาที่ยึดมั่นในรักของผมที่มีต่อเอมม่า ผมคิดว่ามันมีความหมายว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอนั้นจริงแท้ สิ่งที่ผมไม่รู้ก็คือในขณะที่ทำแบบนั้น ผมก็กำลังทำให้ผู้หญิงที่ผมรักอย่างแท้จริงเจ็บปวดด้วย“เวรเอ้ย!” ผมสบถด่าตัวเองและโลกใบนี้ผมมาถึงตรงนี้ได้ยังไงวะ? ผมพยายามมากขึ้นในขณะที่วิ่งผ่านปั๊มน้ำ
ผมกลับมาถึงบ้านในครึ่งชั่วโมงต่อมา อากาศเย็น ๆ ไม่ได้คลายความรู้สึกหงุดหงิดของผมลงเลย ผมอยากจะบุกไปบ้านของเอวาและอ้างสิทธิ์ในตัวเธอ ผมอยากบอกเธอว่าอย่าไปกับคาลวินผู้ชายคนนี้ ผมอยากจะประกาศความรักของผมที่มีต่อเธอ“คุณวูดส์ มีคนมาที่ที่เพื่อพบคุณครับ” พ่อบ้านแจ้งผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน“ใครกัน?” ผมถามก่อนที่ผมจะทันได้ตอบ เสียงของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะพวกเรา ผมสาบานได้เลยขณะที่ผมหันไปเผชิญหน้ากับเธอ ให้ตาย! ผมไม่มีเวลาหรือความอดทนที่จะจัดการกับเธอหรอกนะ“มีอะไรให้ผมช่วยไหม เอมม่า?” ผมรู้สึกได้ขณะที่พ่อบ้านของผมผละออกไปผมพิจารณาสีหน้าของเธอ เธอสวย ใช่ แต่ความสวยของเธอถูกตัดสินในสายตาของผม ผมพยายามค้นหาความรู้สึกแผดเผาที่ผมเคยมีให้เธอ แต่กลับไม่มีอะไรเลย ที่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกผมอยู่กลับว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง“คุณเป็นไงบ้าง โร?” เธอถามขึ้นแทนที่จะตอบคำถามของผมผมไม่อยากจะหยาบคาย แต่ผมไม่อยากเสียเวลากับเธอ“บอกมาสิคุณมาที่นี่ทำไม เอมม่า ผมมีเรื่องมากมายให้จัดการอยู่” เธอถอนหายใจ สีหน้าของเธอซีดลง “ฉันมาที่นี่ก็เพราะพวกเรา ฉันอยากให้พวกเราพูดคุยถึงความสัมพันธ์ของพวกเรากั
เอวา”แม่ครับ จะเสร็จหรือยัง?” โนอาตะโกนถามขึ้นผ่านประตูห้องนอนของฉัน “จะถึงเวลาแล้วนะครับ พวกเราจะสายได้” “ขอเวลาอีกนิดนะลูก” ฉันตะโกนกลับไปขณะที่ฉันรีบแต่งตัวสำหรับวันนี้ทุกวันนี้ฉันรู้สึกสบายตัวกับชุดเดรสมากขึ้น ดังนั้นนั่นคือสิ่งที่ฉันสวมใส่ ฉันใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวน่ารักที่ยาวเหนือหัวเข่า ฉันจับคู่พวกมันกับรองเท้าแตะ เนื่องจากพวกเราจะใช้เวลาเดินเป็นส่วนใหญ่ ฉันคิดว่าพวกมันจะสะดวกสบายมากกว่าผมของฉันถูกมัดเป็นหางม้าหยิกลอนพร้อมกับปอยผมล้อมรอบใบหน้า ฉันไม่ได้แต่งหน้ามากนัก ส่วนใหญ่เป็นเพราะฉันขี้เกียจมากเกินไปจะทำผมฉันไม่อยากทำอะไรพวกนี้เลย ฉันเหนื่อยได้ง่ายมากทุกวันนี้และฉันไม่อยากทำลายวันดี ๆ โดยการเหนื่อยล้ามากเกินไปอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบนใบหน้าของโนอาและกันเนอร์คือสิ่งที่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจ พวกเขาทั้งคู่ตื่นเต้นมากสำหรับวันนี้กันเนอร์ต้องการสิ่งนี้หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นสัปดาห์ก่อน เขาจำเป็นต้องได้รู้สึกถึงความรักและทะนุถนอม ฉันหวังว่าการได้อยู่รายล้อมกับคนที่รักเขาเหล่านั้นจะมอบความทรงจำใหม่ ๆ ให้เขาได้ ความทรงจำที่จะแทนที่ความทรงจำอันเจ็บปวดเล็กน้อยเหล่านั้นจากแม่ของเขา
ฉันค่อย ๆ หันไปยังทิศทางของเสียงและพบว่าโรแวนนั่งลงข้าง ๆ ฉัน มันเหมือนกับว่าฉันอธิษฐานให้เขามีอยู่จริงขึ้นมา นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันได้รู้จักกับเขาที่โรแวนไม่ได้ใส่สูท เขาใส่เสื้อยืดคอวีสีดำและกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉันพูดตะกุกตะกัก ยังคงไม่เชื่อว่าเขาอยู่ที่นี่“โนอาบอกว่าคุณจะมาที่นี่ ดังนั้นผมก็เลยมาที่นี่ไง” เขายักไหล่ลวก ๆ ราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมานั้นไม่ได้ดูไร้เหตุผลฉันไม่อาจทนต่อการปรากฏตัวของเขาได้อีกต่อไป ฉันลุกขึ้นยืนและเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันได้ยินเขาเรียกชื่อของฉัน แต่ฉันไม่ได้สนใจเขาฉันเดินไปห้องน้ำและพยายามสงบสติอารมณ์ ทำไมตอนนี้? ทำไมเขาถึงไม่เป็นแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน? ในเมื่อฉันได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไปแล้ว เขากลับเปลี่ยนนิสัยไปงั้นเหรอ? มันไม่ได้ผลหรอกโดยการสาดน้ำใส่หน้า ฉันทำใจให้แข็ง ไม่เป็นไรหรอกกับการที่จู่ ๆ เขาถึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน เขากับฉันจบกันไปแล้ว พวกเราจบกันก่อนที่พวกเราจะได้เริ่มเสียด้วยซ้ำหลังจากที่ฉันรู้สึกมั่นคงมากขึ้น ฉันก้าวออกไปข้างนอกเพียงเพื่อจะพบกับใครบางคนเท่านั้น กลิ
เขาตัวสูงกว่าคาลวินเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มถอยหลังหนี“ฉันเบื่อนายเต็มทนแล้วว่ะ โคตรจะเหลืออดกับนายที่มันชอบเข้ามาบ่งการชีวิตฉันแล้วตาย ๆ ไปซะ เราจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขสักที” คาลวินเอ่ยกับโรแวนฉันยืนตัวแข็งทื่อเพราะไม่ต้องการเชื่อหูตนเองว่าคาลวินจะพูดเช่นนั้นอออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย มีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันสามารถสัมผัสได้จากคาลวิน ทั้งความโกรธเกรี้ยวและความขมขื่น ทว่าความรู้สึกอาฆาตมาดร้ายนี่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนเลย“แค่หายไปมันไม่ยากหรอกนะเว้ย? ตลอดหลายปีที่ผ่านมานายพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว แต่ความจริงคือนายไม่มีวันเหมือนกับฉันได้หรอก เอมม่าไม่ได้รักนายแล้ว แล้วตอนนี้เอวาก็ไม่มีวันรักนายด้วยเพราะว่าหัวใจเธอเป็นของฉันแล้ว”คำพูดเหล่านั้นเปรียบดั่งหมัดตรงของคาลวินเพราะเขาเหวี่ยงหมัดเข้าที่สันกรามของโรแวนอย่างจัง โรแวนตั้งตัวได้ในเวลาไม่นานก่อนจะตอบโต้กลับไป ไม่นานชายทั้งสองก็เริ่มประเคนหมัดใส่กันไม่ยั้งฉันยืนมองทั้งสองอยู่อย่างนั้น หวังว่าจะหลีกหนีออกไปสถานที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ฉันพยายามแยกทั้งสองออกจากกัน แต่กลับไร้ผล และเกือบจะโดนล
หัวของฉันเหมือนจะระเบิดและกระจายเศษเนื้อไปทั่วห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีช่วงเวลาเงียบสงบเลยสักวินาทีเดียวความคิดต่าง ๆ วิ่งวนอยู่ในหัว ไม่เคยหยุด ไม่เคยจบสิ้น มันทำให้ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาตั้งใจเรียนเรื่องเครื่องมือกับพวกแมลงกันดีกว่านะ” ฉันบอกแมรี่ หนึ่งในนักเรียนที่มาเรียนพิเศษด้วย “ถ้าหนูอยากเก่งเรื่องไดโคทอมันสคีย์ หนูก็จำเป็นต้องเก่งทั้งสองเรื่องนี้ก่อนนะ” ฉันหวังว่านี่จะช่วยให้ฉันเบี่ยงเบนความคิดออกไปได้บ้าง แต่ฉันคิดผิดเต็มประตู ความคิดยังคงหลุดลอยออกไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งแมรี่พยักหน้าให้ฉันเป็นสัญญาณว่าเธอเข้าใจแล้ว“ลักษณะตัวแรกคือมีปีกขนาดใหญ่ และมีปีกขนาดเล็กหรือไม่มีปีกเลย... คิดว่าคำตอบคืออะไร?”เธอตรวจดูกลุ่มภาพแมลงในหนังสือก่อนหันมาหาฉัน ตอนแรกเธอดูไม่มั่นใจ แต่ในที่สุดก็ตอบออกมา"มีแค่แมลงตัวเดียวที่มีปีกใหญ่ในลิสต์นี้ ผีเสื้อก็ควรจะอยู่ในหมวดนั้นค่ะ"ฉันส่งยิ้มให้เธอเนื่องจากดีใจที่เธอเข้าใจ “ดีมากจ้ะ ในเมื่อผีเสื้ออยู่ในหมวดหมู่แมลงปีกใหญ่ ดังนั้นแมลงชนิดอื่นที่เหลืออยู่ในนี้จึงจัดอยู่ในหมวดแมลงปีกเล็กหรือไม่มีปีกจ้ะ อันนี้มันเหมือนเกมจัดกลุ่มป
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”เขามักจะเก็บเงียบเรื่องแม่ของลูกชายเสมอ ฉันไม่รู้อะไรเลย พวกเขาเคยแต่งงานกันแล้วหย่าหรือเปล่า? หรือแค่เคยมีความสัมพันธ์กัน? รู้จักกันมานานแค่ไหน?นึกสงสัยว่าเขาจะยอมบอกข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ฉันได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้หรือไม่ นอกจากนั้นฉันก็ไม่อยากทำให้เขาเจ็บปวดอีกด้วย ดูเหมือนทุกครั้งที่ฉันเอ่ยถึงเธอ เขาจะโกรธจัดหรือหงุดหงิดอย่างมาก“อ๋อครับ…ผมเข้าใจ หลาย ๆ ครั้ง ผมเองก็ชอบจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยเองเหมือนกัน” เขาหยุดไปครู่ “แต่ก็ไม่ได้บอกนะครับว่าผมช่วยเรื่องนี้คุณไม่ได้” เขาชี้นิ้วไปยังแปลงผักเล็ก ๆ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้ขณะที่เขานั่งลงคุกเข่าข้าง ๆฉันส่งถุงมือให้เขา และเขาก็สวมถุงมือทำตามฉัน“พวกเด็ก ๆ ทำอะไรกันอยู่คะ?” ฉันถาม“กำลังเล่นเกมกันอยู่ครับ…เอาเข้าจริง ผมแปลกใจมากเลยนะครับที่ทั้งสองสนิทกันขนาดนี้ แบบตัวติดกันมากเลย ในสมองของผมไม่เคยวาดฝันว่าจะเกิดฉากแบบนี้ขึ้นมาได้เลยครับ เพราะผมเกลียดพ่อของโนอามาก”ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น เขาไม่แม้แต่จะยอมพูดชื่อของเขาด้วยซ้ำ ทำไมกัน?“ทำไมถึงเกลียดเขานัก? เข้าใจนะคะว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณ
โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่
ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม
ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั
ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู
เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“
เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา
ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ
ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก แต่ทุกอย่างพังทลายทันทีเมื่อรสชาติของมันกระแทกลิ้น ฉันถึงกับพ่นมันออกมา.“รสชาติสุดจะทนมาก กระเดือกลงได้ไงคะเนี่ย?” ฉันถามพลางเช็ดปากครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้ยินเกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มลึกและเย้ายวนจนทำให้ร่างกายฉันสั่นไหว เสียงหัวเราะแบบที่ทำให้คุณลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของคนอื่นมีเสน่ห์?เขายักไหล่ “มันเป็นรสชาติที่ต้องค่อย ๆ ฝึกถึงจะชอบได้ มันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนหรอก”ฉันทำได้แค่พยักหน้าเหมือนเสียงหายไป ฉันยังคงตกใจอยู่ที่เกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะกลายเป็นรอยยิ้มที่แท้จริง เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันชวนให้หลงใหลจนฉันเกลียดตัวเองที่เผลอหลงเสน่ห์เขา“เป็นอะไรไหม?” เขาเข้ามาใกล้มากขึ้น “เหมือนตะลึงอะไรอยู่เลย”“คุณยิ้มสวย เสียงหัวเราะก็เพราะ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดจากปาก ฉันรู้สึกอยากต่อยตัวเอง ฉันพูดอะไรออกไป? ทำไมฉันถึงปล่อยคำเหล่านั้นหลุดออกมา? สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือให้เขาคิดว่าฉันยังมีใจให้เขา“อะไรนะ?”“เปล่า” ฉันรีบตอบก่อนจะหมุนตัวและ
เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้