“ขอบใจนะลูก” ฉันกล่าวพวกเรากลับมาทำงานกันต่อและสุดท้ายก็ทำอาหารเสร็จ พวกเขาทั้งคู่ช่วยฉันจัดโต๊ะและพวกเราก็นั่งลงทานข้าวกันพวกเราสามคนหรือฉันจะบอกว่าสี่คนดีนะทานทุกอย่างจนเกือบหมด แต่ฉันเหลือไว้ส่วนหนึ่งเพราะคาลวินอาจกลับมาบ้านเหนื่อยและหิวก็ได้ เขาคงจะไม่มีเวลาทำอาหารหรอกหลังจากมื้อเย็น ฉันให้พวกเด็ก ๆ ไปอาบน้ำและจากนั้นก็ถึงเวลาเข้านอนสำหรับพวกเขาหลังจากที่เด็ก ๆ หลับไปแล้วฉันถึงคิดบางอย่างขึ้นมาได้ บ้านฉันมีตั้งห้าห้องนอน ยังคงมีห้องว่างแม้หลังจากเปลี่ยนห้องหนึ่งเป็นห้องเด็กเล็ก ห้องนอนสุดท้ายที่เหลืออยู่อาจเป็นห้องนอนของกันเนอร์ได้เขาสามารถมานอนที่นั่นได้ทุกเมื่อที่เขามาและมันสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขาได้ขณะที่เขาอยู่นี่ ฉันเริ่มตื่นเต้นเกี่ยวกับความคิดนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฉันหยิบสมุดขึ้นมาในทันทีและเริ่มจดสิ่งที่ฉันต้องการลวก ๆ ฉันจะต้องขออนุญาตคาลวิน แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะเห็นด้วย ฉันหวังว่าเขาจะตกลงนะ นอกจากนี้เขาจะช่วยได้ถ้าเป็นเรื่องตกแต่งห้อง เขารู้จักกันเนอร์ดีกว่าใคร เขาคงรู้ว่าเขาชอบอะไรฉันเพิ่งทำรายการสิ่งของที่จำเป็นเสร็จเมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ฉันบิ
โรแวนเท้าของผมกระทบกับทางเท้าขณะที่ผมวิ่งไป ปกติผมจะวิ่งในตอนเช้า แต่วันนี้ผมตัดสินใจตรงกันข้าม ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มโดยประมาณ และผมต้องการที่จะออกมาวิ่งตอนนี้ผมเร่งความเร็วขึ้น รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อกำลังเผาผลาญ ผมอยากจะวิ่งหนีจากความรู้สึกผิดของผม อยากจะวิ่งหนีจากความปวดร้าวใจ ผมอยากจะหนีจากความโง่เง่าของผมเองความรู้สึกผิดที่ผมได้ทำร้ายเอวาไปมากมายแค่ไหนกำลังกัดกินผมทั้งเป็น โดยทำลายผมจากภายในสู่ภายนอก ผมไม่สามารถสู้หน้าเธอได้ตั้งแต่ที่ผมค้นพบความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ ผมมองดูตัวเองในกระจก และทั้งหมดที่ผมเห็นคือคนต่ำช้าคนหนึ่ง ผมมันน่ารังเกียจโดยเฉพาะการกระทำของผมเอง ผมถูกรังเกียจด้วยทุกสิ่งที่ผมได้ทำกับเธอไว้ผมคิดว่าผมเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ประเภทที่รักอย่างทุ่มเท ผมภูมิใจในตัวเองเสมอมาที่ยึดมั่นในรักของผมที่มีต่อเอมม่า ผมคิดว่ามันมีความหมายว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอนั้นจริงแท้ สิ่งที่ผมไม่รู้ก็คือในขณะที่ทำแบบนั้น ผมก็กำลังทำให้ผู้หญิงที่ผมรักอย่างแท้จริงเจ็บปวดด้วย“เวรเอ้ย!” ผมสบถด่าตัวเองและโลกใบนี้ผมมาถึงตรงนี้ได้ยังไงวะ? ผมพยายามมากขึ้นในขณะที่วิ่งผ่านปั๊มน้ำ
ผมกลับมาถึงบ้านในครึ่งชั่วโมงต่อมา อากาศเย็น ๆ ไม่ได้คลายความรู้สึกหงุดหงิดของผมลงเลย ผมอยากจะบุกไปบ้านของเอวาและอ้างสิทธิ์ในตัวเธอ ผมอยากบอกเธอว่าอย่าไปกับคาลวินผู้ชายคนนี้ ผมอยากจะประกาศความรักของผมที่มีต่อเธอ“คุณวูดส์ มีคนมาที่ที่เพื่อพบคุณครับ” พ่อบ้านแจ้งผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน“ใครกัน?” ผมถามก่อนที่ผมจะทันได้ตอบ เสียงของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะพวกเรา ผมสาบานได้เลยขณะที่ผมหันไปเผชิญหน้ากับเธอ ให้ตาย! ผมไม่มีเวลาหรือความอดทนที่จะจัดการกับเธอหรอกนะ“มีอะไรให้ผมช่วยไหม เอมม่า?” ผมรู้สึกได้ขณะที่พ่อบ้านของผมผละออกไปผมพิจารณาสีหน้าของเธอ เธอสวย ใช่ แต่ความสวยของเธอถูกตัดสินในสายตาของผม ผมพยายามค้นหาความรู้สึกแผดเผาที่ผมเคยมีให้เธอ แต่กลับไม่มีอะไรเลย ที่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกผมอยู่กลับว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง“คุณเป็นไงบ้าง โร?” เธอถามขึ้นแทนที่จะตอบคำถามของผมผมไม่อยากจะหยาบคาย แต่ผมไม่อยากเสียเวลากับเธอ“บอกมาสิคุณมาที่นี่ทำไม เอมม่า ผมมีเรื่องมากมายให้จัดการอยู่” เธอถอนหายใจ สีหน้าของเธอซีดลง “ฉันมาที่นี่ก็เพราะพวกเรา ฉันอยากให้พวกเราพูดคุยถึงความสัมพันธ์ของพวกเรากั
เอวา”แม่ครับ จะเสร็จหรือยัง?” โนอาตะโกนถามขึ้นผ่านประตูห้องนอนของฉัน “จะถึงเวลาแล้วนะครับ พวกเราจะสายได้” “ขอเวลาอีกนิดนะลูก” ฉันตะโกนกลับไปขณะที่ฉันรีบแต่งตัวสำหรับวันนี้ทุกวันนี้ฉันรู้สึกสบายตัวกับชุดเดรสมากขึ้น ดังนั้นนั่นคือสิ่งที่ฉันสวมใส่ ฉันใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวน่ารักที่ยาวเหนือหัวเข่า ฉันจับคู่พวกมันกับรองเท้าแตะ เนื่องจากพวกเราจะใช้เวลาเดินเป็นส่วนใหญ่ ฉันคิดว่าพวกมันจะสะดวกสบายมากกว่าผมของฉันถูกมัดเป็นหางม้าหยิกลอนพร้อมกับปอยผมล้อมรอบใบหน้า ฉันไม่ได้แต่งหน้ามากนัก ส่วนใหญ่เป็นเพราะฉันขี้เกียจมากเกินไปจะทำผมฉันไม่อยากทำอะไรพวกนี้เลย ฉันเหนื่อยได้ง่ายมากทุกวันนี้และฉันไม่อยากทำลายวันดี ๆ โดยการเหนื่อยล้ามากเกินไปอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มบนใบหน้าของโนอาและกันเนอร์คือสิ่งที่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจ พวกเขาทั้งคู่ตื่นเต้นมากสำหรับวันนี้กันเนอร์ต้องการสิ่งนี้หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นสัปดาห์ก่อน เขาจำเป็นต้องได้รู้สึกถึงความรักและทะนุถนอม ฉันหวังว่าการได้อยู่รายล้อมกับคนที่รักเขาเหล่านั้นจะมอบความทรงจำใหม่ ๆ ให้เขาได้ ความทรงจำที่จะแทนที่ความทรงจำอันเจ็บปวดเล็กน้อยเหล่านั้นจากแม่ของเขา
ฉันค่อย ๆ หันไปยังทิศทางของเสียงและพบว่าโรแวนนั่งลงข้าง ๆ ฉัน มันเหมือนกับว่าฉันอธิษฐานให้เขามีอยู่จริงขึ้นมา นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันได้รู้จักกับเขาที่โรแวนไม่ได้ใส่สูท เขาใส่เสื้อยืดคอวีสีดำและกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉันพูดตะกุกตะกัก ยังคงไม่เชื่อว่าเขาอยู่ที่นี่“โนอาบอกว่าคุณจะมาที่นี่ ดังนั้นผมก็เลยมาที่นี่ไง” เขายักไหล่ลวก ๆ ราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมานั้นไม่ได้ดูไร้เหตุผลฉันไม่อาจทนต่อการปรากฏตัวของเขาได้อีกต่อไป ฉันลุกขึ้นยืนและเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันได้ยินเขาเรียกชื่อของฉัน แต่ฉันไม่ได้สนใจเขาฉันเดินไปห้องน้ำและพยายามสงบสติอารมณ์ ทำไมตอนนี้? ทำไมเขาถึงไม่เป็นแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน? ในเมื่อฉันได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไปแล้ว เขากลับเปลี่ยนนิสัยไปงั้นเหรอ? มันไม่ได้ผลหรอกโดยการสาดน้ำใส่หน้า ฉันทำใจให้แข็ง ไม่เป็นไรหรอกกับการที่จู่ ๆ เขาถึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน เขากับฉันจบกันไปแล้ว พวกเราจบกันก่อนที่พวกเราจะได้เริ่มเสียด้วยซ้ำหลังจากที่ฉันรู้สึกมั่นคงมากขึ้น ฉันก้าวออกไปข้างนอกเพียงเพื่อจะพบกับใครบางคนเท่านั้น กลิ
เขาตัวสูงกว่าคาลวินเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มถอยหลังหนี“ฉันเบื่อนายเต็มทนแล้วว่ะ โคตรจะเหลืออดกับนายที่มันชอบเข้ามาบ่งการชีวิตฉันแล้วตาย ๆ ไปซะ เราจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขสักที” คาลวินเอ่ยกับโรแวนฉันยืนตัวแข็งทื่อเพราะไม่ต้องการเชื่อหูตนเองว่าคาลวินจะพูดเช่นนั้นอออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย มีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันสามารถสัมผัสได้จากคาลวิน ทั้งความโกรธเกรี้ยวและความขมขื่น ทว่าความรู้สึกอาฆาตมาดร้ายนี่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนเลย“แค่หายไปมันไม่ยากหรอกนะเว้ย? ตลอดหลายปีที่ผ่านมานายพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว แต่ความจริงคือนายไม่มีวันเหมือนกับฉันได้หรอก เอมม่าไม่ได้รักนายแล้ว แล้วตอนนี้เอวาก็ไม่มีวันรักนายด้วยเพราะว่าหัวใจเธอเป็นของฉันแล้ว”คำพูดเหล่านั้นเปรียบดั่งหมัดตรงของคาลวินเพราะเขาเหวี่ยงหมัดเข้าที่สันกรามของโรแวนอย่างจัง โรแวนตั้งตัวได้ในเวลาไม่นานก่อนจะตอบโต้กลับไป ไม่นานชายทั้งสองก็เริ่มประเคนหมัดใส่กันไม่ยั้งฉันยืนมองทั้งสองอยู่อย่างนั้น หวังว่าจะหลีกหนีออกไปสถานที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ฉันพยายามแยกทั้งสองออกจากกัน แต่กลับไร้ผล และเกือบจะโดนล
หัวของฉันเหมือนจะระเบิดและกระจายเศษเนื้อไปทั่วห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีช่วงเวลาเงียบสงบเลยสักวินาทีเดียวความคิดต่าง ๆ วิ่งวนอยู่ในหัว ไม่เคยหยุด ไม่เคยจบสิ้น มันทำให้ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาตั้งใจเรียนเรื่องเครื่องมือกับพวกแมลงกันดีกว่านะ” ฉันบอกแมรี่ หนึ่งในนักเรียนที่มาเรียนพิเศษด้วย “ถ้าหนูอยากเก่งเรื่องไดโคทอมันสคีย์ หนูก็จำเป็นต้องเก่งทั้งสองเรื่องนี้ก่อนนะ” ฉันหวังว่านี่จะช่วยให้ฉันเบี่ยงเบนความคิดออกไปได้บ้าง แต่ฉันคิดผิดเต็มประตู ความคิดยังคงหลุดลอยออกไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งแมรี่พยักหน้าให้ฉันเป็นสัญญาณว่าเธอเข้าใจแล้ว“ลักษณะตัวแรกคือมีปีกขนาดใหญ่ และมีปีกขนาดเล็กหรือไม่มีปีกเลย... คิดว่าคำตอบคืออะไร?”เธอตรวจดูกลุ่มภาพแมลงในหนังสือก่อนหันมาหาฉัน ตอนแรกเธอดูไม่มั่นใจ แต่ในที่สุดก็ตอบออกมา"มีแค่แมลงตัวเดียวที่มีปีกใหญ่ในลิสต์นี้ ผีเสื้อก็ควรจะอยู่ในหมวดนั้นค่ะ"ฉันส่งยิ้มให้เธอเนื่องจากดีใจที่เธอเข้าใจ “ดีมากจ้ะ ในเมื่อผีเสื้ออยู่ในหมวดหมู่แมลงปีกใหญ่ ดังนั้นแมลงชนิดอื่นที่เหลืออยู่ในนี้จึงจัดอยู่ในหมวดแมลงปีกเล็กหรือไม่มีปีกจ้ะ อันนี้มันเหมือนเกมจัดกลุ่มป
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”เขามักจะเก็บเงียบเรื่องแม่ของลูกชายเสมอ ฉันไม่รู้อะไรเลย พวกเขาเคยแต่งงานกันแล้วหย่าหรือเปล่า? หรือแค่เคยมีความสัมพันธ์กัน? รู้จักกันมานานแค่ไหน?นึกสงสัยว่าเขาจะยอมบอกข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ฉันได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้หรือไม่ นอกจากนั้นฉันก็ไม่อยากทำให้เขาเจ็บปวดอีกด้วย ดูเหมือนทุกครั้งที่ฉันเอ่ยถึงเธอ เขาจะโกรธจัดหรือหงุดหงิดอย่างมาก“อ๋อครับ…ผมเข้าใจ หลาย ๆ ครั้ง ผมเองก็ชอบจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยเองเหมือนกัน” เขาหยุดไปครู่ “แต่ก็ไม่ได้บอกนะครับว่าผมช่วยเรื่องนี้คุณไม่ได้” เขาชี้นิ้วไปยังแปลงผักเล็ก ๆ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้ขณะที่เขานั่งลงคุกเข่าข้าง ๆฉันส่งถุงมือให้เขา และเขาก็สวมถุงมือทำตามฉัน“พวกเด็ก ๆ ทำอะไรกันอยู่คะ?” ฉันถาม“กำลังเล่นเกมกันอยู่ครับ…เอาเข้าจริง ผมแปลกใจมากเลยนะครับที่ทั้งสองสนิทกันขนาดนี้ แบบตัวติดกันมากเลย ในสมองของผมไม่เคยวาดฝันว่าจะเกิดฉากแบบนี้ขึ้นมาได้เลยครับ เพราะผมเกลียดพ่อของโนอามาก”ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น เขาไม่แม้แต่จะยอมพูดชื่อของเขาด้วยซ้ำ ทำไมกัน?“ทำไมถึงเกลียดเขานัก? เข้าใจนะคะว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณ
"ผมไม่ได้ใช้คุณ เอวา ผมต้องการคุณจริง ๆ" เขาพูดขณะเก็บกุญแจเข้ากระเป๋า ดูท่าว่าฉันคงออกจากห้องนี้ไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว"คุณต้องการฉันจริง ๆ เหรอ? แล้วทำไมทันทีที่คุณเสร็จก็รีบลุกไปอาบน้ำละ? ทำไมคุณถึงไม่เคยมีอะไรกับฉันโดยไม่ใส่ถุงยาง? ทำไมคุณถึงไม่เคยปล่อยตัวไปกับฉันเลย? โอ๊ย! คุณแทบจะไม่เคยจูบฉันที่ปากด้วยซ้ำ แล้วคุณมาบอกว่าคุณต้องการฉัน? เชื่อก็บ้าแล้วเถอะ?"ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันพยายามกลบซ่อนมานานทะลักออกมา ฉันเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้มันทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอ ฉันเลยแทนที่มันด้วยความโกรธ“หนึ่งในความทรงจำที่ฉันนึกขึ้นได้หลังจากเดตของเราคือการนอนกับอีธาน มันคือสิ่งที่เซ็กส์ควรจะเป็น เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและอารมณ์ กับอีธานฉันรู้สึกเหมือนเป็นที่ต้องการ รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แต่กับคุณ มันเหมือนเป็นหน้าที่ เป็นการบ้าน คุณบอกว่าคุณต้องการฉัน แต่ทั้งหมดนั้นมันโกหก อีธานทำให้ฉันเห็นว่าการเป็นที่ต้องการของผู้ชายจริง ๆ เป็นยังไง"ความทรงจำเกี่ยวกับอีธานโผล่เข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับความทรงจำอื่น ๆ มันยังแสดงให้ฉันเห็นว่าสิ่งที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์ทางกายระหว่างฉันกับโรแวนคืออะไร ฉั
“ผมก็ยังไม่ชอบเธอ และคงจะไม่มีวันชอบเธอได้หรอก แต่ผมก็เข้าใจแม่แล้วเหมือนกัน” เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ “ผมชวนเธอมาก็ได้ แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าผมจะเป็นเพื่อนกับเธอได้นะ”ฉันพยักหน้า ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “ขอบคุณนะ ลูกรัก”เขากอดฉันไว้และหัวใจก็สงบลงเสียที ฉันไม่ได้กอดลูกชายตัวน้อยมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว การได้กอดเขาอีกครั้งทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก. “ผมรักแม่นะครับ” เขาพึมพำพลางซบอกฉันหัวใจฉันพองโต มีบางสิ่งที่พิเศษมากเมื่อได้ยินลูกเรียกเราว่าแม่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจ้าตัวน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันอธิบายไม่ได้ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง“แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ้ะ ตัวน้อยของแม่” ฉันกระซิบตอบเบา ๆ “เอาล่ะ รีบไปเตรียมตัวเถอะ ไม่งั้นจะไปโรงเรียนสายนะ”เราถอนตัวออกจากอ้อมกอดของกันและกัน ฉันจูบหน้าผากเขาเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้องและเดินลงไปชั้นล่าง ฉันทักทายเทเรซาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ก่อนจะหยิบน้ำหนึ่งแก้วกับยาแก้ปวด แล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกครั้งเมื่อฉันเปิดประตูห้องนอนใหญ่ หวังว่าโรแวนจะยังหลับอยู่และฉันจะวางน้ำกับยาไว้ให้เฉย ๆ แต่โชคไม่ดี เขาตื่นแล้ว
ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของโรแวนที่นอนกอดฉันจากด้านหลัง เมื่อวานนี้ไม่รู้เพราะอะไร แต่หลังจากที่เขาขอให้ฉันอยู่ต่อ ฉันก็ไม่สามารถลุกหนีไปได้ ทั้งที่ฉันอยากจะไป ฉันพยายามต่อสู้กับความรู้สึกนั้น แต่สุดท้ายฉันก็แพ้ เมื่อฉันตัดสินใจจะนอนร่วมเตียงกับเขา โรแวนก็กลับหลับไปเสียแล้ววงแขนของเขาโอบรอบเอวฉันไว้แน่น ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไป แม้ในยามหลับสนิท ในอ้อมกอดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนได้รับความรักและการดูแล รู้สึกปลอดภัย และความเจ็บปวดในอดีตทั้งหลายก็พลันจางหายไป ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่ไล่แตะต้นคอ ส่งผลให้ขนทั่วร่างลุกซู่ฉันพยายามอย่างระมัดระวังไม่ให้เขาตื่น ขยับตัวลุกจากเตียงช้า ๆ เพราะต้องไปดูให้แน่ใจว่าโนอาตื่นแล้ว จะได้ไม่ไปโรงเรียนสายฉันย่องข้ามห้องและออกจากห้องนอนของเราอย่างเงียบเชียบ หลังจากแวะไปตรวจดูไอริส ฉันก็ตรงไปยังห้องของโนอา“โนอา” ฉันเรียก แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นเลย เพราะเขาตื่นอยู่แล้วเขามองฉันโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะกลับไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักเรียนต่อ“ยังโกรธแม่อยู่หรือเปล่า?” ฉันจึงถามขณะเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นนั่งลงบนเตียงเขาจ้องมองฉันหรือจะพูดให้ถูกคื
เอวา“หนูอยากเข้าไปหาพรุ่งนี้ได้ไหม? พอดีว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยค่ะ”ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับโนราอยู่พอดี หรือฉันควรเรียกว่าแม่ดีล่ะ ฉันคิดไม่ตกกับเรื่องนี้อยู่หลายวันและตัดสินใจลองให้โอกาสพวกเขาดูทั้งโนราและธีโอดูเป็นคนดี และตัวฉันเองก็เรียกร้องหาความรักจากพ่อแม่อยู่เช่นกัน ตอนนี้อาจถึงเวลาแล้วก็ได้ที่จะเปิดใจ ฉันต้องการทำความรู้สึกทั้งสองให้มากขึ้นและต้องการส้รางความสัมพันธ์ด้วยมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของเคทและเจมส์ที่เป็นพ่อและแม่แสนแย่ และฉันเองก็ไม่สามารถเอาประสบการณ์สมัยเด็กแสนทุกข์ทรมานมาเป็นเครื่องตัดสินทั้งสองด้วย“ดีเลยสิจ๊ะ เอวา เราคิดถึงลูกกับหลาน ๆ มากเลยนะ แม่อยากโทรคุยหรือไม่ก็ไปหาเลย แต่ก็ยังไม่อยากเร่งรีบอะไรถ้าหนูยังรู้สึกไม่พร้อม” เธอเอ่ยอย่างยินดีฉันเผยยิ้มออกมา พูดตามตรง ฉันไม่ยิ้มออกมาเลยสักครั้งนับตั้งแต่คืนนั้น“กี่โมงดีคะ?”“เอวา ลูกเป็นลูกสาวเรานะจ๊ะ หนูจะมาตอนกลางวันหรือกลางคืน หรือเวลาไหน ๆ เราก็สะดวกหมดแหละ”หลังจากคุยกับเธออยู่สักพัก เราจึงวางสายไป ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมวางโทรศัพท์ลงพลางจ้องมองโทรทัศน์อย่างว่างเปล่าจิตใจของฉ
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท