เอวา “เป็นไงบ้างลูก?” แม่ถามผ่านโทรศัพท์ “แล้วทารกกับโนอาล่ะเป็นไงกันบ้าง?” อีกครั้งที่พวกเขาออกนอกประเทศเพื่อการประชุมทางธุรกิจ มันไม่น่าแปลกใจสำหรับฉันที่พวกเขามีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเพราะโรแวนก็มีเหมือนกัน เขามีเครื่องส่วนของเขาเองและยังมีของครอบครัวอีกหนึ่งลำเช่นกัน ฉันไม่เคยใช้ของเขา ไม่เคยขึ้นไปบนเครื่องนั้น บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกเราแทบจะไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนด้วยกันเลยเมื่อความร่ำรวยของฉันพุ่งทะยานขึ้นสูงอย่างมาก ฉันเคยคิดที่จะซื้อเครื่องบินเจ็ทเป็นของตัวเอง แต่ฉันรีบทิ้งความคิดนั้นลง ฉันจะไปใช้มันเพื่ออะไรกันล่ะ? ฉันไม่ค่อยได้ไปไหนที่จะจำเป็นต้องใช้เครื่องบินเจ็ทของตัวเองสักหน่อย ถ้าฉันต้องไปที่ไหนสักที่ ฉันก็สามารถเช่าสักลำหรือฉันก็แค่บินด้วยชั้นธุรกิจก็ได้“เอวา?” “ขอโทษค่ะแม่ พวกเราทั้งหมดสบายดีค่ะ พวกเราแค่คิดถึงพ่อแม่มาก” และมันคือความจริง พวกเขาหายไปหนึ่งสัปดาห์แล้วและพวกเขาจะหายไปอีกหนึ่งสัปดาห์ โนอาและฉันคิดถึงพวกเขามากเหลือเกิน มันน่าประหลาดใจที่พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งสำคัญในชีวิตของพวกเราในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้“พวกเราก็คิดถึงลูกเหมือนกัน ยังไงก็ตามพ่อของล
“ให้ตายเถอะ ตกใจหมดเลย” ฉันเอามือทาบอกตัวเองราวกับว่านั่นจะช่วยให้จังหวะหัวใจที่เต้นแรงค่อย ๆสงบลง“โทษที ฉันคิดว่าเธอเห็นฉันเดินเข้ามาซะอีก” เธอกล่าวเจื่อน ๆฉันมัวแต่นั่งครุ่นคิดจนฉันไม่ได้รู้ว่าพวกเธอได้เข้ามาในห้องส่วนตัวนี้แล้ว“ไม่เป็นไร…ฉันแค่มีหลายอย่างที่ต้องห่วงกังวลน่ะ”“อยากเล่าให้ฟังไหม?” เล็ตตี้ถามขึ้นมา โดยนั่งลงฉันส่ายหัว “ไม่ล่ะ” มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเล่าให้ฟัง ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ฉันจะเริ่มบอกให้พวกเขาฟังได้ยังไงว่าอาชญากรที่ทุกคนค้นหาไม่หยุดหย่อนคือลุงของลูกของฉัน หรือบอกว่าเราเคยติดต่อกันและราวกับว่าการที่ฉันยอมให้เขาอยู่ในชีวิตของลูกของฉันยังแย่ไม่พอ? “เรื่องนี้เกี่ยวกับโรแวนอีกแล้วหรือเปล่า?” เล็ตตี้โน้มตัวมาข้างหน้า สายตาของเธอส่องประกายแปลก ๆ “ทราวิสบอกว่าโรแวนโทรหาหลายวันก่อนและเขาก็เมาหนักมาก” ฉันขมวดคิ้วกับสิ่งนั้น ฉันจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่โรแวนเมาคือตอนไหน เขาเลิกดื่มจนเมาหลังจากโนอาเกิดมา อีกอย่างเขาก็เงียบหายไปตั้งแต่คืนนั้นที่เขาปรากฏตัวที่บ้านของฉันอย่างไม่คาดคิดฉันยังคงไม่สามารถเชื่อได้เลยว่าฉันตบเขา มันรู้สึกดีมากเพราะฉันอย
คุณไม่สามารถบังคับหัวใจให้ต้องการสิ่งที่มันไม่ต้องการได้ นั่นคือสิ่งที่โครินและเล็ตตี้กำลังพยายามทำอยู่อย่างการบังคับความรู้สึกที่ไม่มีอยู่จริง พวกเธอต้องการตอนจบในเทพนิยายให้ฉันและพวกเธอเชื่อว่านั่นจะเกิดขึ้นกับโรแวนเท่านั้น ทำไมพวกเธอถึงไม่เข้าใจว่าพวกเธอแค่ต้องการให้เขารักฉันซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงเสียหน่อย? แน่นอน โรแวนมีท่าทีที่แตกต่างไป แต่ฉันเชื่อว่ามันก็แค่สักระยะเท่านั้น ผู้ชายชอบในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถครอบครองได้ เขาต้องการฉันตอนนี้เพราะเขาไม่มีฉันอยู่ในกำมือ ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะเบื่อในการไล่ตามและกลับไปหารักแท้ของเขาเอง ถ้าฉันยอมฉันก็จะถูกทิ้งให้อกหักอีกครั้งหลังจากเขาตระหนักได้ว่าฉันไม่ใช่คนที่เขาต้องการ“มาจดจ่อกับจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่กันเถอะ” ฉันบอกพวกเธอหลังจากความเงียบเกิดระหว่างพวกเรา“โอเค” โครินตอบ“ก็ได้” เล็ตตี้บ่นพึมพำฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีใจที่พวกเธอเต็มใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป ฉันรู้ว่าเล็ตตี้จะหาโอกาสเพื่อพูดเรื่องนี้อีกครั้ง แต่ฉันจะรับมือกับเรื่องนี้อีกทีตอนที่เธอพูดขึ้นมา“พวกเราไปร้านไอศครีมหรืออะไรสักอย่างดีไหม? ร้านหรูนี่ทำฉันหงุดหงิดกับพนักง
ฉันมองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะสงบสติอารมณ์ลง ฉันไม่อยากเครียดมากเกินไปในตอนนี้“สวัสดีคริสติน สวัสดีเอมม่า” ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมอารมณ์เอาไว้ฉันไม่อยากจะจัดการกับเรื่องราววุ่นวายในวันนี้ ดังนั้นฉันจะเป็นคนสุภาพที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ จากนั้นก็ถอนตัวออกจากสถานการณ์นี้ซะคริสตินยิ้มเยาะ แต่ฉันไม่ได้ให้ความสนใจเธอ ฉันมุ่งความสนใจไปที่เอมม่า เธอยังคงมีผ้าคล้องคอรอบไหล่เธออยู่ เห็นแบบนี้แล้วก็ทำให้ฉันนึกถึงวันนั้น ตอนที่เธอเต็มใจรับลูกกระสุนแทนฉันฉันอยากจะติดต่อเธอหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ฉันไม่มั่นใจว่าการกระทำของฉันจะได้รับการต้อนรับ ในสายตาของเธอ ฉันอาจจะยังคงเป็นศัตรูคู่แค้นของเธออยู่ก็ได้ดวงตาของฉันมองสบดวงตาของเธอ “ฉันไม่มีโอกาสที่จะขอบคุณสำหรับสิ่งที่เธอทำ แต่ฉันจะรู้สึกขอบคุณตลอดไป” ฉันบอกกับเธอ โดยชี้ไปที่ไหล่ของเธอฉันไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไร แต่ไม่ใช่จะให้เธอเยาะเย้ยฉันด้วยความดูถูกดูแคลน แน่นอนฉันรู้ว่าพวกเราจะไม่มีทางเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แต่ฉันหวังว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเรา จะทำให้เราพยายามอยู่ร่วมกันโดยโยนทิ้งอคติไปได้“ฉันไม่ต้องการความขอบคุณของเธอ
“เธอคิดว่าหล่อนคือเพื่อนของเธอ แต่ไม่ใช่เลย” ฉันเริ่มเอ่ยขึ้น “อย่าให้หล่อนหลอกเอาได้ เธอรู้ไหมว่าหล่อนพยายามสุดความสามารถที่จะยั่วยวนโรแวนและให้เขาหลับนอนกับหล่อน? หล่อนยังเสนอตัวที่จะเป็นเมียเก็บของเขาด้วยซ้ำ แต่เขาปฏิเสธหล่อนไป” เอมม่าดูตกใจมาก สายตาของเธอเต้นระริกระหว่างฉันกับคริสติน ส่วยคริสตินกลับดูหวาดกลัวมากเพราะเธอรู้ว่าเธอกำลังจะสูญเสียเอมม่าไป“แกโกหก เอมม่า อย่าไปฟังมัน!” “งั้นเหรอ? ถามใครก็ได้ในแวดวงของพวกเราดู และพวกเขาจะบอกแบบเดียวกัน เธอไม่เคยสงสัยเลยเหรอว่าทำไมหล่อนถึงเกลียดฉันขนาดนี้? มันเป็นเพราะฉันแต่งงานกับผู้ชายที่เธอต้องการเก็บไว้ให้ตัวเองน่ะสิ เธอไล่ตามเขาตั้งแต่เขาจ้างให้เธอมาเป็นเลขาของเขาแล้ว ไม่แปลกหรอกที่เธอต้องการเขา”“นี่จริงเหรอ?” เอมม่าถามด้วยน้ำเสียงดุร้ายขณะที่คริสตินกัดริมฝีปากอย่างประหม่า เธอรับกระสุนแทนฉัน อย่างน้อยที่ฉันทำได้ก็คือให้เธอตาสว่างจากคนที่เธอคิดว่าเป็นว่าเพื่อนแท้“ฉันอธิบายได้” เธออ้อนวอน แต่เอมม่าไม่ฟังขณะที่เธอระเบิดอารมณ์ใส่หล่อน ฉันหยุดให้ความสนใจกับพวกเธอและหันไปหาเพื่อนของฉัน“ไปกันเถอะ งานของฉันที่นี่เสร็จแล้ว” ฉันหัน
ฉันกระอักกระอ่วน แต่ในที่สุดก็คุกเข่าตรงหน้าเขา“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันจ้ะ?” ฉันถามขึ้นเบา ๆ ขณะที่ฉันลูบแขนเขาอย่างอ่อนโยนทันทีที่เขาได้ยินเสียงของฉัน เขาพุ่งตัวใส่ฉัน โอบแขนไว้รอบคอฉันและกอดฉันแน่นอย่างสุดชีวิต ฉันล้มไถลลงบนพรมนุ่ม ๆ และสุดท้ายก็นั่งโอบเขาไว้ในอ้อมแขนของฉัน“ไงที่รัก เล่าให้ฉันฟังสิ…” ฉันอ้อนวอนในขณะที่ลูบหลังเขา“ผม ผมแค่ไม่เข้าใจ คุณเป็นแม่ที่ดีมากและคุณอยู่กับโนอา เขาบอกผมว่าคุณกับพ่อของเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คุณยังคงรักเขามากเหลือเกิน เช่นนั้นทำไมแม่ของผมถึงไม่รักผมล่ะ?” เขาสะอึก โดยพยายามเค้นคำพูดออกมาฉันเป็นกำลังใจให้เขา ฉันโอบกอดเขาไว้ใกล้ ๆ ฉัน โดยหวังว่าเขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงความรักของฉันที่มีต่อเขาซึ่งแผ่ออกมาจากตัวฉันได้“ผมเคยเจอเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอไม่อยากเห็นผมหรืออยู่ใกล้ผมเลย ผมเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ? ทำไมเธอเกลียดผมขนาดนี้? ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่รักผมเลย” เขาร้องไห้ออกมาฉันไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลอาบลงบนใบหน้าของฉันได้ ฉันรู้สึกว่าหัวใจของฉันถูกบีบแน่น ลำคอของฉันขยับขึ้นลงขณะที่ฉันพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ฉันดึงเขาเข้ามาใกล้
คาลวินโทรกลับทันทีที่เขาได้รับการแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับ เขาอธิบายว่าเหตุผลที่เขาไม่ได้รับสายนั้นเป็นเพราะเขาติดประชุมและโทรศัพท์ของเขาอยู่ในโหมดเงียบเขาต้องการกลับบ้านในทันที แต่ฉันบอกเขาว่าตอนนี้ทุกอย่างดีแล้ว ฉันได้จัดการกับสถานการณ์และกันเนอร์ก็ไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่ได้ร้องไห้และก็ไม่ได้เศร้าอีกต่อไป นั่นเพียงพอแล้วสำหรับฉันแม้คาลวินไม่เต็มใจ แต่ในที่สุดก็เห็นด้วย ด้วยเหตุว่าการประชุมของเขาจะล่าช้าไปตอนนี้ฉันกำลังทำอาหารเย็นสำหรับพวกเราด้วยนับพันความคิดที่ไหลเวียนในหัวของฉัน มันเหมือนกับว่าฉันไม่สามารถหยุดพักจากความคิดของตัวเองได้เลย พวกมันอยู่ตรงนั้นตลอดและตอนนี้ก็มีอีกเรื่องเพิ่มเข้ามาซึ่งเกี่ยวกับกันเนอร์“พวกเราจะทานอะไรสำหรับมื้อเย็นนะครับแม่?” โนอาถามขึ้นพร้อมกับนั่งลงตรงเคาน์เตอร์“ใช่ อะไรนะครับ? ผมหิวมาก” กันเนอร์พูดเสริมและยิ้มให้ฉันอีกแล้วรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่ว่าฉันเกลียดมันนะ ฉันไม่เคยเกลียดรอยยิ้มใดที่กันเนอร์มีให้ฉันได้ ก็แค่มันรบกวนฉันมากเลย มีบางอย่างเกี่ยวกับมันที่ฉันไม่สามารถบ่งชี้ได้ “แม่ไม่แน่ใจ” ฉันบอกพวกเขา “ทำไมเราไม่ดูว่าความอยากอาหารของแม่จะเลือก
“ขอบใจนะลูก” ฉันกล่าวพวกเรากลับมาทำงานกันต่อและสุดท้ายก็ทำอาหารเสร็จ พวกเขาทั้งคู่ช่วยฉันจัดโต๊ะและพวกเราก็นั่งลงทานข้าวกันพวกเราสามคนหรือฉันจะบอกว่าสี่คนดีนะทานทุกอย่างจนเกือบหมด แต่ฉันเหลือไว้ส่วนหนึ่งเพราะคาลวินอาจกลับมาบ้านเหนื่อยและหิวก็ได้ เขาคงจะไม่มีเวลาทำอาหารหรอกหลังจากมื้อเย็น ฉันให้พวกเด็ก ๆ ไปอาบน้ำและจากนั้นก็ถึงเวลาเข้านอนสำหรับพวกเขาหลังจากที่เด็ก ๆ หลับไปแล้วฉันถึงคิดบางอย่างขึ้นมาได้ บ้านฉันมีตั้งห้าห้องนอน ยังคงมีห้องว่างแม้หลังจากเปลี่ยนห้องหนึ่งเป็นห้องเด็กเล็ก ห้องนอนสุดท้ายที่เหลืออยู่อาจเป็นห้องนอนของกันเนอร์ได้เขาสามารถมานอนที่นั่นได้ทุกเมื่อที่เขามาและมันสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขาได้ขณะที่เขาอยู่นี่ ฉันเริ่มตื่นเต้นเกี่ยวกับความคิดนี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฉันหยิบสมุดขึ้นมาในทันทีและเริ่มจดสิ่งที่ฉันต้องการลวก ๆ ฉันจะต้องขออนุญาตคาลวิน แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะเห็นด้วย ฉันหวังว่าเขาจะตกลงนะ นอกจากนี้เขาจะช่วยได้ถ้าเป็นเรื่องตกแต่งห้อง เขารู้จักกันเนอร์ดีกว่าใคร เขาคงรู้ว่าเขาชอบอะไรฉันเพิ่งทำรายการสิ่งของที่จำเป็นเสร็จเมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ฉันบิ
"ผมไม่ได้ใช้คุณ เอวา ผมต้องการคุณจริง ๆ" เขาพูดขณะเก็บกุญแจเข้ากระเป๋า ดูท่าว่าฉันคงออกจากห้องนี้ไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว"คุณต้องการฉันจริง ๆ เหรอ? แล้วทำไมทันทีที่คุณเสร็จก็รีบลุกไปอาบน้ำละ? ทำไมคุณถึงไม่เคยมีอะไรกับฉันโดยไม่ใส่ถุงยาง? ทำไมคุณถึงไม่เคยปล่อยตัวไปกับฉันเลย? โอ๊ย! คุณแทบจะไม่เคยจูบฉันที่ปากด้วยซ้ำ แล้วคุณมาบอกว่าคุณต้องการฉัน? เชื่อก็บ้าแล้วเถอะ?"ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันพยายามกลบซ่อนมานานทะลักออกมา ฉันเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้มันทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอ ฉันเลยแทนที่มันด้วยความโกรธ“หนึ่งในความทรงจำที่ฉันนึกขึ้นได้หลังจากเดตของเราคือการนอนกับอีธาน มันคือสิ่งที่เซ็กส์ควรจะเป็น เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและอารมณ์ กับอีธานฉันรู้สึกเหมือนเป็นที่ต้องการ รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แต่กับคุณ มันเหมือนเป็นหน้าที่ เป็นการบ้าน คุณบอกว่าคุณต้องการฉัน แต่ทั้งหมดนั้นมันโกหก อีธานทำให้ฉันเห็นว่าการเป็นที่ต้องการของผู้ชายจริง ๆ เป็นยังไง"ความทรงจำเกี่ยวกับอีธานโผล่เข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับความทรงจำอื่น ๆ มันยังแสดงให้ฉันเห็นว่าสิ่งที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์ทางกายระหว่างฉันกับโรแวนคืออะไร ฉั
“ผมก็ยังไม่ชอบเธอ และคงจะไม่มีวันชอบเธอได้หรอก แต่ผมก็เข้าใจแม่แล้วเหมือนกัน” เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ “ผมชวนเธอมาก็ได้ แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าผมจะเป็นเพื่อนกับเธอได้นะ”ฉันพยักหน้า ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “ขอบคุณนะ ลูกรัก”เขากอดฉันไว้และหัวใจก็สงบลงเสียที ฉันไม่ได้กอดลูกชายตัวน้อยมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว การได้กอดเขาอีกครั้งทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก. “ผมรักแม่นะครับ” เขาพึมพำพลางซบอกฉันหัวใจฉันพองโต มีบางสิ่งที่พิเศษมากเมื่อได้ยินลูกเรียกเราว่าแม่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจ้าตัวน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันอธิบายไม่ได้ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง“แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ้ะ ตัวน้อยของแม่” ฉันกระซิบตอบเบา ๆ “เอาล่ะ รีบไปเตรียมตัวเถอะ ไม่งั้นจะไปโรงเรียนสายนะ”เราถอนตัวออกจากอ้อมกอดของกันและกัน ฉันจูบหน้าผากเขาเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้องและเดินลงไปชั้นล่าง ฉันทักทายเทเรซาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ก่อนจะหยิบน้ำหนึ่งแก้วกับยาแก้ปวด แล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกครั้งเมื่อฉันเปิดประตูห้องนอนใหญ่ หวังว่าโรแวนจะยังหลับอยู่และฉันจะวางน้ำกับยาไว้ให้เฉย ๆ แต่โชคไม่ดี เขาตื่นแล้ว
ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของโรแวนที่นอนกอดฉันจากด้านหลัง เมื่อวานนี้ไม่รู้เพราะอะไร แต่หลังจากที่เขาขอให้ฉันอยู่ต่อ ฉันก็ไม่สามารถลุกหนีไปได้ ทั้งที่ฉันอยากจะไป ฉันพยายามต่อสู้กับความรู้สึกนั้น แต่สุดท้ายฉันก็แพ้ เมื่อฉันตัดสินใจจะนอนร่วมเตียงกับเขา โรแวนก็กลับหลับไปเสียแล้ววงแขนของเขาโอบรอบเอวฉันไว้แน่น ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไป แม้ในยามหลับสนิท ในอ้อมกอดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนได้รับความรักและการดูแล รู้สึกปลอดภัย และความเจ็บปวดในอดีตทั้งหลายก็พลันจางหายไป ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่ไล่แตะต้นคอ ส่งผลให้ขนทั่วร่างลุกซู่ฉันพยายามอย่างระมัดระวังไม่ให้เขาตื่น ขยับตัวลุกจากเตียงช้า ๆ เพราะต้องไปดูให้แน่ใจว่าโนอาตื่นแล้ว จะได้ไม่ไปโรงเรียนสายฉันย่องข้ามห้องและออกจากห้องนอนของเราอย่างเงียบเชียบ หลังจากแวะไปตรวจดูไอริส ฉันก็ตรงไปยังห้องของโนอา“โนอา” ฉันเรียก แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นเลย เพราะเขาตื่นอยู่แล้วเขามองฉันโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะกลับไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักเรียนต่อ“ยังโกรธแม่อยู่หรือเปล่า?” ฉันจึงถามขณะเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นนั่งลงบนเตียงเขาจ้องมองฉันหรือจะพูดให้ถูกคื
เอวา“หนูอยากเข้าไปหาพรุ่งนี้ได้ไหม? พอดีว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยค่ะ”ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับโนราอยู่พอดี หรือฉันควรเรียกว่าแม่ดีล่ะ ฉันคิดไม่ตกกับเรื่องนี้อยู่หลายวันและตัดสินใจลองให้โอกาสพวกเขาดูทั้งโนราและธีโอดูเป็นคนดี และตัวฉันเองก็เรียกร้องหาความรักจากพ่อแม่อยู่เช่นกัน ตอนนี้อาจถึงเวลาแล้วก็ได้ที่จะเปิดใจ ฉันต้องการทำความรู้สึกทั้งสองให้มากขึ้นและต้องการส้รางความสัมพันธ์ด้วยมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของเคทและเจมส์ที่เป็นพ่อและแม่แสนแย่ และฉันเองก็ไม่สามารถเอาประสบการณ์สมัยเด็กแสนทุกข์ทรมานมาเป็นเครื่องตัดสินทั้งสองด้วย“ดีเลยสิจ๊ะ เอวา เราคิดถึงลูกกับหลาน ๆ มากเลยนะ แม่อยากโทรคุยหรือไม่ก็ไปหาเลย แต่ก็ยังไม่อยากเร่งรีบอะไรถ้าหนูยังรู้สึกไม่พร้อม” เธอเอ่ยอย่างยินดีฉันเผยยิ้มออกมา พูดตามตรง ฉันไม่ยิ้มออกมาเลยสักครั้งนับตั้งแต่คืนนั้น“กี่โมงดีคะ?”“เอวา ลูกเป็นลูกสาวเรานะจ๊ะ หนูจะมาตอนกลางวันหรือกลางคืน หรือเวลาไหน ๆ เราก็สะดวกหมดแหละ”หลังจากคุยกับเธออยู่สักพัก เราจึงวางสายไป ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมวางโทรศัพท์ลงพลางจ้องมองโทรทัศน์อย่างว่างเปล่าจิตใจของฉ
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท