ดวงตาของหงเย่เป็นประกาย เธอค้นหาทุกที่ในห้องแล้ว เธอไม่คาดคิดว่เจียงซือโหรวจะมีตู้ที่มีกลไกแบบนี้หากเธอดูไม่ผิด กลไกของตู้นี้คือกลไกของเฟิ่งเหมินเจียงซือโหรวยังมีความสามารถใช่เล่น เธอสามารถได้รับสิ่งของจากเฟิ่งเหมิน เป็นไปได้ไหมว่ามีคนหนุนหลังเธออยู่?ในห้อง เจียงซือโหรวมองดูตลับกล่องสีแดงด้วยสีหน้าหลงใหล และหัวเราะเบาๆ ออกมา ซึ่งดูเสียสติและน่ากลัวเล็กน้อยเธอเริ่มถูกล่องอย่างต่อเนื่องและจัดเรียงกล่องเป็นรูปทรงต่างๆ แต่กล่องก็ไม่เปลี่ยนเลยการแสดงออกของเจียงซือโหรวเปลี่ยนไปอีกครั้ง เธอเริ่มดูร้อนใจ เธอยกกล่องให้สูงราวกับว่าเธอต้องการทุบมันให้แตก!หงเย่ตกใจมาก เธอหยิบหินข้างๆ แล้วพุ่งเป้าไปขาของที่จ้าวหมัวมัวที่อยู่ในเรือน"โอ๊ย" จ้าวหมัวมัวจับเอวตัวเองแล้วร้องด้วยความเจ็บปวดเจียงซือโหรวรู้สึกตัวและรีบเก็บกล่องจ้าวหมัวมัวลุกขึ้นยืนแม้จะเจ็บปวด ผลักประตู และเข้าไปในห้องเธอกระซิบข้างหูของเจียงซือโหรว สีหน้าของเจียงซือโหรวเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเธอก็เดินออกจากเรือนหลังจากนั้นไม่นาน หงเย่ก็ลงมาจากบนห้องและผลักประตูเข้าไปอย่างเงียบๆ เธอแตะโตะเครื่องแป้งตามวิธีของเจียงซือโหรวเบา
"ฝ่าบาท~" ซูเยียนหรันเผยอริมฝีปากแดงพลางยื่นมือไปลูบใบหน้าของชายหนุ่ม เขาก้มหน้าลงมองใบหน้าสีแดงของซูเหยียนหรัน ก่อนจะยกยิ้มบางชวนให้ซูเหยียนหรันใจเต้นระรัวบุรุษที่ทั้งหล่อเหลา หนุ่มแน่น และมีฐานันดรสูงศักดิ์ผู้นี้ต่างหากคือผู้ที่เหมาะสมกับซูเหยียนหรันที่สุด เพียงแต่ดั่งที่ท่านแม่ของนางกล่าวได้กล่าวว่า หากนางต้องการครอบครององค์ไท่จื่อ เช่นนั้นนางก็ต้องห้ามลืมว่านอกจากตัวนางแล้ว ไท่จื่อยังมีสตรีนางอื่นอยู่อีก"ฝ่าบาท หรันเอ๋อร์คิดถึงท่านเพคะ" ร่างอรชรของซูเหยียนหรันแนบชิดกับร่างอุ่นร้อนของไท่จื่อ ครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งเกร็งของเขา ซูเหยียนหรันก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างได้ใจ"เปิ่นกงก็คิดถึงหรันเอ๋อร์เช่นกัน" ริมฝีปากบางของไท่จื่อเผยอขึ้น ดวงตาเผยประกายวาววับ ขณะที่มือของเขาก็ไม่ได้อยู่นิ่ง มันเลื้อยไปมาบนเรือนร่างของซูเหยียนหรันจนนางถึงกับหัวเราะออกมาอย่างไร้สติ"เรื่องนั้นดำเนินไปถึงขั้นไหนแล้ว?" ไท่จื่อถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ"ข้า... ข้าให้หมัวมัวไปสืบในจวนอ๋องแล้ววาดแผนที่ภูมิศาสตร์ของจวนอ๋องไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ เดี๋ยวสักพักจะนำมามอบให้ฝ่าบาทนะเพคะ" ซูเหยียนหรันฟุบลงบนอกของไท่จ
เขาไม่ได้หลับสบายขนาดนี้มานานมากแล้ว เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาล้วนจำได้อย่างแจ่มชัด มันราวกับภาพฉายที่แล่นอยู่ภายในหัวสมองของเขา ทั้งที่เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่กลับถูกขยายให้ชัดเจนขึ้นนับร้อยเท่าพันทวี ความทรงจำเหล่านี้มันช่างราวกับหินก้อนยักษ์ที่หล่นลงบนผืนทะเลสาบที่นิ่งสงบ กระแทกผืนน้ำจนแตกกระจายออกเป็นวงคลื่นแต่แรงกระแทกนั้นก็มากเพียงพอที่จะทำให้เขาไม่อาจเมินมันไม่ได้ แม้ใจเขาจะอยากเมินมันมากก็ตามโดยเฉพาะตอนที่เขาหมดสติไปครานั้นมันเป็นอะไรที่เด่นชัดที่สุด ผู้หญิงคนนี้กล้าทำร้ายเขา! ช่างกล้าเสียจริง"เอ่อ... แหะ ๆ ท่านอ๋องหายแล้วรึ หายแล้วก็ดีแล้ว คือ... เดี๋ยวข้าไปเรียกมั่วอีเข้ามาปรนนิบัติท่านนะเพคะ" ซูเนี่ยนเลียริมฝีปากที่แห้งผากพร้อมกับเผยรอยยิ้มเสแสร้งเมื่อคืนฉู่อี้หานมาที่จวนกั๋วกวง บาดแผลบนใบหน้าถูกหลิวฝูเฟิงใช้ยาปิดไว้หมดแล้ว ตอนนอนเธอจึงล้างยานั้นออกจนเห็นใบหน้าของฉู่อี้หานที่ยังมีรอยแผลอยู่ ถึงแม้มันจะไม่ได้สะดุดตาเหมือนตอนแรก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังทำลายภาพลักษณ์ของหลีอ๋องได้อยู่ดีโดยเฉพาะยิ่งตอนนี้ฉู่อี้หานฟื้นขึ้นมาแล้ว ขืนเขาคิดจะเอาเรื่องเธอก็คง
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น ซูกั๋วกงจึงส่งคนไปแจ้งก่อนจะไปเข้าประชุมราชสำนักยามเช้า เรื่องที่หลีอ๋องถูกลอบสังหารนั้น ขุนนางในเมืองหลวงทั้งหมดล้วนทราบดี องค์จักรพรรดิจึงทรงโปรดให้เขาพักรักษาตัวไม่ต้องมาร่วมการประชุมยามนี้เมืองหลวงกำลังวุ่นวาย ทุกเช้าที่มาร่วมประชุมราชสำนัก ซูกั๋วกงจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น เรื่องของเจียงต้าไห่นั้นใจเขาไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ทนเสียงอ้อนวอนจากเจียงซือโหรวไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงเบนเป้าไปที่ซูเนี่ยนแทนแต่ซูเนี่ยนมีฉู่อี้หานคอยคุ้มครองอยู่ ดังนั้นวิธีนี้เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้ ซูกั๋วกงจึงไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปยุ่งอีก แม้สองปีมานี้ตระกูลเจียงจะสร้างผลงานในราชสำนักได้ไม่น้อย แต่นั่นก็ล้วนเป็นเขาที่ช่วยค้ำชูขึ้นมาต่างหากเรื่องของตระกูลเจียงนั้นต่อให้ไม่ช่วย พวกเขาก็ไม่กล้าโอดครวญหรอก ไม่มีความจำเป็นอันใดเลยที่จะต้องลากจวนกั๋วกงเข้าไปเอี่ยวด้วยเพียงเพื่อช่วยเหลือตระกูลเจียง ยิ่งเรื่องนี้ยังมีจิ่นเฟยกับฉู่อ๋องแทรกมือเข้ามาอีกต่างหากฝั่งฉู่อี้หานล่วงหน้ากลับจวนอ๋องไปก่อนแล้ว เรื่องของซูฉียังจัดการไม่แล้วเสร็จ ซูเนี่ยนจึงตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่ต
ซูเนี่ยนส่ายหน้าอีกรอบ ซูเหยียนหรันไม่มีทางเสียสละตัวเองเพียงเพื่อทรมานเธอเฉย ๆ หรอก ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอนอีกอย่างตอนนี้พวกเธอยังไม่มีหลักฐานอะไร นอกจากจะจับหนูไม่ได้แล้วยังหาเรื่องใส่ตัวเองอีก เห็นทีคงจะไม่ดีนัก"จริงสิคุณหนู นอกจากตำราแพทย์เล่มนั้นแล้ว เจียงซือโหรวดูจะหวงแหนตลับกล่องสีแดงนี้มากกว่าเสียอีก" หงเย่ชี้ไปที่ตลับกล่องสีแดงซูเนี่ยนเบนสายตาไป ตั้งแต่คราแรกที่เธอเห็นกล่องใบนี้ เธอก็รู้แล้วว่ามันมีกลไกอยู่ในนั้น และคงไม่ได้ไขได้ง่ายนัก ไม่อย่างนั้นป่านนี้เจียงซือโหรวคงเปิดมันไปนานแล้วกล่องเหลี่ยมใบนี้มีพื้นผิวเป็นสีแดงเข้มวาววับ ด้านนอกเคลือบด้วยขี้ผึ้งสีแดง และยังมีลวดลายที่มองไม่ชัดอยู่ด้วยลวดลายนี้พอมองอย่างละเอียดแล้วก็รู้สึกคุ้นพิกลซูเนี่ยนหยิบกล่องใบนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นแสงสีขาวก็วาบผ่านเข้ามาในหัว ตามด้วยเสียงจากเศษเสี้ยวความทรงจำที่ดังขึ้น"เนี่ยนเอ๋อร์ของข้า ตลับกล่องสีแดงใบนี้คือขุมพลังที่แม่เก็บไว้ให้เจ้า ไว้เจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อไรให้เปิดกล่องใบนี้ แล้วจะมีคนมาหาเจ้าเอง"มีคนมาหาเธอ? ใคร? แล้วนี่เป็นเสียงของใครกัน?ซูเนี่ยนเริ่ม
"หงเย่ ให้ติดต่อศาลาโม่เรื่องนี้ในนามของพระชายาหลี หากศาลาโม่ตกลงที่จะทำ ข้าก็ยินดีที่จะมอบสมุนไพรที่ศาลาโม่ต้องการให้พวกเขาเช่นกัน" ซูเนี่ยนครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นศาลาหงอู่ไปสืบสมุนไพรที่ศาลาโม่ต้องการก่อนหน้านี้มาแล้ว สมุนไพรนี้แปลกเป็นอย่างมาก แม้แต่ศาลาหงอู๋ในตอนนั้นก็ยังไม่มีมัน แต่หากได้เสี่ยวฮุยช่วยด้วย เรื่องสมุนไพรก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด"เจ้าค่ะ คุณหนู" หงเย่เอ่ยอย่างเคารพยามนี้พระอาทิตย์คล้อยสูงแล้ว แสงแดดชวนให้รู้สึกแสบตาเล็กน้อย ซูเนี่ยนหันหลังก่อนจะสั่งการทั้งสองคน "หงเย่ เจ้ากลับจวนอ๋องไปก่อน เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้าตามข้าไปดูซูฉี""เจ้าค่ะ" ทั้งสองตอบรับซูเนี่ยนเอามือไพล่หลัง เดินนำเฟิ่งเอ๋อร์ไปที่เรือนของซูฉีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแสงแดดตกกระทบลงบนใบหน้างามจนแลดูคล้ายกับกระเบื้องขาว ซูเนี่ยนตัวสูงกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย เมื่อกอปรกับใบหน้าเคร่งขรึมของเธอแล้ว บรรยากาศรอบตัวก็ดูทรงอำนาจขึ้นทันตา คนรับใช้ของจวนกั๋วกงที่เห็นเธอต่างก็คำนับอย่างเคารพกันทั้งสิ้นหลังจากเรื่องเมื่อวาน พวกนางต่างรู้ว่าซูเนี่ยนได้รับความโปรดปรานจากหลีอ๋องเพียงใด อีกทั้งตอนที่หลีอ๋องยังไม่มาที่นี่ ซูก
ซูเนี่ยนสีหน้าเย็นเยือก"อื้อ" ซูฉีเองก็พอเดาได้ว่าเขาถูกยาพิษ แต่เขาเคยแอบไปหาหมอมาก่อน หมอกลับบอกเขาว่าเขาไม่เป็นอะไรซูฉีต่างจากซูเนี่ยน เขาไม่ชอบวิชาแพทย์ รู้เรื่องยาเพียงเล็กน้อย เขาชอบวรรณกรรม การเป็นข้าราชการมากกว่า"ฉีเอ๋อร์ วันนี้พี่ยังต้องกลับไปที่จวนอ๋อง เจ้าวางใจ พี่กับหลีอ๋องทำข้อตกลงกันไว้ เขาไม่สร้างความลำบากใจให้พี่มากนัก รอพี่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว พี่จะมารับเจ้าออกจากจวนซู พวกเราจะไปใช้ชีวิตด้วยกันกับเสียวเป่า""เสียวเป่า?" ซูฉีสงสัย"พี่ลืมบอกเจ้าไปว่า เจ้ามีหลายชายคนหนึ่ง ปีนี้เขาอายุสามขวบแล้ว" ซูเนี่ยนไม่ได้คิดจะปิดบังซูฉี"เอ่อ..." ซูฉีตะลึง เขากลายเป็นคุณอาแล้ว เด็กคนนั้นสามขวบแล้วก็แสดงว่ามีครรภ์ตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่จวนซูมิใช่รึก็หมายความว่า เสียวเป่าเป็นลูกของหลีอ๋องสามปีก่อนเขายังเด็ก จึงจำเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้เพียงเลือนลาง แต่เขาจำได้เหมือนว่าหลีอ๋องจะไม่ยอมรับเรื่องนี้ และยังจำผิดคนเป็นซูเยียนหรันแล้วหลายปีมานี้พี่สาวมีชีวิตอยู่ที่จวนอ๋องอย่างไรกัน? ซูฉีกำหมัดแน่น เขาสาบานว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องพี่สาวให้ได้"
"เกิดอะไรขึ้นกับร้านยา?" เจียงซือโหรวลุกยืนอย่างแรง เมื่อวานนางเพิ่งให้สูตรยาใหม่กับจ้าวเกา หรือว่าสูตรยามีปัญหา?แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ หลายปีมานี้สูตรยาบนตำรานั้นก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร"ฮูหยิน เมื่อเช้านี้ข้าจัดยาให้ตามสูตรยาที่ท่านให้ไว้ แต่พอใต้เท้าหลี่ทานเข้าไปอยู่ๆ ก็หมดสติทันที ตอนนี้คนของจวนหลี่มาที่ร้าน บอกว่าจะแจ้งความ" จ้าวเกามีสีหน้ากังววลครึ่งเดือนก่อน พ่อบ้านของจวนหลี่มาที่ร้านยาถามหายาตัวหนึ่งซึ่งใช้แก้ปวดหัว แม้ว่าจวนหลี่จะไม่ใช่ขุนนางชั้นสูงอะไร แต่พวกเขาทำธุรกิจ และใกล้ชิดกับตระกูลลู่ซึ่งเป็นเครือข่ายทุนเจ้า จึงเรียกได้ว่าร่ำรวยมั่งคั่ง ลำพังเพียงสินทรัพย์ของจวนหลี่ก็รู้ได้ว่ายาที่พวกเขาต้องการนั้นมีค่ามหาศาลยาตัวนี้ลู่เจียวเป็นคนทำขึ้น จ้าวเกาจำได้ว่าตอนนั้นยาตัวนี้ได้สร้างความฮือฮาให้กับเมืองหลวงอยู่ระยะหยึ่ง แต่หลังจากที่ลู่เจียวเสียชีวิตก็ไม่มีใครปรุงขึ้นมาได้อีกตั้งแต่นั้นมาจวนหลี่สืบอยู่นานถึงรู้ว่าเจียงซูโหรวเปิดร้านยาที่เมืองหลวงร้านหนึ่ง และบอกว่าหากที่ร้านสามารถปรุงยาตัวนี้ขึ้นมาได้ พวกเขายินดีจะจ่ายในราคาหนึ่งร้อยตำลึงเงินต่อยาหนึ่งเม็ด และยินดีรับสัมปท
ซูเนี่ยนกรอกตาบน ครั้งแรกเลยที่ได้เห็นคนระลึกความหลังกันแบบนี้กลิ่นยาสมุนไพรลอยมา ขอบตาแดงๆ ของฉู่อี้หานค่อยๆ จางหายไป กลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อเห็นซูเนี่ยนมองค้อนเขาทีหนึ่ง เขาก็กลับมามีสติอีกครั้งมีพวกเราอยู่ก็มีความหวังอย่างนั้นเหรอ?ประโยคนี้ตอนนั้นดูเหมือนเสด็จแม่ของเขาก็เคยพูดไว้ เหตุใดซูเนี่ยนถึงได้พูดประโยคเดียวกัน?เพลงเซียวเซียงเยียนอวี่ที่ซูเนี่ยนเล่นใรงานชมดอกท้อ ความจริงแล้วเป็นบทเพลงที่เสด็จแม่ของเขาเคยบรรเลงร่วมกับลู่เจียว พวกเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก วิธีการดีดพิณก็เหมือนกันในหลายจุดซูเนี่ยนไม่เพียงสามารถดีดพิณได้ วิธีการดีดยังได้รับการสืบทอดมาจากลู่เจียว ครั้งก่อนเขาได้ยินแล้วตอนอยู่อีกเรือน แถมยังส่งมั่วอีไปแอบดูมาแล้วด้วยเขาอยากฟังอีกสักครั้งจัง"ท่านอ๋อง รบกวนหลีกทางหน่อย" ซูเนี่ยนโบกมือไล่ฉู่อี้หานอย่างรำคาญแม่นมไป๋ที่อยู่ด้านหลังรีบเข็นฉู่อี้หานออกไปด้านข้างทันทีไทฮองไทเฮาเม้มปาก มองดูซูเนี่ยนที่ดึงมือของตัวเองไป ความจริงนางค่อนข้างตื่นเต้น เพราะว่านางไม่อยากกินยา และไม่อยากฝังเข็มซูเนี่ยนจับชีพจรให้ไทฮองไทเฮาอย่างละเอียด ทั้งยังตรวจดู
"หึ" แววตาของฉู่อี้หานค่อนข้างร้อนแรง ซูเนี่ยนรู้สึกตกใจจนต้องชักมือกลับไป"ข้าเห็นเจ้าเปลือยหมดแล้ว เจ้าเองก็เห็นข้าเปลือยหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ข้ายังไม่เอาเรื่องที่เจ้ามองข้าเลยนะ" น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง สายตาของฉู่อี้หานจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็กๆ ขาวสะอาดของซูเนี่ยน"หุบปากนะ!" ซูเนี่ยนหน้าดำ นางเห็นเขาเปลือยตั้งแต่เมื่อไรกัน?"ท่านอ๋อง พระชายา ไทฮองไทเฮาตื่นแล้วเพคะ" ในขณะที่ซูเนี่ยนกำลังจะพูดอะไร แม่นมไป๋ก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยความดีใจ"ตื่นแล้ว? ไปดูสิ" ซูเนี่ยนพยักหน้า ดูจากเวลา ตอนนี้ไทฮองไทเฮาก็ควรจะตื่นแล้วซูเนี่ยนเดินอยู่ด้านหน้า ฉู่อี้หานเข็นเก้าอี้ล้อตามมาอยู่ด้านหลัง พวกเขาเดินอย่างรีบร้อนเข้าไปในตำหนักของไทฮองไทเฮาตอนนี้ไทฮองไทเฮากำลังนั่งเอนหลังกินข้าวต้มเปล่าด้วยการดูแลของนางกำนัลอยู่บนศรีษะของนางไม่มีเครื่องประดับผมใดๆ สีหน้าขาวซีด ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่ใบหน้าเล็กมาก เห็นได้ชัดว่าในตอนสาวๆ ก็เป็นหญิงงามคนหนึ่ง"ไทฮองไทเฮา ท่านอ๋องหลีกับพระชายาหลีมาแล้วเพคะ" แม่นมไป๋พูดรายงานอย่างนอบน้อม"ไม่กินแล้ว" ไทฮองไทเฮาโบกมือให้กับนางกำนัล ข้าวต้ม
มั่วอีค้อมตัวเล็กน้อย เหตุใดใบหน้าของท่านอ๋องถึงมีรอยช้ำได้นะ?ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าพระชายาคงเป็นคนต่อยแน่ หรือว่าท่านอ๋องทำเรื่องอะไรไม่ดีกับพระชายาอีกแล้วเหรอ?มั่วอีคิดอย่างใจลอย เมื่อสายตาเย็นเยียบของฉู่อี้หานมองมา มั่วอีจึงต้องเร่งมือขึ้นอีกเขาเข็นฉู่อี้หานออกจากบ่อน้ำร้อน อ๋องคังกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่หน้าประตูเมื่อเห็นหน้าของฉู่อี้หานเขาก็ดีใจ แต่เมื่อเห็นรอยช้ำบนใบหน้าเขาก็ต้องยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นใครกันที่ไม่กลัวตายแอบลอบทำร้ายเสด็จพี่! ใครกันที่บังอาจขนาดนี้ เขาจะต้องไปพบสักหน่อยแล้ว"ฮ่าๆๆ เสด็จพี่ มะ มุมปากท่าน" อ๋องคังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าเย็นชา มีแผลมาประดับไว้ ช่างดูมีสีสันเหลือเกินแค่รู้สึกตลกไปสักหน่อย"มั่วอี พาท่านอ๋องคังไปประลองดาบที่เรือนหน่อยสิ ไม่ต้องรุนแรงมากล่ะ อย่าได้รบกวนไทฮองไทเฮา ข้าอยากจะรู้ว่าหลายปีนี้ท่านอ๋องคังมีฝีมือดีขึ้นบ้างไหม" ฉู่อี้หานหรี่ตาลง มองไปที่อ๋องคังอย่างน่ากลัว เขาอยากจะยกมุมปากขึ้นเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา ฉับพลันความโกรธก็ฉายขึ้นมาในแววตายัยซูเนี่ยนนั่น ไม่ออมมือเลยสักนิด"เอ่อ ฮ่าๆๆ" เดิมทีอ๋องคังก
ท่าทางการต่อสู้ของซูเนี่ยนแปลกประหลาด หลังจากที่ฉู่อี้หานแกล้งนางไปสักพักก็ไม่กล้าที่จะดูถูกฝีมือนางอีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำตามกติกาเลยหลังจากที่ซูเนี่ยนทุบตีจนพอใจก็รู้สึกโล่งที่ได้ระบายความแค้น ไม่อยากที่จะมองฉู่อี้หานอีก คิดที่จะออกไปจากสระน้ำทันทีแต่นางไม่ทันสังเกตว่าผ้าม่านที่นางใช้พันร่างกายตรงหน้าอกไว้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงจากการที่นางขยับร่างกายมากเกินไปผ้าม่านนั้นได้ล่วงลงในจังหวะเดียวกันกับที่ซูเนี่ยนหมุนตัวเดิมทีฉู่อี้หานที่คิดจะคว้าตัวนางไว้ก็ต้องนิ่งอึ้งไปกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าซูเนี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะ นางรีบหันไปมองฉู่อี้หานที่กำลังอึ้งอยู่อย่างตกใจในหัวสมองของฉู่อี้หานตอนนี้ถูกเจ้าลูกกลมๆ เด้งๆ สองลูกทำเอาเบลอไปหมด ในหัวสมองมีแต่สองคำนี้วนเวียนอยู่ใหญ่...มาก..."อ๊า!"ซูเนี่ยนกรี๊ดออกมาเสียงดัง รีบเอาผ้าม่านกลับมาพันไว้ทันที นางไม่อาจอดกลั้นความโกรธในใจได้อีกต่อไปเตะขาออกไปอย่างแรง จนฉู่อี้หานที่กำลังอึ้งอยู่ต้องล้มลงไปในน้ำ"ข้าจะตีท่านให้ตาย ข้าจะทำให้ท่านจมน้ำตายไปเลย! ลามก! สารเลว!"เสียงตะโกนอย่างโกรธจัดของซูเนี่ยนดังขึ้นไม่หยุด นางกำนัลสองคนที่เฝ
เมื่อซูเนี่ยนมองไปในดวงตาของเขา ก็พบว่าดวงตาของเขายิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงล้มเลิกความคิดที่จะกลั่นแกล้งฉู่อี้หานไปนางอย่าได้ไปหาเรื่องคนโหดร้ายอย่างเขาเลย"หากข้าบอกว่าได้ล่ะ" เขากอดร่างกายของซูเนี่ยนที่พยายามดิ้นแน่นขึ้น ฉู่อี้หานพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับมองใบหน้าขาวละเอียดของซูเนี่ยนไปด้วยความสวยของซูเนี่ยนดูไกลๆ ก็น่าประทับใจแล้ว ดูใกล้ๆ ยิ่งราวกับรูปสลักของนางฟ้าบนสวรรค์ ตอนนั้นความสวยของลู่เจียวเป็นที่พูดถึงกันในเมืองหลวงเท่าไร ซูเนี่ยนก็ยิ่งเป็นมากกว่านั้นอีกเพียงแต่เมื่อก่อนซูเนี่ยนเป็นคนอ่อนแอเอาแต่เก็บตัว คนอื่นก็เลยละเลยความสวยของนาง แต่ในตอนนี้ซูเนี่ยนเปล่งประกายความมั่นใจและสงบเยือกเย็นออกมาจากภายใน ก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดให้กับใบหน้าที่น่าหลงไหลนี้ เพียงแค่ไม่นานก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนริมฝีปากของซูเนี่ยนกระตุก ทำไมนางถึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กำลังหยอกล้อฉู่อี้หาน แต่เป็นฉู่อี้หานที่กำลังหยอกล้อนางกันนะเมื่อมองฉู่อี้หานใกล้ๆ ก็ทำให้ซูเนี่ยนอดที่จะพิจรณาใบหน้าของคนเย็นชาอย่างเขาไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่เขาจ้องหน้าของนาง ราวกับว่านางเ
ใครให้ฉู่อี้หานดึงเสื้อของนางล่ะ เช่นนั้นนางก็จะทำกับเขาแบบเดียวกัน ดึงเสื้อของนาง นางก็จะให้เขารับรู้ความรู้สึกของการโดนดึงเสื้อบ้าง!ในตอนที่เสื้อถูกดึงออก นอกจากแผ่นหลังที่แข็งแรงและผิวขาวเนียนที่ซูเนี่ยนเห็นแล้ว ก็ยังมีรอยแผลเป็นริ้วๆ ตรงด้านหลังด้วยมีทั้งแผลจากมีดและดาบ รอยโดนลวก...เยอะจนนับไม่ไหว แต่แผลพวกนั้นไม่เพียงไม่ได้ทำให้ฉู่อี้หานน่าเกลียด กลับยังเพิ่มเสน่ห์แบบดิบๆ ให้เขาอีกด้วยฉู่อี้หานเพิ่งพบว่าเขาดูถูกฝีมือของซูเนี่ยนไป ใบหน้าปรากฎเป็นรอยยิ้มอันตรายแววตามีความสนุก ไม่เลว กล้าดึงเสื้อของเขา กล้าไม่เบา แต่ในเมื่อกล้าดึงเสื้อของเขา เช่นนั้นก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วยซูเนี่ยนเก็บความได้ใจของตัวเองไป นางสัมผัสได้ถึงความอันตราย หลังจากโยนเสื้อทิ้งไปซูเนี่ยนก็เตรียมหันหลังจะหนี แต่ฉู่อี้หานก็ตามติดนางไม่ปล่อยอีกทั้งฉู่อี้หานยังไม่อยากที่จะเล่นเกมไล่จับอีกต่อไป เขารวบรวมกำลังภายในที่ฝ่ามือ กระแทกน้ำจนสาดกระเซ็นตัวของซูเนี่ยนกระเด็นลอยไปในอากาศ จากนั้นก็จะร่วงลงมาอย่างแรงหากว่าร่วงลงไปแบบนี้ นางคงไม่พ้นตายก็พิการแน่"ฉู่อี้หาน..."ซูเนี่ยนตะโกนออกมาอย่างดัง ใบหน้าเล
คลื่นน้ำนั้นพุ่งกระแทกมาทางซูเนี่ยนอย่างแรงซูเนี่ยนตกใจมาก รีบยื่นมือออกไปคว้าเสื้อเอาไว้ทันทีแต่แรงกระแทกจากคลื่นน้ำนั้นรุนแรง ทำให้ซูเนี่ยนคว้าไว้ได้เพียงแค่เสื้อชั้นในเท่านั้นหมุนตัวหลบการโจมตีจากคลื่นน้ำ ซูเนี่ยนอาศัยจังหวะระหว่างนั้นใช้เสื้อชั้นในห่อร่างกายของตัวเองไว้ แต่เนื่องจากรีบร้อนทำให้เสื้อชั้นในสามารถปกปิดไว้ได้เพียงส่วนสำคัญเท่านั้น ร่างกายส่วนอื่นยังเปิดเผยอยู่อย่างเห็นได้ชัดฉู่อี้หานหรี่ดวงตาทั้งสองข้างมองไปยังเรือนร่างเล็กที่ๆ ที่กำลังหันหลังว่ายหนีตัวเองอย่างรวดเร็วอยู่คิดหนี? ต้องดูด้วยว่าเขายินยอมหรือไม่!เดิมทีเขาก็ไม่วางใจทางด้านไทฮองไทเฮาอยู่แล้ว ดังนั้นเลยส่งสิบแปดองค์รักษ์มาคอยแอบคุ้มกันอีกที คิดไม่ถึงว่าจะมีแอบเข้ามาถึงบ่อน้ำร้อนนี้ได้ แถมยังถูกเขาจับได้พอดี เขาไม่มีทางปล่อยนางไปแน่!ฉู่อี้หานรีบคว้าเอาเสื้อที่อยู่ริมสระน้ำมาสวม จากนั้นก็ยื่นมือคว้าไปทางซูเนี่ยนซูเนี่ยนรับรู้ได้ถึงพลังรุนแรงของฝ่ามือจากด้านหลัง ก็ตกใจรีบหลบทันทีไอน้ำขุ่นมัวล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้ เนื่องจากควันจากไอน้ำหนาเกินไป อีกทั้งซูเนี่ยนก็หัวเหอยุ่งเหยิง ทำให้มองเห็นหน้าไม
"ทำยังไงดีพระชายายังอยู่ข้างในเลย" นางกำนัลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกมีสีหน้ากระวนกระวายทำไมอ๋องหลีถึงมาตอนนี้ล่ะ ก่อนหน้านี้อ๋องหลีก็มาแช่น้ำร้อนของไทฮองไทเฮาเช่นกัน ไม่มีใครเคยขวาง แต่ละคนต่างก็เคยชินแล้ว ก็เลยไม่มีใครรายงานก่อนแต่ว่าวันนี้มันต่างกัน ที่ในบ่อน้ำร้อนยังมีคนอื่นอยู่ด้วย"ไม่ต้องกลัว ด้านในก็ไม่ใช่ใครอื่นสักหน่อย เป็นพระชายาอ๋องหลีนะ ท่านอ๋องกับพระชายาจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องดีหรือยังไง" นางกำนัลอีกคนหนึ่งไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาเรื่องนี้จะโทษพวกนางไม่ได้ เป็นท่านอ๋องหลีที่น่ากลัวเกินไป พวกนางเจอทีไรเป็นต้องพูดติดๆ ขัดๆ ตลอด รอตอนที่พวกนางจะพูดจริง ก็สายไปซะแล้ว อ๋องหลีเข้าไปแล้วมั่วอีที่ได้ยินบทสนทนาของนางกำนัลทั้งสองคนก็ตกใจ แต่ตอนนี้ใครก็ไม่สะดวกเข้าไปแล้ว จะขวางท่านอ๋องได้อย่างไร?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่อยากขวาง ก็เหมือนกับที่นางกำนัลสองคนนี้พูด ให้ท่านอ๋องกับพระชายาใช้เวลาอยู่ร่วมกันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอมั่วอีเปลี่ยนทิศทางการเดิน สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีเลสนัย เดินออกไปทางนอกตำหนักฉู่อี้หานเข็นเก้าอี้ล้อไปทางสระน้ำ ที่ปากของหงส์ท
เยือกเย็นมาก สงบมาก ลักษณะเช่นนี้ขนาดลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปยังทำไม่ได้เลยอีกทั้งการปฏิบัติตัวกับคนอื่นก็โอบอ้อมอารี มีมารยาท ใส่ใจแต่เรื่องพวกนี้ นางคิดว่าซูเนี่ยนไม่เพียงสามารถเป็นฐานะพระชายาอ๋องหลีได้ แถมยังคู่ควรกับอ๋องหลีอีกด้วยอีกอย่างดูจากท่าทางของอ๋องหลีเมื่อคืนนี้ เกรงว่าเขาก็คงมีใจให้กับซูเนี่ยนเหมือนกันสิ่งที่แม่นมไป๋คิดอยู่ในใจ ซูเนี่ยนไม่ได้รู้เลยสักนิด นางคิดเพียงอยากจะรีบอาบน้ำ ตอนนี้นางเหม็นตัวเองจะตายอยู่แล้วแม่นมไป๋เดินนำซูเนี่ยนมาจนถึงบ่อน้ำร้อนนี่คือบ่อน้ำร้อนที่จักรพรรดิเต๋อคังสร้างให้ไทฮองไทเฮาโดยเฉพาะ ภายในยังใส่สมุนไพรจีนไว้มากมาย มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากซูเนี่ยนเป็นหมอย่อมต้องดมรู้อยู่แล้วภายในบ่อน้ำร้อนมีควันพวยพุ่ง ขมุกขมัว บ่อน้ำร้อนใหญ่มาก มีปุ่มกดรูปหงส์สยายปีกสร้างไว้โดยรอบ แม่นมไป๋กดปุ่มรูปหงส์อันหนึ่ง ก็เห็นว่าน้ำในบ่อถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วไม่ใช่บ่อสมุนไพรอีกต่อไป แต่กลายเป็นบ่อน้ำนมสีขาวที่มีกลีบดอกท้อลอยอยู่ด้านบนแทนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นทำให้กลิ่นหอมจากกลีบดอกท้อลอยโชยขึ้นมาในอากาศ ซูเนี่ยนสูดหายใจเข้าไปลึกๆ รู้สึกว่าหอมมากสมแ