บทที่15“ข้าชอบท่าน ท่านแม่ทัพ” หยางจื่อ เอ่ยบอกเสียงดังฟังชัด นางนั้นรู้ดีว่าเพิ่งเคยพบ และไม่เคยแม้แต่จะคุยกัน เพียงความรู้สึกที่มีต่อบุรุษตรงหน้ามันเอ่อล้นจนต้องเอ่ยออกมาให้เขารับรู้“ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน “ ซ่งเว่ยหลงหันกลับมายืนประจันหน้ากับสตรีที่ใจกล้าเอ่ยบอกรักเขา แม้สายตาของนางนั้นจะจริงใจและแน่วแน่ แต่เขารู้ดีว่านางคือคนของหยางไท่จง คงถูกสั่งหรือถูกมอบหมายมาเป็นแน่“ข้าชอบท่านจริงๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพียงข้าสบตาท่านที่เก๋งเมื่อคราวก่อน ใจข้าก็มีเพียงท่านเท่านั้น”คำพูดของนางทำเอาเขาหวนนึกถึงตัวเอง ตอนที่เจอองค์หญิงจ้าวเว่ยครั้งแรก และสภาพความในใจกับจ้าวเว่ยเขาก็พูดประโยคนี้เช่นกัน นั้นสินะ ความรักไม่มีเหตุผล แต่..“ต่อให้เจ้าชอบข้า แต่ข้ามีคนที่ข้ารักอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่านางคือใครสตรีที่อยู่ในใจท่าน ข้ายังรู้อีกว่านางกับข้ามีใบหน้าคล้ายกัน ท่านอย่าเพิ่งตัดรอนข้าเลย ยิ่งท่านรักมั่นต่อนางเพียงใด ข้ากลับยิ่งรู้สึกประทับใจในตัวท่านมากเท่านั้น ให้โอกาสข้าได้พิสูจน์ว่าข้ากับนางนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน แค่เปิดใจรับข้า ยังไม่ต้องรักข้าก็ได้แค่อย่าเพิ่งหันหลังเดินหนีจากไป” หยางจื่อพ
บทที่16นางกำนัลคนสนิทนั่งกอดร่างบางเนื้อตัวสั่นเทาเอาไว้ภายในอ้อมกอด“ชิงชิงข้ากลัว”“อีกไม่ถึงชั่วยามก็จะท่าเรือเมืองหยางไห่แล้วเพค่ะองค์หญิง” นางกำนัลคนสนิทพูดปลอบใจองค์หญิงจ้าวเว่ย ลูบไล้เนื้อตัวเพื่อปลอบโยน อากาศในเวลานี้หนาวเหลือเกิน อีกทั้งหมอกก็ลงหนาจัด ทั้งสี่เดินทางหลบหนีออกมาจากวังหลวงได้เกือบอาทิตย์แล้ว ทั้งเดินเท้า นั่งเกวียนเทียมวัว กว่าจะหาทางลงเรือได้ก็ลำบากไม่น้อยยามอิ๋น (คือ 03.00 – 04.59 น.)เรือลำเล็กกำลังลอยคออยู่นอกฝั่งไม่ไกลมาก ไม่มีใครรู้ว่าภายในเรือลำน้อยนั้นจะมีองค์หญิงสูงศักดิ์และนางกำนัลนั่งอยู่บนเรือ และมีทหารอารักขาเพียง 2 คน ฝีพายอีกไม่กี่คนองค์หญิงจ้าวเว่ยขดตัวอยู่ในเสื้อคลุมฟาง ปลอมตัวแต่งกายเฉกเช่นหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป เหน็บหนาวไปทั้งกายและใจ ภาพเลือดและร่างของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายเกลื่อนไปทั้งวังหลวงยังคงติดตาในคืนพระจันทร์สีเลือดเกิดเหตุนองเลือดขึ้นภายในพระราชวัง รัชทายาทนำทหารบุกเข้าวังสังหารฮองเต้และฮองเฮาทหารของรัชทายาทบุกสังหารเหล่านางสนมทุกตำหนัก ไม่เว้นแม้กระทั่งตำหนักขององค์หญิง และองค์ชายที่ยังไม่มีตำหนักภายนอกวังหลวง ทุกคนล้วนถูกสังหารภ
บทที่17จ้าวเว่ยมั่นใจแล้วว่าท่านตาคงไม่อยากให้นางมีชีวิตรอด อำนาจมันน่ากลัวจริงๆ พี่น้องร่วมสายเลือดแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ฆ่าล้างทุกชีวิตที่ขวางหน้า แม้กระทั่งท่านตาแท้ๆ ของพระองค์ยังไม่อยากให้พระองค์มีชีวิตรอด มือบางยกแขนขึ้นมองดูหยกที่ห้อยไว้ที่ข้อมือ ของแทนใจที่ซ่งเว่ยหลงมอบให้ก่อนเดินทางไปประจำการที่หยิ่งตู มือบางยกหยกจรดริมฝีปาก กระซิบแผ่วเบาผ่านรูเล็กๆ คนโบราณกล่าวไว้ว่าหากอธิษฐานหรือกระซิบผ่านรูนี้จะสามารถสื่อสารไปยังอีกโลกหนึ่งได้“ซ่งเว่ยหลง เจ้าได้ยินข้าหรือไม่ ข้าไม่อยากตาย ข้าอยากมีชีวิตรอด ท่านแม่สละชีวิตเพื่อข้า แต่ข้ากลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของท่านตาของข้าเอง เว่ยหลงเจ้าได้ยินข้าไหม หากมีโอกาสอีกครั้งข้าจะไม่ใจร้ายกับเจ้าแล้ว ข้าจะไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้าจะรักและดีกับเจ้าให้มากๆ ข้ารักเจ้า ซ่งเว่ยหลง” ร่างบางทิ้งตัวไปกับเสาเรือ กำหยกในมือเอาไว้แน่น ครั้งสุดท้ายที่คุยกันพระองค์โกรธที่เขาจัดเพียงงานหมั้นไม่ยอมจัดงานแต่งงานและพานางไปเมืองหยิ่งตู่ด้วย จึงพูดจาไม่ดีกับเขาไปหลายประโยค อยากย้อนกลับไปแก้ไข แต่ก็ทำไม่ได้แล้ว ได้แต่บอกผ่านหยกแทนใจที่เขามอบเอาไว้ให้ ไฟลามเข้ามาไกล้เ
บทที่18ร่างสูงใหญ่พุ่งหลาวลงไปในน้ำทันทีที่เห็นนางจมลงไป แม้ในใจจะคิดว่านี้คือแผนการของนาง แต่ร่างกายกลับไม่ลังเลและรีรอเขาพยายามคว้าตัวนางอยู่หลายครั้ง แต่นางกลับไม่แม้จะลืมตาขึ้นมา พยายามดำน้ำตามติดร่างที่จมดิ่งลงไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก็ว่ายเข้าถึงร่างบางสำเร็จ รีบคว้าเอวบางเอาไว้แน่น ใช้พลังยุทธทั้งหมดถีบตัวขึ้นสู่ผิวน้ำแม่ทัพซ่งเว่ยหลง ว่างร่างที่อ่อนปวกเปียกลงกับพื้น พบว่านางไม่หายใจแล้ว ร่างกายไวกว่าความคิด รีบผายปอดร่างซีดเซียวทันทีทุกการกระทำของแม่ทัพซ่ง อยู่ในสายตาขอขุนนางและฮูหยินที่มาร่วมงานชมบุปผา ตัวเขาเองก็รับรู้ถึงสิ่งที่กระทำลงไป รู้ว่าการช่วยนางในครั้งนี้จะต้องนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง แต่เขาก็ไม่อาจทิ้งนางให้ตายไปต่อหน้าได้ แค่เห็นนางล่วงลงน้ำใจเขาก็หายวาบเหมือนถูกกระชากหัวใจตามติดนางลงไปในน้ำด้วย ตอนนี้ใจกับความคิดมันสวนทางกันอย่างรุนแรงงานชมบุปผาจึงจบลงท่ามหลางความวุ่นวาย เจ้าเมืองหยางไห่ตามหมอให้ไปดูอาการของหลานสาวที่เรือนหลัง ส่วนแม่ทัพหยางซ่งถูกเชิญให้มาเปลี่ยนชุดและรอที่เรือนรับรอง หลังจากช่วยชีวิตของหลานสาวของเจ้าเมืองหยางไห่ขึ้นมาจากสระน้ำและผายปอดให้น
บทที่19หยางจื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้นในความมืด หลังจากแน่ใจว่าสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงกลับเรือนพักของสาวใช้ไปแล้ว ตอนนี้นางจำได้ทั้งหมดแล้ว อาจเป็นเพราะประสบอุบัติเหตุคล้ายกับวันนั้นเมื่อ 5 ปีก่อน และการขาดยากดประสาทมาเป็นเวลานาน ทำให้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ตลอดเวลาที่อยู่ในยุคปัจจุบันหลงลืมทุกสิ่งอย่างไปจนหมดสิ้น แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ใช่คนของโลกนั้น ทำให้เกิดภาวะวิตกจริตและกังวลใจไปมากมาย ประกอบกับได้รับการยืนยันจากหมอที่รักษาว่าเธอนั้นเป็นโรคซึมเศร้านางไม่รู้ว่าเหตุใดป๊ากับม๊าถึงได้โกหก สวมตัวตนให้นางเป็นหยางจื่อ หวนคิดถึงตรงนี้ก็นึกถึงบุคคลทั้งสอง ป่านนี้คงจะตามหาตัวเธอให้ควัก แม้ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองหลอกลวงนางทำไม แต่ความรักและความเมตตาที่แสดงออกมาตลอดเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ย่อมไม่อาจหลอกได้ แม้ไม่ได้สายเลือดเดียวกัน ไม่ได้เป็นลูกสาวแท้ๆ ของหยางเว่ยและหยางเหม่ย แต่ท่านทั้งสองรักนางด้วยใจจริงผิดกับคนที่มีโลหิตสีเดียวกันกลับไม่เคยรักและเมตตาหลานคนนี้แม้แต่น้อย ลงมือได้อย่าเหี้ยมโหดและเลือดเย็น ไม่ว่าจะเป็นเสด็จพี่จ้าวหลง หรือท่านตาหยางไท่จง ทั้งสองไม่เคยรักใ
บทที่20หยางจื่อนอนโซมด้วยพิษไข้อยู่ถึง 3 วัน หยางไท่จงให้คนมาแจ้งข่าวสำคัญกับนางแล้วว่า แม่ทัพซ่งยินดีจะรับนางเป็นฮูหยินรองเพราะช่วยนางขึ้นมาจากสระน้ำถูกเนื้อต้องตัวนาง ไม่พอเขายังจุมพิตนางต่อหน้าขุนนางทั้งเมือง หยางจื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น นางเพียงแต่คว้าราวสะพานเอาไว้ ด้วยแรงสตรีบอบบางเช่นนางไม่น่าจะทำราวนั้นหักได้ทันทีที่สัมผัส“ดูเจ้าหายดีแล้ว เตรียมตัวไว้ให้ดีอีกสามวันจะมีงานหมั้น ของเจ้ากับแม่ทัพซ่ง” ชายชราเดินเข้ามาเห็นว่าหลานสาวบุญธรรมนั่งตากลมอยู่ที่ริมหน้าต่าง คงจะหายดีแล้ว“ท่านวางแผนขนาดนั้น ทำได้เพียงให้ข้าหมั้นหมายเท่านั้นหรือ ทำไมไม่ให้ข้าแต่งไปเลยล่ะ” หยางจื่อยกน้ำชาขึ้นจิบไม่อยากหันไปมองคนที่ได้ชื่อว่าตา“ข้าแค่จะช่วยให้เจ้ามีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ แม่ทัพซ่ง ไม่คิดว่าเจ้าจะตกลงไปในน้ำ” หยางไท่จงยอมรับ เขาสั่งคนไปทำให้ราวชำรุดเพียงจับราวเบาๆ ราวก็สะพานก็จะหลุดออกจากกัน ทางเดินออกจากสวนดอกไม้ตต้องข้ามสะพานเท่านั้น ตอนที่เขาเห็นแม่ทัพและนางเดินออกมาจาก เขาก็รีบสั่งให้คนดำเนินการ เพียงนางหรือแม่ทัพสัมพัสราวเพียงนิดก็นะเกิดอุบัติเหตุขี้น ทำให้ทั้งคู่ได้มีเวลาได้อยู่ด้ว
บทที่21ผ่านไปเพียง 1 อาทิตย์ จากจะเป็นงานหมั้นหมาย กลายเป็นงานแต่ง งานแต่งงานของของหลานสาวเจ้าเมืองและแม่ทัพซ่งเว่ยหลงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะความต้องการของเจ้าสาว นางไม่ต้องการพิธีหมั้นหมายใดๆ เพียงอยากแต่งเข้าสกุลซ่งและย้ายไปอยู่ที่ค่ายกับแม่ทัพให้เร็วที่สุด หยางไท่จงก็เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะอยากให้หยางจื่อทำให้ซ่งเว่ยหลงทั้งรักและหลง จนยอมออกหน้าเปิดศึกทวงความยุติธรรมให้องค์หญิงจ้าวเว่ยตัวแม่ทัพซ่งก็ทำตามที่ฝ่ายเจ้าสาวเรียกร้องในเรื่องงานแต่งทุกอย่าง เพียงสิ่งเดียวที่ให้ไม่ได้ก็คือการที่นางจะย้ายไปอยู่ที่ค่ายทหารกับเขา แม่ทัพซ่งจึงซื้อจวนให้นางอยู่ภายในเมืองหยางไห่ เพราะเดิมทีก็ต้องการรับผิดชอบนางเท่านั้นแต่งเพียงในนาม หลังจากแต่งแล้วนางจะมีชีวิตอยู่อย่างไรนั้นก็ไม่เกี่ยวกับเขาในพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง หยางจื่อยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ในที่สุดนางก็ได้แต่งงานกับชายที่รัก ไม่ต้องการพิธีหมั้น จริงๆ คือนางเคยผ่านพิธีนั้นกับซ่งเว่ยหลงมาแล้ว จึงอยากแต่งงานอย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้ แม้จะแต่งในนามหยางจื่อไม่ใช่จ้าวเว่ย นางก็ยินดีต่าง
บทที่22มือหนาสั่นระริก เอื้อมไปรับหยกชิ้นเล็กๆ มาไว้ในมือ อีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ หยิบหยกสีเดียวกันเพียงแต่ชิ้นใหญ่กว่าเล็กน้อย สองมือค่อยๆ ประกบหยกทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกัน น้ำตาร่วงเผาะจากตาคม หยกลงบนฝ่ามือ หยกทั้งสองชิ้นประกบกันได้พอดี อีกทั้งลวดลายที่สลักบนหยกก็ประกอบกันจนกลายเป็นชิ้นเดียวกันแม่ทัพซ่งค่อยๆ เงยหน้าออกจากฝ่ามือตนเอง มองใบหน้านวลลออที่เปาะเปื้อนไปด้วยน้ำตาไม่ต่างจากเขา ไหนหยางไทจ่งบอกว่านางตายไปแล้ว ถูกมือสังหารของฮองเต้หลงฆ่าตายก่อนที่เรือจะเทียบท่า เรือถูกเผาจนไหม้อับบางลงนอกท่าจอดเทียบเรือไม่ไกล“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่” หยางจื่อรับรู้ว่าสายของเขาที่มองนางตอนนี้เปลี่ยนไปจากวันแรกที่กลับมาพบกัน แต่ก็ยังกลัวว่าเพียงแค่หยกชิ้นเดียว ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ได้มากน้อยแค่ใด“หยางไท่จงบอกว่าเห็นเรือองค์หญิงจ้าวเว่ยไหม้กับตาตนเอง” น้ำตายังไหลอาบแก้มของทหารหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ไหล่แกร่งไหวสะท้าน“คนที่เผาเรือของข้าคือท่านตา แต่ข้ารอดมาได้”“หากรอดมาได้ ทำไมไม่กลับมาหาข้า ข้ารอเจ้าที่หยางไห่มาตลอด” ร่างสูงทรุดเข่าแทบเท้าสตรีในชุดแดง ซุกหน้าเปื้อนน้ำตาลงบนหน้าท้องแบนราบ หยกนี้มีเพียงนาง
บทที่35เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้วหลังจากที่ทิ้งเมืองหลวงมาตั้งรกรากที่เมืองหยิ่งตู่แม่ทัพซ่งเว่ยหลงและรองแม่ทัพ พร้อมทหารในกองทัพอีกหลายพันนาย ประจำการที่เมืองหยิ่งตู่ ก่อนเดินทางเขาได้แจ้งกับทหารทุกคนแล้วว่าตัวเขาและครอบครัวจะไปอยู่ที่เมืองหยิ่งตู่ถาวร หากใครไม่อยากเดิมทางไปเขาก็ไม่ว่า ทหารที่ติดตามมาทั้งหมดจึงล้วนสมัครใจมาหลังจากฝึกทหารและตรวยตราบริเวณแนวกำแพงเมืองเรียบร้อย แม่ทัพซ่งก็จะรีบกลับจวน เป็นเช่นนี้ทุกวันจนทหารในกองทัพคุ้นชิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านแม่ทัพนั้นรักฮูหยินมาก แทบไม่เคยให้ห่างสายตา จะออกจากจวนได้ก็ตาอเมื่อแม่ทัพพาออกมาเท่านั้น แต่ก็ว่าไม่ได้นางงดงามราวกับดอกไม้ หากชายใดมีภรรยางดงามเล่นนั้นยีอมต้องหวงแหนเป็นเรื่องปกติ“ท่านพี่ กลับเร็วอีกแล้ว”หยางจื่อส่ายหัวเมื่อเห็นผู้เป็นสามีควบม้าเข้าประตูด้านข้างของจวนเข้ามา แม้ปากจะบ่น แต่นางก็มานั่งรอเขาที่ประตูที่ใช้เข้าออกสำหรับรถม้าและม้า ทุกวัน“หยางเว่ย คิดถึงพ่อไหม” ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ ผิวดำแดงกร้านแดด กระโดดลงยสกหลังม้าอย่างองอาจ รีบเดินปรี่เข้าไปรับบุตรชายจากฮูหยิน เจ้าก้อนแป้งของเขาอ้วนกลม เขาไม่อยากให้นางอุ้มบ
บทที่34โทษประหารชีวิตของเจ้าเมืองหยางไห่เลื่องลือไปทั้งแคว้น แม้การประหารขุนนางของฮองเต้หลงจะเป็นที่ชาชินของประชาชน สาเหตุล้วนมาจากการแข็งข้อและเห็นต่างจากพระองค์ แต่การประหารเจ้าเมืองในครั้งนี้กลับเป็นเพราะการทุจริตมาอย่างยาวนาน อีกทั้งคนหาหลักฐานและถวายฎีกาคือจองหงวนคนใหม่ที่เพิ่งสอบติด แต่เรื่องมันจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากจองหงวนคนดังกล่าวไม่ใช่เจียวเจี้ย ลูกชายคนโตของอดีตเสนาบดีเจียวก้านที่ถูกประหารไปเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้เจียวเจี้ยเหมือนพบทางลัด ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมพิธีการทันที นั้นล่ะ ต่อให้ฮองเต้หลงจะกบฏสังสารเชื่อพระวงค์ทั้งหมด แต่จะให้ตัดขาดเครือญาติที่ยังเหลืออยู่ฐานอำนาจพระองค์คงจะสั่นคลอน อย่างไรฮองเต้กับเจียวเจี้ยก็เป็นอาหลานกัน เรื่องราวถูกเล่าปากต่อปากไปเรื่อย ยิ่งหลายปากเรื่องราวย่อมเปลี่ยน สุดท้ายกลายเป็นว่า ฮองเต้หลงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด พระองค์ต้องการจะสังหารเจ้าเมืองหยางไห่อยู่แล้ว จึงให้เจียวเจี้ยลงมือสร้างหลักฐานเล่านั้นขึ้นมา ฮองเต้ก็ทรงเพิกเฉยต่อข่าวลือทั้งหมด อย่างไรก็ไม่มีใครแตะต้องพระองค์ได้ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือพระองค์แล้ว
บทที่33เจียวเจี้ยเขียนฎีการายงานความผิดของเจ้าเมืองหยางไห่ อีกทั้งยังแนบหลักฐานเอาผิดอีกมากมาย ฮองเต้หลงที่คอยจะตัดแขนตัดขาขุนนางที่แข็งข้ออยู่แล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะสำเร็จโทษประหารชีวิตให้หยางไท่จง ยิ่งนับวันหยางไท่จงยิ่งแสดงว่ารวมเป็นใหญ่ เมื่อ 5 ปีก่อนที่พระองค์ละละเว้นตระกูลหยางเพราะหยางไท่จงยอมสังหารองค์หญิงจ้าวเว่ยเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี ชายหนุ่มในชุดมังกรพลิกอ่านฎีกาจากขุนนางฝ่ายบุ๋นให้ลงโทษประหารและริบทรัพย์สินเจ้าเมืองหยางไห่ พระองค์จะไม่แปลกใจเลยหากในกองฎีกานั้นไม่มีฎีกาของฝ่ายบู้ปนมาด้วยหลายฉบับ พระองค์แน่ใจว่าพระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่ควบคุมกองกำลังทหารทั้งแคว้นเอาไว้ในมือ หากแม่ทัพแต่จะหน่วยจะเขียนฎีกาเหล่านี้ พระองค์ย่อมต้องรู้ก่อน แต่กลับไม่มีรายงานเข้ามา“แม่ทัพซ่งเพิ่งแต่งฮูหยินเอก ได้ข่าวว่านางคือหลานสาวจากตระกูลรองของหยางไท่จงพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรีบเดินมารายงานข่าวที่ฮองเต้ให้ไปสืบ แม่ทัพซ่งเดินทางกลับเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว อย่างไรเขาก็เคยเป็นคู่หมั้นองค์หญิงจ้าวเว่ย หากยอมแต่งงานแล้วก็แสดงว่าคงจะลืมพระขนิษฐาของพระองค์ได้แล้ว“เรียกแม่ทัพซ่งเข้าวัง เจิ้นต้องการพ
บทที่32หลังจากพักผ่อนที่จวนตระกูลซ่งได้เพียงไม่กี่วันหยางจื่อจึงทำการส่งจดหมายยัแนะให้เจียวเจี้ยออกมาพบร่างบางเดินสำรวจไปรอบๆ ไม่คาดคอดว่าที่นัดพบคือวัดที่อดีตฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเป็นคนสร้างเอาไว้ใหญ่โตมโหฬารแต่กลับเงียบสงบ มีพระเพียงไม่กี่รูปเท่านั้นไม่นานคนที่นัดก็เดินทางมาถึง เจียวเจี้ยเกินตรงเข้ามายังม้าหินข้างน้ำตกทันทีเมื่อเห็นแม่ทัพซ่งนั่งอยู่เคียงข้างสตรีนางหนึ่ง เขารู้แผนของหยางไท่จงมาโดยตลอดว่าจะพยายามชัดชวนให้แม่ทัพซ่งเว่ยหลงเข้าพวกให้ได้ หลายปีที่ผ่านมาก็ล้มเหลวตลอด ไม่อาจดึงใจบุรุษผู้นี้ได้เลย ไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะทำสำเร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ษุรุษร่างบางเฉกเช่นคุณชายที่ทำเพียงขยับพู่กัน ปรายตามองสตรีที่นั่งเคียงข้างบุรุษรูปร่างกำยำ เขาเคยพบแม่ทัพซ่งหลายครั้ง“ข้าน้อยขอภัยที่มาช้า ทางขึ้ยเขาค่อยข้างลำบาก ด้วยขาพาคนตอดตามมาเพียงคนเดียว”เจียวเจี้ยเอ่ยปากขอโทษก่อนจะรีบรวบลัดคุยเรื่องทั้งหมด“ข้ามีทั้งเงินทุนจากตระกูลเจียว เงินทุกของท่านเจ้าเมืองหยางไห่ ท่านจะดำเนินแผนการยกทัพเมื่อไรเพียงเอ่ยปาก”“ท่านจองหงวน ท่านเข้าใจผิดแล้ว การทาของท่านแม่ทัพและข้าในครั้งนี้หาใช่เรื่อ
บทที่31แม่ทัพใหญ่ซ่งและซ่งฮูหยินต้อนรับบุตรชายและสะใภ้เป็นอย่างดี แม้จะรู้ว่าเรื่องราวการแต่งงานทั้งหมดจากปากบุตรชายแล้ว แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงแอบมองใบหน้าของหยางจื่อเป็นระยะๆ‘คล้ายคลึงกันจนเกินไป’ ตอนองค์หญิงจ้าวเหว่ย บุตรชายของเขาก็ไปอยู่เฝ้าหลุมศพนางมาตลอด 5 ปี หากเกิดอะไรขึ้นกับหยางจื่อ หนนี้บุตรชายเขาจะยังคลองสติอยู่ได้ยากแล้ว“กินเยอะๆ เจ้าอายุมากแล้ว ต้องบำรุงหนักๆเลย แม่อยากมีหลานเต็มแก่แล้ว มีลูกชายกับเขาอยู่คนเดียว กว่าจะยอมแต่งงานก็เกือบจะอายุ 30 แล้ว บ้านอื่นเขามีหลานจนจะสอบจองหงวนได้อยู่แล้ว” ซ่งฮูหยินคีบอาหารใส่ชามหยางจื่ออย่างต่อเนื่อง แม้จะตะขิดตะขวงใจในคราวแรกที่เห็นใบหน้าของหยางจื่อ แต่ในที่สุดบุตรชายก็ยอมแต่งงาน เหมือนแล้วอย่างไร ไม่เหมือนแล้วอย่างไร ขอเพียงมีสายเลือดสืบสกุลก็เพียงพอแล้ว“ท่านแม่ พอเถอะนางอิ่มจะแย่แล้ว”ซางเว่ยหลงดึงชามออกจากมือบาง นางอิ่มมาซักพักแล้วแต่ก็ยังเฝื่อนกิน ด้วยอยากให้ท่านแม่ประทับใจ หากเป็นองค์หญิงจ้าวเหว่ย นางคงไม่มาเสียเวลาเอาอกเอาใจใครแบบนี้ “นางผอมเกินไป แล้วแบบนี้จะอุ้มท้องหลานไหม”ก่อนจะหันมามองตำหนิหยางจื่อกลายๆ อยู่ๆนางก็ถูก
บทที่30เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพหยางจื่อก็เดินตรงไปยังเรือนนอนของตนทันที รู้ว่าสหายทั้งสองคบมีเรื่องต้องคุยกัน ไม่พ้นเรื่องตัวตนที่แท้จริงของนาง มือบางกอดสมุดเล่มหนาที่ซ่งเว่ยหลงมอบให้บอกรถม้าไว้แนบอกซ่งเว่ยหลงบอกว่าท่านยายมอขมันให้เขาและเขาก็มอบทันให้นางระหว่างที่นั่งเปิดอ่านสมุดบันทึกนั้นที่ละตัวอักษร ซ่งเว่ยหลงก้าวเดินเข้าเรือนมาพร้อมรองแม่ทัพสีหน้าละแววตาของอู๋จวินถงต่างจากชั่วยามก่อนจ่กหน้ามือเป็นหลังมือ คงจะรู้แล้ว่านางคือองค์หญิงจ้าวเว่ย“ไม่ตีหน้ายักษ์ใส่ข้าแล้วอย่างงั้นหรือ”“กระหม่อมมิกล้า”“เจ้าไม่ควรใช่คำราชาศัพท์กับข้านะท่านรองแม่ทัพ ตอนนี้ข้าคือหยางจื่อเป็นเพียงฮูหยินของแม่ทัพเท่านั้น” หยางจื่อเอ่ยติงรองแม่ทัพพร้อมเชิดหน้าใส่แฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยก่อย“ข้าน้อยขอภัย ขอเวลาข้าปรับตัวซักหน่อยทุกอย่างมันกระทันหันเกินไปข้าน้อยตั้งตัวไม่ทัน” รองแม่ทัพค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแต่ตาคมยังเพ่งมองเม็ดขี้แมลงวันเล็กๆที่อยู่หางตานั้น ใช่เลย องค์หญิงจ้าวเหว่ยไม่ผิดแน่ ครั้งแรกที่พบกันเขาก็แอะใจอยู่แล้วเชียวคนอะไรจะหน้าเหมือนกันแถมจุดไฝฝ้ายังอยู่ตำแหน่งเดียวกัน หากไม่เพราะเขาและม่านแม่
บทที่29พ่อบ้านโจวยืนอยู่ด้านหน้าของเรือนหนังสือกันไม่ให้บ่าวไพร่หรือผู้ใดเข้าใกล้เรือน เพราะการสนทนาในครั้งนี้เป็นคงามลับกว่าครั้งใด โดยหารู้ไม่ว่ามีสองร่างเงายืนแอบฟังอยู่บนต้นอู๋ถงไม่กี่หุน ระยะเพียงเท่านี้ไม่เกินกำลังของคนที่อยู่ในเงามืดเลย “หากท่านไม่บอกแผนทั้งหมดเห็นที ข้าคงช่วยต่อไม่ได้”เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าให้นางชวนแม่ทัพกลับเมืองหลวง“เจ้าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง แค่ทำตามที่ข้าสั่งก็พอ”“ใช่เดิมข้าต้องทำตามที่ท่านสั่ง แต่ท่านก็เห็นว่าตำแหน่งที่ท่านต้องการไปยืนนั้นหากไม่มีข้า ท่านก็คงต้องเสียเวลาเริ่มใหม่” หยางจื่อทรุดตัวลงบนตั่งข้างชั้นหนังสือ ไม่มีทีท่านอบน้อบหยางไท่จงอย่างเช่นทุกครั้ง “หึ เพียงแค่แต่งออกไปเจ้าก็คิดจะแปรพรรคแล้วงั้นหรือ”หยางจื่อหัวเราะออกมาเสียงดัง ใช่เวลาแต่งออกไปแล้วนางถึงได้แข็งข้อเสียเมื่อไร แค่ที่ผ่านมาความจำเสื่อมเท่านั้น จึงแสร้งไม่มีปากเสียงเพราะคิดว่าตน หลงยุคมาอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้ความทรงจำทั้งหมดกลับมาแล้ว“ตัวข้าจากเดิมเป็นแค่หญิงชาวบ้าน อยู่ๆก็ได้เป็นถึงหลานเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ ในอนาคตอาจมีวาสนาได้เป็นหลานของฮองเต้ วาสนานี้คงไม่มีใคร
บทที่28ซ่งเว่ยหลงไม่ปิดบังความรักที่มีต่อหยางจื่อแม้แต่น้อย เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าในสายตาของเขานั้นมีเพียงนาง แม้ผู้อื่นจะคิดว่านางคือตัวแทนขององค์หญิงจ้าวเหว่ย แต่สำหรับตัวเขานั้นที่รู้ความจริงทุกอย่างเป็นอย่างดี ก็ไม่คิดที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น เพราะนางสั่งเอาไว้ แม่ทัพมองใบหน้าของฮูหยินเฒ่า ที่นั่งอยู่เก้าอี้ถนัดจากฮูหยินของเขานางดูรักและเอ็นดูหยางจื่อ ตั้งแต่ลงรถม้ามามือเหี่ยวหย่นนั้นไม่ปล่อยออกจากมือฮูหยินของเขา นั่งแนบข้างนางไม่ห่างไปไหน คงจะมีเพียงฮูหยินเฒ่าล่ะมั่งที่รอการกลับมาขององค์หญิงจ้าวเหว่ยเช่นเขา ต่างจากชายชราที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานของห้องโถง ไม่ใช่สายตายินดีเปรมปรีดิ์ที่หลานสาวกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากเพิ่งแต่งงานออกไป แต่กลับเป็นสายตาของผู้ชนะ หยางไท่จงชนะสิ่งใดกันเขาอยากรู้นัก“หยางจื่อ ตามีของจะมอบให้เจ้า เจ้าตามไปเอาที่เรือนอักษรที ข้าขอยืมฮูหยินท่านแม่ทัพซักครู่” หยางไท่จงเห็นว่าฮูหยินของเขาชวนหยางจื่อคุยนานเกินไปแล้ว เขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาง จึงตัดบทขึ้นมากลางวงสนทนา หันไปขออนุญาตพาตัวหลานสาวไปยังเรือนหนังสือน้ำเสียงในประโยคที่เอ่ยออกมาไม่ได้ต้องการกา
บทที่27“ท่านยาย ข้ามาแล้ว” เมื่อรถม้าของจวนแม่ทัพมาถึงบริเวณหน้าจวนของเจ้าเมืองหยางไห่ หยางจื่อก็รีบกระวีกระวาดลงรถม้ารีบเดินตรงเข้าหาหญิงชราทันที น้ำตาคลอหน่วยจวนเจียนจะไหล เพียงแค่เปิดผ้าม่านรถม้าออกยังไม่ทันได้ก้าวลงนางก็มองเห็นหญิงชรามายืนรอนางที่หน้าประตูจวนเจ้าเมืองแล้ว ราวกลับรอการกลับมาของนางมาโดยตลอดท่านยายท่านรอข้ามาตลอดเลยใช่ไหมทันทีหยางจื่อเดินมาหยุดตรงหน้าฮูหยินเฒ่ารีบคว้าตีวหลานสาวบุญธรรมมากอดไว้แนบอกทันที“เจ้ากลับมาแล้ว เจ้ากลับมาแล้วหลานรักของข้า”ฮูหยินเฒ่าน้ำตาไหลพรากกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น เมื่อ 7 ปีก่อน นางยืนรอจ้าวเหว่ยอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ส่าง รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีทีท่าว่าหลานรักจะปรากฏตัว แต่กลับได้รับข่าวร้ายแทน จ้าวเหว่ยไม่เคยกลับมาเยือนจวนของนางอีกเลย ไม่มีแม้แต่ร่างให้ทำพิธีศพ แต่การการเฝ้ารอหลานสาวเพียงของหญิงชราก็ไม่เคยสิ้นสุดลง ในใจของฮูหยินเฒ่ายังคงวนเวียนคิดถึงดวงหน้าของบุตรสาวและหลานสาวอยู่เสมอ“ท่านยาย ข้ากลับมาหาท่านแล้ว ฮึก ฮื่อ” ตั้งแต่มาอยู่ในฐานะของหลานสาวบุญธรรม แม้จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดสนิทสนม แต่ฮูหยินเฒ่าก็ไม่เคยโอบกอดนางเลยซักคร