“จะมีปรโยชน์อะไรในเมื่อ เขายังมีโยวเสวียนข้างกายจะสลัดนางทิ้งไปก็ใช่ที่ นางเป็นคนที่ส่งเสริมให้ฝ่าบาทได้นั่งบนบัลลังก์มังกรแห่งนี้”“พระชายากินน่องไก่เสียก่อน น่องไก่จานนี้เป็นฝ่าบาทที่สั่งให้ห้องเครื่องนำมาให้ท่าน ข้าแอบชิมไปแล้วเกรงว่าจะมียาพิษ ต้องระวังป้องกันพระชายาอย่างที่สุด”“อร่อยไหม”“เสี่ยวป๋อยืนยันว่าอร่อยเพราะเสี่ยวป๋อเองก็เกรงว่าจะมียาพิษเช่นกัน” หัวเราะขบขันพร้อมกัน“อันนี้มอบให้ท่าน”ส่งถุงหอมที่เย็บเสร็จแล้วให้คังซื่อฮั่น ที่รับมาพิจารณา ใบหน้าแสดงความพึงพอใจและรู้สึกขอบคุณ“พระชายา ช่างมีน้ำใจ”“อันนี้ของเสี่ยวป๋อ”ความภูมิใจลดลงครึ่งหนึ่ง“ท่านทั้งสอง ดีกับข้าไม่น้อยโดยเฉพาะท่านคังซื่อฮั่นหากไม่มีท่าน ข้าคงไร้ลมหายใจได้มาพบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”คนอะไรชอบฉวยโอกาส รังแกกันให้ใจสั่นไหว คอยดูนะจะแกล้งเอาบ้างหากจำได้ขึ้นมาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเจิ้งเหมยหน้าเง้า“อีกสามชั่วยาม มาใหม่เกรงว่ายายังคงรสชาติแย่เหมือนเดิมแน่ๆ ”เจิ้งเหมยค้อนหลุบตาต่ำขนตางอนงามน่ามอง“เช่นนั้นให้ ท่านเหลียงเป็นคนนำยามา”“ท่านผู้ช่วยหมอจะผิดสัญญากับอาจารย์หรืออย่างไร อาจารย์อุตส่าห์ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า
เสี่ยวป๋อรีบคว้ามากำไว้ในมือไม่อยากให้จินเฉิงอู่เห็น“ใครให้เจ้ามา.. เสี่ยวป๋อ”น้ำเสียงคาดคั้น“เออ..เออ.คือ”“เอามาดู”เสี่ยวป๋อจำต้องแกะออกมาให้ดูจินเฉิงอู่สูดดมกลิ่นหอมคุ้นเคยนั้นคังซื่อฮั่นเข้ามาอีกคน ที่เอวของคังซือฮั่นก็มีถุงหอมสีม่วงสวยอีกอันกรุ่นกลิ่นเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน จินเฉิงอู่มองถุงหอมสองอันสลับกันไปมา“คังซื่อฮั่น เจ้าได้ถุงหอมแบบนี้มาจากไหน”คังซื่อฮั่นมองหน้าเสี่ยวป๋อที่ขยิบตาให้ คังซื่อฮั่นเก็บความลับไม่เก่งเท่าเสี่ยวป๋อ“คือ...ท่านผู้ช่วยหมอ.เสี่ยว..ซงให้เราสองคนมาคนละอัน”ขมวดคิ้ว ลวดลายในถุงหอมเขาจดจำได้ไม่ลืม รอยสัมผัสที่เขาเฝ้าลูบไล้ลวดลายละเอียดสวยงามของมัน กลิ่นหอมแบบนี้กับรสจูบที่หวานฉ่ำในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงในใจ ลุกออกจากห้องไปในทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อยกมือขึ้น ทำท่าบอกคังซื่อฮั่น หมายถึงคอขาดแน่ ก่อนจะวิ่งตามจินเฉิงอู่ไป แต่กลับวิ่งชนประตูห้องเจิ้งเหมยเมื่อจินเฉิงอู่เปิดประตูทันทีที่เข้าไปและเสี่ยวป๋อยั้งตัวไม่ทันเจิ้งเหมยตกใจสุดขีดแต่อีกคนกลับย่างสามขุมเข้าหา หนีไปจนชิดผนังห้อง มือใหญ่ค้ำอยู่บนหัวยื่นถุงหอมไปตรงหน้าเจิ้งเหมย“ เจ้าคื
“ดูว่าจะปากแข็งได้แค่ไหนกัน” ใช้จมูกคมซอกซอนลำคอขาว“ปล่อย..เพคะฝ่าบาท”“ไม่ปล่อย เพคะหรือเจ้าใช้คำว่าเพคะหรือ“ไม่ ข้าพูดผิดไป ถ้าไม่ปล่อยอย่างนั้นเสี่ยวซงจะตะโกนให้ท่านเหลียงเข้ามา”จินเฉิงอู่ตะโกนขึ้นเสียก่อน“เหลียงซานป๋อ ไปที่ห้องเครื่องตุ๋นน่องไก่มาเยอะๆๆ ข้าหิวเจ้าต้องอยู่ดูการตุ๋นอยู่ที่นั่นให้เขาตุ๋นในแบบที่ข้าต้องการ”“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”รับคำวิ่งจากไปทันที เจิ้งเหมยถอนหายใจ“ไม่ได้ทำอะไรเจ้าเสียหน่อยแค่…” จูบเบาๆที่ริมฝีปาก ร่างใหญ่ยังทาบทับอยู่อย่างนั้น ดึงผมที่เกล้าไว้ในแบบผู้ชายของเจิ้งเหมยออกแสงไฟสลัวส่องให้เห็น ผมยาวสลวยกับใบหน้าคุ้นตาใบหน้างดงามจนจินเฉิงอู่แทบหยุดหายใจ ลุกขึ้นนั่งบนแท่นนอนรำพันออกมาเบาๆ เพียงลำพัง“เจ้าเป็นใคร ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า ข้าเคย...รักเจ้า” อาการปวดศีรษะรุมเร้าเจิ้งเหมยเห็นว่าอาการของจินเฉิงอู่ไม่ค่อยดีอดห่วงไม่ได้“ฝ่าบาท ฝ่าบาท”ดึงร่างบางมากอดแนบออก จนเจิ้งเหมยรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก“ทำไม...ข้าคิดไม่ออก”อาการปวดหัวรุมเร้ารุนแรง เจิ้งเหมยลูบหลังให้เบาๆ จินเฉิงอู่ดึงร่างบางเข้ามาใกล้ กดริมฝีปากลงบนปากบางอย่างรุนแรงบดขยี้ริมฝีปากหนักหน่วงร
"ทำไมต้องให้คังซื่อฮั่นอารักขาท่านผู้ช่วยด้วย"จินเฉิงอู่สังเกตว่าคังซื่อฮั่นอยู่ตรงนั้น ไม่ห่างจากห้องของเจิ้งเหมย"ฝาบาท ท่านหมอเยียนฉือแต่เดิมเคยรักษาอาการบาดเจ็บของคังซื่อฮั่นจึงมีบุญคุณต่อกันไม่น้อย ท่านหมอจึงฝากฝังท่านผู้ช่วยไว้กับท่านคัง""แค่ข้าอยู่นี่เขาก็ปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องมีผู้อื่น"พูดขึ้นลอยๆ"ฝ่าบาทต้องการ ปกป้องท่านผู้ช่วยอย่างนั้นหรือ""ความจริง เขาเคี่ยวยาให้ข้าทุกสามชั่วยามแทบไม่ได้หลับนอน แล้วยังต้องเดินเข้าออกห้องข้าห้องเขาเสียวุ่นวาย ให้เขาเข้ามาเคี่ยวในห้องข้าหลับนอนในห้องข้าเลยก็ดีไม่น้อย และอีกอย่างคังซื่อฮั่นก็จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง"ชักแม่น้ำทั้งห้า เหลียงซานป๋อแอบยิ้ม"เช่นนั้นเสี่ยวป๋อเรียกท่านผู้ช่วยมานี่เดี๋ยวนี้เลยจะดีไหม""ดี ข้าเบื่อเขาต้องวิ่งเข้าวิ่งออกข้าเต็มทนแล้ว"เสี่ยวป๋อรีบวิ่งไปทันที จินเฉิงอู่ยิ้ม เพียงครู่เดียวเสี่ยวป๋อกุลีกุจอขนหม้อเคี่ยวยาและของใช้ของเจิ้งเหมย มาพะรุงพะรังเจิ้งเหมยเดินตามอย่างงงๆ“ฝ่าบาทท่านผู้ช่วยมาแล้ว”“ข้าเห็นแล้ว”“ท่านคังก็มา”“ให้เขาเฝ้าอยู่ด้านนอก” เสี่ยวป๋อช่วยเจิ้งเหมยจัดแจงของจนเสร็จเรียบร้อย“ฝ่าบาทเสี
เจิ้งเหมย หมดสติในอ้อมแขนของจินเฉิงอู่ มือสังหารยิ้มมุมปากทหารควบคุมตัวพวกมันยังคุกหลวง กุญแจห้องขังถูกล็อกแน่นหนา“ฝ่าบาท กระบี่อาบพิษซึ่งตอนนี้ข้าพระองค์ยังไม่ทราบชนิดของพิษ”หมอหลวงรายงาน จินเฉิงอู่ผุดลุกขึ้นไปดูเจิ้งเหมยที่นอนหายใจรวยรินไร้สติบาดแผลถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาวยกมือขึ้นลูบแก้มบางเบาๆ“เจ้าต้องไม่เป็นไร สั่งการออกไประดมหมอทั่วเขตวังหลวงให้ หายาถอนพิษ”มือสังหารสองคนนั่งนิ่งอยู่ในคุกหลวง อาหารเช้าถูกนำมาวางไว้ข้างหน้า“กินเสียก่อน อีกไม่เกินชั่วยามจะมีคนมาชิงตัวพวกเจ้าออกไป”มือสังหารสองคน หยิบอาหารใส่ปากเคี้ยวอย่างหิวโหย แต่เพียงครู่เดียวก็ยกมือขึ้นกุมลำคอ พ่นเลือดสดๆ ออกมาวิญญาณถูกดึงออกจากร่างไปพร้อมกัน โยวเสวียนทำอะไรไร้ร่องรอย เดินออกจากคุกหลวงเปิดผ้าคลุมหน้าเดินชมนกชมไม้เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องฆ่าฟันกันขึ้นยื่นมือเก็บดอกเหมยมาดอมดม“ฝ่าบาท มือสังหารสองคนถูกวางยาจนตายท้้งคู่”จินเฉิงอู่ขมวดคิ้ว“กระหม่อมจะตามท่านหมอเทวดาเยียนฉือเพื่อถอนพิษให้ท่านผู้ช่วย”“คังซื่อฮั่น ข้ากับเจ้าเราสองคนเติบโตมาด้วยกัน แม้ระยะหลังนี้จะห่างกันไปแต่ทว่าข้าเชื่อว่าท่านไม่เคยเห็นใครสำคัญกว่า
"เสี่ยวป๋อ ข้ามีเรื่องอยากถาม""เออ ….ฝ่าบาท เสี่ยวป๋อออกไปรอคังซื่อฮั่นข้างนอกดีกว่า""ไม่ได้ …...บอกมานางเป็นชายาข้าที่ชื่อเจิ้งเหมย แล้วทำไมพวกเจ้าต้องให้นางปลอมตัวเข้ามา"ถามตรงประเด็นเสี่ยวป๋อคิดว่าคังซื่อฮั่นต้อง พูดความจริงบางส่วนไปบ้างแล้ว"ฝ่าบาท..เสี่ยวป๋อ""ตอบมา ไม่อย่างนั้นเจ้าต้องไปเลี้ยงม้าให้ข้าเป็นแน่""ฝ่าบาท พี่สาวเจิ้งเหมยเป็นสิ่งเดียวที่ฝ่าบาทฝากฝังเราสองคน เสี่ยวป๋อและคังซื่อฮั่นปกป้องดูแลนางยิ่งกว่าชีวิต การปลอมตัวเข้ามาในครั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพระชายาเจิ้งเหมย""จากใคร ปกป้องนางจากใคร""จาก..จากพระชายาโยวเสวียน""โยวเสวียน ….แล้วทำไมข้าไม่ปกป้องนาง"นางเป็นชายาของเขา ด้วยตอนนี้ความรู้สึกอยากปกป้องนางมากขนาดนี้ ตอนนั้นทำไมเขาถึงไม่ปกป้องนาง"เพราะฝ่าบาท...ถูกทำให้คิดว่าตายไปชั่วขณะหนึ่ง เราสองคนจึงต้องปกป้องดูแลพระชายาตามคำบัญชาของฝ่าบาท""ข้าจำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้เลย เสี่ยวป๋อข้าทำผิดต่อนาง""ฝ่าบาท ตอนนั้นเราทั้งหมดต่างคิดว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว จินเฉิงหวางฮ่องเต้ยินยอมปล่อยเราทั้งสามไปแต่ พระชายาโยวเสวียนที่เป็นฮองเฮาในตอนนั้นสั่งให้มือสังหารไล่ล่าเร
"ฝ่าบาทได้เวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เสี่ยวป๋อเดินมาพูดเบาๆ จินเฉิงอู่จ่อคบไฟเข้าในกองฟอน ไฟลุกโชติช่วงลามเลียจากข้างล่างขึ้นสู่ข้างบนคนทั้งหมดพากันก้มหน้านิ่งยกเว้นโยวเสวียนที่มีสีหน้าสาสมใจ"เชิญองค์รัชทายาท ดื่มชาตามธรรมเนียมของแคว้นซ่งที่ตำหนักของฝ่าบาท"โยวเสวียนเอ่ยปากชักชวน"เดิมข้านึกว่าองค์รัชทายาทกับท่านหมอเดินทางถึงแคว้นฉินแล้วนึกไม่ถึงว่ายังรั้งอยู่ที่แคว้นซ่ง คงไม่ได้ตั้งใจมาเปิดหูเปิดตาเท่านั้นอาจมีบางอย่างที่ต้องทำเป็นแน่""ข้าชงเมิ่งชื่นชอบแคว้นซ่ง ด้วยมีหลายอย่างที่แคว้นฉินไม่มี ""จวนอ๋องของข้าบูรณะเสียใหม่เหมาะแก่การพักผ่อน หากองค์รัชทายาทต้องการจะรั้งอยู่ที่นี่นานหน่อยข้ายินดียกจวนอ๋องให้ครอบครองชั่วคราว ดีไหมพระชายา"ประโยคสุดท้ายหันไปทางโยวเสวียน"ดีเพคะ โยวเสวียนกำลังคิดว่าจวนอ๋องน่าหย่อนใจไม่น้อย หากจะรั้งอยู่แคว้นซ่งเพื่อรองานพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา จวนอ๋องนับว่าเป็นเรือนรับรองที่ดีทีเดียว"จินเฉิงอู่ยิ้ม"ฝ่าบาท จะแต่งตั้งฮองเฮาเช่นนั้นหรือทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน"ชงเมิ่งเอ่ยขึ้น"ฝ่าบาทนั่งบัลลังก์มาแรมเดือนบัลลังก์ขาดฮ่องเต้ไม่ได้แม้เพียงวันเดียว ข้างกายฮ่
จินเฉิงอู่ยิ้มเย้ยหยัน"เสี่ยวป๋อ นำยามาให้ข้า"เสี่ยวป๋อยกถ้วยยามาถือไว้ระดับอกแล้วแอบเทยาเข้าไปในแขนเสื้อเพื่อรับน้ำยาไว้จากเนื้อผ้าชนิดพิเศษอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที เมื่อถ้วยยามาถึงจินเฉิงอู่จึงมีแต่ถ้วยยาที่ปราศจากยาอยู่ในนั้น จินเฉิงอู่รับถ้วยยามากระดกลงคอแสร้งกลืนยาลงคอช้าๆเสี่ยวป๋อแอบยิ้ม รับถ้วยยามาวางไว้บนถาดข้างหน้านางกำนัลตามเดิม"หม่อมฉันทูลลา"เสี่ยวป๋อเดินตามไปปิดประตู เดินกลับมารินยาลงในจอกชา"ฝ่าบาท เสี่ยวป๋อนำยาชนิดนี้ไปถามที่ร้านยา ท่านหมอบอกเสี่ยวป๋อว่ามันคือยาสลายความจำ""นำยาไปให้ท่านหมอเยียนฉือตรวจสอบดู เพื่อยืนยันความผิดของโยวเสวียน”ทอดกายลงนอนบนแท่นนอน ใจกระหวัดคิดถึงเจิ้งเหมยอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะคิดถึงได้ขนาดนี้ชงเมิ่งลงจากเกี้ยว ตรงเข้าไปในห้องที่เจิ้งเหมยพักทันที ทรุดกายลงนั่งข้างแท่นนอน“ถวายพระพรองค์รัชทายาท”จีจี้ ประสานมือคารวะ ไม่สนใจแม้แต่น้อยในเมื่อใจเขาเป็นห่วงคนที่นอนอยู่เต็มทน จีจี้หน้าเง้าเฝ้าชื่นชมองค์รัชทายาทมาตลอด ตั้งแต่จำความได้ ครั้งนี้ถึงกลับแอบตามมาจากแคว้นฉิน สุดท้ายก็ถูกจับได้อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นชายเข้ามาอยู่ในกองทหารของชงเมิ่งตั้
“เฉิงเจินควรไปรอพบฟูจินที่ด้านหน้าประตูวัง ส่วนพวกท่านสองคน ข้าหลายวันมานี้อ่านฎีกาจนปวดเมื่อย ตำหนักใหญ่เงียบเหงาหลายวันเราสามคนร่ำสุราผูกสัมพันเช่นเก่าก่อน”เหลียงซานป๋ออมยิ้ม“ไท่จือท่านอย่าทำพลาดอีกนะ ฝ่าบาทอุตส่าห์ลงมือเองเพียงนี้”เฉิงเจินประสานมือตรงหน้าอมยิ้มแก้มปริ“ข้าลาทุกท่าน รับรองด้วยการฝึกปรือจากเสด็จพ่อท่านอาทั้งสอง เฉิงเจินไม่มีทางทำให้ผิดหวังแน่”คนทั้งหมดส่ายหน้าไปมาประตูวัง จินเฉิงเจินเดินวนไปเวียนมาราวกับเสือติดจั่นเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จึงยิ้มได้ ฟูจินดึงบังเหียนม้าให้หยุดตรงหน้า“ไท่จือท่าน ฝ่าบาทมีเรื่องใดกันจึงบัญชาฟูจินกลับเข้าวังหลวงโดยเร็วหรือว่าฮองเฮา”สีหน้าร้อนรนเฉิงเจินยิ้มคว้าข้อมือบางกระชากลงจากหลังม้า ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน“ไท่จือ อย่าทำแบบนี้ ฟูจินมิใช่เด็กๆแล้วและเราสองคนก็โตกันแล้ว”“เราสองคนโตแล้วจึงเหมาะที่จะสร้างครอบครัว”ฟูจินขมวดคิ้ว“ปล่อยฟูจินก่อนเจ้าค่ะ”ดิ้นรนในอ้อมแขนแข็งแรง“ข้ารึ เป็นทุกข์อยู่เสียนานกลัวว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะ กีดกันแต่มาวันนี้ทั้งสองพระองค์ไม่ใช่แค่ไม่กีดกันยังส่งเสริมข้ากับเจ้า”ส่งฟูจินขึ้นบนหลังม้ากระโดดข
“ฟูจินรับบัญชาฮองเฮาสิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้วสำหรับฟูจิน”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทว่าเศร้าสร้อย เจิ้งเหมยยิ้มฟูจินมักว่าง่ายเสมอ“เฉิงเจินกำลังจะแต่งไท่จือเฟยเจ้าเองคงเหงาและใจหายข้าจึงตั้งใจให้เจ้าแต่งกับบุตรชายแม่ทัพเว่ย เสียพร้อมกันจัดงานมงคลขึ้นพร้อมกัน”ฟูจินยิ้มเศร้าๆ“ฟูจิน ไยจึงมีสีหน้าเศร้าสร้อยเพียงนั้น หากไม่เต็มใจ ข้าจึงไม่บังคับเจ้า"ฟูจินย่อกายลงงดงาม"สิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้ว ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองฟูจินเกิดมาก็ได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทและฮองเฮาอยู่สุขสบายเหมือนองค์หญิงเรื่องใดที่เป็นหน้าที่พึงกระทำเพื่อตอบแทนคุณ”เจิ้งเหมยโอบกอดฟูจินอย่างอ่อนโยน“ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณที่มีเจ้าเป็น ดังลูกสาวคังฟูจินหากมีสิ่งใดที่เจ้า หนักใจ บอกกับข้ามาเถิด” ลูบหลังไหล่ให้ ฟูจินสะอื้นเบาๆ เจิ้งเหมยผลักร่างของฟูจินถอยห่างสบตาค้นหาความจริงในดวงตาสีโศกยามเย็นย่ำจินเฉิงเจินเร่งฝีเท้ามายังตำหนักชิงหนิงกงเหลือบแลหาฟูจินแต่ไม่พบนาง“เสด็จแม่”เจิ้งเหมยเงยหน้าขึ้นจากการเย็บถุงหอม“มาแล้วหรือให้ใครตามตั้งแต่บ่ายเพิ่งจะมาถึง ไม่เห็นว่าการพบแม่สำคัญหรือไร คงต้องพูดเรื่องกา
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจิ้งเหมยอมยิ้ม ไท่จือมองฟูจินด้วยสายตาเจ็บซ้ำ“ฟูจินอายุน้อยกว่าเจ้า นางยังเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ไท่จือลูกเองก็น่าจะเข้าใจ ตอนนี้เองไท่จือก็ไม่ได้มีผู้ใดในใจมิใช่หรือ อย่างนั้นหากได้พบองค์หญิงปี่เหยาเจ้าอาจเปลี่ยนใจก็ได้” ไท่จือแม้จะขัดใจเพียงใดแต่ก็ไม่อาจโต้แย้ง นึกน้อยใจฟูจินที่ไม่ช่วยเขาแล้วยังเข้าข้างเจิ้งเหมยที่เป็นมารดาอีก“ ให้เสด็จแม่รู้ไว้ด้วยเถิดว่าลูกไม่เคยจะเต็มใจที่จะแต่งไท่จือเฟยตามที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เห็นสมควร ลูกต้องการที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และเลือกเองเพียงลำพังลูกพูดเพียงแค่นี้ ลูกทูลลา” ขยับตัวลุกขึ้น เหลือบมองฟูจิน สิ่งที่ฟูจินเห็นในนั้นคือแววน้อยใจ ที่ทำเอาฟูจินโศกสลดไม่แพ้กันเจิ้งเหมยส่ายหน้าช้าๆ"ยังทำตัวเหมือนองค์ชายน้อยไม่เปลี่ยน"ฟูจินแสร้งขบขันทางเดินทอดยาว ฟูจินตั้งใจออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่เศร้าหมองหาสาเหตุไม่ได้ เดินเรื่อยไปตามทาง ดวงอาทิตย์อัสดงไปแล้วภาพความทรงจำเก่าๆ ที่เคยวิ่งเล่นอยู่บริเวณนี้กับเฉิงเจิน เสียงหัวเราสอดประสาน พลันร่างอ้วนป้อมของฟูจินก็ล้มลงไปกองกับพื้น"บอกแล้วอย่างไรอย่าวิ่งตาม เห็นไหมบา
มิอาจพูดว่ารักฟูจิน จัดการหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบเรียบร้อย ฮองเฮานั่งอยู่บนแท่นนั่งอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าใกล้“ฟูจินนวดให้ไหมเพคะ”เจิ้งเหมยในวัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับงดงามอ่อนกว่าวัย ยิ้มน้อยๆ“ไม่มีครั้งไหนที่ข้าจะปฏิเสธมีเจ้าเพียงผู้เดียวฟูจินที่นวดได้ถูกใจข้าเหลือเกิน”ฟูจินยิ้มหวาน ออดอ้อนซบหน้าลงบนตักกว้าง“ฮองเฮาเมตตาฟูจิน จนฟูจิน ไม่เคยโหยหาความรักจากมารดาทั้งๆ ที่ ไม่เคยมีมารดากับเขา”เจิ้งเหมยลูบศีรษะเบาเบาจะไม่เมตตาได้อย่างไรก็ในเมื่อคังซื่อฮั่น หอบเอาห่อผ้าที่มีทารกน้อยมา ยื่นส่งให้ตรงหน้าจินเฉิงอู่พร้อมกับ พูดเพียงสั้นๆว่าดูแลเขาแทนข้าด้วย ใบหน้าน้อยๆ ริมฝีปากแดงระเรื่อดวงตากลมใส ที่ยัดนิ้วโป้งเข้าไปดูดด้วยความหิว แก้มป่องใสดวงตาพิสุทธิ์ใครกันจะไม่หลงใหลนาง องค์ชายน้อยชะโงกหน้ามอง ฟูจินด้วยแววตาสงนฉนเท่ห์“ท่านแม่ น้องข้าใช่หรือไม่”เจิ้งเหมยยิ้มกอดองค์ชายไว้ในอ้อมแขน“ นางเป็นน้องสาวของเจ้า”จินเฉิงอู่ตอบขึ้นเบาๆ คังซื่อฮั่นเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันมามอง ด้วยอะไรเจิ้งเหมยรู้ดี เขาตัดใจกับทารกน้อยคนนี้ไม่ได้ หากหันกลับมามอง เห็นทีต้องอุ้มนางกลับไปเร่ร่อนเช่นเดียวกับเขา“เฉิ
จินเฉิงเจิน ในวัย18ปีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของ จินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทว่าอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเหมือนหญิงสาวก็ไม่ปาน ยืนมองทุ่งหญ้าเขียวขจีงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบการขึ้นครองราชย์ของจินเฉิงอู่กับตำแหน่งไท่จือที่จินเฉิงเจินจะถูกแต่งตั้งในวันนี้สายตาคมทอดมองไปไกล เรื่องราวที่ผ่านมามากมายให้ระลึกถึง ในโลกนี้จะมีใครรักและภักดีต่อกันได้เท่าพ่อกับแม่ของเขากันอีก จินเฉิงอู่ไม่ยอมมีสนมนางใน แม้จะมีเขาเป็นโอรสเพียงคนเดียว ก็ไม่เคยร่ำร้องอยากจะมีหญิงอื่นเพิ่มพูน เช่นไรเขาถึงจะรักใครสักคนให้ได้เท่ากับที่จินเฉิงอู่รักเสด็จแม่เจิ้งเหมยของเขา ใบหญ้าสีเขียวขจีลู่ลมน่ามอง เสื้อคลุมถูกถอดออกคลุมให้ฟูจินรวบผมยาวสลวยสอดเสื้อคลุมเข้าไปใต้ไรผม ใบหน้างดงามดวงตาเศร้าสร้อยไม่ต่างจากสายตา ของคังซื่อฮั่น ดวงหน้าผุดผาดริมฝีปากบางใสน่าสัมผัสจนคนมองต้องเผลอขบเม้มฝีปากตัวเอง“ไม่ต้องแล้ว ฟูจินไม่ได้หนาวขนาดนั้นอากาศเย็นสบายดี”เลิกคิ้วสูงยิ้มบางๆ“เจ้ายังเป็นน้องเล็กของข้าอยู่ เมื่อใดที่แต่งออกไปจึงค่อยมาแข็งข้อกับข้า”กระชับเสื้อคลุมให้อย่างอ่อนโยน“ไปเถอะสายมากแล้วใกล้ได้เวลา
ใบหน้าเรียบเฉยทว่าใจกลับสั่นไหว คังซื่อฮั่นแปลกใจว่าตัวเขาเป็นอะไรไปกันแน่ ในเมื่อกับเจิ้งเหมยมีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดได้ห่วงใยและคอยปกป้อง แต่กลับรู้สึกเป็นสุขเมื่อเจิ้งเหมยมีรอยยิ้มและดีใจเมื่อเจิ้งเหมยมีความสุขซึ่งเขาคิดว่ามันคือความรัก แล้วแบบนี้เล่าคืออะไรกันทำไมรู้สึกว่าไม่อาจห้ามใจ กับความซุกซนของอี้หลิน“พอใจหรือยัง”อี้หลิน เงื้อมือตั้งจะจะฟาดลงบนใบหน้าของคังซื่อฮั่นแก้เขิน คังซื่อฮั่นใช้ความไวคว้าข้อมือไว้ยิ้มยียวน“วันพรุ่งนี้ข้าจะรับบัญชาฝ่าบาทรั้งอยู่ที่นี่แล้วก็ตกลงใจที่จะรับเจ้าเป็นภรรยาตามที่เจ้าต้องการ” อี้หลิน ไม่กล้าสบตาก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ใครจะแต่งกับท่านกัน”“อ้าวเจ้าพูดเองว่าฝ่าบาทประทานสมรส ห้ามข้าเฉยชาใส่เจ้าแล้วยัง ...มาลวนลามข้าก่อน พอข้าเอาคืนกลับทำท่าทีไม่พอใจเสียอย่างนั้นเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”จมูกรั้นเชิดหยิ่ง“ข้าก็ไม่เห็นจะง้อท่านเลยไม่แต่งก็ได้”ก้าวขากำลังจะออกจากห้องไปคังซื่อฮั่นรวบเอวบางจากด้านหลัง ฉวยโอกาสกอดไว้แน่น“ไม่ทันแล้ว หากเจ้ารู้จักข้าดี ก็จะรู้ว่าคนอย่างคังซื่อฮั่นยึดมั่นคำสัจเพียงใดพูดคำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยนใจ เ
เมื่อมาถึงห้องพัก คังซื่อฮั่นเริ่มคิดหาคำพูดที่จะพูดคุยกับอี้หลิน“เจ้าชื่อแซ่อะไรข้าลืมไปเสียหมดแล้ว”“ท่านคังท่าน ช่างเป็นบุรุษที่หลงลืมง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ หากท่านจะมีความจำสักนิดก็จะรู้ว่า อี้หลินเคยพบท่านมาก่อน”“อี้หลิน”อี้หลินพยักหน้า“เคยพบกันที่แห่งใด”ใบหน้าฉงนสนเท่ห์“จนกว่าท่านคังจะจำได้ อี้หลินจึงจะบอกว่าเราพบกันตอนไหน”คังซื่อฮั่นถอนใจ“ไม่ถาม แล้วก็ไม่ต้องการคำตอบแล้ว”คนพูดน้อยเผอเรอหลงลืมไปว่าตัวเอง ไม่ชอบเซ้าซี้ใครพอนึกได้ก็เปลี่ยนท่าทีทันทีเช่นกัน อี้หลินเบ้ปากคนอะไรไม่ชอบ ที่จะเล่นสนุกกับผู้ใด นานแค่ไหนแล้วที่คังซื่อฮั่นปลีกตัวออกไปอยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ ถึงท่านคังไม่อยากรู้แต่อี้หลินก็จะบอก”“ว่ามา”ใบหน้าเฉยชา หยิบน่องไก่ในจานมาพิศดูความทรงจำลอยวนเข้ามาในความคิด น่องไก่ที่ยื่นส่งให้เจิ้งเหมยในวันนั้น เหลียงซานป๋อกับเขาพากันกัดแทะลำตัวไก่เสียหมด ไว้แกล้มสุราจนเริ่มมีความกล้าในภารกิจครั้งนั้น ก็ในเมื่อคนที่ต้องนำน่องไก่ไปให้เจิ้งเหมยเป็นเขาตามความเห็นของจินเฉิงอู่และเหลียงซานป๋อ คังซื่อฮั่นเผลอยิ้มให้น่องไก่อวบ“ยิ้มทำไม”“ ไม่ใช่ ธุระอะไรของเจ้า”อี้หลินหน้าเง้า“เ
พลันแสงสว่างข้างกายกลับมืดมิด เมื่ออี้หลินเดินถือถาดขนมในมือเข้ามาทุกสิ่งมืดมิดลงทันที่มีเพียงรอบกายของอี้หลินเท่านั้นที่สว่างเรืองรอง คังซื่อฮั่นอ้าปากค้าง ดวงตาพร่ามัว"คังซื่อฮั่น"เสียงเรียกจากจินเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายกลับเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล และเหมือนกับเสียงนั้นเอ่ยออกมาเชื่องช้าด้วยเวลาในขณะนั้นถูกหยุดหรือถูงดึงให้ช้าลงไป"อี้หลินถวายพระพร ฝ่าบาทฮองเฮา องค์ชายน้อย คารวะท่านเหลียงซานป๋อ และท่าน.."หันไปทางคังซื่อฮั่น"คังซื่อฮั่น"เอ่ยปากเบาๆ จนเกือบกลายเป็นกระซิบ แต่ตายังจ้องมองที่อี้หลินตาไม่กะพริบ จินเฉิงอู่เจิ้งเหมยกับเหลียงซานป๋อปิดปากหัวเราะพร้อมกันจินเฉิงเจิน ฟูจินหันมองหน้ากันแบบงงๆ ว่าคนทั้งหมดกำลังหัวเราะอะไรคังซื่อฮั่น"อี้หลิน เจ้านำทางท่านคังไปที่พำนักและช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านคังด้วย"เจิ้งเหมยออกคำสั่งอี้หลินย่อตัวทำความเคารพ"เชิญท่านคังตามข้ามา"คังซื่อฮั่นเดินตามไปอย่างงงๆ เจิ้งเหมยรับเอาฟูจินมาอุ้มไว้จินเฉิงเจินกับฟูจินวิ่งลงจากอ้อมแขนหยิบขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย“เห็นไหม องค์ชายอี้หลินนางทำขนมได้ถูกใจเราสองคนที่สุด”ปากเล็กเคี้ยวขนมไม่หยุด องค์ชายน้อยย
อิงฝานเดินจากไปยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก ความเจ็บแค้นทั้งหมดสูญสลายไปหมดอโหสิกรรมให้โยวเสวียน ชาติหน้าอย่าได้พบกันอีกเลย คนอย่างโยวเสวียน หากยังมีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่มีสิ้นสุดตราบใดที่นางยังหายใจนางก็จะทำให้ คนอื่นต้องสูญเสียชีวิตอีกกี่คนกันเล่าดอกเหมยงดงามสองข้างทางกลับสีชมพูแดงร่วงหล่นลงบนทางเดินทอดยาววกวน องค์ชายน้อยจินเฉิงเจิน วิ่งไล่จับแมลงปอที่บินวนไปมา เสียงหัวเราะสนุกสนาน ดังไปทั่วบริเวณ เหล่าขันทีและนางกำนัล วิ่งตามด้วยกลัวจะหกล้มหกลุกแต่เรี่ยวแรงมากมายวิ่งจนทั่ววังหลวงที่กว้างขวาง“องค์ชาย รอฟูจินด้วย”เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งตาม“ตามข้ามา ฟูจิน”เสียงเล็กๆใสใสกวักมือให้ตามไป แต่ฟูจินหกล้มหัวเข่ากระแทกเลือดไหลซึม“คุณหนูฟูจิน จะวิ่งทำไมคะ”นางกำนัลรีบวิ่งมาอุ้ม จินเฉิงเจินวิ่งลับตาไปยังคงตามจับแมลงปอตัวสวย“องค์ชายใจร้าย”ฟูจินตัดพ้อปาดคราบน้ำตานางกำนัลให้ฟูจินขี่หลัง เจิ้งเหมยเดินมารับเอาคุณหนูฟูจินตัวอ้วนป้อม มากอดแนบอกลูบหลังไหล่ให้ ยกเขาเล็กขึ้นมาเป่าที่แผลเบาๆ“ฮองเฮา องค์ชายไม่รอฟูจิน”มืออ้วนป้อมกอดรอบคอซบหน้าลงบนไหล่อุ่น เจิ้งเหมยยิ้มอ่อนโยน“ปล่อย