“ฝ่าบาท วันนี้อากาศดี ฝ่าบาทรู้สึกปลอดโปร่งดีหรือไม่”“ข้ารู้สึกศีรษะหนักอึง”ยกมือขึ้นกุมขมับโยวเสวียนยิ้ม“เช่นนั้นโยวเสวียน เคี่ยวยาบำรุงให้ฝ่าบาทอีกที เสร็จแล้วให้นางกำนัลนำมาถวายเหมือนเคย”จินเฉิงอู่ยิ้ม “เจ้าดีกับข้าเกินใครโยวเสวียนยาของเจ้า ทำให้ข้ารู้สึกสบาย”“เช่นนั้นฝ่าบาทจะต้องเสวยยาที่โยวเสวียนเคี่ยวให้ทุกวันจะได้รู้สึกดีขึ้น ในทุกวัน”เดินนวยนาดจากไป ยาที่ให้ในปริมาณน้อยนิดไม่ทำให้ถึงตายเหมือนจินเฉิงหวางแต่กลับทำให้เคลิ้มฝันล่องลอยง่ายต่อการควบคุม โยวเสวียนหารู้ไม่ว่า เสี่ยวป๋อต้องสวมเสื้อที่ทำจากเนื้อผ้าพิเศษชุบด้วยไขมันสัตว์เพื่อกันน้ำไว้คอยรองรับยา เหล่านั้นไว้ในแขนเสื้อ“ฝ่าบาทเมื่อไหร่ฝ่าบาทถึงจะเล่นงานนางเสียที”เสี่ยวป๋อกระซิบกระซาบ“รอจังหวะ และข้ากำลังรอให้เจิ้งเหมยฟื้นขึ้นมา”“ฝ่าบาทอย่ากังวลไปเลยท่านหมอแจ้งข่าวว่า อาการของพระชายาดีขึ้นไม่เกินวันสองวันก็จะฟื้นคืนสติดังเดิม”“คงต้องอาศัยเจ้าแล้วหล่ะเสี่ยวป๋อ ข้าต้องการออกนอกวังเดินทางไปที่จวน ข้าอยากอยู่ตรงนั้นในตอนที่เจิ้งเหมยฟื้นขึ้นมา”เสี่ยวป๋อเลิกคิ้วสูง“หากปฏิเสธคำขอของข้า เจ้าเห็นทีต้องไปเลี้ยงม้าให้ข้าแน่”เ
ม้าสีดำสนิท ถูกควบทะยานออกจากวังหลวงจุดหมายที่จวนอ๋อง คนของโยวเสวียนผลุบตัวหายไปจากมุมหนึ่ง“ฝ่าบาทเดินทาง ไปที่แห่งใดกัน”“พระนาง เป็นไปได้ไหมที่ฝ่าบาทจะออกไปหาความสำราญนอกวังหลวง”“ยาของข้า ทำให้มึนงงและเซื่องซึม ไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะควบม้าได้ขนาดนั้น”“หรือว่าจะเป็นใต้เท้าคัง”“ส่งคนไปที่ตำหนักของฝ่าบาท ตรวจสอบดูว่าใครกันที่ออกไปนอกเขตวังหลวง ให้คนของเราข้างนอกจับตาว่าองค์รัชทายาทชงเมิ่งมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง”นางกำนัลและองครักษ์ส่วนตัว ประสานมือพร้อมทำตามคำบัญชา….ตำหนักฮ่องเต้…“ฝ่าบาทพระชายาโยวเสวียนเชิญฝ่าบาทเสวยเช้าพร้อมกันที่ศาลาเหมยกุ้ย”เสี่ยวป๋อยืนอยู่หน้าห้อง“ฝ่าบาททรงพักผ่อน บัญชาห้ามใครรบกวนเหมือนเช่นทุกวัน”พูดเสียงดังฉะฉาน“เช่นนั้นหากเป็นข้าเล่า เข้าไปได้ไหม”เสี่ยวป๋อหลุบตาต่ำประสานมือตรงหน้าโยวเสวียน เดินนวยนาดมาช้าๆข้างกายมีนางกำนัลพยุงถึงสองคน เหมือนจะบ่งบอกว่าสุขภาพนางไม่ดีเช่นที่ผ่านมา“แต่...ฝ่าบาททรงมีบัญชาว่า ใครก็ห้ามเข้าไป”เสี่ยวป๋อยังไม่ยอมเงยหน้า“แม้แต่ข้าโยวเสวียนเชียวหรือ”“พระชายาสองสามวันมานี้ ฝ่าบาทรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงให้ใต้เท้าคังไปจวนอ๋องตามท่าน
ไม่อยากจะถอนริมฝีปากออกด้วยซ้ำไป เจิ้งเหมยลืมตาตื่นใบหน้าหล่อเหลาใกล้แค่เอื้อม ลมหายใจร้อนผะผ่าวรินรดอยู่ที่ปลายจมูก"ฝ่าบาท"จินเฉิงอู่ยิ้มดีใจเป็นที่สุดแต่ไม่ยอมถอนริมฝีปากออกกดริมฝีปากลงที่ปากบาง ลิ้นอุ่นควานหาความหวานเหมือนกลับโหยหามานานแสนนาน เจิ้งเหมยเผยอริมฝีปากรับรสจูบซาบซ่าน ยอมรับว่าชอบจูบหวานนี้เหลือเกิน จูบอ่อนโยนยังดำเนินต่อไปช้าๆเหมือนกับเวลาถูกหยุดนิ่งไว้ตรงนี้ จินเฉิงอู่ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ให้เจิ้งเหมยได้หยุดพัก ทั้งที่ไม่อยากปล่อยให้มันหยุดลง ตาคมจ้องมองดวงตากลมโต กดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ด้วยอาการยากจะตัดใจสอดลิ้นอุ่นเข้าข้างในขบเม้มริมฝีปากบางดูดกลืนความหวานซาบซ่านไว้ในความทรงจำให้ได้มากที่สุด"ฝ่าบาท"เจิ้งเหมยเสียงสั่นสะท้าน"ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน""รังแกกันอีกแล้ว"เสียงสั่นระรัว"ใครๆ ก็บอกว่าเจ้าเป็นชายาของข้า แต่ทำไมข้าจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้กลับรู้สึกโหยหาเจ้ามากกว่าข้าวปลา"เจิ้งเหมยแทบจะอดยิ้มไม่ได้กลับคำหวานที่ได้ยิน"ฝ่าบาทหัดพูดคำหวานมาจากไหน แต่ก่อนไม่เคยเห็นว่าคำหวานเหล่านี้จะหลุดจากปาก""นอกจากคำหวานจูบของข้ายังหวานไม่น้อย"แววตากรุ้มกริ่ม"พอแล้วเจ้าค่ะ
“ระหว่างนี้คงต้องระวังให้มากไม่เช่นนั้นหากโยวเสวียนรู้ว่าว่าเจิ้งเหมยยังมีชีวิตอยู่ นางคงต้องส่งมือสังหารมาแน่”“ข้าตั้งใจส่งคังซื่อฮั่นมาดูแลนาง”“โยวเสวียนนางจะต้องสงสัยว่าทำไมข้า ซึ่งมีกองกำลังอยู่แล้วต้องอาศัยองครักษ์ของฝ่าบาทด้วย”ชงเมิ่งตั้งข้อสังเกต“ต้องเร่ง ให้การแต่งตั้งฮองเฮาลุล่วงไปให้เร็วที่สุดเพื่อการันตีว่านางจะปลอดภัย ที่ข้ากังวลที่สุดคือความปลอดภัยของนาง”“ฝ่าบาท ไม่ต้องกลัวเจิ้งเหมยต่อจากนี้จะไม่ให้ลำบากใครแล้ว ที่ผ่านมาพาตัวเองหลบซ่อนอยู่ในเงามืดนางจึงฉวยโอกาสเล่นงาน”จินเฉิงอู่ยิ้มอ่อนโยน“เจ้ากับนาง มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมั่น แต่ใช้มันต่างกัน”จีจี้เดินเข้ามา จากข้างนอกพร้อมด้วยถ้วยยา“พระชายา”“นางดูแลเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่”ชงเมิ่งรีบแนะนำ เจิ้งเหมยยิ้มอย่างเป็นมิตร“เยียนฉือ ข้าหมายถึงพี่ใหญ่เอ๊ยหมายถึงท่านหมอ ให้ข้าบอกพระชายาว่าหลังจากที่ฟื้นมาให้พระชายาไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อช่วยขับพิษในร่างกายอีกขั้นหนึ่ง เมื่อพิษหมดไปจึงจะวางใจได้อย่างเต็มที่ น้ำพุร้อนจะช่วยดึงเอาพิษที่สะสมในร่างกายออกมา”“ในจวนอ๋องมีบ่อน้ำพุร้อน” จินเฉิงอู่พูดขึ้น เจิ้งเหมยจำได้แ
"เจิ้งเหมยรอเวลานี้มาแสนนาน"จินเฉิงอู่ยิ้ม จูบเบาๆที่หน้าผาก"ได้เวลาที่เราจะทวงความเป็นธรรมคืนมาเสียที""เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเราจะสู้ไปด้วยกันแต่บอกไว้ก่อนข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ในอันตราย"สายตาหวานฉ่ำ เจิ้งเหมยกอดจินเฉิงอู่แน่น“ข้าพยายามวางแผนแทบตาย ให้เจ้าเข้ามาในบ่อน้ำพุร้อนจนแล้วจนรอดก็ไม่มีแผน ได้แต่แช่น้ำดักรอเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วสวรรค์ก็เข้าข้างนำทางเจ้าให้มาทางนี้จนได้”“เป็นเพราะพระชายาโยวเสวียนที่พยายามพูดให้เจิ้งเหมยไม่ชอบใจฝ่าบาท และกลัวจะล่วงเกินฝ่าบาทจึงไม่ยอมเดินกลับไปทางที่ผ่านหน้าห้องของฝ่าบาท พยายามหาทางหลบเลี่ยง”“สวรรค์คงเห็นใจข้าที่ภายในใจร้อนรุ่ม เพราะมีบางอย่างสุมอยู่ในอก จะเป็นรักแรกพบเสียหรือเปล่า ไม่อาจคาดเดา”“ฝ่าบาทเชื่อในรักแรกพบเช่นนั้นหรือ”“ข้าพบเจ้าครั้งแรกที่หน้าประตูวังในตอนที่เจ้าเข้าวังคัดเลือกนางใน ในตอนนั้นใจข้าแกว่งไกวไหวเอน แสนเสียดายที่หญิงงามที่ต้องตาต้องใจจะกลายไปเป็นคนของจินเฉิงหวาง แต่เมื่อเขามอบเจ้าให้ข้า รอยยิ้มของเจ้าในวันนั้นเล่าบอกข้าทีเถิดว่า เจ้าดีใจหรือว่าอย่างไรกันแน่ข้าข้องใจมาตลอด”“เจิ้งเหมยเพียงแต่คิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้วจะ
“ท่านหมอ แผนการครั้งนี้แม้จะรัดกุม แต่ด้วยกำลังคนของเราน้อยนิดหากแผนการผิดพลาด เกรงว่าอาจเป็นฝ่ายเพี้ยงพล้ำได้ไม่ยาก”“ด้วยข้าตอนนี้เห็นควรว่าต้องมีผู้ที่สามารถเข้าถึงตัวใต้เท้าตู้ควบคุมตัวเขา ก่อนที่จะได้ส่งข่าวบอกเหล่าทหารนอกเขตวังหลวงให้เข้าช่วยเหลือ”“หลายวันมานี้ใต้เท้าตู้ ส่งทหารประจำการทั้งนอกในไม่เว้น ยากแก่การเข้าถึงแม้แต่บ้านตระกูลตู้ก็เต็มไปด้วยทหารคอยอารักขาดั่งมีศึกสงครามกลางเมือง”ชงเมิ่งพูดตามที่เห็น หลบเลี่ยงการพบปะกับเจิ้งเหมยโดยการออกไปสืบข่าวคราวดีกว่าต้องพบหน้ากันทุกวัน การตัดใจของเขาต้องใช้กาลเวลาเช่นนั้นหรือ ในเมื่อไม่อาจตัดใจก็ต้องไปให้ไกลสุดกู่ก็เท่านั้นแต่ตอนนี้ สิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะไปยังไม่ลุล่วงวังหลวงโยวเสวียนสวมชุดสีแดงงามสง่า แต่ศีรษะไร้ซึ่งมงกุฎจงใจให้เป็นมงกุฎสำหรับฮองเฮาเท่านั้น คืนที่ผ่านมาโยวเสวียนนอนไม่หลับ หวนคิดถึงวาระของตัวเองที่จะได้ขึ้นรั้งตำแหน่งฮองเฮาเคียงข้างจินเฉิงอู่อย่างสง่างามพร้อมเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญว่าเป็นตี่ฮองเฮาแต่บางอย่างกลับวกวนรบกวนจิตใจทั้งภาพใบหน้าของจินเฉิงหวาง ยามที่โยวเสวียนทอดกายให้เขาเชยชม ใบหน้าบวมอืดเขียวคล้ำของศพที
“ พิธี แต่งตั้งฮองเฮาเริ่มได้….”เสียงเสี่ยวป๋อตะโกนสุดเสียง จินเฉิงอู่รับเอาขี้ผึ้งสีแดงกดลงบนหน้าผากเนียน ของเจิ้งเหมยที่ก้มตัวอยู่ด้านหน้า เจิ้งเหมยรินน้ำชาคารวะจินเฉิงอู่ เสื้อคลุมปักลายหงส์ถูกคลี่ออกโดยจินเฉิงอู่คลุมร่างบอบบาง ตราประทับของฮองเฮา ถูกวางใส่ในมือที่ยื่นออกมารับข้างหน้า จีจี้มารับไปถือไว้ จินเฉิงอู่คว้ามือเจิ้งเหมยชูขึ้นสุดแขน“ต่อแต่นี้นางคือฮองเฮา เจิ้งเหมยตี่ฮองเฮา”เสียงสรรเสริญ และเสียงซุบซิบด้วยความไม่แน่ใจ“เสร็จพิธี…”เสี่ยวป๋อตะโกนขึ้นเกี้ยวของโยวเสวียนเคลื่อนเข้ามาพอดี โยวเสวียนลุกขึ้นยืนวิ่งออกมาที่ลานพิธีด้วยความตกใจลนลานแทบเสียสติ“ฝ่าบาท เจิ้งเหมย”สายตาเจ็บซ้ำแค้นเคือง ไม่คิดว่าทุกอย่างจะออกมาแบบนี้ด้วยความคิดว่าไม่มีทางที่จะผิดหวัง“องครักษ์จับตัว มันให้หมด” ยังคิดว่าคนของนางอยู่ในวังหลวงหารู้ไม่ว่าถูกสับเปลี่ยนไปไม่น้อยทหารบางส่วนที่ยังเป็นคนของใต้เท้าตู้วิ่งเข้ามา โยวเสวียนชี้มือ เสี่ยวป๋อและเหล่าองครักษ์ที่ชักกระบี่ออกปกป้องจินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อเข้าขว้างหน้าคนทั้งคู่ไว้ โยวเสียนดึงกระบี่จากองครักษ์มาถือไว้ฟาดไปมาข้างหน้าอีกทั้งยังจ้วง
คังซื่อฮั่นนำตัวใต้เท้าตู้ขังในคุกหลวงคุ้มกันแน่นหนารอวันประหาร โยวเสวียนผมเผ้ารุงรังหลุดหลุย ไม่ได้มีความสวยสง่าเหมือนเดิมอีกแล้ว ริมฝีปากซีดขาวแห้งผาก ถูกโซ่ล่ามเข้าที่มือและขาสองข้างคุกเข่าลงข้างหน้า“ฝ่าบาทเห็นแก่ความสัมพันธ์ โยวเสวียนยังไม่อยากตาย”ความตายไม่ช่วยอะไรการอยู่ต่อให้ได้ต่างหากจึงจะสามารถ พลิกฟื้นอำนาจเดิมให้หวนคืนได้ ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ให้ได้ในตอนนี้“ความผิดของเจ้าข้าไม่อาจอภัยได้ แค่เพียงเจ้าสังหารไทฮองไทเฮาก็ยากที่ข้าจะอภัยให้เจ้าได้แล้วยังจะจินเฉิงหวางและผู้อื่นอีกเล่า”กอดขาจินเฉิงอู่แน่น“ฝ่าบาท ที่ผ่านมาโยวเสวียนไม่เคยผิดต่อฝ่าบาทแม้เพียงแต่น้อย”สะบัดขาออกจากการเกาะกุม เจิ้งเหมยมองแล้วเวทนานัก“ฝ่าบาท นางเป็นถึงฮองเฮาแล้วยังเป็นชายาฝ่าบาทมาก่อน”“เจ้า หยุดแสดงความเห็นใจนางได้แล้วฮองเฮาเจ้าก็เป็นเสียแบบนี้”คว้ามือบางมากุมไว้“ฝ่าบาท แค่เพียงละเว้นโทษตาย”“ละเว้นโทษตายกับอยู่ไม่สู้ตาย ข้าขับนางออกจากแคว้นหรือว่าขายไปเป็นทาสดี คนอย่างนางอยู่ที่ไหนก็จะสร้างแต่ความเดือดร้อน ด้วยความไม่รู้จักพอของนางและจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นเคือง”“ฝ่าบาทโยวเสวียนไม่กล้า
“เฉิงเจินควรไปรอพบฟูจินที่ด้านหน้าประตูวัง ส่วนพวกท่านสองคน ข้าหลายวันมานี้อ่านฎีกาจนปวดเมื่อย ตำหนักใหญ่เงียบเหงาหลายวันเราสามคนร่ำสุราผูกสัมพันเช่นเก่าก่อน”เหลียงซานป๋ออมยิ้ม“ไท่จือท่านอย่าทำพลาดอีกนะ ฝ่าบาทอุตส่าห์ลงมือเองเพียงนี้”เฉิงเจินประสานมือตรงหน้าอมยิ้มแก้มปริ“ข้าลาทุกท่าน รับรองด้วยการฝึกปรือจากเสด็จพ่อท่านอาทั้งสอง เฉิงเจินไม่มีทางทำให้ผิดหวังแน่”คนทั้งหมดส่ายหน้าไปมาประตูวัง จินเฉิงเจินเดินวนไปเวียนมาราวกับเสือติดจั่นเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จึงยิ้มได้ ฟูจินดึงบังเหียนม้าให้หยุดตรงหน้า“ไท่จือท่าน ฝ่าบาทมีเรื่องใดกันจึงบัญชาฟูจินกลับเข้าวังหลวงโดยเร็วหรือว่าฮองเฮา”สีหน้าร้อนรนเฉิงเจินยิ้มคว้าข้อมือบางกระชากลงจากหลังม้า ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน“ไท่จือ อย่าทำแบบนี้ ฟูจินมิใช่เด็กๆแล้วและเราสองคนก็โตกันแล้ว”“เราสองคนโตแล้วจึงเหมาะที่จะสร้างครอบครัว”ฟูจินขมวดคิ้ว“ปล่อยฟูจินก่อนเจ้าค่ะ”ดิ้นรนในอ้อมแขนแข็งแรง“ข้ารึ เป็นทุกข์อยู่เสียนานกลัวว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะ กีดกันแต่มาวันนี้ทั้งสองพระองค์ไม่ใช่แค่ไม่กีดกันยังส่งเสริมข้ากับเจ้า”ส่งฟูจินขึ้นบนหลังม้ากระโดดข
“ฟูจินรับบัญชาฮองเฮาสิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้วสำหรับฟูจิน”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทว่าเศร้าสร้อย เจิ้งเหมยยิ้มฟูจินมักว่าง่ายเสมอ“เฉิงเจินกำลังจะแต่งไท่จือเฟยเจ้าเองคงเหงาและใจหายข้าจึงตั้งใจให้เจ้าแต่งกับบุตรชายแม่ทัพเว่ย เสียพร้อมกันจัดงานมงคลขึ้นพร้อมกัน”ฟูจินยิ้มเศร้าๆ“ฟูจิน ไยจึงมีสีหน้าเศร้าสร้อยเพียงนั้น หากไม่เต็มใจ ข้าจึงไม่บังคับเจ้า"ฟูจินย่อกายลงงดงาม"สิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้ว ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองฟูจินเกิดมาก็ได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทและฮองเฮาอยู่สุขสบายเหมือนองค์หญิงเรื่องใดที่เป็นหน้าที่พึงกระทำเพื่อตอบแทนคุณ”เจิ้งเหมยโอบกอดฟูจินอย่างอ่อนโยน“ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณที่มีเจ้าเป็น ดังลูกสาวคังฟูจินหากมีสิ่งใดที่เจ้า หนักใจ บอกกับข้ามาเถิด” ลูบหลังไหล่ให้ ฟูจินสะอื้นเบาๆ เจิ้งเหมยผลักร่างของฟูจินถอยห่างสบตาค้นหาความจริงในดวงตาสีโศกยามเย็นย่ำจินเฉิงเจินเร่งฝีเท้ามายังตำหนักชิงหนิงกงเหลือบแลหาฟูจินแต่ไม่พบนาง“เสด็จแม่”เจิ้งเหมยเงยหน้าขึ้นจากการเย็บถุงหอม“มาแล้วหรือให้ใครตามตั้งแต่บ่ายเพิ่งจะมาถึง ไม่เห็นว่าการพบแม่สำคัญหรือไร คงต้องพูดเรื่องกา
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจิ้งเหมยอมยิ้ม ไท่จือมองฟูจินด้วยสายตาเจ็บซ้ำ“ฟูจินอายุน้อยกว่าเจ้า นางยังเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ไท่จือลูกเองก็น่าจะเข้าใจ ตอนนี้เองไท่จือก็ไม่ได้มีผู้ใดในใจมิใช่หรือ อย่างนั้นหากได้พบองค์หญิงปี่เหยาเจ้าอาจเปลี่ยนใจก็ได้” ไท่จือแม้จะขัดใจเพียงใดแต่ก็ไม่อาจโต้แย้ง นึกน้อยใจฟูจินที่ไม่ช่วยเขาแล้วยังเข้าข้างเจิ้งเหมยที่เป็นมารดาอีก“ ให้เสด็จแม่รู้ไว้ด้วยเถิดว่าลูกไม่เคยจะเต็มใจที่จะแต่งไท่จือเฟยตามที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เห็นสมควร ลูกต้องการที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และเลือกเองเพียงลำพังลูกพูดเพียงแค่นี้ ลูกทูลลา” ขยับตัวลุกขึ้น เหลือบมองฟูจิน สิ่งที่ฟูจินเห็นในนั้นคือแววน้อยใจ ที่ทำเอาฟูจินโศกสลดไม่แพ้กันเจิ้งเหมยส่ายหน้าช้าๆ"ยังทำตัวเหมือนองค์ชายน้อยไม่เปลี่ยน"ฟูจินแสร้งขบขันทางเดินทอดยาว ฟูจินตั้งใจออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่เศร้าหมองหาสาเหตุไม่ได้ เดินเรื่อยไปตามทาง ดวงอาทิตย์อัสดงไปแล้วภาพความทรงจำเก่าๆ ที่เคยวิ่งเล่นอยู่บริเวณนี้กับเฉิงเจิน เสียงหัวเราสอดประสาน พลันร่างอ้วนป้อมของฟูจินก็ล้มลงไปกองกับพื้น"บอกแล้วอย่างไรอย่าวิ่งตาม เห็นไหมบา
มิอาจพูดว่ารักฟูจิน จัดการหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบเรียบร้อย ฮองเฮานั่งอยู่บนแท่นนั่งอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าใกล้“ฟูจินนวดให้ไหมเพคะ”เจิ้งเหมยในวัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับงดงามอ่อนกว่าวัย ยิ้มน้อยๆ“ไม่มีครั้งไหนที่ข้าจะปฏิเสธมีเจ้าเพียงผู้เดียวฟูจินที่นวดได้ถูกใจข้าเหลือเกิน”ฟูจินยิ้มหวาน ออดอ้อนซบหน้าลงบนตักกว้าง“ฮองเฮาเมตตาฟูจิน จนฟูจิน ไม่เคยโหยหาความรักจากมารดาทั้งๆ ที่ ไม่เคยมีมารดากับเขา”เจิ้งเหมยลูบศีรษะเบาเบาจะไม่เมตตาได้อย่างไรก็ในเมื่อคังซื่อฮั่น หอบเอาห่อผ้าที่มีทารกน้อยมา ยื่นส่งให้ตรงหน้าจินเฉิงอู่พร้อมกับ พูดเพียงสั้นๆว่าดูแลเขาแทนข้าด้วย ใบหน้าน้อยๆ ริมฝีปากแดงระเรื่อดวงตากลมใส ที่ยัดนิ้วโป้งเข้าไปดูดด้วยความหิว แก้มป่องใสดวงตาพิสุทธิ์ใครกันจะไม่หลงใหลนาง องค์ชายน้อยชะโงกหน้ามอง ฟูจินด้วยแววตาสงนฉนเท่ห์“ท่านแม่ น้องข้าใช่หรือไม่”เจิ้งเหมยยิ้มกอดองค์ชายไว้ในอ้อมแขน“ นางเป็นน้องสาวของเจ้า”จินเฉิงอู่ตอบขึ้นเบาๆ คังซื่อฮั่นเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันมามอง ด้วยอะไรเจิ้งเหมยรู้ดี เขาตัดใจกับทารกน้อยคนนี้ไม่ได้ หากหันกลับมามอง เห็นทีต้องอุ้มนางกลับไปเร่ร่อนเช่นเดียวกับเขา“เฉิ
จินเฉิงเจิน ในวัย18ปีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของ จินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทว่าอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเหมือนหญิงสาวก็ไม่ปาน ยืนมองทุ่งหญ้าเขียวขจีงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบการขึ้นครองราชย์ของจินเฉิงอู่กับตำแหน่งไท่จือที่จินเฉิงเจินจะถูกแต่งตั้งในวันนี้สายตาคมทอดมองไปไกล เรื่องราวที่ผ่านมามากมายให้ระลึกถึง ในโลกนี้จะมีใครรักและภักดีต่อกันได้เท่าพ่อกับแม่ของเขากันอีก จินเฉิงอู่ไม่ยอมมีสนมนางใน แม้จะมีเขาเป็นโอรสเพียงคนเดียว ก็ไม่เคยร่ำร้องอยากจะมีหญิงอื่นเพิ่มพูน เช่นไรเขาถึงจะรักใครสักคนให้ได้เท่ากับที่จินเฉิงอู่รักเสด็จแม่เจิ้งเหมยของเขา ใบหญ้าสีเขียวขจีลู่ลมน่ามอง เสื้อคลุมถูกถอดออกคลุมให้ฟูจินรวบผมยาวสลวยสอดเสื้อคลุมเข้าไปใต้ไรผม ใบหน้างดงามดวงตาเศร้าสร้อยไม่ต่างจากสายตา ของคังซื่อฮั่น ดวงหน้าผุดผาดริมฝีปากบางใสน่าสัมผัสจนคนมองต้องเผลอขบเม้มฝีปากตัวเอง“ไม่ต้องแล้ว ฟูจินไม่ได้หนาวขนาดนั้นอากาศเย็นสบายดี”เลิกคิ้วสูงยิ้มบางๆ“เจ้ายังเป็นน้องเล็กของข้าอยู่ เมื่อใดที่แต่งออกไปจึงค่อยมาแข็งข้อกับข้า”กระชับเสื้อคลุมให้อย่างอ่อนโยน“ไปเถอะสายมากแล้วใกล้ได้เวลา
ใบหน้าเรียบเฉยทว่าใจกลับสั่นไหว คังซื่อฮั่นแปลกใจว่าตัวเขาเป็นอะไรไปกันแน่ ในเมื่อกับเจิ้งเหมยมีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดได้ห่วงใยและคอยปกป้อง แต่กลับรู้สึกเป็นสุขเมื่อเจิ้งเหมยมีรอยยิ้มและดีใจเมื่อเจิ้งเหมยมีความสุขซึ่งเขาคิดว่ามันคือความรัก แล้วแบบนี้เล่าคืออะไรกันทำไมรู้สึกว่าไม่อาจห้ามใจ กับความซุกซนของอี้หลิน“พอใจหรือยัง”อี้หลิน เงื้อมือตั้งจะจะฟาดลงบนใบหน้าของคังซื่อฮั่นแก้เขิน คังซื่อฮั่นใช้ความไวคว้าข้อมือไว้ยิ้มยียวน“วันพรุ่งนี้ข้าจะรับบัญชาฝ่าบาทรั้งอยู่ที่นี่แล้วก็ตกลงใจที่จะรับเจ้าเป็นภรรยาตามที่เจ้าต้องการ” อี้หลิน ไม่กล้าสบตาก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ใครจะแต่งกับท่านกัน”“อ้าวเจ้าพูดเองว่าฝ่าบาทประทานสมรส ห้ามข้าเฉยชาใส่เจ้าแล้วยัง ...มาลวนลามข้าก่อน พอข้าเอาคืนกลับทำท่าทีไม่พอใจเสียอย่างนั้นเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”จมูกรั้นเชิดหยิ่ง“ข้าก็ไม่เห็นจะง้อท่านเลยไม่แต่งก็ได้”ก้าวขากำลังจะออกจากห้องไปคังซื่อฮั่นรวบเอวบางจากด้านหลัง ฉวยโอกาสกอดไว้แน่น“ไม่ทันแล้ว หากเจ้ารู้จักข้าดี ก็จะรู้ว่าคนอย่างคังซื่อฮั่นยึดมั่นคำสัจเพียงใดพูดคำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยนใจ เ
เมื่อมาถึงห้องพัก คังซื่อฮั่นเริ่มคิดหาคำพูดที่จะพูดคุยกับอี้หลิน“เจ้าชื่อแซ่อะไรข้าลืมไปเสียหมดแล้ว”“ท่านคังท่าน ช่างเป็นบุรุษที่หลงลืมง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ หากท่านจะมีความจำสักนิดก็จะรู้ว่า อี้หลินเคยพบท่านมาก่อน”“อี้หลิน”อี้หลินพยักหน้า“เคยพบกันที่แห่งใด”ใบหน้าฉงนสนเท่ห์“จนกว่าท่านคังจะจำได้ อี้หลินจึงจะบอกว่าเราพบกันตอนไหน”คังซื่อฮั่นถอนใจ“ไม่ถาม แล้วก็ไม่ต้องการคำตอบแล้ว”คนพูดน้อยเผอเรอหลงลืมไปว่าตัวเอง ไม่ชอบเซ้าซี้ใครพอนึกได้ก็เปลี่ยนท่าทีทันทีเช่นกัน อี้หลินเบ้ปากคนอะไรไม่ชอบ ที่จะเล่นสนุกกับผู้ใด นานแค่ไหนแล้วที่คังซื่อฮั่นปลีกตัวออกไปอยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ ถึงท่านคังไม่อยากรู้แต่อี้หลินก็จะบอก”“ว่ามา”ใบหน้าเฉยชา หยิบน่องไก่ในจานมาพิศดูความทรงจำลอยวนเข้ามาในความคิด น่องไก่ที่ยื่นส่งให้เจิ้งเหมยในวันนั้น เหลียงซานป๋อกับเขาพากันกัดแทะลำตัวไก่เสียหมด ไว้แกล้มสุราจนเริ่มมีความกล้าในภารกิจครั้งนั้น ก็ในเมื่อคนที่ต้องนำน่องไก่ไปให้เจิ้งเหมยเป็นเขาตามความเห็นของจินเฉิงอู่และเหลียงซานป๋อ คังซื่อฮั่นเผลอยิ้มให้น่องไก่อวบ“ยิ้มทำไม”“ ไม่ใช่ ธุระอะไรของเจ้า”อี้หลินหน้าเง้า“เ
พลันแสงสว่างข้างกายกลับมืดมิด เมื่ออี้หลินเดินถือถาดขนมในมือเข้ามาทุกสิ่งมืดมิดลงทันที่มีเพียงรอบกายของอี้หลินเท่านั้นที่สว่างเรืองรอง คังซื่อฮั่นอ้าปากค้าง ดวงตาพร่ามัว"คังซื่อฮั่น"เสียงเรียกจากจินเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายกลับเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล และเหมือนกับเสียงนั้นเอ่ยออกมาเชื่องช้าด้วยเวลาในขณะนั้นถูกหยุดหรือถูงดึงให้ช้าลงไป"อี้หลินถวายพระพร ฝ่าบาทฮองเฮา องค์ชายน้อย คารวะท่านเหลียงซานป๋อ และท่าน.."หันไปทางคังซื่อฮั่น"คังซื่อฮั่น"เอ่ยปากเบาๆ จนเกือบกลายเป็นกระซิบ แต่ตายังจ้องมองที่อี้หลินตาไม่กะพริบ จินเฉิงอู่เจิ้งเหมยกับเหลียงซานป๋อปิดปากหัวเราะพร้อมกันจินเฉิงเจิน ฟูจินหันมองหน้ากันแบบงงๆ ว่าคนทั้งหมดกำลังหัวเราะอะไรคังซื่อฮั่น"อี้หลิน เจ้านำทางท่านคังไปที่พำนักและช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านคังด้วย"เจิ้งเหมยออกคำสั่งอี้หลินย่อตัวทำความเคารพ"เชิญท่านคังตามข้ามา"คังซื่อฮั่นเดินตามไปอย่างงงๆ เจิ้งเหมยรับเอาฟูจินมาอุ้มไว้จินเฉิงเจินกับฟูจินวิ่งลงจากอ้อมแขนหยิบขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย“เห็นไหม องค์ชายอี้หลินนางทำขนมได้ถูกใจเราสองคนที่สุด”ปากเล็กเคี้ยวขนมไม่หยุด องค์ชายน้อยย
อิงฝานเดินจากไปยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก ความเจ็บแค้นทั้งหมดสูญสลายไปหมดอโหสิกรรมให้โยวเสวียน ชาติหน้าอย่าได้พบกันอีกเลย คนอย่างโยวเสวียน หากยังมีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่มีสิ้นสุดตราบใดที่นางยังหายใจนางก็จะทำให้ คนอื่นต้องสูญเสียชีวิตอีกกี่คนกันเล่าดอกเหมยงดงามสองข้างทางกลับสีชมพูแดงร่วงหล่นลงบนทางเดินทอดยาววกวน องค์ชายน้อยจินเฉิงเจิน วิ่งไล่จับแมลงปอที่บินวนไปมา เสียงหัวเราะสนุกสนาน ดังไปทั่วบริเวณ เหล่าขันทีและนางกำนัล วิ่งตามด้วยกลัวจะหกล้มหกลุกแต่เรี่ยวแรงมากมายวิ่งจนทั่ววังหลวงที่กว้างขวาง“องค์ชาย รอฟูจินด้วย”เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งตาม“ตามข้ามา ฟูจิน”เสียงเล็กๆใสใสกวักมือให้ตามไป แต่ฟูจินหกล้มหัวเข่ากระแทกเลือดไหลซึม“คุณหนูฟูจิน จะวิ่งทำไมคะ”นางกำนัลรีบวิ่งมาอุ้ม จินเฉิงเจินวิ่งลับตาไปยังคงตามจับแมลงปอตัวสวย“องค์ชายใจร้าย”ฟูจินตัดพ้อปาดคราบน้ำตานางกำนัลให้ฟูจินขี่หลัง เจิ้งเหมยเดินมารับเอาคุณหนูฟูจินตัวอ้วนป้อม มากอดแนบอกลูบหลังไหล่ให้ ยกเขาเล็กขึ้นมาเป่าที่แผลเบาๆ“ฮองเฮา องค์ชายไม่รอฟูจิน”มืออ้วนป้อมกอดรอบคอซบหน้าลงบนไหล่อุ่น เจิ้งเหมยยิ้มอ่อนโยน“ปล่อย