“เจ้าว่าอย่างไรนะ”“เปล่าเพคะ ว่าแต่ เหตุใดท่านจึงถูกพิษซ้ำเข้าไปอีกครั้งหนึ่งได้”“หลังจากเรื่องที่รัชทายาทถูกพิษ ข้าก็ออกติดตามคนร้ายจนได้เบาะแส จึงได้ออกนอกเมืองเพื่อไปถึงที่กบดานของพวกมัน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแผนลงเพื่อกำจัดข้ายังดีที่ข้าวางแผนป้องกันไปพร้อมกับองครักษ์หลวง พวกมันล่าถอยแต่ก็หันมาแว้งกัดข้าได้”“เหตุใดท่านมีบาดแผลไปทั้งตัว คงมิได้ถูกพวกมันรุมโจมตีเหมือนครั้งก่อนหรอกนะ”“ไม่ผิดเพราะข้าตั้งใจจะจับตัวมันให้ได้ เลยวิ่งตามไปในป่า องครักษ์ที่เหลือติดตามไปไม่ทันเลยถูกรุมหนึ่งต่อยี่สิบ ก็เลยพลาดถูกอาวุธพิษนี่มาอีกครั้ง”“นานเท่าใดแล้ว”“สามวันเห็นจะได้ วันนั้นเป็นวันที่ข้าไม่ได้ไปหาเจ้าที่จวน” “ช่างโง่เสียจริง แม้ว่าท่านจะเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจเพียงใดแต่ก็มิอาจสู้กับวิถีโจรที่มักจะลอบกัดอยู่ในเงามืดได้หรอก”“ข้าผิดไปแล้วอย่าดุข้ามากนักเลยข้าเริ่มเจ็บแผลอีกแล้ว”“แสดงว่าท่านรู้ที่ซ่อนของพวกมันแล้ว แล้วหัวหน้าพวกมันเล่าเพคะ”“เหลียงคุณหมิง องค์ชายของแคว้นฉู่”“เป็นถึงองค์ชายแต่เหตุใดใช้วิธีสกปรกเช่นนี้”“เขามาเพื่อแก้แค้นข้าและต้องการกำจัดองค์รัชทายาท”“เพราะอะไรกันเพคะ”“ครั้งหน
ลู่หลิงเฟยสะดุดกึกพร้อมกับหันไปมองพระพักตร์ที่เริ่มโกรธจัดของท่านอ๋องที่นั่งข้าง ๆ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้นางจนนางถอยไม่ได้“เจ้าบอกว่านอกจากหอนางโลมแล้ว เจ้ายังเที่ยวผู้ชายที่หอนายโลมนั่นด้วยงั้นหรือ”“ทะ..ท่านอ๋องเดี๋ยวก่อนเพคะ เรื่องนั้นมันมีที่มาที่ไป คือว่า….”“ขอเหตุผลที่ดีมากพอนะ คงมิใช่ว่าไปเพราะชื่นชอบใบหน้าของบุรุษในนั้นหรอกนะ”“ไม่ใช่นะเพคะ ตอนนั้นที่ไปก็เพราะจางชิงชิงเป็นผู้ชวนไป นางชื่นชอบบุรุษนักเล่นพิณคนหนึ่งในหอนั่นจึงได้ไปเป็นเพื่อนนาง ใครจะคิดว่านางกลับเที่ยวไปบอกคนอื่น ๆ ว่าข้าพานางไปที่นั่น โยนความผิดให้ข้าแต่ข้าก็ไปบ่อยจริงจึงไม่กล่าวโทษนาง ในตอนหลังอาจารย์ฮ่วนเซียวจึงรับสอนพิณให้ข้า จึงได้ไปพบเขาบ่อย ๆ เรื่องก็เป็นเช่นนี้เพคะ”“ที่เจ้าไป เพียงเพราะเรียนดีดพิณงั้นหรือ”“ใช่เพคะ ก่อนหน้านั้นหม่อมฉันมิได้สนใจศาสตร์ทั้งสี่ แต่อาจารย์บอกว่าวิชาดีดพิณก็ถือเป็นวรยุทธ์อย่างหนึ่ง ใช้ฆ่าคนได้ ทำร้ายคนได้และยังทำให้หูของศัตรูหนวกได้ด้วยหม่อมฉันจึงขอให้เขาสอนให้ ตื๊ออยู่ตั้งนานกว่าเขาจะยอมสอน”“แต่เจ้าไม่เคยบอกผู้ใดเลย”“เหตุใดข้าต้องเที่ยวประกาศไปทั่วด้วย ข้ามิใช่หลี่ฟางอิ่ง
ในเมื่อจะเอาใจเขาแล้ว หลิงเฟยเลยตัดสินใจทำให้ท่านอ๋องพอใจมากที่สุดก่อนที่นางจะออกจากจวน นางยกยามาให้พร้อมกับค่อย ๆ เป่าให้เขาและป้อนทีละช้อนจนหมด ซึ่งท่านอ๋องทรงพอใจมากจนกระทั่งนางเอ่ยขึ้น“กินข้าวแล้ว ดื่มยาแล้ว เช่นนั้น…”“ยังไม่ถึงเวลาเลยนะ ฟ้าก็ยังไม่มืดเลย”“ได้เวลาอาบน้ำแล้วเพคะ ไปเถอะไปอาบน้ำกันหม่อมฉันจะอาบให้”ราวกับได้ยินเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ท่านอ๋องหันมามองใบหน้าของผู้พูดให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขาฟังไม่ผิด เมื่อครู่นางบอกว่านางจะเป็นผู้อาบน้ำให้เขางั้นหรือ“หนะ…นี่เจ้าพึ่งจะบอกว่า…”“เพคะ พระองค์บาดเจ็บถึงอย่างไรก็อาบน้ำเองไม่ได้อยู่แล้ว หม่อมฉันออกไปเอายาและสั่งให้จื่อรุ่ยเตรียมน้ำเอาไว้แล้วรีบไปเถอะเพคะ”“เจ้าจะอาบน้ำให้ข้า แน่ใจแล้วงั้นหรือ”“เพคะ อาบน้ำเสร็จแล้วหม่อมฉันจะได้ทำแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลด้วย”“เช่นนั้นก็ได้”หลิงเฟยพยุงเขาเดินไปที่ห้องอาบน้ำและรอให้เขาเปลี่ยนชุดและเดินลงไปที่อ่างไม้ที่จัดเตรียมเอาไว้ แม้ว่าพึ่งจะผ่านสนามรักกันมาแต่นางก็ยังไม่เคยมองเขาเต็มตาเช่นนี้กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ตรงหน้าอีกทั้งแผงอกกว้าง หลังที่มีรอยเล็บของนางยังชัดอยู่ในตอนนี้อีกทั้งหน้า
หลิงเฟยหายเข้าไปอยู่นาน เมื่อนางเดินออกมาและพบจางหยวนที่หน้าห้องซึ่งเป็นที่นัดหมายของพวกเขา นางเดินออกมาด้วยชุดนางรำสีแดงสดน้อยชิ้นที่ขับกับผิวนางพร้อมกับผ้าปิดปาก นางเห็นเขาแล้วจึงเข้าไปทักทาย“เป็นอย่างไรบ้างได้เรื่องหรือไม่”“เอ่อ…หลิงเฟย เจ้าหรอกหรือ ข้าจำแทบไม่ได้”“อย่าพึ่งพูดว่าอย่างไรบ้าง”“พวกมันนำงานบางอย่างมามอบให้ด้วย หากว่านางคณิกาที่นี่ผู้ใดอยากได้งานจากพวกมันก็ต้องแสดงความสามารถที่โดดเด่นจนพวกมันยอมรับ พวกมันจะเลือกพวกนางจากความพอใจและพาไปที่ห้องส่วนตัวริมสุดนั่น”“ฉลาดมาก ทำเช่นนี้นอกจากจะไม่เป็นที่สงสัยแล้วยังสามารถเลือกผู้ลงมือด้วยตัวเองได้และแน่ใจว่าพวกนางจะไม่เปิดปากพูดมาก หากจังหวะดีก็จะพบนางคณิกาที่สามารถนำยานี่เข้าวังหลวงได้โดยไม่ต้องถูกสงสัย”“เจ้าจะทำเช่นไรต่อ”“ก็ต้องพยายามเข้าไปในห้องนั้นให้ได้ ข้าต้องรู้ก่อนว่าพวกมันจะมีภารกิจอะไรให้พวกนางทำ เจ้าคอยดูเหตุการณ์ต่อ อย่าลืมว่าหากเจอสิ่งผิดปกติ ส่งสัญญาณทันที”“อืม ได้สิ”หน้าเวทีแขกที่เข้ามายังหอนางโลมเริ่มเต็มเกือบทุกโต๊ะ เมื่อสตรีสูงวัยที่ทำหน้าที่ดูแลนางรำขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกและเริ่มการแสดง รอบแรกเป็นการแ
หลิงเฟยเผลอเอ่ยปากออกไปเมื่อเปิดดูยาพิษในขวด เมื่อพวกมันได้ยินจึงรีบหันมามองที่นางในทันทีพร้อมกับความสงสัย“เจ้าเป็นใคร หากไม่บอกอย่าหวังว่าจะได้ออกไป”“ข้าก็แค่…”“จับนางไว้!!”ไม่ทันสิ้นเสียงหลิงเฟยจึงใช้ผ้าแพรพุ่งออกไปจัดการกับองครักษ์ของเขา เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีพร้อมกับนางโลมที่เหลือที่วิ่งหนีเอาตัวรอด จางหยวนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจึงจุดพลุขอความช่วยเหลือในทันที เฉินเป่าหลิงที่ล้อมอยู่ด้านนอกสั่งปิดทางเข้าออกทุกด้านและล้อมจับ“หลบไป!!”หลิงเฟยสั่งพวกนางที่เหลือให้หลบออกไปจากในห้องนั้นพร้อมกับใช้ผ้าแพรดึงองครักษ์อีกสองคนของชายชุดดำนั้นไว้ พวกมันดึงดาบออกมาและฟันผ้าแพรนางขาดการต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อหลิงเฟยใช้พลังปราณดันตัวพวกมันกระเด็นออกไปและวิ่งออกมาจากห้องแต่ถูกพวกมันตามมาได้ทันนางจึงหันกลับไปถีบอีกครั้งพร้อมกับใช้แพรขาวตบไปไม่ยั้งจนองครักษ์คนหนึ่งล้มไปกองกับพื้น“นังสารเลว ข้าเอง”หัวหน้าพวกมันมีวรยุทธ์สูงกว่านาง มันหยิบผงบางอย่างออกมาและเป่ามาที่นาง หลิงเฟยหลบไม่ทันและโดนเข้าจึงมองไม่เห็นนางจึงใช้แพรขาวพันตัวเพื่อหลบดาบของมันแต่ก็พลาดถูกฟันเข้าไปหนึ่งแผลนางจึงผนึกลมปราณและพุ
“ออกไปเลยคนใจร้าย ข้าไม่ต้องการท่านแล้ว ออกไปเลย ฮือ…”“ไม่ใช่นะ เอาละ ข้ายอมแล้ว ๆ ไม่ด่าแล้ว ๆ พอใจหรือยัง นิ่งก่อนสิ นิ่งก่อน เงียบก่อนเจ้าจะทำให้ข้าบ้าตายอยู่แล้ว”“ท่านไม่รู้หรือ ท่านกลัวคนเดียวหรืออย่างไร ข้าทั้งกลัวทั้งตัวสั่นตอนที่พวกมันจับได้ข้าก็คิดถึงแต่ท่าน แล้วดูท่านสิ ช่วยออกมาได้ก็อุ้มข้าราวกับกระสอบอาหารออกมาจากที่นั่น ข้าก็อายเป็นนะ ฮือ…..”“ข้าขอโทษ ขอโทษแล้วอย่าร้องสิ โธ่เอ๊ย หลิงเฟย เจ้าหยุดก่อน ข้าต้องเป็นคนโมโหสิถึงจะถูก”“ข้าทั้งกลัวทั้งโกรธ อุตส่าห์ทำขนาดนี้คำชมสักคำไม่มีแล้วยังด่าข้าอีก ฮือ…ท่านมันคนใจร้าย”ท่านอ๋องไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรกับนางในตอนนี้ดี วันหนึ่งเปลี่ยนหลากหลายอารมณ์จนเขาตามไม่ทัน ในตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดให้เขาถามได้ จื่อรุ่ยก็ยังไม่กลับ เขาจึงดึงนางเข้ามากอดเอาไว้และลูบหลังนางเบา ๆ พร้อมกับพยายามเลี่ยงบาดแผลของนาง“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าก็ไปช่วยเจ้าทันมิใช่หรืออย่างไรเล่า ข้าอยู่นี่แล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”นางกอดเขากลับพร้อมกับตีเขาอีกครั้งเพราะความโมโห“แล้วผู้ใดกันที่ต่อว่าหม่อมฉัน ผู้ใดที่ตำหนิและยังด่าว่า…ว่า เป็นนางโลม ฮือ….ออกไปเลยหม่อมฉัน ไม่อยาก
“เอ่อ แต่ว่า อาา หลิงเฟยเดี๋ยว!!”นางดันตัวเขาลงไปนอนราบกับพื้น ส่วนตัวนางยังคงครอบครองมังกรยักษ์อยู่ที่ปากไม่หยุด มือเรียวเอื้อมไปบดขยี้หน้าอกของเขาเป็นจังหวะ ท่านอ๋องไม่สามารถทนกับความเร่าร้อนของนางได้เลย“หลิงเฟย ข้าจะ…อาาา ไม่นะ ถอยออกมาก่อน”หลิงเฟยยอมปล่อยและพุ่งตัวเข้าไปหาเขา ใบหน้าทั้งคู่แทบจะติดกันอยู่แล้วเมื่อนางพูดกับเขา“หากทนไม่ไหวก็พ่นใส่ปากหม่อมฉัน เข้าใจหรือไม่”“ไม่!! จะให้ข้าทำเรื่องเช่นนั้นกับเจ้า…ข้า…..ทำไม่ได้”“หลินอี้ เชื่อข้าเถอะนะ อย่ากดดันตัวเองท่านกับข้ารักกันมิใช่หรือ”“แต่ว่า การกระทำเช่นนั้น…”“หม่อมฉันอยากลอง”นางก้มลงไปอีกครั้ง เขาเองก็สุดจะกลั้นได้ เขารู้ตัวเองดีว่าอดทนได้อีกไม่นานจึงเปลี่ยนเป็นจับที่ศีรษะของนางและเก็บรวบผมให้นางเท่านั้นและเริ่มสั่นน้อย ๆ เมื่อเริ่มทนไม่ไหวจนถึงขีดสุด“หลิงเฟย มัน…มาแล้ว อาา หลิงเฟย ทนไม่ไหวแล้ว อาาา!!!”น้ำอุ่น ๆ พุ่งเข้าไปในปากนางสุดแรง หลิงเฟยดูดและกลืนลงไปจนหมด ท่านอ๋องนอนหอบหมดแรงอยู่นางลุกขึ้นและถูกเขาดึงเอาไว้“จะไปไหน เจ้าจัดการข้าแล้วคิดจะหนีงั้นหรือหลิงเฟยของข้า ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”“ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันเพ
ท่านอ๋องเข้าทรุดลงและกอดนางเอาไว้แน่น เขาคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะเกิดเรื่องเช่นนี้ เดิมทีคิดว่านางฝันร้ายหรือพบเจออะไรเข้า แต่…..“หลิงเฟยฟังข้านะ บิดาเจ้าเป็นหมอหลวงที่เก่งที่สุด เขาจะต้องช่วยรักษาเจ้าได้ เชื่อข้านะ มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำล้างแผลแล้วเปลี่ยนชุดให้เจ้าแล้วรีบพาเจ้า…..”ท่านอ๋องกลั้นเสียงไม่ไหวอีกต่อไป เขาไม่เคยอ่อนแอถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าเรื่องของลู่หลิงเฟยจะทำให้เขาเสียน้ำตา ครั้งสุดท้ายที่เขาร้องไห้คือตอนที่บิดาของเขาเสียชีวิตกลางสนามรบ “ข้ากลัว ข้า…หลินอี้ ข้ากลัว”“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะอยู่กับเจ้าไม่ห่างเจ้าไปไหน ข้าสัญญาหลิงเฟย เชื่อใจข้านะได้หรือไม่”“หม่อมฉัน…”“ไม่เป็นไร ข้าจะรีบพาเจ้ากลับจวนสกุลลู่และรีบส่งข่าวไปบอกบิดาเจ้า”เขาอุ้มนางออกมาจากห้องย้ายไปที่ห้องอาบน้ำและสั่งให้จื่อรุ่ยเตรียมรถม้าไปสกุลลู่และให้รีบส่งข่าวไปแจ้งให้ท่านหมอลู่รออยู่ที่จวน จื่อรุ่ยและสาวใช้ถึงกับตกใจเมื่อเห็นท่านอ๋องอุ้มลู่หลิงเฟยที่ตัวชุ่มเลือดออกมาจากห้อง“ให้คนไปเก็บกวาดห้องด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”หยางหลินอี้พานางไปอาบน้ำ เขาเป็นผู้อาบให้นางเองทั้งหมด ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไม่หยุด
สองเดือนถัดมา “เบ่งเพคะพระชายา อื้อ....”“กรี๊ด!!!..”“อุแว๊!!……”“เป็นองค์ชายน้อยเพคะ”สิ้นเสียงของหมอตำแยทำคลอดในวังที่แจ้งว่าพระชายาขององค์รัชทายาทคลอดบุตรชายออกมา ทำให้ จวินอวี้หยวนองค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นและพุ่งกายเข้าไปยังห้องที่พระชายาอยู่ในทันที หลิงเฟยหันมามองพระพักตร์พระสวามีที่นั่งอยู่ข้าง“ท่านพี่ เป็นอะไรไปเพคะ”“คือว่า…ตอนเจ้าคลอด ก็จะต้อง…ร้องทรมานเหมือนกับที่….อิ๋งเซียน…”“ใช่เพคะ สตรีเวลาคลอดก็เป็นเช่นนี้ หากบุตรคลอดง่ายก็ไม่เจ็บนานเหมือนกับที่พี่หญิงเบ่งเพียงสี่ห้าครั้งบุตรก็คลอด แต่บางคนเบ่งอยู่ร่วมครึ่งวันก็ยังไม่ออกก็มี”“อะไรนะ!! เบ่งครึ่งวันงั้นหรือ เฟยเอ๋อร์ เช่นนั้นเจ้า…มิต้องทรมานแย่หรือ”“พระองค์อย่ากังวลพระทัยเกินไปเพคะ หม่อมฉันกับพี่หญิงก็ต่างเป็นสตรี เรามีบิดาเป็นหมอนะเพคะ คลอดไม่ยากหรอกเพคะ”“แต่เสียงร้องนั่นทำเอาองค์รัชทายาทแทบจะเป็นบ้าตายเจ้าก็เห็น”“นั่นเพราะพี่เขยไม่เคยได้ยินพี่หญิงกรีดร้องทรมานเช่นนี้มาก่อนก็เลยตกพระทัยน่ะเพคะ”“เช่นนั้นข้า…ไม่เป็นลมไปเลยงั้นหรือหากได้ยินเสียงเจ้าเจ็บปวดถึงเพียงนั้น ข้าจะทนไม่ได้เอาน่ะสิ”“เช่นนั้นพระองค์ก็ไม่ควรม
“เปล่าเพคะ แค่เวียนหัวเพราะคนเดินตามเกือบแปดคน ไปไหนก็เดินล้อมขนาดนี้ไม่เวียนหัวบ้างก็แปลกสิเพคะ”“เช่นนั้นให้ข้าเดินตามเจ้า อารักขาเจ้าคนเดียว จะได้ไม่เวียนหัวดีหรือไม่”พระชายาหันมามองพระพักตร์ที่จริงจังเมื่อเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์ไม่มีงานราชกิจอื่นแล้วหรือเพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์มิได้ป่วยนะเพคะ”“ข้าเป็นห่วงเจ้า ข้าผิดงั้นหรือ”หลิงเฟยถอนหายใจพร้อมกับดึงคอเขาเข้ามาซบที่อกนาง ลมหายใจของเขาร้อนผ่าว หัวใจยังเต้นแรงเพราะวิ่งมาอย่างรวดเร็วเพราะเป็นห่วงนาง“ท่านพี่ ข้าสัญญากับท่านว่าจะดูแลตัวเอง ท่านพี่เป็นห่วงหม่อมฉันเข้าใจเพคะ แต่ว่าหม่อมฉันเองก็ไม่อยากให้พระองค์เป็นห่วงมากเกินไป ทำเช่นนี้ราวกับว่าไม่ไว้ใจหม่อมฉันนะเพคะ”“ข้าต้องพยายามปรับตัวอีกแล้วใช่หรือไม่”“เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากว่าพระองค์เป็นห่วงหม่อมฉัน พระองค์ก็ทำเท่าที่อยากทำเถิดเพคะ แต่ว่าอย่าให้เสียงานจนผู้อื่นครหาท่านเอาได้ หม่อมฉันมิอยากเป็นต้นเหตุว่าทำให้พระองค์ไม่มีความรับผิดชอบในงานอย่างอื่น”“ได้ ข้ารับปากเจ้า แล้วเจ้ากินอะไรหรือยัง พระชายาฝากยาบำรุงมาให้เจ้าด้วย นางบอกว่าได้มาเยอะช่วงที่ตั้งครรภ์เลยแบ่
สี่เดือนถัดมา“พวกเจ้ารีบย้ายของพวกนี้ออกไปอย่าให้มีของที่มีคมอยู่ในสถานที่ที่พระชายาจะเดินผ่านได้ เร็วเข้า จื่อรุ่ย!! เจ้าไปเอายาบำรุงครรภ์ที่พ่อตาข้ามาหรือยัง”“อยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ กำลังจะรีบนำไปต้มพ่ะย่ะค่ะ”“รีบไปเลยเร็ว ๆ พระชายาจะตื่นแล้ว ข้าวละ เสร็จหรือยัง”“หลินอี้!!”เสียงของหยางหลิงเฟย พระชายาดังขึ้นเพื่อเรียกพระสวามี นางตื่นขึ้นมาและมองไม่เห็นเขาอยู่บนเตียง ท่านอ๋องรีบสั่งการเก็บกวาดจวนจนทั่วเพื่อมิให้หลิงเฟยเกิดปัญหาเวลาเดินในจวน“ข้ามาแล้ว ๆ”“ท่านไปที่ใดมา"“ข้า….ไปสั่งให้ทุบทำขั้นบันไดใหม่ให้เจ้า จะได้เดินง่ายขึ้น”“นี่ท่านสั่งรื้อจวนอีกแล้วงั้นหรือ!!”รอยยิ้มสำนึกผิดของท่านอ๋องหลบสายตาพระชายาไม่ได้เลย “ไม่ต้องมายิ้มเลย วันก่อนก็สั่งรื้อสวน”“ก็กลัวเจ้าเดินสะดุดหญ้าล้มนี่ มันอันตรายมากนะ”“แล้วยังสั่งไม่ให้ข้าจับเครื่องมือบดยา”“ก็มันมีทั้งมีดและครกหิน มันอันตรายทั้งนั้น เสี่ยงมากนะหลิงเฟยไม่ได้หรอก ช่วงนี้เจ้าห้ามเข้าไป”“นี่ท่านสั่งรื้อบันไดอีกแล้ว”“ซี่มันถี่และชันมากเกินไป เจ้าคิดดูสิ ช่วงครรภ์แรกท่านพ่อบอกว่าห้ามเจ้าเดินเร็ว ห้ามยกของหนัก ห้ามสะดุดล้ม มันเสี่ยงน
ห้องส่งตัวเจ้าสาว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ”“เจ้าตั้งใจจะโยนลูกบอลแพรและเปลี่ยนเจ้าบ่าวจริง ๆ นะหรือเมื่อเช้านี้”ลู่หลิงเฟยหันมามองพระพักตร์ของพระสวามีอย่างนึกเคืองใจที่เขาบังอาจเล่นนอกบทที่ตกลงกับนางเอาไว้ก่อนหน้านี้จนเกือบแก้ไขไม่ทัน ยังดีที่ท่านอ๋องเป็นคนฉลาดและรู้ใจนางดีเขาจึงแก้ไขสถานการณ์นั้นได้“เป็นพระองค์ต่างหากที่เปลี่ยนบทก่อน”“นั่น ข้าก็แค่อยากจะขึ้นไปรับเจ้าเท่านั้น หากว่าเจ้าตกลงมาอีกจะทำเช่นไรเล่า ข้าน่ะตั้งใจเปลี่ยนเองเพราะอยากให้เจ้าเข้าใจหัวใจของข้ามากขึ้น”“หึ ยังดีที่พระองค์แก้ไขได้ทัน มิเช่นนั้นเจ้าบ่าวของหม่อมฉันในวันนี้คงมิใช่พระองค์แล้ว”“มีหรือว่าข้าจะยอม ต่อให้เจ้าจะเปลี่ยนเงื่อนไขอีกกี่ร้อยครั้ง เจ้าบ่าวก็ยังต้องเป็นข้าอยู่ดี เจ้าหนีไม่พ้นหรอก เหมือนในคืนนี้ที่เจ้าหนีไม่พ้นแน่ ๆ”“พระองค์ดื่มจนเมาแล้วใช่หรือไม่”“ไม่เมาเท่าสุรามงคลที่ดื่มกับเจ้าหรอก”“เช่นนั้นข้าต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่”หลิงเฟยจูบเขาทันทีพร้อมกับดึงชุดเจ้าบ่าวออกอย่างรวดเร็ว แต่ชุดเหล่านี้ตอนใส่พวกเขาแทบจะไม่ได้ใส่เอง ดังนั้นตอนถอด…..“นี่มันถอดแบบไหนละ หลินอี้ ดึงสายนั้นออกก่อนสิ ไม่ใ
ตำหนักบูรพา“พี่หญิง”“น้องสี่ เจ้ามาได้สักทีนะ เป็นอย่างไรบ้างบาดแผลของเจ้าหายดีหมดแล้วหรือไม่ แล้วนี่ตาเจ้ายังมีปัญหาอะไรอยู่หรือไม่ เจ้ามองข้าชัดใช่หรือไม่”ลู่อิ๋งเซียนเอ่ยถามลู่หลิงเฟยไม่หยุดเมื่อพบหน้ากันจนท่านอ๋องและองค์รัชทายาทแทบจะไม่มีช่วงที่ขัดจังหวะนางได้เลย จนองค์รัชทายาทต้องดึงไหล่ของพระชายาเอาไว้และให้ใจเย็น ๆ“เจ้าใจเย็นก่อนให้หลิงเฟยได้พักสักหน่อย นางพึ่งเข้าเฝ้าเสด็จพ่อมาให้นางได้หายใจก่อนสิ”“ข้า…เป็นห่วงนี่ได้ข่าวว่าทั้งถูกลักพาตัว ถูก….ขัง แล้วไหนจะโดนตบตีอีก”“พี่หญิง ท่านฟังข่าวลือมากไปแล้ว นางร้ายเช่นข้าผู้ใดจะกล้ารังแก”“แล้วข่าวที่ว่าเจ้า….ใช้ดาบฟันดวงตาองค์หญิงหลีน่าจนบอดนั่น…”“เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ”“ตายจริง เหตุใดเจ้า…”“เรื่องนั้นเป็นเพียงแค่การป้องกันตัว องค์ชายคุณหมิงเองก็เข้าพระทัยดี เห็นว่ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทและตกลงทำการค้ากับเราหลายอย่างเลยนี่”“ใช่ ๆ หลินอี้ ครั้งนี้เราได้ประโยชน์มากกว่าที่คิด อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณพวกเจ้าละนะ องค์ชายคุณหมิงรู้สึกสำนึกผิดมากจริง ๆ ถึงกลับยอมละเว้นภาษีสินค้าที่จะนำเข้าไปขายยังแคว้นฉู่และยินยอมให้เราเก็บภาษีเต็
ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่แดงจัดนั่นและอดนึกขำไม่ได้ นางกับเขาเคยทำเรื่องเช่นนี้ก็จริงแต่การที่จะเห็นผู้อื่นทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าคงมีเพียงนางที่แกล้งตาบอดเท่านั้นที่จะได้เห็น“เจ้าบอกว่า พวกเขานอนด้วยกัน…ทั้ง ๆ ที่มีเจ้า..”หลิงเฟยพยักหน้าและหันไปซุกที่อกท่านอ๋องทันทีเพราะความอายที่จะเล่าต่อ ท่านอ๋องจะโกรธนางลงได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะทำผิดไปบ้างแต่ก็พอให้อภัยได้ แต่เรื่องก่อนหน้านี้เขารวมบัญชีเอาไว้แล้ว กลับจวนค่อยสะสางกับนางอีกครั้งก็ยังไม่สาย“แย่จริง เช่นนั้นองค์หญิงผู้นั้นก็…..”“หลินอี้ นาง….”“นางทำไมงั้นหรือ”“นาง…นอนอยู่กับผู้ชาย…สะ….สามคน”""สามคน""ซางเย่ถึงกับหันหน้าหนีไปอีกทางเช่นกัน นางรับไม่ได้เอาเสียเลย ก่อนหน้านี้นางเองก็ฟังเฉย ๆ แต่เมื่อหลิงเฟยเล่ามาถึงตอนนี้ นางเองก็รู้สึกอายแทนผู้เล่าเสียจริง ๆฮ่วนเซียวต้องลูบหลังภรรยาพร้อมกับแต่ละคนที่หน้าแดงไม่ต่างกับผู้เล่าอย่างลู่หลิงเฟย“เจ้า พูดผ่านไปเถอะนะเรื่องนี้ จากนั้นนางจึงพาเจ้าไปที่อารามงั้นหรือ”“อืม นางพาข้าไปที่นั่นในตอนดึก บอกว่าต้องให้พ้นยามห้ายไปก่อน (22.59 น.)”“เป็นช่วงที่ข้าไปพบรองแม่ทัพ”
“หลินอี้!!”“กินข้าวก่อนเถอะ มา ลองชิมขาหมูนี่สักหน่อย”อาหารบนโต๊ะพร่องลงไปมากเพราะลู่หลิงเฟยหลังจากป่วยพึ่งจะมีมื้อนี้ที่นางมองเห็นอาหารที่กินเข้าไปและยังได้นั่งกินกับหยางหลินอี้ทำให้นางเจริญอาหารมากกว่าเดิม“โอ๊ย อิ่มมากเลย”“ดื่มชาร้อนนี่หน่อย ช่วยย่อยอาหารได้ดี”“พระองค์ช่างใส่พระทัยจริง ๆ นี่ชาผสมดอกบ๊วย หอมกลิ่นบ๊วยด้วย หรือว่า....”“ชอบหรือไม่”“สดชื่นมากเลยเพคะ”“ข้าขโมยมาจากห้องของเจ้า”“หม่อมฉันย่อมรู้ดีเพคะ เพราะชาสูตรนี้ข้างนอกไม่มีขาย ว่าแต่พระองค์ไปขโมยมาเมื่อใดเพคะ”“วันที่ไปพักที่จวนของเจ้า พี่ใหญ่เจ้าเริ่มก่อน เมื่อข้าถามเขาก็เลยบอกว่าเจ้าทำเองและเก็บซ่อนเอาไว้ที่ห้องยา วันที่ข้าเข้าไปเอายาในห้องนั้นก็เลยหยิบติดมือมา”“หยิบติดมือมามิได้ขโมย ท่านอ๋องช่างเลี่ยงใช้คำเก่งเหลือเกิน”“ไปเถอะข้าจะทายาให้”“เพคะ”ห้องบรรทมเมื่อเข้ามาถึงห้อง พวกเขาก็ลืมเสียสนิทว่าต้องทายาเมื่อท่านอ๋องดึงนางเข้ามากอดจนร่างของทั้งคู่เอนลงบนเตียงและเริ่มดึงชุดของอีกฝ่ายออกอย่างบ้าคลั่ง“หลิงเฟย อา เจ้าบาดเจ็บอยู่ อย่าพึ่งหักโหม”“หลินอี้ อ๊า”หลิงเฟยที่นอนทับร่างหนาของท่านอ๋องเอาไว้ครางสุดเสียง
จวนท่านอ๋อง“อ๊ะ พอแล้ว หลินอี้ หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว อ๊าา โอ๊วว…หลินอี้!!”“ก็อยู่นิ่ง ๆ สิ เจ้านี่นะ แผลเต็มตัวขนาดนี้ยังกล้าไปตีกับหลีน่าอีก ช่างอวดดีจริง ๆ”“สงสารนักก็ไปตามนางกลับมาสิ ปล่อย ข้าอาบเองได้”หลิงเฟยเดินหนีเขาแต่สระนั้นไม่ได้กว้างพอที่จะให้ทำเช่นนั้นได้ ท่านอ๋องดึงนางมานั่งที่ตัก เขาพานางมาที่จวนและดึงมาอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ที่จริงเขาต้องการสำรวจบาดแผลของนางที่ฟกช้ำไปทั่วเพราะถูกลักพาตัวและถูกเหลียงหลีน่าตีตอนที่นางอยู่อารามอิ้งเซียง“หากว่าข้าจะตามหลีน่าไป ก็ตามไปเอาชีวิตนางเท่านั้นที่กล้าตีเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้”หลิงเฟยหันมาจับพระหัตถ์ที่สั่นของท่านอ๋องที่ถือผ้าเพื่อเช็ดตัวให้นาง “อย่าสานต่อความแค้นเลยเพคะ หม่อมฉันสะสางแค้นให้อาลี่และตัวเองแล้ว จากนี้เราควรจะมีความสุขแล้วนะเพคะ”“เจ้า…เหตุใดยอมให้นางตบตีเจ้าจนมีแผลเต็มตัวเช่นนี้”“หม่อมฉันมิได้ถูกนางตบตีอย่างเดียว แต่เพราะถูกย้ายที่บ่อย ๆ และคนที่แบกหม่อมฉันครั้งแรกก็เกือบตกกำแพงในจวน อีกทีก็ตกบันไดที่บ่อนระหว่างย้ายตัวหม่อมฉันมาที่อารามนั่น ส่วนแผลที่มากขนาดนี้เพราะก่อนหน้านี้ที่มองไม่เห็นหม่อมฉันเดินชนไปทั่วก็เ
“ดูท่าแล้ว เจ้าคงจะเกินเยียวยาจริง ๆ รองแม่ทัพเลี่ยง”“พ่ะย่ะค่ะ”“คุมตัวองค์หญิงกลับไปแคว้นฉู่ คุมความประพฤติและให้นางอยู่ที่ศาลบรรพชน ไม่มีคำสั่งข้าห้ามนางออกมา”“พี่ใหญ่ ท่านไม่มีสิทธิ์ลงโทษข้า เสด็จพ่อ…”“เสด็จพ่อ!! พอทราบเรื่องที่เจ้าทำความเดือดร้อนที่นี่ จึงมอบหมายให้ข้าเป็นผู้ลงโทษเจ้าตามสมควร เอาตัวไป”“ไม่นะพี่ใหญ่ ข้าไม่ยอม”หลีน่าดิ้นจนหลุดก่อนที่จะคว้าดาบของรองแม่ทัพและวิ่งเข้าใส่องค์รัชทายาท หลิงเฟยเห็นจึงรีบดึงองค์รัชทายาทหลบออกมาในทันที“หลบไปเพคะองค์ชาย”“หลิงเฟย!!”หลิงเฟยใช้ผ้าแพรตบเสยที่ใบหน้าของหลีน่าจนนางหงายหลังล้มลงไป ท่านอ๋องเอื้อมตัวไปรับตัวองค์ชายคุณหมิงเอาไว้ได้“ขอบคุณท่านอ๋อง”“ท่านไม่เป็นไรนะ นาง…แรงเยอะเกินสตรีไปนิด ไว้ข้าจะสั่งสอนนาง….”“ไม่เป็นไร เราปลอดภัยแต่ว่านั่นนาง…จะทำสิ่งใด”“เรื่องของสตรี ก็ต้องปล่อยให้สตรีเช่นข้าสะสางสิ ใช่หรือไม่หลีน่า”“นังสารเลว เจ้าจะทำอะไร”“ข้าหรือ หลินอี้!! ท่านมานี่สิ!!”หลิงเฟยตะโกนเรียกท่านอ๋อง ที่หันมามองหน้าลู่หยวนลี่ เฉินเป่าหลิงและองค์ชายต่างแคว้นที่แอบขำเขาเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาลู่หลิงเฟยที่ยืนอยู่ตรงหน้า