Share

บทที่ 382

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงตรวจสอบอาการของฮูหยินน้อยฉู่รอบหนึ่งแล้ว ก็ยังกำชับเรื่องการผายลมอีกครา และปล่อยให้หมอหญิงซุนดูแลอยู่ข้าง ๆ ต่อ จึงกลับมาพักผ่อนที่เรือนเล็กอวี้หลาน

ก่อนจากไป นางกำชับกับหมอหญิงซุนว่า “หากมีเรื่องอันใด ก็ให้คนไปเรียกข้าทันที”

สามวันแรกหลังการผ่าตัดเป็นช่วงวิกฤต ตราบใดที่ผ่านสามวันนี้ไปได้อย่างราบรื่น อาการของฮูหยินน้อยฉู่ก็จะคงที่ โดยพื้นฐานก็แทบจะไม่มีปัญหาอันใดแล้ว

หมอหญิงซุนตอบรับอย่างสุภาพ

ยามที่อวิ๋นฝูหลิงกลับมายังเรือนเล็กอวี้หลาน เซียวจิ่งอี้ก็กำลังดูบางสิ่งอยู่ใต้แสงไฟ

อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไปใกล้ ก็พบว่าเหมือนจะเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง

“ดูสิ่งใดอยู่หรือ?”

อวิ่นฝูหลิงเกิดความคิดที่อยากแกล้งคนขึ้น จึงยื่นมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา

นางไม่ได้อ่านเนื้อหาบนกระดาษ แต่เขย่ากระดาษในมือ พลางกล่าวหยอกเย้าว่า “ตั้งใจอ่านถึงเพียงนี้ ในนี้มีความลับอันใดที่ให้ข้ารู้ไม่ได้อยู่หรือไม่?”

เซียวจิ่งอี้มองนางด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีความลับที่ไม่อาจให้เจ้ารู้ได้เสียที่ไหน?”

อวิ๋นฝูหลิงหยอกล้อเขาต่อ “เช่นมีสาวงามคนใด หรือมีจดหมายรัก?”

“ไม่กี่วันก่อนท่านไปงานเลี้ยงมา มิใช่ว่าระหว่างงานเลี้
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 383

    เซียวจิ่งอี้มองไปทางอวิ๋นฝูหลิง“ข้าส่งลูกน้องไปจับตาดูพวกโอวหยางหมิง”“เจ้าอยากฟังด้วยกันหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “ท่านส่งคนไปจับตาดูพวกท่านปู่โอวหยางเพราะเหตุใด?”ทันทีที่กล่าวออกมา อวิ๋นฝูหลิงก็ตอบสนองออกมาโดยพลันหากวันนี้มีคนบงการอยู่เบื้องหลังจริง ย่อมมีช่องโหว่อยู่ในบรรดาพวกโอวหยางหมิงยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นช่องโหว่ที่เปิดได้ง่ายที่สุดถึงอย่างไรจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินก็มีองครักษ์แน่นหนา คนแปลกหน้าสักคนจะบุกเข้ามาถึงห้องคลอด ก็มิใช่เรื่องง่ายถึงเพียงนั้นฮูหยินฉู่จัดการเรื่องในจวนได้เป็นอย่างดี คนรับใช้ในจวนต่างก็มีความซื่อสัตย์ภักดี ไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดจะติดสินบนแต่พวกโอวหยางหมิงต่างออกไปใครจะรับรองได้ว่าในบรรดาพวกเขาจะไม่ถูกซื้อตัวไป?ยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นฝูหลิงยังไหว้วานโอวหยางหมิงว่าต้องการหมอหญิงสี่คนจากสำนักหมอหลวงด้วยแรกเริ่มอวิ๋นฝูหลิงต้องการผู้ช่วยเพียงสองคน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนฉวยโอกาสนี้ก่อเรื่องเพราะเหตุนี้นางจึงขอเพียงเป็นหมอหญิงที่มีความละเอียดรอบคอบ และมีคุณธรรมส่วนพื้นเพของพวกนาง ก็ไม่ได้ชัดเจนนักยังมีหมอหลวงจง ที่เขามาโดยไม่ได้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 384

    “แม้แต่ยามที่อวิ๋นกานซงยังเป็นหมอหลวง ตำแหน่งของเฉิงชงก็ยังสูงกว่าเขามาก”“ยิ่งไปกว่านั้นสกุลเฉิงยังเป็นสกุลแพทย์ที่เก่าแก่นับร้อยปี มีพื้นเพความเป็นมาลึกล้ำ เฉิงชงมิใช่คนที่จะถูกทรัพย์สินหรือสิ่งของธรรมดาทำให้เคลื่อนไหวได้”“อวิ๋นกานซงยามนี้กำลังตกยาก มิใช่ว่าข้าดูถูกเขา แต่ด้วยสภาพเขาในตอนนี้ ยังจะสามารถติดสินบนเฉิงชงได้หรือ?”ทันใดนั้นเองอวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”“หมอทุกคนไม่มีผู้ใดไม่สนใจเรื่องการตรวจโรคและแผนการรักษา รวมถึงเรื่องการเขียนใบสั่งยา”“ยามนั้นที่พ่อของข้าสิ้นใจ ข้ายังเด็กนัก ทุกสิ่งของจวนจี้ชุนโหวจึงล้วนตกไปอยู่ในมือของอวิ๋นกานซง”“บันทึกมากมายเกี่ยวกับประสบการณ์การรักษาและการวินิจฉัยโรคที่ปู่ทวดกับพ่อของข้าเหลือทิ้งไว้ ล้วนถูกอวิ๋นกานซงเอาไป”“ของเหล่านั้นในวงการแพทย์ ไม่ต่างไปจากสมบัติล้ำค่า”“หากอวิ๋นกานซงเอาตำราแพทย์ที่ปู่ทวดและพ่อของข้าเหลือทิ้งไว้ ไปใช้ติดสินบนเฉิงชง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”อวิ๋นฝูหลิงเดาว่าสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคืออวิ๋นกานซงใช้ตำราแพทย์เป็นแต้มต่อรอง เพื่อทำการแลกเปลี่ยนกับเฉิงชง จุดประสงค์คือต้องการแก้แค้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 385

    “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า!” ในน้ำเสียงของอวิ๋นฝูหลิงแฝงไปด้วยความประหลาดใจและผิดหวังหมอหญิงซุนถูกมัดขณะที่นำตัวเข้ามาในห้อง เห็นได้ชัดว่ากระอักกระอ่วนเป็นอย่างมากใบหน้าของนางราวกับคนตาย ดวงตาทั้งสองข้างไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อยเหยากวงส่งถุงกระดาษเล็ก ๆ ถุงหนึ่งให้อวิ๋นฝูหลิง“พระชายา ระหว่างที่ข้าสังเกตการณ์ หลังจากนางเห็นว่าฮูหยินน้อยฉู่หลับไปแล้ว ก็ส่งสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติในห้องคลอดออกไป และคิดจะโรยผงนี้บนบาดแผลของฮูหยินน้อยฉู่”อวิ๋นฝูหลิงรับถุงกระดาษถุงเล็กใบนั้นมา หลังจากเปิดออกก็พบว่าด้านในคือผงยาสีเขียวอ่อนจำนวนหนึ่งนางใช้เล็กหยิบขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะวางไว้ที่จมูกและสูดดมสีหน้าของอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนไปโดยพลันหญ้ากระดูกผี!สมุนไพรชนิดนี้จะขึ้นอยู่รอบหลุมศพ มิได้พบเห็นได้โดยทั่วไปเพราะเติบโตออกมาจากในรอยแยกกระดูกคนตาย และในช่วงกลางคืนยังเปล่งแสงสีเขียวออกมาจาง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าหญ้ากระดูกผีหลังจากนำสมุนไพรชนิดนี้ไปตากแห้งและบดจนกลายเป็นผง หากนำมาโรยบนบาดแผล จะทำให้บาดแผลฟื้นฟูช้าลงมาก ต่อมาแผลจะบวมแดงและเกิดหนอง ก่อนที่แผลจะเน่าการใช้อุบายเช่นนี้ทำร้ายคน ช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 386

    สูตรลับและทักษะแพทย์เหล่านั้นที่สืบทอดมาของสกุลซุน ย่อมไม่อาจถ่ายทอดให้นางได้หมอหญิงซุนชอบเรียนแพทย์ ต่อให้ต้องแอบเรียน นางก็ไม่สนใจทว่าหลังจากบิดาซุนสังเกตเห็นความคิดของนาง ก็ดุด่านางอย่างรุนแรง และออกคำสั่งอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้นางมีความคิดที่จะเรียนทักษะแพทย์ของสกุลซุนหลังจากนั้น สำนักหมอหลวงก็ต้องการรับสมัครหมอหญิงกลุ่มหนึ่งหมอหญิงซุนคิดว่าอยู่สกุลซุนนางก็ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดเลย ไม่สู้ไปเป็นหมอหญิงที่สำนักหมอหลวงจะดีกว่าในสำนักหมอหลวงมีหมอหลวงมากมาย หากมีวาสนาได้พบคนใจดี ได้รับคำแนะนำเพียงเล็กน้อย นางก็ได้รับประโยชน์มากแล้วแม้จะไม่มีใครยอมชี้แนะนาง นางก็แอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง หลังจากผ่านไปนานก็สามารถเรียนรู้มาได้บ้างเรื่องที่หมอหญิงซุนต้องการไปเป็นหมอหญิงที่สำนักหมอหลวง บิดาซุนเห็นแบบนี้ก็ดีใจในความสำเร็จถึงอย่างไรการได้เข้าไปชุบทองสักชั้นในวังหลวงก็เป็นเรื่องที่ดี ในอนาคตก็ย่อมมีส่วนช่วยในการหาคู่ครองของหมอหญิงซุนด้วยหมอหญิงซุนมีความรู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง ทั้งยังมีพื้นเพมาจากครอบครัวหมอ จึงได้รับเลือกให้เข้ามาในสำนักหมอหลวงได้อย่างราบรื่น และกลายเป็นหมอหญิงค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 387

    “ข้าย่อมอยากไป!”“ใครจะคิดว่าช่วงเย็นจะมีคนมาหาข้า ต้องการให้ข้าทำบางอย่างระหว่างการผ่าตัดวันนี้ หน้าที่คือต้องทำให้การผ่าตัดนี้ล้มเหลว เพื่อทำลายชื่อเสียงหมอเทวดาของแม่นางอวิ๋น”“หากใช้โอกาสนี้ยุแยงให้จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินกับแม่นางอวิ๋นเป็นศัตรูกันได้ ก็ยิ่งเป็นการดี!”เซียวจิ่งอี้ฟังมาถึงตรงนี้ ก็เอ่ยถามว่า “คนผู้นั้นที่มาหาเจ้าคือใคร?”หมอหญิงซุนส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น”“เขาสวมชุดขันที จากน้ำเสียงและท่าทาง น่าจะเป็นขันทีในวัง”อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าคนผู้นั้นที่มาหาหมอหญิงซุนคือกุญแจสำคัญขอเพียงหาคนผู้นั้นเจอ ก็จะรู้ได้ว่าผู้ที่วางแผนร้ายอยู่เบื้องหลังพวกเขาคือใครอวิ๋นฝูหลิงออกคำสั่งกับเหยากวง “เจ้าไปเอาถ่านไม้มาจากห้องครัวสักหน่อย ตัดให้เป็นแท่งถ่านหนาเท่านิ้วก้อย”เหยากวงพยักหน้า และให้คนไปนำของมาทันทีฮูหยินฉู่ออกคำสั่งไว้ก่อนแล้วว่า ไม่ว่าพวกอวิ๋นฝูหลิงต้องการสิ่งใด ก็ต้องได้รับความพึงพอใจก่อนแท่งถ่านจะถูกนำมา อวิ๋นฝูหลิงก็ถามต่อว่า “คนผู้นั้นต้องการให้เจ้าลงมือระหว่างการผ่าตัด แล้วเหตุใดเจ้าต้องรอให้การผ่าตัดเสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงค่อยลงมือเล่า?”หมอหญิงซุนหลุบ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 388

    แม้หมอหญิงซุนจะโหดเหี้ยม แต่กลับน่าสงสารเช่นกันในยามนี้เอง เหยากวงก็ถือแท่งถ่านกลับมาพอดีอวิ๋นฝูหลิงรับแท่งถ่านแท่งหนึ่งมา ใช้ผ้าห่อ หลังจากนั้นก็เผยส่วนที่ถูกตัดจนเป็นปลายแหลมเล็กออกมานางพูดกับหมอหญิงซุนว่า “เจ้าจำขันทีผู้นั้นที่มาหาเจ้าได้หรือไม่ ว่ามีลักษณะเช่นไร?”หมอหญิงซุนหยักหน้า “จำได้เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าอธิบายมาให้ละเอียด เขามีหน้าตาอย่างไร? ดวงตาเล็กหรือใหญ่? มีลักษณะพิเศษอันใดหรือไม่...”ตามคำอธิบายของหมอหญิงซุน อวิ๋นฝูหลิงถือดินสอถ่านวาดลงบนกระดาษนางไม่ได้วาดรูปมานานมากแล้ว โชคดีที่ทักษะการวาดรูปในชีวิตก่อนยังคงอยู่เซียวจิ่งอี้มองอวิ๋นฝูหลิงที่ขีดเขียนลงบนกระดาษ ผ่านไปไม่นาน ภาพของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏบนกระดาษภาพเหมือนนั้นดูสมจริงมาก วิธีที่อวิ๋นฝูหลิงใช้วาดภาพก็ต่างจากในยุคนี้มากเขาไม่เคยเห็นวิธีวาดภาพเช่นนี้มาก่อนเซียวจิ่งอี้อดไม่ได้ที่จะเผยความแปลกใจจากในก้นบึ้งของดวงตาขึ้นมาพระชายาผู้นี้ของเขา ยังซ่อนความสามารถติดตัวที่เขาไม่รู้ไว้อีกกี่มากน้อยกันแน่?หลังจากหมอหญิงซุนเห็นภาพเหมือนที่อวิ๋นฝูหลิงวาด ก็พยักหน้าซ้ำ ๆ “เป็นเขา! เป็นเขาเจ้าค่ะ!”คิดไม่ถึ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 389

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงตรวจชีพจรฮูหยินน้อยฉู่แล้ว ก็ตรวจบาดแผลของนางครู่หนึ่งบาดแผลไม่มีร่องรอยบวมแดงหรืออักเสบอวิ๋นฝูหลิงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังผ่าตัดสิ่งที่กังวลที่สุดคือปัญหาเรื่องแผลติดเชื้อขอเพียงบาดแผลไม่มีการติดเชื้อ ก็ย่อมหายสนิทได้ เช่นนั้นการผ่าตัดก็จะถือว่าประสบความสำเร็จอวิ๋นฝูหลิงทายาและพันแผนให้ฮูหยินน้อยฉู่ใหม่แผลบนท้องของฮูหยินน้อยฉู่ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรง แต่จนถึงตอนนี้นางกลับยังไม่ผายลมเลยเพราะที่ผ่านมาผายลมไม่ได้ ฮูหยินน้อยฉู่จึงถูกคนจับตามอง ไม่ให้กินสิ่งใดมาโดยตลอดยามนี้คนจึงหิวจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้การที่ฮูหยินน้อยฉู่ยังไม่ผายลมออกมาเสียที อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการที่ฮูหยินน้อยฉู่ไม่ยอมขยับตัวความจริงเมื่อคืนนางแนะนำให้ฮูหยินน้อยฉู่ขยับตัวเล็กน้อยบนเตียงและพลิกตัวแล้วแต่ฮูหยินน้อยฉู่กลัวจะเจ็บแผล ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมขยับตัวอวิ๋นฝูหลิงพูดตามตรงว่า “ฮูหยินน้อยฉู่ ไม่สู้ท่านลงจากเตียงมาเดินจะดีกว่ากระมัง?”“การขยับตัวจะช่วยให้ผายลมได้”“ขอเพียงผายลม ท่านก็จะสามารถกินอาหารได้แล้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 390

    โชคดีที่พ่อบ้านหยวนช่วยนางจัดการแล้ว“พระชายา ข้าเรียกทางฝั่งนายหน้ามาแล้วขอรับ”“ท่านสะดวกเป็นช่วงยามใดที่จะให้เรียกพวกเขามาหรือขอรับ?”อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด และกล่าวว่า “วันนี้ช่วงบ่าย”ช่วงบ่ายอวิ๋นฝูหลิงงีบหลับไปครู่หนึ่ง หลังจากตื่นได้ไม่นาน คนของโรงนายหน้าก็มาถึงจวนนายหน้าที่มามีอายุประมาณสี่สิบกว่าปี สวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ผมเผ้าก็หวีเป็นระเบียบ ทั้งตัวดูเรียบร้อยมากทีเดียวนางก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับทำความเคารพอวิ๋นฝูหลิง“คารวะพระชายา!”“ได้ยินว่าพระชายาต้องการเลือกคนมาใช้งาน ข้านำคนที่มีอยู่ทั้งหมดมาให้เลือกแล้วเจ้าค่ะ”“ในนี้มีแปดสิบคน เป็นบุรุษสี่สิบคน และสตรีสี่สิบคน”“ขึ้นอยู่กับการเลือกของพระชายาเจ้าค่ะ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ดวงตากวาดมองไปยังคนที่ยืนเรียงแถวอยู่ในสวนคนที่ซื้อขายจากโรงนายหน้าล้วนมีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่วุ่นวายเหมือนนายหน้าส่วนบุคคล ซึ่งในบรรดาคนที่ทำการซื้อขายมีจำนวนมากที่ใช้วิธีผิดศีลธรรมลักพาตัวมายิ่งไปกว่านั้นนี่คือคนที่ต้องเข้าจวน โรงนายหน้าจึงยิ่งไปไม่กล้าละเลย ก่อนมาก็ล้วนคัดเลือกด้วยตัวเองมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเดิมทีวางแผนจะ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 496

    “แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 495

    เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 494

    หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 493

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status