“โจนส์” เจียงเซิงมองไปข้างนอกหน้าต่าง ในดวงตานิ่งเฉย "เขาบอกฉันว่า ซูซีเป็นผู้ช่วยของคุณอาของเขา"ซือเย่เจ๋วหัวเราะในลำคอ แต่กลับไม่ได้พูดอะไร และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่"แต่ว่าเมื่อฉันพูดถึงเรื่องของซูซีกับเซียว โจนส์กลับหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง" เธอหัวเราะเบา ๆ "ดูท่าเขารู้เรื่องราวอะไรอยู่บ้าง"รู้เรื่องที่คนคนนั้นแอบอ้างชื่อ "เซียว" เพื่อผลิตยาต้านซือเย่เจ๋วเหมือนกำลังสูบบุหรี่อยู่ เขาสูบบุหรี่เข้าไปและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ "จากที่ผมรู้ ในตระกูลของโจนส์ไม่มีคนที่เรียนแพทย์ แต่ว่า มีอยู่คนหนึ่งที่แยกออกจากตระกูลของพวกเขานานแล้ว"เจียงเซิงหยุดชะงัก “คุณหมายถึงอาของเขาเหรอ?”"ใช่" ซือเย่เจ๋วหยุดนิ่งและพูดอย่างเรียบเฉย "แต่ว่าเรื่องของพวกเขาไม่ต้องเป็นกังวล ยาต้านเป็นของจริง เรเจลอยากใช้ยาต้านกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา และผมก็ไม่ได้ใช้ยาต้าน ยังมีแผนการที่จะชนะได้อยู่"ตอนนี้เขาเป็นผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียว ดังนั้นสื่อจะมุ่งความสนใจไปที่ตัวเขาโดยธรรมชาติ เขาหายดี ก็มีผลประโยชน์ต่อเรเจลพูดได้ว่า ตอนนี้เรเจลยังไม่เอาชีวิตของเขา ถึงขั้นที่อยากให้เขาหายดีเลยด้วยซ้ำเจียงเซิงดูเอกสารข้อมูล
ดังนั้นตัวคนเดียวทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ นอกจากมีคนอื่น และคนคนนั้นก็ต้องมีสถานะที่พิเศษเจียงเซิงพิงอยู่บนตัวเขา อย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถยืนยันได้ว่า "ซูซี" คนนี้ก็คือซูซีตัวปลอมเธอกะพริบตา รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก "ฉันดูแล้วซูซีคนนี้สนใจคุณมากเลยนะ"ซือเย่เจ๋วขมวดคิ้ว "ยังใส่ใจกับเรื่องนั้นที่โรงพยาบาลอีกเหรอ?""เปล่า"เจียงเซิงเลิกคิ้ว ปลายนิ้วมือสัมผัสผ่านลูกกระเดือกที่นูนออกมาของเขา "ฉันก็อยากจะดูว่า เธอต้องการอะไร"ตั้งใจตีตัวเข้าใกล้ซือเย่เจ๋ว และก็มีความสัมพันธ์กับ "เซียว" ตัวปลอม ถ้าหากนี่เป็นการจัดแจงของพวกเขา เช่นนั้นเธอก็ต้องมีตอนที่เผยช่องโหว่ออกมาบ้างซือเย่เจ๋วจับมือของเธอเอาไว้แล้วหัวเราะเสียงเบา "จะแสดงละครอีกแล้วเหรอ?"“ทักษะการแสดงของท่านเจ๋วดีขนาดนี้ ไม่เข้าวงการกับกู้เฉินกวางสิ้นเปลืองไปหน่อย”เมื่อเห็นว่าเธอมักจะพูดถึงกู้เฉินกวาง ซือเย่เจ๋วก็ก้มหน้าลงไปจูบเธออย่างดุเดือด ผ่านไปครู่หนึ่ง ปล่อยช่องว่างให้เธอหายใจ แก้มของเธอแดงก่ำ ดวงตาเหมือนถูกปกคลุมด้วยละอองน้ำ ยั่วยวนจิตใจคน:"ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นคนเลวคนไหนพูดว่าจะมอบฉันให้เขา ตอนนี้ไม่ยอมให้เอ่ยถ
ซือเย่เจ๋วเหลือบมองซูซีเหมือนมีอะไรบางอย่าง "เข้าใจผมกับคุณหนูซูผิด"ความประหลาดใจแวบผ่านในดวงตาของซูซี แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มพูด “ห๊ะ คุณหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ? ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจผิดเรื่องในวันนั้น”ท่านผู้เฒ่าสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “ล้อเล่นอะไร คุณหนูซูคือผู้มีพระคุณของเย่เจ๋ว ตอนที่เย่เจ๋วติดเชื้อไวรัสจนเกือบตาย เธออยู่ที่ไหนกัน?”“ในเมื่อหย่าร้างกันแล้ว งั้นก็หย่ากันให้ถึงที่สุด นายก็เห็นแล้ว ถ้าเธอเคยใส่ใจกับความเป็นความตายของนาย ตอนที่นายล้มป่วยเธอไปอยู่ที่ไหน?”ซือเย่เจ๋วป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เจียงเซิงไม่ปรากฏตัวมาโดยตลอด ถ้าหากไม่มียาต้านของซูซีกับเซียว เขาจะฟื้นฟูได้รวดเร็วขนาดนี้เหรอ?ถึงแม้เรื่องเมื่อสามปีก่อน เจียงเซิงไร้ความผิด เย่เจ๋วจริงจังจริงใจต่อเธอและอุบัติเหตุของเธอในครั้งนั้นก็สูญเสียเด็กในท้อง สูญเสียพ่อ ถึงขั้นที่แม้แต่หลัวหยิงก็เสียชีวิตกันหมด เขารู้สึกสงสารเธอแต่เขาก็ไม่อยากให้หลานชายของตัวเองเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอีก ควรตัดก็ตัดให้ขาดถึงจะดีซูซีฟังอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉยตอนนั้นข่าวที่พวกเขาหย่าร้างกันเธอรับรู้ หลบซ่อนอ
"แต่ฉันดูออกนะคะว่า คุณซือต้องรักเธอมากแน่นอน" ซูซีมองใบหน้าของซือเย่เจ๋ว เหมือนอยากจะดูอารมณ์อะไรบางอย่างจากบนใบหน้าของเขาแต่ทว่า กลับไม่มีซือเย่เจ๋วลดหน้าต่างลงช้า ๆ ให้ลมพัดเข้ามาภายในรถ และก็ทำให้ปลายผมของเขายุ่งเหยิง "มองออกจากตรงไหนครับ?"ซูซีหยุดนิ่ง และตอบกลับโดยไม่เผยพิรุธ "ความรู้สึกของผู้หญิง"ซือเย่เจ๋วหันไปมองเธอ "หัวใจคนมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนอาจจะเคยรัก"ซูซีหัวใจเต้นแรง หรือว่าระหว่างซือเย่เจ๋วกับเจียงเซิงมีความแตกร้าวอะไรกัน?เธอถามลองเชิง "หรือว่าคุณซือเปลี่ยนใจแล้วเหรอคะ?"จู่ ๆ ซือเย่เจ๋วหัวเราะออกมา สายตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ และแฝงไปด้วยความยากลึกหยั่งถึง "คุณหนูซูคิดว่าอย่างไรครับ?"หัวใจของเธอสั่นไหว เธอไม่เคยถูกซือเย่เจ๋วมองอย่างจริงจังขนาดนี้ ในอดีตไม่เคยมีมาก่อน และสิ่งที่เธอรอคอยในอดีตก็คือการจ้องมองจากเขาไม่ใช่เหรอ?เธอตั้งใจล้มลงบนตัวเขาที่ห้องพักผู้ป่วย เขาก็ไม่ได้ผลักเธอออก ถ้าหากไม่ใช่เพราะนังสารเลวนั่นขัดจังหวะกะทันหัน บางที..."ถึงปลายทางแล้วครับ" ซือเย่เจ๋วดึงสายตากลับ "คุณหนูซู กลับดี ๆ นะครับ"ซูซียิ้มบาง "ขอบคุณค่ะ"เธอกำลังจะล
"หึ" อารีย์เงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาเคร่งขรึมไม่ชัดเจน "ไวรัสโม่จ้างที่เขาติดเชื้อเป็นชนิดใหม่ที่กลายพันธุ์ สถานการณ์ของเขาในตอนนี้เป็นระยะสุดท้ายแล้ว"ซูซีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากสองมือกำแน่นอย่างอดไม่ได้ตอนนั้นหลานอู๋เหยียนบอกเธอแค่ว่านั่นคือโม่จ้าง แต่ไม่ได้บอกอย่างอื่นกับเธอ และตอนนั้นเดิมทีเธออยากให้นังสารเลวคนนั้นติดเชื้อถ้าหากภายหลังไม่ใช่นังสารเลวคนนั้นหลอกลวงเธอ เธอก็ไม่มีทางเสียโฉม และไม่มีทางได้รับการปฏิบัติแบบนั้นจากหลานอู๋เหยียนเธอรู้ว่าหากเธออยู่ข้างกายหลานอู๋เหยียนต่อไปก็จะมีแต่แย่ลง ดังนั้นหลังจากที่เธอกลับประเทศ Z และทำเรื่องนั้น เธอก็คิดที่จะหลุดพ้นจากหลานอู๋เหยียนในตอนที่ไม่มีที่ไป เธอได้เจอกับซูซี และเธอก็เพิ่งรู้ว่าซูซีคือนักเรียนของอารีย์ ภายนอกอารีย์คืออจารย์ของสถาบันศิลปะตัวหลุน ความเป็นจริงก็คือคุณอาของโจนส์ และเขาก็มีการศึกษาวิจัยต่อการแพทย์รวมถึงไวรัสค่อนข้างมากถึงขั้นที่ เขากับเซียวเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันดังนั้น เพื่อที่จะแทนที่ตัวตนของซูซี เธอจึงสร้างอุบัติเหตุครั้งนั้นขึ้นมาหลังจากที่ซูซีถูกเผาตายในกองไฟครั้งนั้น เธอแอบอ้างเป็นญาติของ
ท่านผู้เฒ่าพยักหน้า "มักจะต้องใช้เวลา แต่เวลาของเย่เจ๋วไม่เยอะแล้ว รบกวนคุณหนูซูให้คุณเซียวเร่งมือเถอะครับ"ซูซียิ้มบาง "คุณวางใจได้ ฉันจะช่วยคุณซือให้ได้ค่ะ"ซูซีเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เห็นซือเย่เจ๋วนั่งพิงหัวเตียงอ่านนิตยสารอยู่ ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อยซือเย่เจ๋วพลิกหน้ากระดาษ และพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้า "ดูท่าผมจะไม่มีหวังแล้ว""จะเป็นไปได้อย่างไรคะ?" เธอหยุดอยู่ที่ข้างเตียงและกัดริมฝีปาก "ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็จะช่วยคุณให้ได้แน่นอน"ซือเย่เจ๋วจะตายจริง ๆ เหรอ?ไม่ ตอนนั้นเธอไม่ได้อยากจะลงมือต่อซือเย่เจ๋ว ในตอนที่เล็งปืนไปที่ซือเย่เจ๋วเธอก็เปลี่ยนใจแล้วดังนั้นเธอถึงได้ลั่นไกต่อนังสารเลวเจียงเซิงนั่น!ทั้งหมดเป็นเพราะนังสารเลวเจียงเซิง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ ซือเย่เจ๋วก็ไม่มีทางบังกระสุนแทนเธอ และไม่มีทางติดเชื้อ!ท่าทางพลิกหน้ากระดาษของเขาหยุดชะงัก จากนั้นขมวดคิ้วแน่น "คุณหนูซูท่าทางเหมือนรู้จักผมมานานมาก"คำพูดหนึ่งประโยค ทำให้ซูซีแข็งทื่อไปหมดส่วนเขาก็ปิดนิตสารลง และเงยหน้าสบตากับซูซี ซูซีในดวงตาคลุมเครือ หลบสายตาของเขาอย่างประหม่า จากนั้นยิ้มพูด "ฉันมีความ
ซูซียิ้มบาง "จริงนั่นแหละค่ะ""ว่าแต่ เมื่อก่อนคุณหนูซูทำงานอยู่ที่ลักชัวรี่ใช่ไหมคะ?"คำพูดของเธอ ทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของซูซีแข็งทื่อ "ใช่ค่ะ ทำไมเหรอ?"เจียงเซิงเห็นเธอยอมรับ สีหน้ายังคงนิ่งเฉย "งั้นก็น่าแปลกนะคะ เมื่อเก้าปีก่อนฉันก็อยู่ที่ลักชัวรี่ คุณไม่รู้จักฉันเหรอ?"ซูซีจับกระเป๋าเอาไว้แน่น แต่ไม่เผยสีหน้าลนลานใด ๆ ออกมา "ฉันเคยเกิดอุบัติเหตุบางอย่าง หลาย ๆ คนกับเรื่องบางเรื่องก็จำไม่ได้แล้วค่ะ"เธอก้มหน้ามองดูเวลา "ฉันยังต้องกลับไปหาอาจารย์และคิดแผนรับมือ ฉันไม่รบกวนแล้วนะคะ"พูดจบ เธอก็เดินตรงผ่านข้างกายเจียงเซิงไป ส่วนเจียงเซิงก็มองดูแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไป และครุ่นคิดอะไรบางอย่างเจียงเซิงเดินไปถึงนอกห้องพักผู้ป่วย ก็ได้ยินบทสนทนาของซือเย่เจ๋วกับหลัวเชว่พอดีหลัวเชว่กำลังรายงานเรื่องราวบางอย่างกับซือเย่เจ๋ว บอกว่าช่วงนี้เรเจลได้พบหน้ากับคุณเสวี่ยองค์รัชทายาทของกลุ่มนายทุนประเทศ Y ที่เรเจลรีบร้อนดึงองค์รัชทายาทกลุ่มนายทุนประเทศ Y มาเป็นพวก ก็เพียงเพราะเห็นถึงความสำคัญของกำลังเงินขององค์รัชทายาทกลุ่มนายทุนประเทศ Y ก็เท่านั้นหลังจากที่คลังเงินอย่างร็อบล่มสลาย ทรัพ
เธอพูดว่าเกิดอุบัติเหตุจำคนและเรื่องราวไม่ได้ แต่กลับยังจำได้ว่าเธออยู่ที่ลักชัวรี่ อุบัติเหตุร้ายแรงแค่ไหนกันถึงได้เปลี่ยนแปลงหน้าตาจนหมด?เธอไม่ใช่ซูซี ต่อให้ศัลยกรรมก็ควรจะศัลยกรรมให้มีความคล้ายซูซีอยู่บ้าง แต่เธอศัลยกรรมได้ไม่เหมือนซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าใบหน้าของเธอเคยทำศัลยกรรมมาก่อน เห็นได้ชัดว่าก่อนที่เธอจะศัลยกรรมอาจจะเคยเสียโฉมมาก่อน จึงตัดสินใจศัลยกรรมหน้าตาในตอนที่ "ซูซี" เกิดอุบัติเหตุในเมื่อเธอสามารถรู้ได้ว่าซูซีอยู่ที่ลักชัวรี่ และก็แอบอ้างตัวตนของเธอ คิดว่าจะต้องสนิทสนมกับซูซีแน่นอนเพียงแค่ตรวจสอบดูว่าเมื่อสามปีก่อนซูซีได้ติดต่อกับใครบ้าง ก็ชัดเจนแล้วและเธอก็นึกอะไรออกจึงพูดขึ้น "เมื่อครู่ได้ยินหลัวเชว่พูดถึงองค์รัชทายาทกลุ่มนายทุน เจ้าของลักชัวรี่ในตอนนี้ก็คือเขาพอดี ดังนั้นคุณเสวี่ยที่มาจากประเทศ Y คนนี้ ก็คือกุมารทองนำทรัพย์ของเรเจลเหรอ?"ซือเย่เจ๋วหลุดหัวเราะออกมา "บางทีเขาอาจแค่อยากทำธุรกิจการกุศลล่ะ?"เจียงเซิงพูดพึมพำ “คุณเข้าใจแบบนี้เหรอ?”เขาก้มหน้านวดฝ่ามือของเธอ "เขาคือคนของตระกูลเสวี่ย ถือว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลซือของพวกเราอยู่นิดหน่อย""ความสั
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ