สามวันมานี้ ซือเย่เจ๋วไม่เคยส่งข้อความหรือโทรศัพท์มา ถึงขั้นที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนหลัวหยิงนำข้าวกล่องวางบนโต๊ะและตอบกลับ "หมอบอกว่าพี่อ่อนแอเกินไป ครรภ์ก็ยังไม่มั่นคง ต้องรักษาร่างกายให้ดีถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้นะคะ"เจียงเซิงไม่ได้พูดอะไรหลัวหยิงเดินมาตรงหน้าเจียงเซิง พาเธอไปนั่งลงที่ข้างเตียง "พี่สะใภ้ รีบมาทานอาหารเถอะ เย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ"เป็นเพราะหลายวันมานี้เธอไม่อยากทานอาหารสักเท่าไหร่ ทานอะไรอ้วกอันนั้น พ่อของเธอสงสารเธอ จึงทำอาหารโภชนาการอาหารคาวสองอย่างอาหารมังสวิรัตหนึ่งอย่างและก็จะมีข้าวต้มข้าวฟ่างตลอดต่อให้ไม่มีความอยากอาหารจริง ๆ แต่เพื่อลูกเธอก็จะฝืนกินเข้าไปเล็กน้อยเธอเงยหน้ามองหลัวหยิง "หลายวันมานี้ขอบคุณเธอนะ ทั้งดูแลฉัน ทั้งช่วยพ่อฉันส่งอาหาร"โอ๊ย เรื่องเล็กค่ะ พี่สะใภ้ยังต้องเกรงใจฉันอีกเหรอ" หลัวหยิงไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยเจียงเซิงยิ้มบาง "ต่อไป เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่สะใภ้แล้วก็ได้ เรียกชื่อฉันเถอะ"หลัวหยิงเคยชินกับการเรียกพี่สะใภ้ ไม่ให้เรียกแล้ว รู้สึกไม่เคยชินเล็กน้อย เธอคิดไปคิดมาและพูดว่า "งั้นต่อไปฉันเรียกพี่ว่าพี่เซิงเซิงแล้วกัน"เ
ใบหน้าของหญิงชรามีความดีใจมากขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา "ได้เหรอ? ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่ม"กู้เฉินกวางถ่ายรูปเซลฟี่กับเธอ หลังจากถ่ายรูป หญิงชราก็บอกลาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม หลังถ่ายเสร็จ หญิงชราก็ยิ้มแล้วบอกลากับพวกเขา ส่วนกู้เฉินกวางก็หยิบแว่นตาสีดำมาสวมใส่ "เกือบจะถูกจำได้แล้ว"เจียงเซิงหัวเราะเยาะ "คุณกู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ความฮิตก็มากมายขนาดนี้ เดินกร่างอยู่ในโรงพยาบาลไม่กลัวจะถูกจำได้"โชคดีที่หญิงชราไม่ใช่วัยรุ่นที่มักจะติดตามเรื่องของวงการบันเทิง ไม่อย่างนั้น เขาปิดไม่มิดหรอกจะทำให้เกิดความวุ่นวาย เดาว่าคนที่อยู่บนตึกคงจะวิ่งลงมาขอลายเซ็นเขาแล้วกู้เฉินกวางเพียงแค่ยิ้มบาง ๆเขาอยู่ได้ไม่นานนัก เขากลับไปห้องผู้ป่วยเป็นเพื่อนเธอ ถึงได้พูดขึ้น "ผมต้องกลับก่อนแล้ว คุณพักผ่อนให้เยอะ ๆ""ค่ะ" เจียงเซิงพยักหน้าและตอนที่กู้เฉินกวางออกไป เขานึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นได้และพูดขึ้น "ถ้ามีอะไร ก็โทรหาเถียนเถียน"ความหมายก็คือ เธอมีธุระให้หาเซียวเถียนเถียน เซียวเถียนเถียนก็จะบอกเขาเธอพยักหน้า พูดรับปากถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณกู้เฉินกวางที่ยอมช่วยเหลือตัวเอง แต่เจียงเซิงก็ไม่อยากรบกวนเขาจริง ๆ
เจียงเซิงตกตะลึง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอเอาไว้ แต่ความดุดันในสายตาของเธอและความอาฆาตที่เธอแสดงออกมา กลับทำให้เจียงเซิงรู้ทันทีว่าเป็นใครซูหลิงโหรว!เธออยู่ที่ประเทศ S ไม่ใช่เหรอ?เธอกลับมาแล้วเหรอ!“เซิงเซิง?” ในรถ เจียงเซิ่นเห็นเธอไม่ขึ้นรถ มองตรงอื่นอยู่ตลอด จึงส่งเสียงเรียกเจียงเซิงมองคนในรถแล้วพูดขึ้น "หนูเหมือนจะเห็น..."แต่เมื่อเธอหันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง ยังจะมีเงาคนที่ไหนกัน?เจียงเซิ่นมองไปด้านหลังอีกครั้ง แต่ด้านหลังไม่มีใคร เขาจึงถามขึ้น "เห็นใครเหรอ?"เจียงเซิงเปิดปาก พูดคำว่า “ไม่มี” ออกจากลำคอของเขาเธอดูผิดหรือเปล่านะ?ซูหลิงโหรวอยู่ที่ประเทศ S และเรื่องที่เธอทำ ซือเย่เจ๋วก็รับรู้ เธอยังกล้ากลับมา?น่าจะเป็นไปไม่ได้เจียงเซิงขึ้นนั่งบนรถ หลัวหยิงถึงได้สตาร์ทรถค่อย ๆ ขับออกไปแต่บนรถ เจียงเซิงเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาแปล ๆ เหมือนรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเธอวางมือบนท้องที่แบนราบ สายตามองไปทางแหวนหยกสีขาวที่เธอสวมใส่ แหวนหยกสีขาววงนี้ เธอยังทำใจถอดออกไม่ได้เธอถอดแหวนหยกสีขาวที่เย็นเฉียบออกจากนิ้วหัวแม่มือ แสงสว่างที่หักเหนอกหน้า
โดยเฉพาะเมื่อเห็นซือเย่เจ๋วฟื้นขึ้นมา เขาก็ตกตะลึง “ท่าน.......ท่านเจ๋ว”ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “มีเรื่องอะไร?”บอดี้การ์ดมองไปที่หลัวเชว่ จากนั้นจึงมองไปที่ซือเย่เจ๋ว และเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบาก "คุณหลัวหยิงกับคุณเจียงและพ่อของเธอ... ระหว่างทางที่กลับจากโรงพยาบาล ได้ประสบ.....อุบัติเหตุ ตอนที่พวกเราไปถึง รถไฟไหม้แล้ว"หลัวเชว่เข้าไปกระชากคอเสื้อของเขาด้วยความวู่วาม "นายพูดอะไรนะ?"“พวกเรา...พวกเราก็เพิ่งได้รับข่าว เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว คุณหลัวหยิงพวกเขา...พวกเขาทั้งหมดอยู่บนรถ”หลัวเชว่ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ สีหน้าแทบไม่อยากเชื่อ“เย่เจ๋ว!” ท่านผู้เฒ่ารู้สึกตัว ก็พบว่าซือเย่เจ๋วจู่ ๆ ลงจากเตียงแล้ววิ่งออกไปในที่เกิดเหตุ ตำรวจปิดล้อมฝูงชนทั้งหมดและปิดกั้นทางแยก รถทำได้เพียงเปลี่ยนเส้นทางออกไปหลังจากนักดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็ดับไฟเข้าช่วยเหลือทันที รถที่ถูกไฟไหม้เหลือเพียงโครงรถซือเย่เจ๋วพุ่งออกไปจากกลุ่มคน ตำรวจขวางเขาเอาไว้ "คุณครับ ที่เกิดเหตุไม่สามารถ..."“ไสหัวไป!”ซือเย่เจ๋วสูญเสียการควบคุมและผลักพวกเขาออก ในตอนที่ตำรวจจะใช้วิธีเข้าล็
เจียงเซิงตกตะลึง เธอมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่ด้านล่างไปจนถึงด้านบน ผู้ชายหน้าตาสไตล์ตะวันตก ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งเผยความเฉียบคม เขาดูอายุเท่า ๆ กับเรเวียร์ ออร่าไม่ธรรมดาเช่นเดียวกันเขาสวมชุดสูทลายทางสีเทาเข้ม ผูกเน็กไทสีน้ำเงินนกยูง เข็มกลัดทองบนเน็กไทเป็นสัญลักษณ์ลายงูชายคนนั้นคุกเข่าลงประคองเธอให้ลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นมองใบหน้าของเธอครู่หนึ่งแล้วยิ้มบาง "คุณเป็นลูกสาวของเธอจริง ๆ ด้วย เหมือนกันทุกประการ"“คุณเป็นใคร?” เจียงเซิงตกตะลึง“เรเวียร์ไม่ได้บอกคุณเหรอ?” ชายคนนั้นประคองเธอนั่งบนเตียง จ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเรียบเฉย “ดูท่าเขายังไม่ได้บอกคุณ”เขาดึงเก้าอี้ขึ้นแล้วนั่งลงข้างเตียง สองมือประสานกันแล้ววางลงบนขาที่ไขว้ทับกัน "สถานะของผมในตอนนี้ คือเฮนรี่ เรเวียร์เป็นคนขององค์กรต้าตูของผม และก็เป็นกำลังคนที่ผมไว้ใจที่สุด ผมให้เขาติดตามแม่ของคุณ อยู่ข้างกายแม่ของคุณและปกป้องเธอ"ขณะที่เขาพูด สายตาของเขาจ้องมองไปที่แหวนลายงูที่เอาไว้ใช้ป้องกันตัวและชี้ไปที่มัน "ของสิ่งนี้ เรเวียร์เป็นคนให้คุณไว้สินะ? ดูท่าเขาสอนวิชาป้องกันตัวให้คุณแล้ว"เจียงเซิงจับแหวนลายงูท
เขาหยิบสัญญาการหย่าร้างที่ลงนามโดยเจียงเซิง มือแทบจะลูบมุมกระดาษสัญญาจนขาดเซิงเซิงของเขาจากไปแล้วจริง ๆหาเธอไม่พบอีกแล้ว...และในตอนนี้ บนหนังสือพิมพ์เต็มไปด้วยข่าวที่เมื่อสัปดาก่อนซือเย่เจ๋วคุกเข่าอยู่หน้ารถในอุบัติเหตุและร้องไห้อย่างขมขื่น สื่อคาดเดาว่าภรรยาของท่านเจ๋วเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เกิดความสะเทือนเลือนลั่นเด็กสามคนนั้นที่ถูกปิดบังแทบจะพุ่งกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลซือ เมื่อมาถึงที่ห้อง เจียงเหยียนเหยียนมายังตรงหน้าซือเย่เจ๋ว และตะโกนพูดขึ้น "หม่ามี้ล่ะ?"ซือเย่เจ๋วก้มหน้าอยู่ตลอด และก็ไม่ตอบรับ จนกระทั่งเจียงเหยียนเหยียนเห็นสัญญาหย่าร้างที่ตกอยู่บนพื้นท่านผู้เฒ่าและพ่อบ้านเฉินเดินมาถึงหน้าประตู เมื่อเห็นเด็กสามคนนี้ เขาไม่รู้จะควรจะพูดอะไรปลอบใจเจียงเหยียนเหยียนปาสัญญาหย่าร้างไปที่ตัวซือเย่เจ๋ว "เอาหม่ามี้ของพวกเราคืนมา!"เจียงนวนนวนกับเจียงเฉินเฉินก็ตกใจกลัวเพราะพี่ชายแต่เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าหม่ามี้ไม่อยู่แล้ว"เหยียนเหยียน นี่ไม่ใช่ความผิดของแด๊ดดี้พวกนาย" ท่านผู้เฒ่าทำใจเห็นหลานชายของตัวเองถูกตำหนิไม่ได้ น้ำเสีย
พวกเธอถือว่าเจียงเซิงฟังไม่รู้เรื่อง จึงสามารถวางใจ ไม่เกรงใจได้ แต่ในตอนที่สาวใช้สองสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเธอช้า ๆ "ถือโอกาสตอนที่คุณผู้ชายยังไม่โมโห ทางที่ดีพวกเธอหุบปากซะ"สาวใช้สองสามคนนั้นตัวสั่น คำพูดก็หยุดชะงักทันที จากนั้นหันกลับไปก็เห็นแม่บ้านมาจิม ต่างพากันก้มหน้าอย่างเคารพยำเกรง ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดอะไรอีกและรีบถอยออกไปแม่บ้านดันกรอบแว่นตา เดินไปด้านหลังเจียงเซิง "คุณหนู คุณอยู่ตรงนี้เอง คุณผู้ชายเรียกหาคุณค่ะ"เจียงเซิงหันมามองเธอ มาจิมคือแม่บ้านของพระราชวังฮัน อายุก็ประมาณสามสิบสี่สิบปี แต่งตัวก็เรียบร้อยและประณีตเห็นมาจิมยังคงรออยู่ เจียงเซิงถึงได้ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่สวยยังคงหม่นหมอง "พาฉันไปเถอะ"มาจิมพาเธอไปที่ห้องหนังสือ ด้านนอกห้องหนังสือมีบอดี้การ์ดสองคนเฝ้าอยู่เมื่อเปิดประตูเข้าไป ห้องหนังสือสีขาวขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยสไตล์ย้อนยุคและความสง่างามอายุนับร้อยปี ตู้ลอยติดผนังมีหนังสือทุกประเทศวางเต็มไปหมด และยังมีหนังสือทางการแพทย์คลาสสิกหลายเล่มเซียวนั่งอยู่หลังโต๊ะใต้โคมระย้า โต๊ะของเขาเรียบร้อยมาก คอมพิ
เซียวยิ้มบาง “ด้วยความสามารถของหนูในตอนนี้ หนูจะทำอะไรได้ล่ะ?”เจียงเซิงเม้มริมฝีปากของเธอแน่นเขามองดูเธอและเอ่ยปากขึ้นช้า ๆ "เรเวียร์ทำไมไม่บอกหนูเรื่องพวกนั้น เพราะเขารู้ว่าหนูตัวคนเดียวไม่สามารถจัดการคนเหล่านั้นได้ อุบัติเหตุที่ประเทศ S เป็นเพียงแค่ก้าวแรก""คุณรู้?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเซียวประสานมือวางบนโต๊ะและหรี่ตาลง “ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้ รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหนูกับตระกูลซือ”เจียงเซิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้ว่าบางทีอาจเป็นคุณลุงเรเวียร์บอกกับเขาก็ได้ คุณลุงเรเวียร์เคยพูดไว้ เขาไม่บอกเรื่องมากมายกับเธอเป็นเพราะหวังดีกับเธอ เพราะเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเธอรับมือได้หรือไม่เรื่องที่เกิดขึ้นที่ประเทศ S เมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้เธอเข้าใจแล้ว คนเหล่านั้นทำได้ทุกวิถีทาง และก็ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตคนอุบัติเหตุในครั้งนั้นของเธอ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ๆอารมณ์คงที่ได้ครู่หนึ่ง เจียงเซิงวางแก้วกาแฟลง "คุณเคยค้นคว้าวิจัยตัวแก้พิษสินะคะ เรื่องที่เกี่ยวกับไวรัสคุณบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ ทำไมคุณลุงเรเวียร์บอกว่าไวรัสเป็นฝีมือมนุษย์?"เซียวก็ไม
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ