ติงเมิ่งหลานฟังจบก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา จากนั้นมองเธอแล้วพูด: "พี่หลัวหยิง ท่านเจ๋วทำไมต้องอยากพบพี่เจียงเซิง ไม่ใช่ว่าเขาก็คิดว่าพี่เจียงเซิงทุจริตหรอกนะ?"หลัวหยิงรอยยิ้มเก้กังเล็กน้อย: "ไม่ใช่อยู่แล้ว วางใจเถอะ"หลัวหยิงพาเจียงเซิงมาถึงที่ห้องทำงาน ผลักประตูออก ก็เห็นซือเย่เจ๋วนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา และหลัวหู่กับซูหลิงโหรวก็อยู่ด้วยรอให้เจียงเซิงปรากฏตัว ซือเย่เจ๋วก็พูดกับสองคนนั้นอย่างเรียบเฉย: "พวกนายออกไปก่อน"ในตอนที่ซูหลิงโหรวหันหลัง เธอเหลือบมองเจียงเซิงแล้วถึงหน้าตาเคร่งขรึมเดินออกไปหลัวหยิงเป็นคนที่ออกไปท้ายสุดก็ปิดประตูห้องทำงานลง ภายในห้องทำงานเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน"ยืนห่างขนาดนั้นทำไม?" ซือเย่เจ๋วหรี่ตา มือตบตำแหน่งที่อยู่ข้าง ๆ ตัว: "มานั่งนี่""ไม่เอา ที่นี่คือค่ายฝึกอบรม คนเยอะแยะ ถูกใครเห็นเขาจะส่งผลไม่ดี" เจียงเซิงปฏิเสธซือเย่เจ๋วเม้มปากบาง สายตามองไปที่ตัวเธอครู่หนึ่ง: "เธอมาเองหรือจะให้ฉันอุ้มเธอมา?"เจียงเซิง: "..."เพิ่งเดินมาถึงหน้าโซฟา ซือเย่เจ๋วก็ยื่นมือออกมาโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน เจียงเซิงนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นขัดขืนแล้วพูดขึ้น: "คุณปล่อ
ทันใดนั้นเขาก็ปลดเสื้อผ้ารัดรูปที่ห่อหุ้มตัวเธอออกดวงตาเปลี่ยนไปมืดมนลง ปลายลิ้นดันฟันเหมือนกับกำลังขบคิดอะไร เจียงเซิงที่สังเกตุเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีอยากจะลุกหนีไปแต่กลับถูกก้มตัวกดทับลงบนโซฟา............…เจียงเซิงห่อเสื้อคลุมแล้วรีบเดินกลับหอพักอย่างรีบร้อน แต่ทว่าระหว่างทางกลับพบกับซูหลิงโหรวและวั่งฉีซูหลิงโหรวเห็นเจียงเซิงใบหน้ามีเลือดฝาด ผมเผ้ายุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด แถมยังใช้เสื้อคลุมห่อตัวเองไว้ รู้ได้เลยว่าหลังจากที่เธอไปเจอซือเย่เจ๋วเกิดอะไรขึ้นบ้างความเกลียดชังในดวงตาแวบหายไป หากไม่ถึงเวลา เธอยังลงมือไม่ได้วั่งฉีไม่ชอบเจียงเซิงเป็นเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เจียงเซิงชนะการประเมินผล และเมื่อเห็นเธอกลับมาด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดหลีกเลี่ยง: "หึ สภาพแบบนี้คงไม่ใช่ว่าไปมั่วสุมอยู่ด้วยกันกับผู้ชายหรอกนะ?"เจียงเซิงดวงตาเคร่งขรึมเล็กน้อย เธอเหลือบมองซูหลิงโหรว ไม่ได้สนใจวั่งฉีแล้วจะเดินออกไปวั่งฉีที่ถูกเมินถือว่าซูหลิงโหรวอยู่ด้วย ดึงเสื้อคลุมของเจียงเซิงเอาไว้ตอนที่เสื้อคลุมถูกดึงออก เผยร่องรอยเป็นจ้ำ ๆ ที่อยู่บนคอมือที่อยู่ข้างลำตัวซูหลิง
ซูหลิงโหรวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย วั่งฉีคนนี้ปากดีจริง ๆ เลย ปกติอยู่ต่อหน้าคนอื่นวั่งฉีชมเธอแบบนี้เธอรู้สึกว่ามีหน้ามีตาอย่างมาก แต่พูดแบบนี้ต่อหน้าเจียงเซิง เป็นการตบหน้าซูหลิงโหรวอย่างไม่ต้องสงสัยวั่งฉีไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าของซูหลิงโหรว เธอมองเจียงเซิงอย่างดุดัน: "ต่อให้เธอเก่งแค่ไหนแล้วยังไง ฉันบอกเธอให้นะ ตอนนี้ท่านเจ๋วอยู่ในค่ายฝึก ถ้าเธอกล้าลงมืออีก ฉัน......""เพี๊ยะ!"การตบครั้งนี้ทำให้วั่งฉีตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เธอกล้าดียังไง!เจียงเซิงเผยรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมา: "ทำไม อยากให้คุณหนูซูเรียกท่านเจ๋วมาหนุนหลังให้เธอเหรอ? งั้นวันนี้ฉันขอพูดตรงนี้ ต่อให้ท่านเจ๋วยืนอยู่ตรงนี้ ฉันก็ตบเธอเหมือนเดิม หรือจะลองดูไหม?""แก......แก......." วั่งฉีจุกจนพูดไม่ออก เจียงเซิงทำไมถึงกล้ากำเริบเสิบสานแบบนี้ ใครเป็นคนให้ความกล้า?"ถ้าหากปกติเธอพูดไม่เป็นแบบนี้ ก็ไม่ถึงกับต้องถูกตบ" เจียงเซิงยิ้มเล็กน้อยสายตาเคลื่อนไปทางซูหลิงโหรว: "คุณหนูซู คุณว่าไหมคะ?"ความเย็นชาในสายตาของซูหลิงโหรวตั้งแต่แรกจนจบก็ไม่ได้เผยออกมา เธอเพียงแค่ยิ้มบาง: "คุณเจียงฉลาดเกินคน แต่ตอนนี้อยู่ใ
หลัวหู่หันหน้ามองไปทางเธอ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดเรื่องนี้ออกมา?ซูหลิงโหรวไม่ให้หลัวหู่สังเกตเห็นถึงปัญหาใด ๆ จึงสบตากับเขา: "ฉันรู้ว่าการต่อสู้ด้วยมือเปล่าบางทีคุณเจียงอาจจะสู้คู่ต่อสู้ไม่ได้ แต่การทดสอบสมรรถภาพร่างกายต้องใช้ความสามารถไม่ใช่เหรอ?"หลัวหู่ถูกเธอพูดแบบนี้ ก็คิดว่ามีเหตุผลอยู่บ้างท่านผู้เฒ่าลูบเคราแล้วพยักหน้าคุณท่านซือขมวดคิ้ว: "แหวนจะนับว่าเป็นอาวุธได้ยอ่างไร?"ซูหลิงโหรวอธิบายด้วยสีหน้าระมัดระวัง: "แหวนวงนั้นที่มือของคุณเจียงไม่ใช่แหวนทั่วไป นั่นเป็นเหมือนของที่ใช้ป้องกันตัว เหมือนซ่อมสิ่งแหลมคมที่ทำให้บาดเจ็บได้เอาไว้"คุณท่านซือหยุดนิ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างหลัวหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: "ดังนั้นแหวนวงนั้นไม่เพียงใช้ป้องกันตัว แต่ยังสามารถทำร้ายคนได้?"ถึงว่าวันนั้นเหอหลงหลงพูดว่าพี่สะใภ้ใช้แหวนทำร้ายเธอ งั้นแบบนี้พี่สะใภ้ก็โกงจริง ๆ เหรอ?ซูหลิงโหรวฝืนยิ้ม: "ใช่น่ะสิ เพียงแต่วันนั้นเย่เจ๋วอยู่ด้วย ฉันจะเปิดโปงเธอต่อหน้าเย่เจ๋วไม่ได้"“อะไรนะ ไอ้หมอนั่นก็ไปด้วยเหรอ?”ท่านผู้เฒ่าไม่พอใจ ไอ้เด็กเวรนั่นวิ่งแจ้นไปที่ค่ายฝึกจ
เป็นเพราะกลอุบายที่เก่งกาจของเขาก็เท่านั้นภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันคนเราจะต้องรู้จักพลิกแพลงและใช้เล่ห์เหลี่ยม ถ้าหากไม่มีวิธีในการเอาชนะ จะจัดการศัตรูได้อย่างไร?ท่านผู้เฒ่าไม่อยากสนใจแล้ว เขาโบกมือพูด: "พวกนายจัดการเองแล้วกัน อย่างไรฉันแค่ต้องการคะแนน"ซือเย่เจ๋วออกจากคฤหาสน์ เดินไปข้างหน้ารถ ซูหลิงโหรวเรียกเขาเอาไว้เธอเดินมาด้านหลังเขา: "เย่เจ๋ว ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ฉันแค่พิจารณาถึงความคิดของคนอื่น......""ซูหลิงโหรว ยุ่งแต่เรื่องของตัวเองพอ อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอมีการเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง" ซือเย่เจ๋วขึ้นไปนั่งบนรถโดยไม่หันหน้ากลับมามองมองดูรถแล่นออกไป ซูหลิงโหรวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเขา ในใจสั่นไหวเธอไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่โจ่งแจ้งกับเจียงเซิงเลย มีเพียงเรื่องแหวนหยกเรื่องเดียวดังนั้นเขารู้แล้วเหรอ?......วันต่อมาคะแนนการประเมินสมรรถภาพร่างกายติดไว้บนกระดานประกาศ คนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบหน้ากระดานเพื่อดูประกาศระหว่างทางที่เจียงเซิงกับติงเมิ่งหลานกลัมาจากโรงอาหาร เมื่อผ่านกระดานประกาศก็เข้าไปดูด้วย ติงเมิ่งหลานหาชื่อของเจียงเซิงเจออย่างรวด
สำหรับวั่งฉีทำร้ายเธอครั้งสองครั้ง เธอควรจะคิดบัญชีนี้ให้ดี ๆ หน่อยแล้ววั่งฉีเดินออกมาจากหอพัก จู่ ๆ ก็เห็นเจียงเซิงกอดอกพิงปากบันไดรอเธออยู่เธอยืนนิ่ง ร่างกายประหม่าขึ้นมา: "แก......แกมาทำอะไรที่นี่?"น่าจะเป็นเพราะตอนนี้เธอตัวคนเดียว ถ้าปกติข้างกายมีคนเธอคงจะมีท่าทางอีกแบบหนึ่งเจียงเซิงอมยิ้มที่มุมปาก เดินมาทางเธอวั่งฉีแผ่นหลังแข็งทื่อ ถอยหลังไม่หยุด จนกระทั่งเจียงเซิงดึงเธอไปในพุ่มไม้ที่ด้านหลังตึกหอพัก"เจียงเซิง ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะ......""เธอจะทำไม?" เจียงเซิงขวางทางข้างหน้าเธอ: "ไม่ต้องกังวล แค่มีคำถามจะถามเธอก็เท่านั้นเอง"วั่งฉีตัวสั่นไปหมด คราวนี้เธอหวาดกลัวจริง ๆ: "เธออยากถามอะไร......"เจียงเซิง: "เธอหลอกฉันเข้าไปในเขตหวงห้าม เป็นเพราะกู้ยี่ฟานใช่ไหม?"วั่งฉีหลบสายตาเหมือนกับกลัวว่าเธอจะลงมือตบตัวเองได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังหลังตรงตอบกลับ: "ใช่......ใช่แล้วอย่างไร ใครใช้ให้เธอมาถึงก็ทำให้กู้ยี่ฟานตามตื๊อเธอไม่เลิก แถมยังเอาช็อกโกแลตที่ฉันบอกให้เขาเอาไปให้เธออีก!"ช็อกโกแลต?เจียงเซิงนึกขึ้นได้แล้ว: "ช็อกโกแลตนั้นจนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยแตะต้องมาก่อน ถ้าเธออยา
เจียงเซิงไม่กลัวที่จะถูกกู้ยี่ฝานเห็นตัวเองในตอนนี้ เธอยิ้มแล้วเดินเข้าไป เหลือบมองวั่งฉีที่หลบอยู่ด้านหลังเขา: "ถูกต้อง เดิมทีฉันก็มีธาตุแท้แบบนี้ คนที่วางแผนใส่ฉัน ฉันไม่มีทางอ่อนข้อให้""กู้ยี่ฟาน นายฟังสิ......" วั่งฉีจับแขนของเขา ท่าทางน่าสงสารอย่างมากกู้ยี่ฟานนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ดึงแขนออกจากมือวั่งฉีแล้วมองดูเจียงเซิง: "นางฟ้า เธอ......เธอถูกวั่งฉีข่มขู่ ดังนั้นถึงได้......"เป็นแบบนี้เหรอ?"นายคิดว่าฉันท่าทางเหมือนคนที่ถูกคนข่มขู่ไหม?"ดวงตาของเจียงเซิงเย็นชา พูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย: "วั่งฉีเป็นเพราะนายถึงได้จัดการฉัน สิ่งที่ฉันได้รับจากการวางแผนของเธอฉันต้องทวงกลับมา ถ้าหากเธอยังทำตัวดี ๆ ไม่เป็น ฉันก็ไม่แคร์ที่จะปล่อยบันทึกเสียงออกไป"กู้ยี่ฟานมองดูเจียงเซิงที่อยู่ตรงหน้า มักรู้สึกว่าแปลกหน้าเล็กน้อย บางทีเป็นเพราะตั้งแต่เริ่มต้นเขาไม่เคยทำความรู้จักกับเธอเลยดูเหมือนตั้งแต่วันนั้น ต่อให้เจอกันที่โรงอาหาร กู้ยี่ฟานก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเข้ามาทักทายแล้วเดิมทีติงเมิ่งหลานยังอยากจะทักทายกู้ยี่ฟาน แต่ตอนที่กู้ยี่ฟานเดินผ่านพวกเขาไปไม่พูดจาสักประโยคติงเมิ่งหลานรู้สึกประห
วั่งฉีนำ "หลักฐาน" ที่เธอรู้เกี่ยวกับเจียงเซิงกองไว้บนตัวของเจียงเซิง อย่างไรเธอก็เป็นคนแบบนั้นจริง ๆ วันนั้นกู้ยี่ฟานก็เห็นชัดเจนแล้วและคำพูดของวั่งฉีทำให้ในใจของติงเมิ่งหลานเริ่มสั่นคลอนไม่มั่นคง ถึงแม้ไม่ได้เชื่อคำพูดของวั่งฉีมากนัก แต่เธอไม่รู้จักพี่เจียงเซิงจริง ๆ ถึงขั้นที่แม้แต่เรื่องที่เธอมีลูกแล้วติงเมิ่งหลานก็ไม่รู้เลยยังมีท่านเจ๋วหรือว่าพี่เจียงเซิงเป็นอย่างที่วั่งฉีพูดจริง ๆ เหรอ?คุณชายกู้ไม่สนใจเธอ ก็เป็นเพราะรู้เรื่องพวกนี้ของพี่เจียงเซิงเหรอ?"ติงติง เธอคิดให้ดี เจียงเซิงมีความลับปิดบังต่อเพื่อนอย่างเธอ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นเธอเป็นเพื่อน ทำไมเธอต้องกระตือรือร้นต่อคนที่ไม่สนใจใยดีเธอล่ะ?"คำพูดไม่กี่คำของวั่งฉีทำให้ติงเมิ่งหลานที่เดิมทีสั่นคลอนไม่มั่นใจเหมือนจะฉุกคิดขึ้นได้เธอเห็นพี่เจียงเซิงเป็นเพื่อน แต่เจียงเซิงก็ไม่เคยเล่าเรื่องของเธอให้ฟังจริง ๆ ถ้าหากเจียงเซิงเห็นตัวเองเป็นเพื่อน ทำไมจะต้องปิดบังตัวเองด้วยล่ะ......ในห้องวีไอพีเจียงเซิงมองดูอาหารบำรุงที่หลากหลายบนโต๊ะและพ่อครัวที่เรียงแถวอยู่ด้านหลังซือเย่เจ๋ว ถ้าหากที่นี่ไม่ใช่ค่ายฝึกอบรม เธอยังสงส
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ