แต่หงฉีแอลไฟว์นั้นต่างออกไปการได้ครอบครองรถรุ่นนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังต้องมีประวัติที่ขาวสะอาด มีสถานะทางสังคมที่น่ายกย่องและได้สร้างคุณูปการอันโดดเด่นแก่สังคมอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้นรถรุ่นนี้ยังเป็นเสมือนงานสั่งทำพิเศษเฉพาะบุคคล ทำให้รถแต่ละคันที่เจ้าของครอบครองนั้น เปรียบเสมือน “ผลงานชิ้นเอก” ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกฉันกับเสี่ยวอิงเถาขึ้นไปนั่งบนรถ เราทั้งคู่รู้สึกประหม่าอยู่บ้างแต่คนขับรถที่สวมถุงมือสีขาวกลับมีท่าทีเป็นกันเอง ชวนเราพูดคุยเล็กน้อยเพื่อให้ผ่อนคลายรถยนต์หรูหราคันงามแล่นไปอย่างนุ่มนวลราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเข้าสู่เขตป่าเขาลำเนาไพรที่เขียวชอุ่มคนขับรถเอ่ยขึ้นว่า “ข้างหน้าคือเขาอวี้ซาน เราใกล้ถึงแล้วครับ”ไม่นานนักก็ปรากฏป้อมยามที่มีทหารพร้อมอาวุธครบมือยืนรักษาการณ์อยู่ให้เห็นเมื่อเห็นรถของเราแล่นเข้ามาใกล้ ทหารนายนั้นส่งสัญญาณให้หยุดรถ คนขับรถจึงลดกระจกลงและแสดงเอกสาร ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ขับผ่านเข้าไปได้เสี่ยวอิงเถาตกตะลึงจนตาค้าง กระซิบถามว่า “พี่หว่านคะ ที่นี่เป็นเขตทหารหรือเปล่า?”ฉันเองก็ประหลาดใจแต่เก็บอาการไว้ค
แต่ฉันจำได้แม่นยำว่าไม่เคยรู้จักคนตระกูลซูมาก่อน“นี่คุณเจียงใช่ไหม? สวยจริง ๆ หุ่นก็ดี แถมดูมีชีวิตชีวา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเก่งขนาดนี้” คุณหญิงซูกล่าวทักทายฉัน แค่เปิดปากมาก็ชมไม่หยุดฉันอึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกราวกับได้รับเกียรติอย่างมากจากคำชมเหล่านี้แม้จะโดนชมว่าเป็นคนสวยมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วมักจะชื่นชมตัวเองในกระจกอยู่บ่อยครั้งก็เถอะแต่ระดับตระกูลซูเนี่ยนะ มีสาวงามแบบไหนที่พวกเขาไม่เคยพบเจออีกบ้าง เห็นฉันแล้วยังชมว่าสวยได้อีกเหรอ?คงเป็นเพราะคุณหญิงผู้เฒ่าได้รับการอบรมมาอย่างดี และมีความฉลาดทางอารมณ์สูงเมื่อเห็นฉันยืนอึ้งไป พ่อบ้านโจวผู้ดูแลบ้านจึงกระซิบเตือน “นี่คุณหญิงผู้เฒ่าครับ”ฉันรีบยิ้มแล้วพยักหน้า “สวัสดีค่ะคุณหญิงซู ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ”“อืม เสียงก็เพราะด้วย”“…” ฉันหน้าแดงไปหมด ได้แต่พูดตอบไปตามมารยาท “จริง ๆ ไม่ควรเรียกว่าคุณหญิงผู้เฒ่าเลยค่ะ เพราะหน้าตาคุณหญิงยังดูอ่อนวัยมาก”คุณหญิงผู้เฒ่าหัวเราะแล้วพูด “เดือนหน้าฉันก็หกสิบแล้วนะ!”คุณหญิงผู้เฒ่าซูเป็นคนใจดี ไม่มีท่าทีถือตัว ต่างจากภาพลักษณ์ของคุณนายตระกูลใหญ่ในความคิดของฉันโดยสิ้นเชิงหลังจากทักทายกันส
คุณหญิงผู้เฒ่าซูขมวดคิ้ว “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเธอ เธอเป็นผู้ถูกกระทำต่างหาก”“ขอบคุณที่ปลอบใจค่ะ”“แบบนี้แปลว่าว่า เธอยังรักคุณชายตระกูลกู้อยู่เหรอ?”ฉันกำลังวัดตัวให้คุณหนูท่านหนึ่ง จึงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ค่ะ ตอนนี้ฉันอยากโฟกัสกับงานเท่านั้น”พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงโปร่งก็ก้าวลงมาจากบันไดอีกฝั่งในตอนแรกฉันไม่ได้สังเกตจนกระทั่งมีคนทักขึ้น “เซิ่งหลินลงมาแล้ว พวกเรารบกวนงานของเธอหรือเปล่า?”“ไม่เลยครับ ผมทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เสียงทุ้มใสสะอาดของชายหนุ่มดังขึ้น ทำให้ฉันนึกถึงคุณชายรองซูท่านนั้นที่เคยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ฉันในวันแต่งงานเสียงของเขายังคงนุ่มนวลใสกระจ่าง สามารถทะลุผ่านความวุ่นวายรอบข้างได้ฉันที่ได้ยินเสียงจึงหันไปมอง และเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาคือใคร หน้าตาแบบไหนนี่ต่างจากความรู้สึกที่เห็นเขาเพียงแวบเดียวในงานแต่ง คุณชายรองซูคนนี้ยังหนุ่มแน่นและหล่อเหลามาก ไม่เข้ากับคำว่า "ท่าน" เลยสักนิดเขามีคิ้วดั่งคมกระบี่ ดวงตาคมเข้ม รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางสง่างามราวกับทหาร บุคลิกโดยรวมช่างสูงศักดิ์น่านับถือ เป็นคนที่เพียงแค่มองก็รู้สึกว่าห่างไกลเกินเอื้อมทว่าคำพูด ท
“อืม” ฉันเอียงศีรษะ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาเสี่ยวอิงเถาผู้ยืนอยู่ข้างกายจ้องมองฉันด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นและมีเลศนัย ราวกับว่าสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ“คุณซู กรุณายกแขนขึ้นกางออกตรง ๆ ด้วยค่ะ” ฉันเปลี่ยนไปใช้สายวัดที่ยาวขึ้น แล้วบอกเขาอย่างสุภาพซูเซิ่งหลินยืนนิ่งตรงหน้าส่วนฉันเดินอ้อมไปด้านหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเขาสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรโชคดีที่ฉันสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตร หากเตี้ยกว่านี้คงต้องเหยียบเก้าอี้วัดตัวให้เขาเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนกระทั่งฉันวัดช่วงบนสำเร็จลุล่วงเมื่อถึงคราววัดรอบเอวและสะโพก ก็พลันเกิดความกังวลขึ้นฉันลังเลใจว่าจะวัดจากด้านหน้าหรือด้านหลังดี น่าประหลาดใจที่บรรดาหญิงสาวซึ่งส่งเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วก่อนหน้านี้พลันเงียบสงัดพลางจ้องมองมาทางฉันเป็นจุดเดียวฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมา หูร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุและตอนนี้ก็อาจจะแดงก่ำ“คุณเจียงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความลังเลและเอ่ยถามอย่างสงสัย“อ๋อ เปล่าค่ะ... แค่คุณสูงเกินไปหน่อย” ฉันพูดออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด“แล้วผมต้องย่อตัวลงไหมครับ?”“ไม่ ๆ ไม่ต้อ
ฉันสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อช่วงล่างที่แข็งแกร่งและทรงพลัง แม้มีเนื้อผ้ารองกั้นฉันประเมินคร่าว ๆ ว่าอัตราส่วนเอวต่อสะโพกของเขาอยู่ที่ประมาณศูนย์จุดแปด ไหล่กว้างสะโพกแคบ รูปร่างสูงโปร่งสมบูรณ์แบบเทียบได้กับนายแบบมืออาชีพ"เสี่ยวอิงเถา จดไว้หมดแล้วใช่ไหม?" ฉันหันไปถามผู้ช่วย พลางคลายบรรยากาศอึดอัด"ค่ะ จดไว้หมดแล้ว"ฉันพยักหน้าก่อนเก็บเครื่องมือ แล้วสอบถามความต้องการของลูกค้าแต่ละคนบางคนชอบแบบเข้ารูป บางคนชอบแบบหลวม แม้จะเป็นชุดกระโปรงเหมือนกัน แต่ผู้สูงวัยชอบกระโปรงยาว คนหนุ่มสาวชอบกระโปรงสั้นฉันบันทึกรายละเอียดทั้งหมดในแท็บเล็ต เพื่อออกแบบชุดให้ตรงตามความต้องการเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็ใกล้เที่ยงวันแล้วคุณนายซูชวนเราทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ฉันเกรงใจจึงรีบปฏิเสธโดยอ้างว่ายังมีงานอีกมากซูเซิ่งหลินยกข้อมือดูนาฬิกา คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย "ผมมีนัดทานอาหารกับอาจารย์เฉินตอนเที่ยง ต้องไปแล้วเหมือนกัน""อืม" คุณนายซูลุกขึ้นพยักหน้า "งั้นเธอไปส่งคุณเจียงด้วยเลยก็ดี""คุณนายไม่ต้องค่ะ ฉัน…""คุณเจียง เชิญครับ" ฉันยังไม่ทันปฏิเสธ ซูเซิ่งหลินก็ผายมือเล็กน้อยเขามีมารยาทดี สุภาพอ่อนโ
เขายืนนิ่งแล้วหันมามองฉัน ก่อนเตือนด้วยอารมณ์หยอกล้อฉันเงยหน้ามองเขาอย่างเกร็ง ๆ "คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติ ลูกค้าคือพระเจ้า...""แต่ผมยังอยากเป็นคนธรรมดามากกว่า"คำตอบขี้เล่นของเขาทำให้ฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่และรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก "ค่ะ ฉันจำไว้แล้ว""วันนี้รบกวนคุณเจียงมากเลยครับ ลาก่อน" ซูเซิ่งหลินมีมารยาทดีเยี่ยม ทุกคำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกสบายใจหลังจากกล่าวลาฉัน เขายังกำชับคนขับรถ "ลุงจาง ขับรถระวัง ๆ ส่งคุณเจียงกับผู้ช่วยกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย""ครับ คุณชายรอง"ซูเซิ่งหลินยิ้มพยักหน้าให้ฉันก่อนหันหลังเดินขึ้นรถอาวดี้เอแปดที่จอดรออยู่ฉันรู้สึกประหลาดใจเขาทั้งมีอำนาจและฐานะที่สูงส่ง แต่กลับใช้รถอาวดี้เอแปดเป็นพาหนะเนี่ยนะ?ไม่แปลกใจที่คนภายนอกร่ำลือกันว่าตระกูลซูนั้นถ่อมตน คมในฝักและลึกลับรถของซูเซิ่งหลินนำหน้าเราอยู่ตลอดทางลงเขาเสี่ยวอิงเถามองออกไปนอกหน้าต่างรถพลางชื่นชมทิวทัศน์ของเขาอวี้ซานส่วนฉันนั้นใจสับสนวุ่นวาย สายตาคอยแต่จะจับจ้องรถคันหน้า มือขวากำแน่นโดยไม่รู้ตัวภาพความรู้สึกตอนสัมผัสตัวเขาวูบเข้ามา ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นแสนจะลามก ฉันคิดเรื่องแบบนั้นได้ย
อะไรนะ?ฉันชะงักไปครู่หนึ่งแล้วแค่นหัวเราะออกมา “เจียงอี๋ ในที่สุดเธอก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ”หลายปีมานี้เธอแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา อ่อนแอ และน่าสงสารมาโดยตลอดแม้กระทั่งในทุกครั้งที่ฉันถูกด่า ถูกตี หรือถูกลงโทษอย่างหนัก เธอก็ยังช่วยพูดขอร้องให้ฉัน ทำทีเป็นคนใจอ่อนและมีเมตตาในที่สุดวันนี้ก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว“ฉันแสดงธาตุแท้อะไรออกมา? ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอดแต่เธอไม่ชอบฉันเอง” เจียงอี๋ยังคงพูดจาเหลวไหล“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอ ฝากบอกกู้เยี่ยนชิงด้วยว่าตอนบ่ายสองอย่าผิดนัด กว่าจะนัดได้ก็ยากมาก ถ้าเขาไม่ไปคงต้องรออีกครึ่งเดือน”ฉันพูดจบก็เตรียมจะวางสาย แต่เจียงอี๋เรียกฉันไว้“เจียงหว่าน ช่วงนี้กู้เยี่ยนชิงได้ไปหาเธอรึเปล่า?”น้ำเสียงของเธอเข้มขึ้นทันที เรียกชื่อเต็มของ “ชู้รัก” อย่างไม่ไว้หน้า ท่าทางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองฉันชะงักไปครู่หนึ่ง สัมผัสได้ว่าพวกเขาทะเลาะกันและรู้สึกสะใจเล็กน้อย “เขามาหาฉัน แล้วจะทำไม?”“เจียงหว่าน เธอไม่อายบ้างเลยเหรอ! เขาเป็นสามีของฉัน พวกเธอแอบคบกันลับหลังฉัน นี่มันต่างอะไรกับเป็นชู้ล่ะ?” เจียงอี๋โกรธขึ้นมาทันที และเริ่มด่าทอ
ถังซิ่วเอ๋อปล่อยความอัดอั้นตันใจมาเต็มที่ และฉันก็ซวยซ้ำซ้อนรับกระสุนเข้าพอดี จึงโดนเธอด่ากราดไม่ยั้ง“ฉันโทรหากู้เยี่ยนชิงแต่เธอเสนอหน้ารับสายเอง มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?” ฉันเองก็อัดอั้นตันใจเหมือนกัน เมื่อโดนด่าจึงสวนกลับทันที “คุณก็อย่าเอาแต่โมโหโทโสทั้งวัน ระวังเวรกรรมจะตกกับลูกสาวคุณเป็นสองเท่า”“เจียงหว่าน! แกมันใจร้ายเกินไปแล้ว!” ถังซิ่วเอ๋อคำรามด้วยความโกรธจนคอแทบแตก “เก่งจริงตลอดชีวิตนี้ก็อย่าป่วยล่ะ!”ฉันหมดอารมณ์จะทะเลาะกับเธอแล้ว จึงพูดเสียงเบา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นี่นา ใครจะรู้ว่าโทรศัพท์ของ กู้เยี่ยนชิงจะอยู่ที่ห้องคนไข้…”“เยี่ยนชิงเป็นน้องเขยแกแล้ว ไม่รู้จักหลีกเลี่ยงบ้างรึไง? มีอะไรทำไมไม่ฝากคนอื่นบอก? ฉันว่าแกยังไม่ยอมแพ้ อยากจะมาอ่อยเยี่ยนชิงอีกแต่โชคดีที่เจียงอี๋มาเจอทัน!”อะไรนะ? ฉันหวังดีอธิบาย แต่กลับโดนเธอใส่ร้ายโจมตีแบบนี้?ความโกรธที่เพิ่งกดไว้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำฉันโกรธจนแทบหน้ามืดเมื่อตั้งสติได้ฉันจึงกัดฟันสั่ง “งั้นช่วยไปบอกลูกเขยคุณ น้องเขยฉันด้วย ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าสำนักงานเขต ถึงเวลานัดหมายแล้ว ให้เขารีบมาทำเรื่องหย่าซะ! ไม่งั้นลูกสาวคุณจะเป
หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ
บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว
“ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน
หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข
ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห
ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได
วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้
เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท
ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย