ฉันสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อช่วงล่างที่แข็งแกร่งและทรงพลัง แม้มีเนื้อผ้ารองกั้นฉันประเมินคร่าว ๆ ว่าอัตราส่วนเอวต่อสะโพกของเขาอยู่ที่ประมาณศูนย์จุดแปด ไหล่กว้างสะโพกแคบ รูปร่างสูงโปร่งสมบูรณ์แบบเทียบได้กับนายแบบมืออาชีพ"เสี่ยวอิงเถา จดไว้หมดแล้วใช่ไหม?" ฉันหันไปถามผู้ช่วย พลางคลายบรรยากาศอึดอัด"ค่ะ จดไว้หมดแล้ว"ฉันพยักหน้าก่อนเก็บเครื่องมือ แล้วสอบถามความต้องการของลูกค้าแต่ละคนบางคนชอบแบบเข้ารูป บางคนชอบแบบหลวม แม้จะเป็นชุดกระโปรงเหมือนกัน แต่ผู้สูงวัยชอบกระโปรงยาว คนหนุ่มสาวชอบกระโปรงสั้นฉันบันทึกรายละเอียดทั้งหมดในแท็บเล็ต เพื่อออกแบบชุดให้ตรงตามความต้องการเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็ใกล้เที่ยงวันแล้วคุณนายซูชวนเราทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ฉันเกรงใจจึงรีบปฏิเสธโดยอ้างว่ายังมีงานอีกมากซูเซิ่งหลินยกข้อมือดูนาฬิกา คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย "ผมมีนัดทานอาหารกับอาจารย์เฉินตอนเที่ยง ต้องไปแล้วเหมือนกัน""อืม" คุณนายซูลุกขึ้นพยักหน้า "งั้นเธอไปส่งคุณเจียงด้วยเลยก็ดี""คุณนายไม่ต้องค่ะ ฉัน…""คุณเจียง เชิญครับ" ฉันยังไม่ทันปฏิเสธ ซูเซิ่งหลินก็ผายมือเล็กน้อยเขามีมารยาทดี สุภาพอ่อนโ
เขายืนนิ่งแล้วหันมามองฉัน ก่อนเตือนด้วยอารมณ์หยอกล้อฉันเงยหน้ามองเขาอย่างเกร็ง ๆ "คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติ ลูกค้าคือพระเจ้า...""แต่ผมยังอยากเป็นคนธรรมดามากกว่า"คำตอบขี้เล่นของเขาทำให้ฉันกลั้นยิ้มไม่อยู่และรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก "ค่ะ ฉันจำไว้แล้ว""วันนี้รบกวนคุณเจียงมากเลยครับ ลาก่อน" ซูเซิ่งหลินมีมารยาทดีเยี่ยม ทุกคำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกสบายใจหลังจากกล่าวลาฉัน เขายังกำชับคนขับรถ "ลุงจาง ขับรถระวัง ๆ ส่งคุณเจียงกับผู้ช่วยกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย""ครับ คุณชายรอง"ซูเซิ่งหลินยิ้มพยักหน้าให้ฉันก่อนหันหลังเดินขึ้นรถอาวดี้เอแปดที่จอดรออยู่ฉันรู้สึกประหลาดใจเขาทั้งมีอำนาจและฐานะที่สูงส่ง แต่กลับใช้รถอาวดี้เอแปดเป็นพาหนะเนี่ยนะ?ไม่แปลกใจที่คนภายนอกร่ำลือกันว่าตระกูลซูนั้นถ่อมตน คมในฝักและลึกลับรถของซูเซิ่งหลินนำหน้าเราอยู่ตลอดทางลงเขาเสี่ยวอิงเถามองออกไปนอกหน้าต่างรถพลางชื่นชมทิวทัศน์ของเขาอวี้ซานส่วนฉันนั้นใจสับสนวุ่นวาย สายตาคอยแต่จะจับจ้องรถคันหน้า มือขวากำแน่นโดยไม่รู้ตัวภาพความรู้สึกตอนสัมผัสตัวเขาวูบเข้ามา ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นแสนจะลามก ฉันคิดเรื่องแบบนั้นได้ย
อะไรนะ?ฉันชะงักไปครู่หนึ่งแล้วแค่นหัวเราะออกมา “เจียงอี๋ ในที่สุดเธอก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ”หลายปีมานี้เธอแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา อ่อนแอ และน่าสงสารมาโดยตลอดแม้กระทั่งในทุกครั้งที่ฉันถูกด่า ถูกตี หรือถูกลงโทษอย่างหนัก เธอก็ยังช่วยพูดขอร้องให้ฉัน ทำทีเป็นคนใจอ่อนและมีเมตตาในที่สุดวันนี้ก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว“ฉันแสดงธาตุแท้อะไรออกมา? ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอดแต่เธอไม่ชอบฉันเอง” เจียงอี๋ยังคงพูดจาเหลวไหล“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอ ฝากบอกกู้เยี่ยนชิงด้วยว่าตอนบ่ายสองอย่าผิดนัด กว่าจะนัดได้ก็ยากมาก ถ้าเขาไม่ไปคงต้องรออีกครึ่งเดือน”ฉันพูดจบก็เตรียมจะวางสาย แต่เจียงอี๋เรียกฉันไว้“เจียงหว่าน ช่วงนี้กู้เยี่ยนชิงได้ไปหาเธอรึเปล่า?”น้ำเสียงของเธอเข้มขึ้นทันที เรียกชื่อเต็มของ “ชู้รัก” อย่างไม่ไว้หน้า ท่าทางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองฉันชะงักไปครู่หนึ่ง สัมผัสได้ว่าพวกเขาทะเลาะกันและรู้สึกสะใจเล็กน้อย “เขามาหาฉัน แล้วจะทำไม?”“เจียงหว่าน เธอไม่อายบ้างเลยเหรอ! เขาเป็นสามีของฉัน พวกเธอแอบคบกันลับหลังฉัน นี่มันต่างอะไรกับเป็นชู้ล่ะ?” เจียงอี๋โกรธขึ้นมาทันที และเริ่มด่าทอ
ถังซิ่วเอ๋อปล่อยความอัดอั้นตันใจมาเต็มที่ และฉันก็ซวยซ้ำซ้อนรับกระสุนเข้าพอดี จึงโดนเธอด่ากราดไม่ยั้ง“ฉันโทรหากู้เยี่ยนชิงแต่เธอเสนอหน้ารับสายเอง มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?” ฉันเองก็อัดอั้นตันใจเหมือนกัน เมื่อโดนด่าจึงสวนกลับทันที “คุณก็อย่าเอาแต่โมโหโทโสทั้งวัน ระวังเวรกรรมจะตกกับลูกสาวคุณเป็นสองเท่า”“เจียงหว่าน! แกมันใจร้ายเกินไปแล้ว!” ถังซิ่วเอ๋อคำรามด้วยความโกรธจนคอแทบแตก “เก่งจริงตลอดชีวิตนี้ก็อย่าป่วยล่ะ!”ฉันหมดอารมณ์จะทะเลาะกับเธอแล้ว จึงพูดเสียงเบา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นี่นา ใครจะรู้ว่าโทรศัพท์ของ กู้เยี่ยนชิงจะอยู่ที่ห้องคนไข้…”“เยี่ยนชิงเป็นน้องเขยแกแล้ว ไม่รู้จักหลีกเลี่ยงบ้างรึไง? มีอะไรทำไมไม่ฝากคนอื่นบอก? ฉันว่าแกยังไม่ยอมแพ้ อยากจะมาอ่อยเยี่ยนชิงอีกแต่โชคดีที่เจียงอี๋มาเจอทัน!”อะไรนะ? ฉันหวังดีอธิบาย แต่กลับโดนเธอใส่ร้ายโจมตีแบบนี้?ความโกรธที่เพิ่งกดไว้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำฉันโกรธจนแทบหน้ามืดเมื่อตั้งสติได้ฉันจึงกัดฟันสั่ง “งั้นช่วยไปบอกลูกเขยคุณ น้องเขยฉันด้วย ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าสำนักงานเขต ถึงเวลานัดหมายแล้ว ให้เขารีบมาทำเรื่องหย่าซะ! ไม่งั้นลูกสาวคุณจะเป
แน่นอนว่าสถานการณ์ของฉันยากลำบาก และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วไม่ว่าตระกูลเจียงจะรวยแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวกับฉันฉันเป็นแค่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจียงแต่ในนามเท่านั้นแม้ว่าแบรนด์เสื้อผ้าที่ฉันก่อตั้งเองจะไปได้สวย แต่ก็ช่วงไม่กี่ปี เงินที่หามาได้ยังหมดไปกับการตกแต่งบ้านหลังนั้น“รอคุณกลับมาค่อยคุยกันเถอะ ยังไงฉันก็ไม่เอาเปรียบคุณหรอก จะได้ไม่ต้องให้เจียงอี๋รู้แล้วมาทะเลาะกับฉันอีก”พูดจบ ฉันก็วางสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบขณะที่อารมณ์เสียอย่างถึงที่สุด ฉันยังนั่งอยู่ในรถพลางหันไปมองประตูสำนักงานเขต ด้วยความไม่พอใจอย่างมากเสียงโทรศัพท์ดัง “ติ๊ง” เมื่อฉันหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่ากู้เยี่ยนชิงส่งข้อความมา[เสี่ยวหว่าน คุณวางใจได้ เรื่องพวกนี้เจียงอี๋จะไม่รู้ คุณทุ่มเทเพื่อผมมามาก ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมชดเชยให้คุณ]พอเห็นข้อความนั้น จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูก ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้งผู้ชายชาติหมาคนนี้สุดท้ายก็ยังมีสำนึกอยู่บ้างแต่ฉันกลับเกลียดจิตสำนึกที่มาช้าของเขาถ้าเขาเลวมาตลอด ฉันก็ยังยืนหยัดได้ สู้กับเขาให้ถึงที่สุด ตัดขาดกันไปเลยแต่เขาเลวได้ครึ่งทางจู่ ๆ ก็กลับใจมาทำดี
คนเลวก็ต้องเจอกับคนเลวด้วยกันเองจริง ๆ“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เจียงอี๋น่ะมันพวกนังคนโกหกจอมเสแสร้ง ถนัดที่สุดก็เรื่องจับผู้ชาย พอหายโกรธก็ทำตัวน่าสงสารหน่อย พูดจาหวาน ๆ ไม่กี่คำผู้ชายก็ใจอ่อนแล้ว” หลี่อวิ๋นเวยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูผู้หญิงประเภทนี้ พูดอย่างคล่องแคล่ว“ช่างมันเถอะ อยากให้พวกเขาสองคนผูกติดกันไปเลย” นี่เป็นคำพูดจากใจจริงของฉันหลี่อวิ๋นเวยมองฉันแวบหนึ่ง สีหน้าดูเคลือบแคลง “เธอแน่ใจนะว่าถ้ากู้เยี่ยนชิงกลับมาขอคืนดี เธอจะหักห้ามใจได้จริง ๆ?”ฉันทำหน้าจริงจังพร้อมพูดอย่างหนักแน่น “แน่นอน! เขาเหยียดหยามฉันขนาดนั้น ถ้าฉันกลับไปคืนดีกับเขา ต้องโดนชาวบ้านหัวเราะเยาะแน่ ๆ คนอื่นเขาจะคิดว่าฉันอยากได้ผู้ชายจนบ้าไปแล้ว”“อีกอย่าง… เธอพูดเองนี่ว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับใจเพราะรักฉัน แค่เทียบกับเจียงอี๋แล้วเห็นว่าฉันคุ้มกว่า แถมยังช่วยชีวิตเขาในยามคับขันได้”ฉันพอจะมองออกแล้วว่าคนอย่างกู้เยี่ยนชิงไม่รักใคร นอกจากรักตัวเองอยู่กับผู้ชายแบบนี้ก็เหมือนขุดหลุมให้ตัวเอง เหมือนพร้อมที่จะบินเข้าไปกองไฟ มอดไหม้เป็นจุลได้ทุกเมื่อหลี่อวิ๋นเวยวางใจ “เธอยืนหยัดได้ก็ดีแล้ว ถ้าเงินหย่าไ
“ฉันตัวคนเดียว มีที่ไหนจะอยู่ไม่ได้? ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันอยู่บ้านหลังนั้นแล้วอึดอัด” ฉันจงใจพูดให้ดูแย่ แสดงความรังเกียจบ้านหลังนั้นออกมาแต่จริง ๆ แล้ว ฉันชอบมันมาก เพราะทุกอย่างในบ้านหลังนั้นฉันเลือกและตกแต่งอย่างตั้งใจ ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ากำไลหยกที่แม่ทิ้งไว้ให้แล้ว“ได้ คุณต้องการเท่าไร?”“สี่สิบล้าน”จริง ๆ แล้วค่าตกแต่งกับเฟอร์นิเจอร์ต้องคิดค่าเสื่อมด้วย แต่ฉันไม่อยากจุกจิกขนาดนั้น เขาทำไม่ดีกับฉันก่อน ทำไมฉันจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเขาด้วย“ผมให้คุณห้าสิบล้าน พรุ่งนี้บ่ายเราไปทำเรื่องโอนกัน แต่คุณไม่ต้องรีบย้ายออกนะ อยากอยู่ถึงเมื่อไหร่ก็ได้” กู้เยี่ยนชิงใจกว้างมากเกินความคาดหมายของฉัน“ฉันเอาแค่สี่สิบล้าน มากกว่านั้นสักบาทก็ไม่เอา ได้แล้วฉันจะรีบย้ายออกทันที”ถ้าเอาเงินเขามามากกว่านั้น ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ กลัวว่าวันหลังเขาป่วยขึ้นมาอีกแล้วให้ฉันถ่ายเลือดให้ เงินสิบล้านที่ให้มาเกินจะกลายเป็นเงินซื้อชีวิตฉันไปโดยปริยายเมื่อกู้เยี่ยนชิงเห็นฉันเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ “เสี่ยวหว่าน… พวกเราเคยรักกันจริง ๆ ทำไมคุณต้องมาแบ่งแยกกับผม…”“เจอกั
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ คุณปลอบเธอให้ดี ๆ แล้วกัน ฉันขอตัวก่อน” ยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็ลุกพรวดพราดเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปอีกทางถึงฉันจะยอมสงบศึกแต่เจียงอี๋ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมเลิกรา“เจียงหว่าน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! แอบขโมยสามีคนอื่นแล้วยังคิดจะหนีอีกเหรอ!” เสียงกรีดร้องแหลมสูงของเจียงอี๋ดังขึ้นอย่างฉับพลัน ทำเอาผู้คนมากมายในห้องโถงต่างตกอกตกใจทุกสายตาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ อย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เก่งจริงก็ตามมาให้ทันสิ” ฉันโบกมือให้เจียงอี๋จากอีกฟากของห้องด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน“เจียงหว่าน!” เจียงอี๋ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พุ่งเข้ามาอย่างหัวเสียเหมือนแมลงวันไม่มีหัว“เจียงอี๋ คุณอย่าเพิ่งโวยวายไป ผมนัดเจียงหว่านแค่เรื่องโอนบ้านเท่านั้นไม่ได้มีเรื่องอื่นเลย คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากให้ผมตัดขาดกับเธอให้เร็วที่สุด? การหย่าร้างมันก็ต้องจัดการเรื่องทรัพย์สินให้เรียบร้อยก่อนนะ” กู้เยี่ยนชิงรีบโอบเอวเจียงอี๋ไว้พลางอธิบายอย่างร้อนรนเมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็อดเย้ยหยันในใจไม่ได้ ช่างน่ารังเกียจสิ้นดีผู้ชายคนนี้เมื่อครู่ยังทำทีเป็นห่วงใยฉันอยู่เลย แต่พริบตาเดียวกลับไปบอกคนรักใหม่ว่าจะ
หากไม่ใช่เพิ่งได้ประจักษ์ถึงความน่าเกรงขามอันทรงอานุภาพของเขาเมื่อครู่ ก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้คือคนเดียวกับเทพแห่งการพิพากษาอันเฉียบขาดเมื่อสักครู่“คุณซูพูดเกินไปแล้วค่ะ เป็นฉันต่างหากที่รบกวนเวลาทำงานของคุณ” ฉันใช้คำยกย่องอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวเพราะตระหนักได้อย่างชัดเจนอีกครั้งถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงระหว่างเราเลขาจี้เดินตามฉันเข้ามาในห้อง ก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างคล่องแคล่ว เขารวบรวมและจัดเรียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ราวกับไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ“คุณเจียงออกแบบเสื้อผ้าของผมเสร็จแล้วหรือครับ?” ซูเซิ่งหลินเอ่ยถามขึ้นก่อน ทำลายภวังค์ความคิดของฉันให้กลับคืนมาฉันชะงักงัน คำพูดติดค้างอยู่ที่ลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความผิดปกติของฉัน แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือครับ หรือว่าคุณแม่ของผมทำให้คุณกดดัน?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ!” ฉันรีบปฏิเสธ ลนลานจนลิ้นแทบพันกันฉันไม่ได้เอาแบบร่างมาด้วยเลยสักนิด และไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่องตัดเสื้อกับเขาด้วยตอนนี้นอกจากพูดความจริงแล้ว ก็ไม่เหลือทางอื่นใด“คุณซ
บนตึกนั้นมีตัวอักษรสีแดงแปดตัวที่เขียนไว้อย่างสง่าและเป็นระเบียบว่า กองทัพแข็งแกร่งเพื่อปกป้องชาติ องค์กรแข็งแกร่งเพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน ทำให้ความรู้สึกเคารพยำเกรงที่เอ่อล้นอยู่ในใจของฉันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นครั้นเมื่อมาถึง ก็มีคนรออยู่แล้วที่ชั้นล่างของอาคารฉันเคยเห็นคนผู้นั้นเขาคือคนที่เข้ามาเตือนซูเซิ่งหลินให้รีบออกเดินทางตอนที่เราคุยกันอยู่ที่หน้าประตูสวนซูเมื่อคราวก่อนฉันจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงหยิบกระเป๋าเอกสารลงมา“สวัสดีครับคุณเจียง ผมชื่อจี้หมิง เป็นเลขาของประธานซูครับ” เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพนอบน้อมฉันตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “สวัสดีค่ะเลขาจี้ รบกวนคุณแล้ว”เขาพาฉันเข้าไปในอาคาร สแกนใบหน้าผ่านประตูกั้นแล้วจึงเดินไปยังโถงลิฟต์เมื่อเข้ามาในลิฟต์ จี้หมิงก็เอ่ยกับฉันว่า “คุณเจียงครับ คุณซูท่านกำลังติดธุระอยู่ คุณอาจจะต้องรอสักครู่นะครับ”ฉันยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณซูโดยไม่ได้นัดหมายก่อน”เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดและออกจากลิฟต์ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวางและสะอาดตาเป็นระเบียบพนักงานทุกคนต่างทักทายจี้หมิงด้วยคว
“ใครขอให้คุณมาช่วยกัน?” ฉันหัวเราะเยาะเย้ยพลางเหน็บแนม “อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงคุณจะยัดเยียดให้ ฉันก็ไม่เอาสักแดงเดียว เอาเงินคุณไปไถ่กำไลหยกของแม่ฉัน ฉันกลัวจะทำให้ทางไปเกิดใหม่ของแม่ฉันต้องมัวหมอง”“เจียงหว่าน ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดจาได้ร้ายกาจขนาดนี้?” กู้เยี่ยนชิงทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้น“หึ ฉันพูดจาร้ายกาจ ก็ยังสู้ความร้ายกาจในการกระทำของคุณไม่ได้หรอก”ฉันตัดบทด้วยความโมโห ไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว จึงตัดสายทิ้งอย่างไม่ลังเลฉันรู้สึกโมโหจนแทบคลั่ง!แต่พอตั้งสติได้ ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ยิ่งทวีคูณกู้เยี่ยนชิงรู้เรื่องนี้แล้ว มีหวังเจียงอี๋ก็คงจะรู้ด้วยดูจากนิสัยที่ชอบแย่งของรักของฉันไปทุกอย่างแล้ว ยัยนั่นจะต้องมาแย่งกำไลหยกวงนี้กับฉันแน่ ๆไม่ได้!ฉันจะปล่อยให้เจียงอี๋แย่งกำไลวงนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดฉันต้องเตรียมเงินให้มากพอแต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนได้อีก?ใจฉันร้อนรุ่มราวกับไฟสุมทรวง ชั่วขณะนั้นสติกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น แต่แล้วก็รีบข่มใจให้กลับมาสงบนิ่งแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กว่า หากเผชิญหน้ากับปัญหา อย่าตื่นตระหนก อย่าลน
หึ ข่มขืนสมควรแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองฉันเผลอหัวเราะออกมา ทำให้กู้เยี่ยนชิงโกรธจัด “เจียงหว่าน คุณเปลี่ยนไปเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ฉันเรียนรู้มาจากคุณไงล่ะ”“...” เขาโกรธจนพูดไม่ออกฉันกล่าวเตือนว่า “เอาเถอะ อย่างไรซะเขาก็ทำผิดกฎหมาย ฉันก็แค่ผดุงความยุติธรรม พวกคุณจะสมรู้ร่วมคิดกันก็เชิญ แต่อย่าได้คิดลองดีกับกฎหมาย ไม่อย่างนั้นคุณเองก็จะหมดอนาคตไปด้วย”กู้เยี่ยนชิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คงเริ่มรู้สึกตัวและละอายใจอยู่บ้าง จึงเปลี่ยนประเด็น “ได้ยินมาว่าคุณกำลังต้องการเงินมาก คุณจะเอาไปทำอะไร?”“ไม่เกี่ยวกับคุณ”“คุณต้องการเงินเท่าไร ผมจะให้คุณเอง”ฉันถามกลับทันที “ห้าร้อยล้าน คุณให้ได้ไหม?”“ห้าร้อยล้านเหรอ?” กู้เยี่ยนชิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณจะเอาไปทำอะไร? บริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือ?”“เปล่า”จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายไปเสียหมด ต่อให้เขายอมให้หยิบยืมหรือให้เปล่า ฉันก็ไม่คิดจะรับเงินของเขาหากเอาเงินของเขาไปไถ่กำไลหยกของแม่คืนมา เกรงว่าแม่คงโกรธฉันจนตัดขาด แม้จะถูกฝังอยู่ในหลุมก็เถอะ“ช่างเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันยังยุ่งอยู่ ข
ผู้หญิงคนนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย รูปร่างอวบอัดเซ็กซี่ของเธอเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือกเนื่องจากห้องอยู่ติดกับลิฟต์และเป็นช่วงเวลาที่มีแขกขึ้นลงลิฟต์จำนวนมาก ทำให้คนได้ยินเสียงและพากันมามุงดูอย่างรวดเร็ว ทางเดินเต็มไปด้วยไทยมุง แต่ละคนถือโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปและอัดวิดีโอไว้“หยุดนะ! ตำรวจมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เปิดออก ตำรวจตะโกนเสียงดัง ทำให้ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปิดทางให้แต่การมาถึงของตำรวจก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถังซิ่วเอ๋อกลายร่างเป็นนักรบผู้กล้าหาญ เธอต่อยตีเจียงไห่หยางจนเขาไม่มีทางสู้จนเกือบจะเปลือยกายอยู่รอมร่อสุดท้ายตำรวจต้องเข้ามาควบคุมตัวเธออย่างอุกอาจ ความวุ่นวายจึงยุติลงเนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ตำรวจจึงจำเป็นต้องนำตัวพวกเขาทั้งหมดไปสอบสวนถังซิ่วเอ๋อโกรธจัดและโวยวายใส่ตำรวจว่า “จับฉันทำไม? ถ้าจะจับก็ต้องจับชายชู้กับหญิงแพศยาคู่นั้นสิ ฉันตบนังจิ้งจอกนี่แล้วผิดตรงไหนกัน!”“อยู่ในความสงบ! ทุกคนต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวน!” ตำรวจตวาดเสียงเข้ม ควบคุมตัวถังซิ่วเอ๋อไว้อีกครั้งเจียงไห
ฉันหันกลับไปมองแผ่นหลังของหญิงคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เห็นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจียงไห่หยางอย่างไม่ลังเลสัญชาตญาณบอกฉันว่าผู้หญิงคนนี้กับเจียงไห่หยางต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อขึ้นมาบนรถ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโทรศัพท์หาหลี่อวิ๋นเวย“เวยเวย รบกวนเธอช่วยอะไรหน่อยได้ไหม ช่วยหาคนสะกดรอยตาม...”ถ้าฉันไม่ติดงานเร่งทำตามกำหนดส่งของตระกูลซูจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ฉันคงตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปแล้วตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักสองสามวัน กว่าจะจับพิรุธของเจียงไห่หยางได้ใครจะรู้ว่าเย็นวันนั้น ขณะที่ฉันยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ที่สตูดิโอ หลี่อวิ๋นเวยก็ส่งข่าวมา“หว่านหว่าน พ่อตัวแสบของเธอ ควงผู้หญิงหน้าสวยไปที่โรงแรมฮิลตัน ห้อง 8868 จะไปจับให้ได้คาหนังคาเขาเลยไหม?”ฉันวางเข็มกับด้ายลงข้าง ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ฉันไปจับเองจะมีความหมายอะไร ให้คนอื่นไปจับสิถึงจะดี”ฉันโทรศัพท์หาถังซิ่วเอ๋อ“เจียงหว่าน? โทรมาหาฉันอีกทำไม?” ถังซิ่วเอ๋อพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทุกครั้งแต่ฉันก็ยังพูดด้วยความสุภาพ “แม่เลี้ยงคะ พ่ออยู่บ้านไหม?”“ไม่อยู่! ฉันได
วันรุ่งขึ้นฉันตรงดิ่งไปยังบริษัทของเจียงไห่หยางเพื่อพบเขาเมื่อเห็นฉัน สีหน้าของเจียงไห่หยางก็เย็นชา เขาปรายตามองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากเสียดสี “แกมาทำไมอีก? ยังคิดว่าทำให้บ้านนี้วุ่นวายไม่พออีกหรือ?”ฉันเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา แล้วเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าคุณไม่คืนหุ้นของแม่ให้ฉัน ก็เอาเงินมาให้ฉันซะ”เจียงไห่หยางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “เจียงหว่าน สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? หุ้นของแม่แก ฉันก็ให้ไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”“ในเมื่อมันเป็นของแม่ฉัน มันก็ควรจะเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าคุณไม่แย่งธุรกิจของตาและยายฉันไป คุณจะมีวันนี้ที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูได้หรือ?”“...” เจียงไห่หยางจ้องฉันเขม็งบรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาฉันแล้วกระชากฉันให้ลุกขึ้น “แกออกไปซะ อย่าให้ฉันต้องเรียก รปภ.”“ถ้าคุณให้เงินฉัน ฉันก็จะไปเอง ไม่มากหรอกแค่ห้าสิบล้านก็พอ”“ห้าสิบล้านเหรอ?” เจียงไห่หยางอุทานเสียงหลง “ฝันไปเถอะ! ต่อให้ฉันต้องเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ ก็ไม่มีวันให้แก!”“เจียงไห่หยาง คุณคิดให้
เมื่อสิ้นคำพูดนั้น ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะตำหนิที่ฝีมือฉันยังไม่ดีพอจึงรีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “ฉันจะเร่งมือให้เต็มที่ ไม่ให้งานวันเกิดของคุณหญิงเสียหายแน่นอนค่ะ”“อืม ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ หากเวลาไม่พอจะตัดเพียงสองชุดก่อนก็ได้ สุขภาพสำคัญกว่า อย่าฝืนทำจนป่วยไปเสียล่ะครับ”คำกำชับของเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องน่าอายที่เผลอหลับบนรถม้าเมื่อเช้า ความรู้สึกละอายใจก็ท่วมท้นขึ้นมาทันทีซูเซิ่งหลินสังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของฉัน จึงก้าวเข้ามาใกล้อีกสองก้าว “ในเมื่อคุณเจียงมีนัดตอนกลางวัน อย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งไว้ วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ”ฉันได้สติกลับคืนมาแล้วพยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ ไว้พบกันค่ะคุณชายซู”“ไว้พบกัน”ฉันก้าวขึ้นรถอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเดินตามมาปิดประตูให้ด้วยตนเอง แถมยังโบกมือลาผ่านกระจกหน้าต่างฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันมองคนรวยผ่านแว่นกรองที่สวยงามเกินไปหรือไม่แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะแย้มยิ้มหรือขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยามเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่ง แม้เพียงเส้นผมปลิวไสวตามสายลม เมื่ออยู่บนร่างของเขา ช่างดูพิเศษและแตกต่างจากผู้อื่นเหลือเกินการอบรมบ่มเพาะท
ฉันตกใจมาก รีบเปิดประตูลงจากรถ “ขอโทษค่ะพ่อบ้านโจว ในรถสบายมากจนฉันเผลอหลับไป คุณน่าจะปลุกฉันนะคะ”“คุณเจียงไม่ต้องกังวลครับ คุณชายรองสั่งไม่ให้ปลุกบอกว่าคุณคงเหนื่อยจากงานมาก” พ่อบ้านโจวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปฉันหิ้วถุงเสื้อผ้าตามไป ในใจยังครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อบ้านโจว“ฉันเผลอหลับในรถ คุณชายรองซูก็รู้งั้นหรือคะ?”ให้ตายสิ! อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“ครับ ตอนรถของพวกคุณมาถึง คุณชายรองกำลังจะออกไปข้างนอกพอดีแล้วบังเอิญเจอกัน คนขับรถบอกว่าคุณหลับอยู่ในรถ คุณชายรองมองแล้วก็สั่งไม่ให้ปลุกคุณครับ”อะไรนะ?ซูเซิ่งหลินมองฉันด้วยเหรอ?ฉันสับสนไปหมด รีบยกมือขึ้นแตะมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่ได้น้ำลายไหลใช่ไหม!อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด…เมื่อได้พบหน้าคุณหญิงซู ฉันรีบชี้แจงถึงเหตุที่มาล่าช้า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรคุณหญิงซูก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน“ไม่เป็นไร พวกหนุ่มสาวสมัยนี้สร้างเนื้อสร้างตัวก็ลำบากแบบนี้ทั้งนั้น ต้องลำบากกันทุกคน จะว่าไปก็เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่ได้รู้จักเธอเร็วกว่านี้ ทำให้เธอต้องเหนื่อยเพราะเวลากระชั้นชิดแบบนี้”คุณหญิงซูเอ่ยอย