หลินซวงเอ๋อร์กำมือแน่นฉับพลัน ในใจเกิดคลื่นโหมกระหน่ำขึ้นมาทันใด“ดังนั้นเจ้าเลยปิดบังข้า?” น้ำเสียงของนางสั่นเบาๆ มือของเจียงหว่านยังคงวุ่นอยู่กับการจัดของ นางจุดเทียนขึ้นหนึ่งเล่ม นำเข็มแต่ละเล่มรนไฟอย่างพิถีพิถัน“ข้าก็คิดเพื่อเจ้า เจ้าร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เดิมไม่ควรท้องอยู่แล้ว ต่อให้บอกเจ้าแล้วจะอย่างไร? นอกจากดีใจเก้อแล้วเจ้าก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง”ท่าทางนางเรียบนิ่ง ราวกับพูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทว่าหลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกแสลงหูอย่างมาก“ต่อให้จะดีใจเก้อเจ้าก็ไม่ควรปิดบังข้า! และยิ่งไม่ควรปิดบังท่านอ๋อง!”เจียงหว่านถอนหายใจ พลางกล่าวอย่าวค่อนข้างรู้สึกระอา “น้องซวงเอ๋อร์ พูดตามตรง หาใช่ข้าจงใจปิดบังเจ้า แต่เพราะทารกในท้องเจ้าไม่มั่นคงเจ้าร่างกายเย็นมาตั้งแต่เกิดไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์ แม้จะไม่เกิดอุบัติเหตุ เด็กในท้องเจ้าก็ไม่รอดอยู่ดี!”ว่าจบ นางพักไปครู่หนึ่ง พลางกล่าวกับนางด้วยท่าทางเสียใจสุดๆ “เฮ้อ! สูญเสียเด็กคนนั้นไป เกรงว่าวันหน้าคงตั้งครรภ์ไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้วกระมัง?”“แต่ว่า ขอแค่เจ้าคิดอยากได้ ก็ดูแลร่างกายให้ดีๆ บางที่…อาจจะตั้งท้องอีกครั้งก็ได้”มือที่ซ่อ
ด้วยความคิดชั่วร้ายในใจ นางหยิบถ้วยกระเบื้องที่อยู่ถัดจากโต๊ะเตี้ยขึ้นมา แล้วโยนไปที่เจียงหว่านโดยไม่ลังเลใจถ้วยกระเบื้องกระแทกโดนหัวของเจียงหว่านอย่างจัง พลันเขียวช้ำขึ้นมาทันใดทั้งๆ ที่เจียงหว่านสามารถเอียงหัวหลบได้ แต่นางกลับไม่หลบ เหมือนกับจงใจรออะไรบางอย่างจากนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกห้อง เจียงหว่านรีบกุมหน้าผาก และกล่าวด้วยสีหน้าหวาดกลัวออกมา “น้องซวงเอ๋อร์ นี่เจ้าเป็นอะไรกันแน่?”หลินซวงเอ๋อร์สงสัยไม่เข้าใจ ครั้นเห็นประตูห้องเปิดออก เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังยืนมองเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้องอยู่หน้าประตู หลินซวงเอ๋อร์ถึงได้เข้าใจในทันทีไม่รอให้หลินซวงเอ๋อร์ได้พูด เจียงหว่านกุมหน้าผากคุยกับเยี่ยเป่ยเฉิงขึ้นก่อน “ท่านอ๋อง อาการป่วยของน้องซวงเอ๋อร์หนักขึ้นอีกแล้ว เมื่อครู่นางคลุ้มคลั่งทำร้ายคน หากยังไม่รักษาอย่างจริงจังอีก เกรงว่าอาการจะยิ่งแย่ลง”ว่าจบ เจียงหว่านก็ให้เยี่ยเป่ยเฉิงดูแผลบนหน้าผากนางยามนี้ หน้าผากนาวบวมนูนเป็นลูกใหญ่ขึ้นมาแล้ว โชคดีที่ไม่แตก มีแค่ฟกช้ำเท่านั้น“ท่านพี่…ข้าไม่ได้คลุ้มคลั่ง นางกำลังโกหก!” หลินซวงเอ๋อร์รีบอธิบายด้วยความร้อนรนนางไม่
เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว เขาถามหลินซวงเอ๋อร์ว่าเหตุใดถึงได้คิดเช่นนี้หลินซวงเอ๋อร์เลยบอกสิ่งที่ตัวเองเดาให้เยี่ยเป่ยเฉิงฟัง“ท่านพี่เชื่อข้าหรือไม่?” หลินซวงเอ๋อร์จับชายเสื้อของเยี่ยเป่ยเฉิงไว้ ประหนึ่งคว้าที่พึ่งสุดท้ายเอาไว้ตอนนี้ นางมีแค่เขาที่สามารถพึ่งพาได้ หากแม้แต่เขาก็ยังไม่เชื่อนาง นางก็คงจะแตกสลายจนสิ้นเยี่ยเป่ยเฉิงสวดกอดนางไว้ในอ้อมแขน พลางปลอบเสียงเบา “พี่จะไปสืบดู หากนางจะทำร้ายเจ้าจริง พี่ฆ่านางแน่!”ตอนนั้นเจียงหว่านสั่งยาสองชนิดให้หลินซวงเอ๋อร์ อันหนึ่งเป็นยาสมุนไพรใช้ภายใน อีกอันหนึ่งเป็นยาทาที่ใช้ทาแผลภายนอกเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกเสวียนอู่เข้ามาในห้อง ให้เขาเอายาสองชนิดนี้ไปหาหมอหลวงในวัง ดูว่าส่วนผสมในนั้นมีผลไม่ดีต่อร่างกายหรือไม่เสวียนอู่ถือยาไว้ในมือ อดถามขึ้นมาไม่ได้ “หากแม่นางเจียงทำจริง ท่านอ๋องจะจัดการอย่างไรขอรับ?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ฆ่านางซะ!”“ขอรับ!” เสวียนอู่ไม่ถามอะไรมากอีก เขาถือยาและตรงออกจากประตูไปทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลงบนเก้าอี้ บนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งกางอยู่พอดี บนกระดาษนั้นมีเขียนอยู่ไม่กี่บรรทัดเดิมทีนี่เป็นวันมง
นางในยามนี้ สวมเสื้อผ้าเบาบาง ผมดำขลับด้านหลังตรงสรวยเงางามหลินซวงเอ๋อร์เห็นเขาผ่านกระจกนางหันกลับมา ดวงตาชุ่มชื่นคู่นั้นในเวลานี้กำลังจับจ้องมาที่เขา“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือ?”หลินซวงเอ๋อร์หยักยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลักยิ้มบนแก้มเผยออกมา ปอยผมที่ย้อยทั้งสองข้างปลิวไหวเบาๆ ยิ่งขับให้ดูดีมากขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงแอบกลืนน้ำลาย อารมณ์สั่นไหวที่อยู่ในใจใกล้จะปะทุออกมาดีจริงๆ ซวงเอ๋อร์ของเขา ทั้งใจทั้งกายล้วนเป็นของเขา…เยี่ยเป่ยเฉิงมิอาจอธิบายได้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร เขาแค่รู้สึกว่าใจของตัวเองได้รับการเติมเต็มอย่างมากเขาเดินไปหาหลินซวงเอ๋อร์ทีละก้าวๆ แล้วโอบนางจากด้านหลัง ร่างเพรียวถูกอกหนาของเขาโอบไว้อย่างแน่นหนา“วันนี้ซวงเอ๋อร์ดื่มยาอย่างเชื่อฟังไหมเอ่ย?” เยี่ยเป่ยเฉิงหลุบตามองนาง ในตาพรั่งพรู่ไปด้วยความต้องการหลินซวงเอ๋อร์กล่าว “ดื่มแล้ว เป็นยาที่ท่านหมอหลวงสั่งให้ข้า”เยี่ยเป่ยเฉิงจูบหน้าผากหลินซวงเอ๋อร์ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “ซวงเอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ ”ทว่าหลินซวงเอ๋อรกลับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาผละเยี่ยเป่ยเฉิงออก และมองดูเขา ก่อนถามด้วยท่าทางเคร่งขรึม
หลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ทว่าก็อดถามเขาด้วยตัวเองขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านพี่รู้เรื่องที่ข้าแท้งนานแล้วใช่หรือไม่…”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครู่ใหญ่ๆ ถึงได้พยักหน้าเบาๆ “ซวงเอ๋อร์ หมอหลวงบอกแล้ว ขอแค่รักษาดูแลตัวเองให้ดี วันหน้าอาจจะยังมีลูกได้…”หลินซวงเอ๋อร์หลับตาลง ก่อนลืมตาขึ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ ความจริงเจียงหว่านตรวจข้าว่าท้องได้นานแล้ว แต่นางกลับปิดบังไม่รายงาน ให้ยาข้าดื่มทุกวันสุดท้ายก็ทำร้ายข้าจนแท้งลูก ท่านพี่ยังคงเลือกที่จะปกป้องนางอยู่หรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจนใจเล็กน้อย เขารู้ว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะคิดไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งแยกไม่ออกว่าไหนความจริงไหนลวงตา เขาคิดว่า ซวงเอ๋อร์ของเขาต้องคิดมากเกินไปแล้วแน่ ถึงได้คิดจนดูผิดปกติเล็กน้อยเขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถไปกระตุ้นได้ จึงแกล้งทำเป็นไม่กล้าคุยเสียงดังใส่นาง ได้แค่คุยกับนางด้วยเสียงอ่อนโยน “ซวงเอ๋อร์ จะฆ่าคนต้องมีหลักฐาน เจียงหว่านไม่ได้มีความกล้าไปทำร้ายเจ้าหรอก เป็นเจ้าที่คิดมากเกินไป…”“ท่านก็ยังไม่เชื่อข้า…”หลินซวงเอ๋อร์ใหล้จะแตกสลายไม่มีใครยอมเชื่อนาง ทว่านางเชื่
เพราะนางอารมณ์ดีมากใช่หรือไม่ ถึงคิดจะรังแกอะไรก็ได้!แต่ว่า นางก็มีหัวใจ! นางได้ผ่านวันคืนเหล่านั้นด้วยการให้อภัยเยี่ยเป่ยเฉิงเพียงลำพัง!บัดนี้ นางสูญเสียลูก เจียงหว่านจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ!เหตุใดนางจะให้เจียงหว่านชดใช้ไม่ได้!เยี่ยเป่ยเฉิงถอนหายใจเสียงต่ำ “ซวงเอ๋อร์ เจ้าคิดมากไปแล้วจริงๆ เจียงหว่านเป็นแค่คนนอก เจ้าข้าไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันเพราะนาง”หลินซวงเอ๋อร์ระงับโทสะที่อยู่ในใจเอาไว้ กล่าว“ในเมื่อเป็นแค่คนนอก!เหตุใดท่านพี่ถึงเชื่อนางไม่เชื่อข้า! ข้าบอกแล้ว นางทำร้ายลูกของข้า…”“ข้าจะให้นางได้ชดใช้! นางทำร้ายลูกข้า ไยท่านพี่ถึงต้องปกป้องนางเสมอ! ข้าเกลียดนาง! และเกลียดท่านด้วย!”เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อย อารมณ์ของซวงเอ๋อร์อ่อนโยนมาตลอด นี่เป็นหนแรกที่เห็นนางโกรธเช่นนี้ แม้แต่เขาก็ยังโดนด้วย“ซวงเอ๋อร์…เจ้าเป็นอะไรกันแน่?”เยี่ยเป่ยเฉิงเผยท่าทางกลัดกลุ้มออกมา ด้วยกลัวว่านางจะโมโห และทำท่าจะทำร้ายตัวเองอีกหลินซวงเอ๋อร์ถามเขากลับ“แล้วท่านพี่เล่าเป็นอะไรกันแน่? ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนท่านพี่ดีกับซวงเอ๋อร์มากๆ เหตุใดตอนนี้ถึงเปลี่ยนไป เพราะว่าได้แล้วก็ไม่เห็นค่าได้ใช่หรือไม่
จู่ๆ หลินซวงเอ๋อร์ก็นิ่งไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงกระวนกระวายใจเล็กน้อยเขารีบอธิบาย “ซวงเอ๋อร์ หาใช่พี่ไม่เชื่อเจ้า เพียงแต่ตอนนี้เจ้ายังป่วยอยู่ ทุกอย่างรอหลังจากที่เจ้าหายแล้ว ค่อยอธิบาย…”หลินซวงเอ๋อร์กล่าว“ท่านอ๋องจะเชื่อก็เชื่อเถิด ไม่เชื่อก็ช่าง”เยี่ยเป่ยเฉิงตกใจนางโกรธแล้วจริงๆ แม้แต่คำว่าท่านพี่ก็ไม่เรียกแล้ว“ซวงเอ๋อร์…”หลินซวงเอ๋อร์ไม่สนใจเขาอีก นางลุกขึ้นเดินไปทางเตียงนอน แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้เขาจากนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็ตามาเลิกผ้าห่มขึ้นและซุกตัวลงนอนบนเตียงสองสามวันนี้เอาแต่คำนึงถึงนางป่วย เขาจึงแทบอยู่เป็นเพื่อนนางในจวนทุกวัน ตกเย็นก็มักจะกอดกันนอนทว่าคืนนี้ หลินซวงเอ๋อร์ไม่ให้เขากอด แม้แต่แตะนิดหน่อยก็ไม่ให้เยี่ยเป่ยเฉิงถอนหายใจ และทำได้เพียงเก็บมือกลับมาไว้เหมือนเดิมเขารู้ว่าตอนนี้นางยังโกรธอยู่ คิดว่ารอนางหายโมโหแล้วค่อยง้อนางอย่างไรเสีย คำพังเพยกล่าวไว้ว่าสามีภรรยาทะเลาะกัน ไม่นานก็คืนดีกัน ยิ่งไปกว่านั้น ซวงเอ๋อร์ของเขาอารมณ์ดีมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่มีทางไม่สนเขาตลอดไปแน่นอนแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ความโกรธของหลินซวงเอ๋อร์
“ซวงเอ๋อร์ ได้ยินว่าเจ้าไม่สบายใจ ได้เจอข้าแล้วดีขึ้นบ้างหรือไม่?” ฮุ่ยอี๋กระตือรือร้น ครั้นเห็นหลินซวงเอ๋อร์ก็แทบทะยานพุ่งเข้ากอดนางฉาดใหญ่หลินซวงเอ๋อร์เกือบตั้งตัวไม่ไหว ถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะตั้งหลักได้“องค์หญิงมาได้อย่างไร? อาการป่วยของเจ้าดีแล้วหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์เผยสีหน้าตกตะลึง ฮุ่ยอี๋ตรงหน้ายังคงเป็นองค์หญิงผู้เปล่งประกายคนนั้น ช่างแตกต่างจากฮุ่ยอี๋ในตำหนักหลวนเฟิ่งวันนั้นยิ่งนัก“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้ายังมีเรื่องใหม่ๆน่าสนุกอีกเยอะแยะ ทั้งของกินของใช้ ขอแค่เจ้าชอบจากนี้จะมีมาให้อีก”สิ้นเสียงนางสนมรับใช้และขันทีทยอยยกกล่องของกำนัลน้อยใหญ่ส่งเข้ามาในห้องหลินซวงเอ๋อร์หลินซวงเอ๋อร์อ้าปากค้างตะลึงงันของกำนัลหายากแปลกตาสารพัดเท่าภูเขากองนี้ ราวกับสินสอด คนที่ไม่รู้คงคิดว่านางกำลังออกเรือนเป็นแน่......หลินซวงเอ๋อร์เอ่ย “เหตุใดองค์หญิงถึงส่งมอบของเหล่านี้หรือ?”ฮุ่ยอี๋ตอบ “ข้าบอกไปแล้ว จากนี้ของที่ข้ามี จะแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง”หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหน้ารัวพัลวัน “ไม่เป็นไร ของเหล่านี้ข้าล้วนมีในจวนครบครันแล้ว องค์หญิงไม่จำเป็นต้องมอบให้ข้าเป็นพิเศษหรอก”ฮุ่ยอี๋เอ่ย “นั่นมันคน
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ