Share

บทที่ 200

Author: พิณเคล้าสายฝน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ตงเหมยยืนอยู่ที่ประตูด้วยความอึดอัดเล็กน้อย

นางไม่รู้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะพูดไปกับหลินซวงเอ๋อร์ เขาได้ยินมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาที่เย็นชาของเขาแล้ว ก็ทำให้รู้สึกใจสั่นอยู่พักหนึ่ง

นางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า: "ท่านอ๋อง สิ่งที่พูดเมื่อสักครู่นี้เป็นแค่การล้อเล่น ท่านอย่างเก็บไปใส่ใจเลย..."

“เจ้าถอยไป!”เยี่ยเป่ยเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

ตงเหมยมองหลินซวงเอ๋อร์ด้วยความกังวล ภายใต้แรงกดดันของเยี่ยเป่ยเฉิง ในที่สุดนางก็หันหลังกลับแล้วถอยไป

ทันทีที่ตงเหมยจากไป ในห้องก็มีแค่เยี่ยเป่ยเฉิงและหลินซวงเอ๋อร์สองคน

ในห้องแคบเล็ก หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าอากาศเบาบางลง เพราะการปรากฏตัวของเยี่ยเป่ยเฉิง

“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงมาที่นี่...” หลินซวงเอ๋อร์มองดูเขาด้วยความลำบากใจ และไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้

เขาเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนมาโดยตลอด ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดี เขาอาจจะมาระบายอารมณ์ใส่ตนเองอีกครั้ง...

สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมลง ยากที่จะบอกได้ว่าเขาดีใจหรือโกรธเกรี้ยว เขาจ้องมองมาที่ หลินซวงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินจ้ำอ้าวไปหานาง

เมื่อเห็นเยี่ยเ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 201

    หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างงุนงงโกรธงอน?เหตุใดเขาถึงพูดแบบเดียวกันกับตงเหมย?นางโบกมืออย่างต่อเนื่อง แล้วกล่าวว่า "ท่านเป็นเจ้านาย ข้าจะกล้าโกรธงอนท่านได้อย่างไร?"นางมีท่าทีที่ถ่อมตัวเป็นอย่างมาก และเป็นท่าทีที่สาวรับใช้ควรมีจริงๆแต่เยี่ยเป่ยเฉิงอดรนทนไม่ได้อย่างเห็นได้ชัดเขาไม่ชอบให้หลินซวงเอ๋อร์ประพฤติตัวอยู่ในกฎระเบียบต่อหน้าเขา เขาจำได้ว่า ตอนที่อยู่ต่อหน้าฉีหมิงนางไม่ได้ประพฤติตัวอยู่ในกฎระเบียบขนาดนี้ อย่างน้อยนางก็เรียกเขาว่าพี่ แถมยังยิ้มแย้มให้เขาแต่ต่อหน้าเขา นางมักจะระมัดระวังแบบนี้อยู่เสมอ เพราะกลัวว่าจะทำอะไรผิดไป!เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะเกรี้ยวโกรธใส่นาง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ระงับอารมณ์เอาไว้แล้วพูดว่า: "ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นเจ้านาย ก็ไม่ควรทำให้ข้าโกรธอยู่บ่อยๆ"หลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีนางไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนฉลาดที่สามารถอ่านคำพูดและสีหน้าของคนอื่นได้ และไม่สามารถเดาความคิดของ เยี่ยเป่ยเฉิงได้เช่นกัน นางแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาที่เขาอยู่ข้างกายนาง มักจะทำให้เขาเกรี้ยวโกรธอยู่เสมอช่างมันเถิดอย่างไรเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 202

    หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้น แล้วยื่นมือที่พันด้วยผ้ากอซไปที่ตรงหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด พอเยี่ยเป่ยเฉิงเห็นหลินซวงเอ๋อร์มีลักษณะท่าทางเช่นนี้ ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดในใจหลินซวงเอ๋อร์ผู้หญิงคนนี้ รูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย แต่ถ้ากระต่ายขาวตัวน้อยเกรี้ยวโกรธขึ้นมา ทำให้คนรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก“เจ้าหมดสติไปสามวัน กินอะไรก่อนเถิด” เยี่ยเป่ยเฉิงระงับความโกรธเอาไว้ แล้วพูดเปลี่ยนหัวข้ออีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร“อยากจะให้ข้าพูดเป็นครั้งที่สามหรือ?”จู่ๆบรรยากาศรอบตัวก็ควบแน่น ความรู้สึกกดดันที่คุ้นเคยก็ประทังเข้ามาหลินซวงเอ๋อร์สูดจมูกอันปวดแสบ และปฏิเสธที่จะลุกขึ้นนางไม่ยอมจำนน นางรู้ว่า ถ้าตนเองยอมจำนน เยี่ยเป่ยเฉิงคงจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องสัญญาซื้อขายบุคคลอีกแน่นางไม่เข้าใจว่า เหตุใดเยี่ยเป่ยเฉิงต้องทำให้นางลำบากใจ ทั้งๆที่นางไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อเห็นว่านางไม่ยอมลุกขึ้น ทันใดนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกมือขึ้น คว้าคอเสื้อของนางเอาไว้ แล้วยกนางขึ้นมาอย่างง่ายดายหลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกเขาตรึงนางไว้บนเตียงที่อ่อนนุ่ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 203

    หลินซวงเอ๋อร์มองเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างโหยหา ด้วยท่าทางที่ดูน่ารักเป็นอย่างมาก เยี่ยเป่ยเฉิงยกริมฝีปากขึ้น และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเขาค่อยๆหยิบขนมอมถั่วสนขึ้นมาทีละเม็ด แล้วยืนไปที่ข้างปากนางทีละเม็ดหลินซวงเอ๋อร์ยึดหลักการห้ามสิ้นเปลือง เขาป้อนแค่ไหนนางก็กินแค่นั้น แม้แต่นิ้วของเขาและกินให้มากที่สุดเท่าที่เขากินเข้าไป แม้แต่เศษบนนิ้วของเขาก็เลียเข้าไปในปากด้วยเพียงแต่ว่า การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าขนมถั่วสนมีขนาดเล็กจนเกินไปในเวลานี้ เสวียนอู่เดินเข้ามาจากด้านนอกเมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย เสวียนอู่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ แต่มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างลังเลใจเยี่ยเป่ยเฉิงป้อนอาหารต่อไปไม่หยุด จากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า:"มีเรื่องอะไรหรือ?"เสวียนอู่กล่าวว่า: "จ้าวชิงชิงกลับไปที่จวนหนิงหวังในชั่วข้ามคืน"เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แค่มองดูหลินซวงเอ๋อร์ที่ก้มศีรษะลงแล้วงับขนมลูกสนที่อยู่บนนิ้วของเขาเป็นระยะ แล้วกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า: " นางหนีไปเร็วเหมือนกันนี่ "เสวียนอู่ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูดว่า: "จ้าวชิงชิงกลับไปที่จวนหนิงหวังเช่นนี้ ท่านอ๋อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 204

    ภายในห้องอันกว้างขวาง ทันใดนั้นอากาศก็เปลี่ยนไปเป็นอึดอัดทันทีหลินซวงเอ๋อร์ถูกวางไว้ตรงนั้นราวกับว่าเป็นหุ่นเชิด ไม่กล้าขยับไปไหนเลยเยี่ยเป่ยเฉิงไม่เคยมองนางด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังขนาดนี้ เขาที่เป็นแบบนี้ ขาดความเย็นชาของเจ้านายไป แต่แรงกดดันที่อยู่บนเขายังคงมีอยู่หลินซวงเอ๋อร์ไม่อาจสบตาเขาตรงๆได้ เพราะถ้าสบตากับเขาตรงๆ นางจะรู้ว่าตนเองหายใจไม่ทั่วท้อง ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงนางเบือนหน้าหนี และอยากจะหนีไปให้พ้นเยี่ยเป่ยเฉิงกลับปฏิเสธ เขาจับหน้าของนางเอาไว้ แล้วบังคับให้นางมองเขา“หลบอะไร หลินซวงเอ๋อร์ ตอนนี้ข้ากำลังคุยเรื่องสำคัญกับเจ้าอยู่นะ!”ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจอันร้อนแรงของเขาก็ตกกระทบไปบนใบหน้าของนางทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหายใจเร็วขึ้น อารมณ์ที่ถูกตนเองฝืนระงับเอาไว้ในใจก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง พลุ่งพล่าน โหมซัดสาดไปมา ทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากนางรู้ว่าตนเองไม่ควรมีความคาดหวังอะไรอีกต่อไปแล้ว และนางกลัวว่านี่จะเป็นความสุขที่ว่างเปล่าอีกครั้งริมฝีปากของนางสั่นเทา น้ำเสียงของนางสั่นเล็กน้อย: "ท่านอ๋อง ท่านอย่าพูดล้อเล่นแบบนี้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 205

    หลินซวงเอ๋อร์ไม่จริงจัง กับคำพูดแบบนี้ของเขาแน่นอน“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?” เสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ มือที่โอบเอวของนางเอาไว้ก็กระชับแน่นขึ้น" ข้ารักษาคำพูด เคยพูดเรื่องล้อเล่นเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? "จู่ๆเขาก็เกรี้ยวโกรธขึ้นมา ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ทำตัวไม่ถูกนางกลัวมากจนมีเหงื่อไหลออกมา ร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาเมื่อสังเกตเห็นความหวาดกลัวของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงถึงได้รู้ว่า เขาได้สูญเสียการควบคุมตนเองต่อหน้านางแล้วเพียงแต่ว่าเขาทนไม่ได้ ที่ความรู้สึกของเขา เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นในสายตาของนางเขาเคยสนใจผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และเคยสัญญาเรื่องเหล่านี้กับใครเสียที่ไหน?มีเพียงแค่นางเท่านั้น ที่ทำให้เขาทำลายบรรทัดฐานครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อก่อน เขาคิดแค่ว่าคำสาบานชั่วนิรันดร์เหล่านี้เป็นคำสัญญาที่ไร้ประโยชน์ที่สุด จนกระทั่งเขาได้พบกับหลินซวงเอ๋อร์ เขาก็เริ่มเชื่อในคำสัญญาที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านี้แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากพูดสิ่งเหล่านี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง จะทำให้นางไม่ไว้วางใจเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์จ้องมองตนเองด้วยสายตาที่โศกเศร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 206

    หลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยความไม่เชื่อ และไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานานในสามัญทัศน์ของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นท่านอ๋องเทพแห่งสงครามที่สูงส่ง เย็นชา และเป็นคนที่นิสัยแปลกโดยตลอดแต่ตอนนี้เขาบอกตนเองว่า วันนั้นที่ขับไล่นางออกไป เป็นเพราะความหึงหวง!หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าโลกทัศน์ของตนเองได้พังทลายลงทีละน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงก็หึงหวงเป็นด้วย?เขาหึงหวงอะไรกัน?เมื่อย้อนกลับไปที่ต้นเหตุ นางก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นทันที ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่นางกับฉีหมิงนัวเนียกันท่ามกลางสายฝนหรือว่าจะอิจฉาฉีหมิง?หลังจากที่นางเข้าใจสิ่งเหล่านี้ หัวใจของนางก็เริ่มเต้นตุบตับอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง“วันนั้น...ข้ากับพี่ฉีพบกันโดยบังเอิญ” นางรู้สึกว่า นางก็ควรจะอธิบายให้เขาฟังบ้าง“แต่เจ้าปล่อยให้เขากอด ปล่อยให้เขาจูบ! พวกเจ้านัวเนียกันท่ามกลางสายฝน!” แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เยี่ยเป่ยเฉิงถงได้คิดมากขนาดนั้น ทุกครั้งที่นึกถึงภาพเหตุกาณ์นั้น เขาก็เหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในใจหลินซวงเอ๋อร์รู้ว่า ไม่ว่าตนเองจะอธิบายอย่างไร เรื่องแบบนั้นก็ได้เกิดขึ้นแล้วนางปล่อยให้เขากอด แล้วปล่อยให้เขาจูบจริงๆนางไม่รู

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 207

    จู่ๆร่างกายของเยี่ยเป่ยเฉิงก็เกร็งเดิมทีแค่อยากจะแกล้งนาง ต่อมาก็คิดว่าได้อะไรตอบแทนก็ยังดีแต่ตอนนี้ เขากลับไม่พึงพอใจเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์ถูกจูบแรงมากจนรู้สึกมึนหัว นางค่อยๆพร่ามัว และอดไม่ได้ที่จะตอบสนองกลับเบาๆการตอบสนองของนาง คือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำลายสติของเยี่ยเป่ยเฉิงที่ข้างหู การหายใจของเขาหนักหน่วงและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าถูกห่อด้วยลูกบอลไฟ ที่กำลังแผดเผานางแต่หลินซวงเอ๋อร์ยังคงพอมีสติอยู่บ้างนางรู้ว่า ทำแบบนี้ไม่ถูกอีกอย่าง เสวียนอู่ยังคงรออยู่นอกประตู ถ้าร้องขึ้นมาแล้วเขาได้ยินเข้าจะทำอย่างไร?“ไม่...ไม่ได้” นัยน์ตาของนางพร่ามัว แม้แต่เสียงก็แฝงไปด้วยเสน่ห์เล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงยืนขึ้นเล็กน้อย ในนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์เสน่หาอย่างชัดเจน“ไม่ได้อะไร?”ริมฝีปากของหลินซวงเอ๋อร์แดงบวมจากการถูกเขาดูด แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อเล็กน้อย ผมเผ้าของนางก็สยายอยู่บนหมอนปักอย่างยุ่งเหยิงเห็นได้ชัดว่ามีท่าทางที่ยั่วยวนมาก แต่นางกลับไม่รู้ตัว สิ่งนี้ทำให้ดวงตาคู่นั้นดูสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นเยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้ว คิ้วที่ผ่อนคลายขมวดกันแน่น นัยน์ตาที่เต็มไปด้ว

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 208

    จ้าวชิงชิงถูกคนห้ามกลับจวนหนิงหวังตอนที่นางถูกส่งตัวกลับมา สีหน้าของนางซีดเซียว ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด และมีรอยแส้อันน่าสะพรึงกลัวสองที่บนร่างกายจ้าวชิงชิงไม่สามารถทนได้ตั้งนานแล้ว ตอนที่กลับมา นางได้หมดสติไปแล้วพระชายาจ้าวรักบุตรสา่วเป็นอย่างมาก จึงรีบตามแพทย์หลวงมาที่จวนอย่างรวดเร็วโชคดีที่แพทย์หลวงมาได้ทันเวลา ฝังเข็มห้ามเลือดให้นาง และต้มยาให้นางดื่ม ถึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้พอหนิงหวังจ้าวหย่วนโหวทราบข่าว ก็รีบกลับมาจากพระราชวังทันทีหลังจากที่ทั้งสองได้สอบถามแล้ว ถึงได้รู้ว่าจากปากผู้ติดตามว่า บุตรสาวสุดที่รักของพวกเขาถูกเยี่ยเป่ยเฉิงเฆี่ยนตีจนมีสภาพเป็นเช่นนี้...“ เยี่ยเป่ยเฉิงตัวดี กล้าดีอย่างไรถึงได้ทำกับลูกสาวของข้าแบบนี้! ”จ้าวหย่วนโหวโกรธมาก และบอกว่าเขาจะไปฟ้องไทเฮา ฟ้ององค์จักรพรรดิ เพื่อให้พวกเขาทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวของเขาไทเฮาคือท่านป้าของจ้าวชิงชิง และเป็นน้องสาวทางสายเลือดของเขา คงจะไม่ยอมเพิกเฉยเรื่องนี้อย่างแน่นอน! เยี่ยเป่ยเฉิงจะต้องเอาเรื่องเยี่ยเป่ยเฉิงให้ได้! ให้เขาได้รับการลงโทษอย่างสาสม!แต่พระชายาจ้าวกับห้ามเขาเอาไว้ได้ทันเวลา“ท่านไม่ได

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status