หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "ท่านอ๋องช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าซาบซึ้งใจอยู่แล้ว"ตงเหมยกล่าวว่า: "เจ้าคิดได้แล้ว? คิดจะอยู่ที่จวนโหวต่อแล้วใช่หรือไม่?"หลินซวงเอ๋อร์กลับส่ายหัว แล้วกล่าวว่า "ตงเหมย ตอนที่พี่ชายของข้าเซ็นสัญญาซื้อขายบุคคล อันที่จริงแค่เก็บเงินไถ่ถอนตนเองให้ได้มากพอ ข้าก็จะสามารถไถ่ถอนตนเองออกจากจวนได้แล้ว"ตงเหมยเข้าใจ: "ดังนั้น แล้วไม่อยากออกจากจวนโหวแล้วใช่หรือไม่?"หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้า: "ตอนที่บนเรือ ข้าช่วยกันลูกดอกอาบยาพิษให้ท่านอ๋อง เกือบตาย ท่านอ๋องบอกว่าจะรับปากคำขอร้องอะไรก็ได้ของข้า วันนี้เขาได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ก็ถือว่าหายกัน"นางจะไม่พูดถึงคำร้องขออีกต่อไป เดิมทีนางก็ไม่มีคำร้องขออะไรอยู่แล้ว ถือเสียว่าเขาตอบแทนความมีน้ำใจที่นางช่วยกันอาวุธลับให้เขาก็แล้วกันยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่านางจะร้องขอ เยี่ยเป่ยเฉิงก็คงจะไม่เห็นด้วยเขาผิดสัญญากับนางหลายครั้งแล้วตงเหมยไม่สามารถโน้มน้าวใจนางได้ จึงถามนางว่า "ซวงเอ๋อร์ เจ้าไม่ชอบท่านอ๋องจริงๆหรือ?หรือว่า เจ้ากำลังโกรธงอนท่านอยู่?โกรธที่เขามาช่วยเจ้าเอาไว้ไม่ทัน โกรธที่เขาไม่ให้เจ้าเข้าเรือนฝั่งตะวันออก?"หัวใจของหลินซ
ตงเหมยยืนอยู่ที่ประตูด้วยความอึดอัดเล็กน้อยนางไม่รู้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะพูดไปกับหลินซวงเอ๋อร์ เขาได้ยินมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาที่เย็นชาของเขาแล้ว ก็ทำให้รู้สึกใจสั่นอยู่พักหนึ่งนางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า: "ท่านอ๋อง สิ่งที่พูดเมื่อสักครู่นี้เป็นแค่การล้อเล่น ท่านอย่างเก็บไปใส่ใจเลย..."“เจ้าถอยไป!”เยี่ยเป่ยเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดตงเหมยมองหลินซวงเอ๋อร์ด้วยความกังวล ภายใต้แรงกดดันของเยี่ยเป่ยเฉิง ในที่สุดนางก็หันหลังกลับแล้วถอยไปทันทีที่ตงเหมยจากไป ในห้องก็มีแค่เยี่ยเป่ยเฉิงและหลินซวงเอ๋อร์สองคนในห้องแคบเล็ก หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าอากาศเบาบางลง เพราะการปรากฏตัวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงมาที่นี่...” หลินซวงเอ๋อร์มองดูเขาด้วยความลำบากใจ และไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้เขาเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนมาโดยตลอด ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดี เขาอาจจะมาระบายอารมณ์ใส่ตนเองอีกครั้ง...สีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเคร่งขรึมลง ยากที่จะบอกได้ว่าเขาดีใจหรือโกรธเกรี้ยว เขาจ้องมองมาที่ หลินซวงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินจ้ำอ้าวไปหานางเมื่อเห็นเยี่ยเ
หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างงุนงงโกรธงอน?เหตุใดเขาถึงพูดแบบเดียวกันกับตงเหมย?นางโบกมืออย่างต่อเนื่อง แล้วกล่าวว่า "ท่านเป็นเจ้านาย ข้าจะกล้าโกรธงอนท่านได้อย่างไร?"นางมีท่าทีที่ถ่อมตัวเป็นอย่างมาก และเป็นท่าทีที่สาวรับใช้ควรมีจริงๆแต่เยี่ยเป่ยเฉิงอดรนทนไม่ได้อย่างเห็นได้ชัดเขาไม่ชอบให้หลินซวงเอ๋อร์ประพฤติตัวอยู่ในกฎระเบียบต่อหน้าเขา เขาจำได้ว่า ตอนที่อยู่ต่อหน้าฉีหมิงนางไม่ได้ประพฤติตัวอยู่ในกฎระเบียบขนาดนี้ อย่างน้อยนางก็เรียกเขาว่าพี่ แถมยังยิ้มแย้มให้เขาแต่ต่อหน้าเขา นางมักจะระมัดระวังแบบนี้อยู่เสมอ เพราะกลัวว่าจะทำอะไรผิดไป!เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะเกรี้ยวโกรธใส่นาง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ระงับอารมณ์เอาไว้แล้วพูดว่า: "ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นเจ้านาย ก็ไม่ควรทำให้ข้าโกรธอยู่บ่อยๆ"หลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีนางไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนฉลาดที่สามารถอ่านคำพูดและสีหน้าของคนอื่นได้ และไม่สามารถเดาความคิดของ เยี่ยเป่ยเฉิงได้เช่นกัน นางแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาที่เขาอยู่ข้างกายนาง มักจะทำให้เขาเกรี้ยวโกรธอยู่เสมอช่างมันเถิดอย่างไรเ
หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้น แล้วยื่นมือที่พันด้วยผ้ากอซไปที่ตรงหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด พอเยี่ยเป่ยเฉิงเห็นหลินซวงเอ๋อร์มีลักษณะท่าทางเช่นนี้ ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดในใจหลินซวงเอ๋อร์ผู้หญิงคนนี้ รูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย แต่ถ้ากระต่ายขาวตัวน้อยเกรี้ยวโกรธขึ้นมา ทำให้คนรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก“เจ้าหมดสติไปสามวัน กินอะไรก่อนเถิด” เยี่ยเป่ยเฉิงระงับความโกรธเอาไว้ แล้วพูดเปลี่ยนหัวข้ออีกครั้งหลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร“อยากจะให้ข้าพูดเป็นครั้งที่สามหรือ?”จู่ๆบรรยากาศรอบตัวก็ควบแน่น ความรู้สึกกดดันที่คุ้นเคยก็ประทังเข้ามาหลินซวงเอ๋อร์สูดจมูกอันปวดแสบ และปฏิเสธที่จะลุกขึ้นนางไม่ยอมจำนน นางรู้ว่า ถ้าตนเองยอมจำนน เยี่ยเป่ยเฉิงคงจะไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องสัญญาซื้อขายบุคคลอีกแน่นางไม่เข้าใจว่า เหตุใดเยี่ยเป่ยเฉิงต้องทำให้นางลำบากใจ ทั้งๆที่นางไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อเห็นว่านางไม่ยอมลุกขึ้น ทันใดนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยกมือขึ้น คว้าคอเสื้อของนางเอาไว้ แล้วยกนางขึ้นมาอย่างง่ายดายหลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกเขาตรึงนางไว้บนเตียงที่อ่อนนุ่ม
หลินซวงเอ๋อร์มองเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างโหยหา ด้วยท่าทางที่ดูน่ารักเป็นอย่างมาก เยี่ยเป่ยเฉิงยกริมฝีปากขึ้น และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเขาค่อยๆหยิบขนมอมถั่วสนขึ้นมาทีละเม็ด แล้วยืนไปที่ข้างปากนางทีละเม็ดหลินซวงเอ๋อร์ยึดหลักการห้ามสิ้นเปลือง เขาป้อนแค่ไหนนางก็กินแค่นั้น แม้แต่นิ้วของเขาและกินให้มากที่สุดเท่าที่เขากินเข้าไป แม้แต่เศษบนนิ้วของเขาก็เลียเข้าไปในปากด้วยเพียงแต่ว่า การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าขนมถั่วสนมีขนาดเล็กจนเกินไปในเวลานี้ เสวียนอู่เดินเข้ามาจากด้านนอกเมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย เสวียนอู่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ แต่มองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างลังเลใจเยี่ยเป่ยเฉิงป้อนอาหารต่อไปไม่หยุด จากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า:"มีเรื่องอะไรหรือ?"เสวียนอู่กล่าวว่า: "จ้าวชิงชิงกลับไปที่จวนหนิงหวังในชั่วข้ามคืน"เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แค่มองดูหลินซวงเอ๋อร์ที่ก้มศีรษะลงแล้วงับขนมลูกสนที่อยู่บนนิ้วของเขาเป็นระยะ แล้วกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า: " นางหนีไปเร็วเหมือนกันนี่ "เสวียนอู่ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูดว่า: "จ้าวชิงชิงกลับไปที่จวนหนิงหวังเช่นนี้ ท่านอ๋อง
ภายในห้องอันกว้างขวาง ทันใดนั้นอากาศก็เปลี่ยนไปเป็นอึดอัดทันทีหลินซวงเอ๋อร์ถูกวางไว้ตรงนั้นราวกับว่าเป็นหุ่นเชิด ไม่กล้าขยับไปไหนเลยเยี่ยเป่ยเฉิงไม่เคยมองนางด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังขนาดนี้ เขาที่เป็นแบบนี้ ขาดความเย็นชาของเจ้านายไป แต่แรงกดดันที่อยู่บนเขายังคงมีอยู่หลินซวงเอ๋อร์ไม่อาจสบตาเขาตรงๆได้ เพราะถ้าสบตากับเขาตรงๆ นางจะรู้ว่าตนเองหายใจไม่ทั่วท้อง ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงนางเบือนหน้าหนี และอยากจะหนีไปให้พ้นเยี่ยเป่ยเฉิงกลับปฏิเสธ เขาจับหน้าของนางเอาไว้ แล้วบังคับให้นางมองเขา“หลบอะไร หลินซวงเอ๋อร์ ตอนนี้ข้ากำลังคุยเรื่องสำคัญกับเจ้าอยู่นะ!”ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจอันร้อนแรงของเขาก็ตกกระทบไปบนใบหน้าของนางทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหายใจเร็วขึ้น อารมณ์ที่ถูกตนเองฝืนระงับเอาไว้ในใจก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง พลุ่งพล่าน โหมซัดสาดไปมา ทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากนางรู้ว่าตนเองไม่ควรมีความคาดหวังอะไรอีกต่อไปแล้ว และนางกลัวว่านี่จะเป็นความสุขที่ว่างเปล่าอีกครั้งริมฝีปากของนางสั่นเทา น้ำเสียงของนางสั่นเล็กน้อย: "ท่านอ๋อง ท่านอย่าพูดล้อเล่นแบบนี้
หลินซวงเอ๋อร์ไม่จริงจัง กับคำพูดแบบนี้ของเขาแน่นอน“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?” เสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ มือที่โอบเอวของนางเอาไว้ก็กระชับแน่นขึ้น" ข้ารักษาคำพูด เคยพูดเรื่องล้อเล่นเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? "จู่ๆเขาก็เกรี้ยวโกรธขึ้นมา ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ทำตัวไม่ถูกนางกลัวมากจนมีเหงื่อไหลออกมา ร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาเมื่อสังเกตเห็นความหวาดกลัวของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงถึงได้รู้ว่า เขาได้สูญเสียการควบคุมตนเองต่อหน้านางแล้วเพียงแต่ว่าเขาทนไม่ได้ ที่ความรู้สึกของเขา เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นในสายตาของนางเขาเคยสนใจผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และเคยสัญญาเรื่องเหล่านี้กับใครเสียที่ไหน?มีเพียงแค่นางเท่านั้น ที่ทำให้เขาทำลายบรรทัดฐานครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อก่อน เขาคิดแค่ว่าคำสาบานชั่วนิรันดร์เหล่านี้เป็นคำสัญญาที่ไร้ประโยชน์ที่สุด จนกระทั่งเขาได้พบกับหลินซวงเอ๋อร์ เขาก็เริ่มเชื่อในคำสัญญาที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านี้แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากพูดสิ่งเหล่านี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง จะทำให้นางไม่ไว้วางใจเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์จ้องมองตนเองด้วยสายตาที่โศกเศร
หลินซวงเอ๋อร์มองเขาด้วยความไม่เชื่อ และไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานานในสามัญทัศน์ของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นท่านอ๋องเทพแห่งสงครามที่สูงส่ง เย็นชา และเป็นคนที่นิสัยแปลกโดยตลอดแต่ตอนนี้เขาบอกตนเองว่า วันนั้นที่ขับไล่นางออกไป เป็นเพราะความหึงหวง!หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าโลกทัศน์ของตนเองได้พังทลายลงทีละน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงก็หึงหวงเป็นด้วย?เขาหึงหวงอะไรกัน?เมื่อย้อนกลับไปที่ต้นเหตุ นางก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นทันที ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่นางกับฉีหมิงนัวเนียกันท่ามกลางสายฝนหรือว่าจะอิจฉาฉีหมิง?หลังจากที่นางเข้าใจสิ่งเหล่านี้ หัวใจของนางก็เริ่มเต้นตุบตับอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง“วันนั้น...ข้ากับพี่ฉีพบกันโดยบังเอิญ” นางรู้สึกว่า นางก็ควรจะอธิบายให้เขาฟังบ้าง“แต่เจ้าปล่อยให้เขากอด ปล่อยให้เขาจูบ! พวกเจ้านัวเนียกันท่ามกลางสายฝน!” แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เยี่ยเป่ยเฉิงถงได้คิดมากขนาดนั้น ทุกครั้งที่นึกถึงภาพเหตุกาณ์นั้น เขาก็เหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในใจหลินซวงเอ๋อร์รู้ว่า ไม่ว่าตนเองจะอธิบายอย่างไร เรื่องแบบนั้นก็ได้เกิดขึ้นแล้วนางปล่อยให้เขากอด แล้วปล่อยให้เขาจูบจริงๆนางไม่รู
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ