จิมไม่อยากมาที่ร้านอาหารเท่าไหร่นัก โดยส่วนมากแล้วเขาจะให้มิคาเอลจัดการที่ร้านไปเลยเนื่องจากอยู่ไกลจากที่นี่ จิมจึงไม่ได้มาคอยควบคุมมิคาเอล ทำให้มิคาเอลแผ่ขยายอำนาจบารมีในร้านอาหารมากขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามสำหรับจิมแล้ว เขาก็เป็นแค่เด็กน้อยคนนึง “โอ้ไม่นะ มิสเตอร์วิงเกอร์มาที่นี่แล้ว!” “ฮิ ฮิ ฉันเชื่อว่าเจ้าหนุ่มนั่นไม่มีทางหนีไปได้แน่งานนี้ ช่างโง่ยิ่งนัก!” “ใครสั่งใครสอนให้เขาทำตัวอวดดีขนาดนี้? เขาอาจจะลองแก้ปัญหานี้ด้วยการขอโทษและยอมจ่ายเงินชดเชย แต่ฉันเชื่อว่ามิสเตอร์วิงเกอร์คงไม่ยอมยกโทษให้เขาหรอกดั๊กถูกพยุงขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เมื่อเขาเห็นจิม เขาทำท่าราวกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต เขาโอดครวญขึ้นมา “ท่านครับ ท่านต้องช่วยผมนะ! เจ้าเด็กนั่นมันทำให้ผมเป็นแบบนี้ เขาป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับเหนือความคาดหมายของทุกคน จิมไม่ได้สนใจพี่น้องโมสบี้เลย ใครคือดั๊กและมิคาเอล โมสบี้กัน? พวกเขาเป็นแค่ขยะของเสียสำหรับเขาในตอนนี้ จิมไม่ลังเลที่จะลงโทษใครก็ตามที่มาทำให้นายน้อยไม่พอใจ ถึงแม้คน ๆ นั้นจะเป็นคนในครอบครัวเขาก็ตามพวกเขาไม
จิมรู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูกดำหลังจากได้ยินประโยคนั้นนายน้อยโกรธจัด จิมพยักหน้าอย่างฉุนเฉียว สีหน้าดูกังวลในขณะที่พูดขึ้น “เข้าใจแล้วครับ!” จากนั้นเขาหันไปเตะเข้าที่ท้องของมิคาเอล มิคาเอลล้มหน้าคว่ำลง จิมตะโกนใส่มิคาเอลอย่างไม่แยแส “มิคาเอล โมสบี้ จากนี้ไปนายไม่ใช้ผู้จัดการร้านอาหารของฉันอีกต่อไป!” มิคาเอลโกรธจัด เขาตัวสั่นไปทั้งตัว“เวรเอ๊ย! จิม วิงเกอร์ อย่าคิดว่าฉันจะไม่ทำอะไรแกเพราะแกไล่ฉันออกนะ! ฉันมีลูกน้องมากกว่าสิบคนอยู่ที่นี่ แกคิดว่าแกจะรับมือได้งั้นเหรอถ้าพวกเราอาละวาดขึ้นมา?” มิคาเอลป่าเถื่อน เขาพึ่งพาลูกน้องที่อยู่แวดล้อมเขา จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนจากพื้นและลูบท้องของตัวเองเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามา พวกเขาพยายามที่จะบังคับให้เขายอมจำนนสีหน้าของจิมเคร่งขรึมในขณะที่เขาตะโกนใส่ลูกน้องของมิคาเอล “พวกแกตาบอดงั้นเหรอ? พวกแกไม่รู้เหรอว่าฉันคือใคร? ฉัน จิม วิงเกอร์! ถ้าพวกแกกล้าก้าวเท้าเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียวฉันจะฆ่าโคตรเหง้าตระกูลพวกแกให้หมด!” สีหน้าของจิมเยือกเย็นแต่ประกายในตาลุกโชนถ้าไม่สามารถทำให้นายน้อยเห็นว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้ เขาคงต
เหล่าลูกค้าที่เฝ้ามองเหตุการณ์ที่ค่อย ๆ คลี่คลายต่างพากันสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเจ๋งสุด ๆ! นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนเอาเงินมาแจกจ่ายเล่นแบบนี้นี่มันเศรษฐีชัด ๆ! หรือนี่เป็นวิถีทางของพวกคนรวยกันนะ? พวกเขาต่างอิจฉาตาร้อน ไม่มีทางเลยที่จะไม่อิจฉาเมื่อเห็นใคนสักคนทำเรื่องแบบนี้ อย่างไรก็ตามรูบี้และเพื่อนของเธอพลาดฉากเด็ดนี้ไปถ้าพวกเขาได้อยู่เห็น พวกเขาจะเข้าไปประจบประแจงฟิลิปยังไงนะ? รูบี้คงจะโยนทุกอย่างที่เธอมีทิ้งไปอย่างไม่ลังเลและพยายามมายั่วยวนฟิลิปเป็นแน่ณ จุดนี้ มิคาเอลตัวสั่นไปหมด เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นลูกน้องของเขทิ้งเขาไปเพราะเงินหลายหมื่นดอลลาร์นั้นไอ้หนุ่มนั่นมันรวยจริง! มิคาเอลคลุ้มคลั่ง เขารู้สึกกลัวน้องชายของเขาไปทำให้คนแบบไหนไม่พอใจเข้ากันนะ? ฟิลิปมองไปที่มิคาเอลที่ดูตื่นกลัวและพูดขึ้น “แกคิดว่าฉันจะทำยังไงกับแกดี?” มิคาเอลเหงื่อแตกพลั่ก ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นตุ๊บ! ในทันทีทันใด มิคาเอลคุกเข่าลงที่พื้นและโค้งคำนับให้ฟิลิปซ้ำ ๆ “นายท่านคลาร์ค ผมผิดไปแล้ว ผมสับสนไปหน่อย ผมมองไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของท่าน ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ได้
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้พูดต่อ วินน์ขยับตัวและหาท่าที่นั่งสบายได้ เธอโอบเอวฟิลิปและหลับตาลง “ฉันเหนื่อยแล้ว”ฟิลิปหยุดพูด เขาโอบเธอด้วยแขนขวาของเขาและทั้งสองก็เงียบไปเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาได้ใกล้ชิดกับวินน์แบบนี้เขาจะบอกวินน์เกี่ยวกับตัวเขาได้อย่างไรบางทีเขาควรจะหาโอกาสอื่นฟิลิปลงจากรถและอุ้มวินน์กลับเข้าคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลจอห์นสตันมาร์ธาอารมณ์ดีเป็นพิเศษวันนี้ เธอไม่เคยเห็นทองคำไปเครื่องเงิน เครื่องเพชรมากมายขนาดนี้มาก่อนและยังมีเงินสดสองล้านอีกด้วย มาร์ธาต้องการที่จะเข้านอนพร้อมกับกำเงินสดไว้ในมือด้วย”เอ๋ พวกเธอกลับมาแล้ว? วินน์เป็นอะไรไป?” เมื่อมาร์ธาได้ยินเสียงเคาะประตู เธอเปิดประตูและเห็นฟิลิปอุ้มวินน์มาฟิลิปอุ้มวินไปที่ห้องนอนของเธอและถอดรองเท้าและเสื้อโค้มของเธอออก ก่อนจะนั่งลงที่หัวเตียง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดู เขานั่งลงมองวินน์ที่นอนหลับปุ๋ยคิ้วสวยได้รูปของเธอขมวดปมเล็กน้อย ใครก็สามารถบอกได้ว่าเธอเครียดแค่ไหน“วินนี่ สักวันหนึ่งคุณจะได้รู้ว่าผมเป็นใคร เมื่อวันนั้นมาถึงคุณจะได้เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้ มิล่าก็จะได้เป็นเจ้าหญิง
หลังจากเงียบมาเป็นเวลานาน ฟิลิปโยนก้นบุหรี่ทิ้งและเดินออกจากโรงพยาบาลไปขึ้นรถเบนซ์ที่จอดอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้ารถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ กลางดึกคืนนั้น ผ่านถนนเส้นหลักของเมืองริเวอร์เดล ข้ามสะพานสการ์เลตและมุ่งสู่ความมืดของหุบเขาสองฝากฝั่ง รถขับเลียบภูเขาไปเรื่อย ๆ และไปหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซีรัสคฤหาสน์ซีรัสที่นี่คือคฤหาสน์ที่หรูหราและราคาแพงที่สุดในริเวอร์เดลเพียงแค่ค่าก่อสร้างก็มีมูลค่าถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์! พวกเขาต้องถางป่ากว่าครึ่งเขาเพื่อสร้างคฤหาสน์หลังนี้การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน แล้วเสร็จสามปีให้หลังต้องใช้แรงงานคน ทรัพยากรและเงินจำนวนมากกับโครงการใหญ่โครงการนี้สิ่งที่ลึกลับที่สุดเกี่ยวกับคฤหาสน์นี้ก็คือไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้คือใครมีข่าวลือมากมายว่าเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ร่ำรวยมหาศาลและทรงอิทธิพลเป็นอย่างมาก ผู้ทรงอิทธิพลบางคนถึงกับบอกว่าใครก็ตามที่ได้มาเป็นแขกที่คฤหาสน์แห่งนี้จะได้เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมของพวกเขาในอนาคต และนั่นก็เป็นเรื่องจริงสี่ปีก่อน เจ้าของคฤหาสน์เชิญแขกมาพักสี่คน และไม่นานหลังจากน
“คุณพยายามจะทำอะไร?” สีหน้าของฟิลิปเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาเริ่มกังวลขึ้นมาเขารู้แนวทางของเกียด้าดี ผู้หญิงคนนี้ไม่ลังเลที่จะกำจัดคู่แข่งของเธอให้พ้นทางรวมถึงลูกชายในไส้ของเธอเองเมื่อตอนที่เขาอายุแปดขวบ เธอสั่งให้ใครบางคนขับรถชนเขาจนตายเหตุผลมีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเธอเกรงว่าเขาจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการครอบครองตระกูลคลาร์คเสือนั้นดุร้ายแต่มันก็ยังไม่กินลูกของมันแต่ในสายตาของเกียด้าแล้ว อำนาจเป็นสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวสำหรับเธอ เมื่อเกียด้าพูดถึงการแต่งงานของฟิลิปและลูกสาวของเขา เขาเริ่มกระวนกระวายใจนี่เป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมฟิลิปจึงไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา“ไม่ต้องกังวลไป พวกเขาเป็นลูกสะใภ้และเชื้อสายของตระกูลคลาร์ค ถ้านายอ้อนวอนฉัน ฉันจะปล่อยพวกเขาไป” รอยยิ้มของเกียด้านสามารถทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูกดำเลย มันเป็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียน“ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนนะ อย่ามาแตะต้องวินน์และมิล่าไม่อย่างนั้นแล้วผมจะทำให้คุณต้องเสียใจ” ฟิลิปกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเกียด้าหัวเราะออกมาแต่ยังคงท่าทีสงบนิ่ง เธอหยิบกล่องปักผ้าออกมาจากใต้โต๊ะกาแฟ มันเป็นก
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของป้าพอลล่า เธอทำตัวเหินห่างและดูถูกทุกคนเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก ซาแมนธาอิจฉาวินน์มาตลอด เธอเปรียบเทียบตัวเองกับวินน์ตลอด“ซาแมนธา ช่วยรอพวกเราอีกเดี๋ยวเถอะนะ เราใกล้จะเสร็จแล้ว” วินน์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพยมุมปากของซาแมนธายกขึ้นพร้อมกับสีหน้าอวดดี เธอตะโกนใส่ฟิลิป “หลบทางสิ ขยะไร้ประโยชน์ มายืนทำอะไรตรงนี้?!” ฟิลิปยิ้มก่อนจะก้าวหลบให้พ้นทางเธอซาแมนธาพรวดพราดผลักเขาให้พ้นทาง เธอเช็ดมือที่เสื้ออย่างรังเกียจและพึมพำขึ้น “เหม็น”หลังจากที่ซาแมนธาเดินจากไปอย่างอวดดี ทุกคนในครอบครัวก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนักมาร์ธาตบลงที่โต๊ะและเริ่มก่นด่า “ซาแมนธาหมายความว่ายังไง?! แม่ตัวดี! กล้ามาบ้านฉันแล้วยังมาบ่นนู่นนี่อีก! เธอมีอะไรให้อวดหนักหนา? สามีที่รวยของเธองั้นเหรอ? เธอยังบอกอีกว่าบ้านของเราเหม็นอับ ฉันล่ะโมโหจริง ๆ”ความโกรธของมาร์ธาปะทุออกมาเหมือนภูเขาไฟระเบิดเธอคาดเอาไว้แล้วว่ากลับไปที่บ้านวันนี้จะต้องโดนญาติ ๆ ของเธอพูดถากถางแน่นอนวินน์เองก็รู้สึกท้อแท้แต่เธอก็ยังคงปลอบแม่ของเธอ “แม่คะ ใจเย็นก่อน อย่างน้อยเธอก็ยังอุตส่าห์มารับพวกเรา เรามาพยายามรับมือทุกอ
ซาแมนธาช่างหลงตัวเองนักเมื่อเห็นวินน์ทำหน้าเศร้า เธอยิ่งรู้สึกภูมิใจมากขึ้น “วินนี่ เธอปล่อยให้ฟิลิปซื้อของแบบนี้ให้คุณตาได้ยังไง? ถ้าเธอไม่มีเงินเธอบอกฉันได้นะ เพราะถึงยังไงฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ”พูดเช่นนั้นแล้วซาแมนธาก็หยิบกระเป๋าเงินหลุยส์ของเธอออกมาจากกระเป๋าถือกุชชี่ หยิบบัตรออกมาและยื่นให้วินน์ “นี่ คิดซะว่าเป็นน้ำใจจากฉัน น่าจะมีประมาณ 10,000 ดอลลาร์ในบัตรนี้ มันเหลือจากที่แฟรงค์ซื้อกระเป๋าให้กับฉัน รับไปซะแล้วไปซื้ออะไรดี ๆ ให้คุณตา นี่มันก็แค่เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉัน” สีหน้าของซาแมนธาในตอนนี้เต็มไปด้วนความหยิ่งยโสในสายตาเธอ วินน์ก็แค่ตัวตลก“ขอบใจนะ ซาแมนธา” ก่อนที่วินน์จะได้พูดอะไร ฟิลิปก็ยื่นมือไปรับบัตรมาจากซาแมนธาขณะที่ยิ้มกว้างซาแมนธาขำพรืดและส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ‘ทำไมถึงหน้าไม่อายได้ขนาดนี้’วินน์จ้องเขม็งไปที่ฟิลิป เธอกำลังจะพูดแต่ฟิลิปก็กุมมือเธอไว้และพูดขึ้น “ซาแมนธาอุตส่าห์มีน้ำใจเราก็ควรรับไว้ ผมจะคืนเงินซาแมนธาทีหลังเอง” ฟิลิปไม่อยากให้มีเรื่องอึดอัดใจระหว่างวินน์และซาแมนธาวินน์ปิดปากเงียบไปและยอมรับฟังแต่ใบหน้าของเธอนั้นร้อนผ่าวเธอไม่เ