หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ครั้งนี้เธอนอนหลับได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ“อือ ซี๊ด” เธอร้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อขยับตัวแล้วมันเจ็บเหลือเกิน พอเหลือบมองที่เอวถึงได้รู้ว่ามีแขนหนากอดรัดเธอเอาไว้ หันไปมองถึงรู้ว่าเป็นใครฟาริส มาเฟียคนที่ชอบเอาแต่ใจ คนที่โคตรเถื่อนและซาดิสม์คือเขาคนนั้นเองที่กำลังหลับเอาคางเกยอยู่บนหัวของเธอ และกอดรัดเอวเธอเอาไว้แน่นมันกลับอบอุ่นแปลก ๆ ยิ่งตรงหัวใจเธอมันเหมือนมีอะไรมาสะกิดให้รู้สึกจนมันร้อนรุ่มเหมือนคนจับไข้“ตัวเธอร้อนนะ นอนอีกหน่อยดีกว่าไหม” เสียงงัวเงียเอ่ยขึ้น และกำชับอ้อมกอดตัวเองให้แน่นขึ้น ไม่วายจูบบนผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยนนานานิ่งไปสักพักเพราะไม่เคยเห็นด้านนี้ของชายหนุ่มที่ตื่นมาแล้วจะเจอกัน เพราะปกติเขาใช้ร่างกายของเธอเสร็จจนพอใจ เป็นเขาเองมักจะเดินออกไปจากห้องของเธอทุกครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกไปคือเขานอนอยู่บนเตียงของเธอและกำลังกอดเธออยู่ตรงนี้“แต่วันนี้หนูมีเรียน”“ฉันให้เมธาโทรไปลาแล้ว นอนต่อเถอะ”“ค่ะ” เธอเชื่อฟังอย่างว่าง่ายและหมุนตัวมานอนซุกที่อกกว้างฟาริสอมยิ้มเล็กน้อยและจูบที่หน้าผากมนสวยอย่างอ่อนโยน และกอ
แกร๊ก!!“เธอนี่เองสินะหนอนบ่อนไส้” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดเฮือก!!“คะ คุณฟาริส”“วิ่งสิ ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าเธอ ก็รีบวิ่งออกไปซะ” เสียงเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยความสนุกเอ่ยบอก และกอดอกมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“แฮ่ก แฮ่ก!!” ขาเรียววิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ถึงแม้จะวิ่งให้สุดแรงยังไงยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามมาจากข้างหลังอย่างใจเย็นไม่ห่างตึก ตึก!!“ฮ่า ฮ่า วิ่งเร็วๆ สิ วิ่งอีก” เสียงหัวเราะที่ได้ยินมันช่างน่ากลัวเสียดแทงไปยันข้างในใจจนขนแขนลุกไปด้วยความเสียวสันหลัง“แฮ่ก แฮ่ก ไม่นะ ไม่ จะมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้” เสียงหายใจเหนื่อยหอบและพยายามวิ่งสุดแรงในท่ามกลางความมืด ตลอดทางที่วิ่งมาเธอชนอะไรไม่รู้ต่ออะไรมาตลอดทาง แต่ไม่คิดจะหยุดเพราะรู้อะไรมันน่ากลัวกว่าและสิ่งที่กำลังตามมานั่นมันน่ากลัวจนแทบอยากร้องไห้ให้สิ้นสติ“ฮ่า ฮ่า ซ่อนให้ดีล่ะ” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะและเสียงผิวปากมาตลอดทาง“แฮ่ก แฮ่ก ตรงนั้น” ขาเรียวเล็กรีบวิ่งไปตรงจุดมุมมืดที่แทบมองอะไรไม่เห็นถ้าไม่สังเกตให้ดี ๆ มันเป็นซอกเล็ก ๆ ที่ตัวเธอสามารถเข้าไป
“นายครับวันนี้จะสัมภาษณ์พนักงานเองเลยไหมครับ”ดวงตาสีนิลละจากเอกสารกองโตตรงหน้าหันมาดูลูกน้องคนสนิท เพราะวันนี้มีการสัมภาษณ์พนักงานใหม่ ที่เขาได้คัดคนเก่าออกเพราะทำงานไม่ได้เรื่องทิ้งไปเกือบทั้งชุด“เรื่องแค่นี้นายจัดการเองเถอะ” เสียงนิ่งเย็นชาบอกเพียงเท่านั้นและจัดการเอกสารกองโตตรงหน้าต่อ“ครับนาย ผมจะเข้มงวดและเลือกคนที่คุณสมบัติเพียบพร้อมที่สุดครับ”“อืม” เสียงนิ่งขานรับในลำคออย่างไม่ได้สนใจ เพราะเป็นแค่แผนกเล็ก ๆ ที่ต้องการพนักงานเสิร์ฟ 5 ตำแหน่งเพียงเท่านั้น“ผมขอตัวก่อนนะครับ”“และ...อย่าลืมคัดเอาคนที่หน้าตาดี ๆ เข้ามาด้วยล่ะ”“ครับผมจำได้ขึ้นใจเลย”เมธาลูกน้องคนสนิทพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เพราะรู้นิสัยเจ้านายดีว่าชอบอะไรแบบไหน และต้องการคนที่หน้าตาดูดีและทำงานได้เก่ง ไม่ใช่เก่งอย่างเดียวแต่หน้าตาไม่ได้เพราะเขานั้นต้องเอาไว้ใช้เรียกแขก ดังนั้นสถานที่แห่งนี้ที่เรียกว่า Red Rose จึงเป็นสวรรค์สำหรับพวกเหล่าคนดังที่มีอันจะกินจะเข้ามาปล่อยเนื้อปล่อยใจไปกับคลับแห่งนี้ทุกค่ำคืน“ฉันผ่านเข้าทำงานแล้ว” เสียงร้อนรนเอ่ยพูดในโทรศัพท์พร้อมกับเดินกระสับกระส่ายไปมา “ปล่อยพี่สาวฉันไปได้แ
“เด็กใหม่เหรอครับ” นานามองร่างสูงของลูกค้าคนหนึ่งที่นั่งยิ้มมาให้ตนอย่างไม่คิดปิดบังความต้องการ“ใช่ค่ะเป็นเด็กใหม่ค่ะ” เธอตอบรับอย่างมีมารยาทและส่งยิ้มให้“คนสวยชื่อนานาเหรอครับ”“ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างนอบน้อมเขาคงเห็นป้ายชื่อของเธอ เห็นแล้วยังจะถามไม่หยุด หน้าหล่อก็จริงแต่สันดานปลาไหลเลื้อยไม่หยุด“มึงหยุดสำส่อนสักทีสิวะ จะพากูเสียชื่อไปด้วย” หนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าอีกคนเอ่ยขึ้น ดูเหมือนคนนี้จะปกติที่สุดแล้วมั้ง นานาคิดในใจและรีบรินเหล้าให้เสร็จไว ๆ“ก็แหย่เล่นทำหน้าเบื่อโลกไปได้ เห็นเซ็งเลยชวนออกมา แต่ดูหน้าพี่เหมือนจะเซ็งมากกว่าเดิมอีกนะ”เธอดูการหยอกล่ออย่างสนิทสนมของพวกเขาสองคนคงเป็นพี่น้องกันสินะ“ต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกนานาได้นะคะ” เธอยิ้มให้อย่างมีจริตและเดินไปที่โต๊ะอื่นต่อ“ร้านนี้มีแต่คนสวย ๆ โว้ย มันดีต่อใจจริง ๆ” ชิเอลพูดเสียงกระหยิ่มได้ใจ แต่หน้าต้องเกือบคว่ำเมื่อโดนฝ่ามือของเวกัสตบเข้ามาอย่างจัง“ทำเป็นเล่นไอ้หอกหัก แม่ดอกกุหลาบมึงมานู่นแล้ว” เวกัสบุ้ยหน้าให้ดูเมื่อเห็นหญิงสาวร่างสวยหุ่นเซ็กซี่เดินเข้ามา“โห~แม่นางโฉมยงคืนนี้คงต้องโดนจัดแล้วล่ะ” ชิเอลพูดพร้อมกับแสย
“ฉันก็บอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้วไง คุณจะมาเอาอะไรอีก” เสียงที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธเอ่ยใส่ปลายสายทางโทรศัพท์ เธอบอกข้อมูลที่ฝั่งนั่นต้องการทั้งหมดแล้ว แล้วจะมาเอาอะไรกับเธออีก“เธอมีสิทธิ์มาถามด้วยเหรอ” เสียงปลายสายส่งเสียงเยือกเย็นออกมา ร่างเล็กได้แต่สะดุ้งด้วยความตกใจ“ชื่อของคุณฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร พี่ฉันอยู่ที่นั่นก็ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยไหม นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วขอให้ฉันได้คุยกับพี่หน่อยเถอะ”“ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไรฉันจะให้เธอได้เจอกับพี่สาวของเธอเอง”“แล้วต้องการข้อมูลอะไรอีก วันนี้ฉันก็บอกแล้วว่าได้ยินว่าเขาคนนั้นไปสืบทอดอะไรไม่รู้ วันนี้เขาไม่เข้ามา”“หาทางเข้าห้องทำงานของมันให้ได้”“ที่นี่มันเป็นแค่ผับ มันจะไปมีอะไร”“เธอคิดว่ามันทำงานแค่ในผับที่แห่งนั้นเหรอนานา ถ้าไม่อยากให้พี่สาวเธอตายรีบหาข้อมูลมาซะ จะกี่เดือนกี่ปีฉันก็ไม่สนแค่เอามาให้ฉันให้ได้มากที่สุด แล้ววันนั้นพี่สาวของเธอจะเป็นอิสระ”ปลายสายพูดเสร็จและก็ตัดสายทิ้งไป เธออยากจะถามคำถามตั้งมากมายแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะอีกฝั่งปิดทางเธอทั้งหมดร่างเล็กนอนบนเตียงและเอามือเกยหน้าผากไปด้วยความคิดไม่ตก เพราะนี่ผ่านมาหลายเด
“อะไรกันเนี่ยไหนบอกว่าเขาจะขึ้นมาที่นี่บ่อยๆ ไง” หญิงสาวบ่นอย่างหัวเสีย เพราะนี่ผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วเธอยังไม่เห็นคนที่ชื่อฟาริส บอสใหญ่ขึ้นมาที่นี่เลยสักครั้ง อยู่ข้างล่างเธอยังได้เห็น แต่ที่นี่ไม่เห็นมาเลยสักครั้งเดียว“นานาเราว่างไหม?”“ว่างค่ะพี่โรม”“พี่วานเอาเหล้ากับน้ำแข็งขึ้นไปให้บอสชั้นสามหน่อยได้ไหม”“ชั้นสามเหรอคะ” เธอเอ่ยอย่างประหลาดใจเพราะปกติโรมจะเป็นคนขึ้นไปเองทุกครั้ง แต่ทำไมวันนี้ถึงวานให้เธอขึ้นไป“ใช่ วันนี้พี่ติดดูแลแขก Vip โต๊ะนั้น” เธอลองเหลือบมองดูก็รู้สึกคุ้นหน้าที่เคยเจอตอนที่อยู่ข้างล่าง ไหนบอกว่าคนที่เป็นสมาชิกถึงจะขึ้นมาได้ไง หรือคนกลุ่มนั้นจะรู้จักคนที่ชื่อฟาริส“อ้าวคุณนานานี่น่า” มีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเธอก่อนที่จะเดินไปเอาเครื่องดื่ม จึงมองหน้าโรมเพื่อขออนุญาตเข้าไปทักทาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวสวัสดีอย่างมีจริตและยิ้มแย้มให้“ผมไม่เห็นคุณข้างล่างที่แท้ขึ้นมาข้างบนนี่เอง” เสียงแพรวพราวเอ่ยขึ้นมาอย่างกระหยิ่มใจ พร้อมกับเอ่ยคำหวานให้ “เหนื่อยไหมครับคุณนานานั่งด้วยกันสักครู่ไหม”“เออ...ไม่ดีกว่าค่ะ เพราะนานากำลังทำงานอยู่” อีตาบ้านี่เห็นกี่ครั้งก็ชอบหยอดคำหว
“คุณส่งฉันมาตายรึเปล่าเนี่ย คุณรู้ไหมไอ้มาเฟียโรคจิตนั้นมันฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาเลยรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่าคุณต้องการข้อมูลอะไรกันแน่”“หึ สาวน้อยใจเย็น ๆ มันไม่ฆ่าเธอหรอก เธอทำงานออกมาได้ด้วยดี ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็น่าประหลาดใจแล้วไม่ใช่เหรอ”“คุณเองก็บ้าไม่ต่างไปกับไอ้โรคจิตนั้นหรอก พี่สาวฉันล่ะ วันนี้ยังไงฉันก็ต้องได้คุย”“เฮ้อ ฉันให้คุยแล้วกลับไปทำงานให้มันได้เรื่องด้วยล่ะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนและเป่าหัวพี่สาวเธอ”“ไอ้เลว!!”“อยากให้พี่สาวเธอตายเร็ว ๆ ก็ปากเก่งอีกสิ แนนนี่ส่งเสียงให้น้องสาวเธอได้ยินหน่อยสิ”“นานา นานาน้องโอเคไหม” เสียงกระวนกระวายที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงส่งเสียงถาม“นานาโอเคค่ะพี่แนน แล้วพี่ล่ะมันได้ทำอะไรพี่ไหม”“ไม่ พี่โอเค ปล่อยนะ ขอให้ฉันคุยกับน้องอีกหน่อยเถอะ”“พี่แนน! พี่แนน! ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นานาจะช่วยพี่ออกมาเอง” เธอรีบบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวล เพราะรู้ดีว่าพี่สาวเธอจะคิดมากและคอยเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลา“พี่น้องสมานฉันท์กันเหลือเกินนะ ฉันให้เวลาเธออีก 5 เดือน ถ้ายังไม่ได้ข้อมูลธุรกิจของมันทั้งหมด และแหล่งเก็บสินค้าของมันเธอเตรียมรับหัวพี่
“พี่โรม นานาต้องขึ้นไปชั้นสามอีกแล้วเหรอคะ” ร่างเล็กเดินเข้ามาถามและทำสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด“ใช่ เรามีอะไรรึเปล่า” โรมแกล้งถามและลองสังเกตสีหน้าของหญิงสาวไปด้วย“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร นานาขอเอาเหล้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”“อืม แล้วคอยช่วยรินเหล้าให้บอสจนกว่าบอสจะสั่งให้ลงมานะ เพราะบอสไม่ชอบรินเหล้าเอง”“ค่ะพี่โรม”ขาเรียวเดินขึ้นมาชั้นสามด้วยอาการขาสั่นบอกตัวเองจะมากลัวไม่ได้เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรีบหาข้อมูลที่อีกฝั่งต้องการให้เร็วที่สุดที่จะหาได้ทางเดียวที่จะหาได้คงต้องเข้าหาบอสของที่นี่ซะแล้วมั้ง แต่จะเข้าหายังไงเพราะเขาน่ากลัวซะขนาดนั้นพอเธอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิดจะเห็นใครตายเสียแล้วอีก“นานาขอรินเหล้าให้นะคะ” ฟาริสเงยหน้ามองใบหน้ารูปไข่ที่มีใบหน้าเล็กสมกับตัว ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นที่เอ่ยเสียงหวาน ๆ ออกมาจะทำยังไงกับเด็กน้อยตรงนี้ดี จับถลกหนังซะเลยดีไหม หรือจะเก็บเลี้ยงไว้ดูเล่นต่อไปสักระยะ เบื่อเมื่อไรค่อยจัดการ“เมธาของล็อตนี้สั่งจองเข้ามาเท่าไร” ฟาริสเอ่ยถามไม่นานร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวออกมาจากมุมมืด“ล็อตนี้สั่งมาเกือบเต็มโควตาแล้วครับ”“ส
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ครั้งนี้เธอนอนหลับได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ“อือ ซี๊ด” เธอร้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อขยับตัวแล้วมันเจ็บเหลือเกิน พอเหลือบมองที่เอวถึงได้รู้ว่ามีแขนหนากอดรัดเธอเอาไว้ หันไปมองถึงรู้ว่าเป็นใครฟาริส มาเฟียคนที่ชอบเอาแต่ใจ คนที่โคตรเถื่อนและซาดิสม์คือเขาคนนั้นเองที่กำลังหลับเอาคางเกยอยู่บนหัวของเธอ และกอดรัดเอวเธอเอาไว้แน่นมันกลับอบอุ่นแปลก ๆ ยิ่งตรงหัวใจเธอมันเหมือนมีอะไรมาสะกิดให้รู้สึกจนมันร้อนรุ่มเหมือนคนจับไข้“ตัวเธอร้อนนะ นอนอีกหน่อยดีกว่าไหม” เสียงงัวเงียเอ่ยขึ้น และกำชับอ้อมกอดตัวเองให้แน่นขึ้น ไม่วายจูบบนผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยนนานานิ่งไปสักพักเพราะไม่เคยเห็นด้านนี้ของชายหนุ่มที่ตื่นมาแล้วจะเจอกัน เพราะปกติเขาใช้ร่างกายของเธอเสร็จจนพอใจ เป็นเขาเองมักจะเดินออกไปจากห้องของเธอทุกครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกไปคือเขานอนอยู่บนเตียงของเธอและกำลังกอดเธออยู่ตรงนี้“แต่วันนี้หนูมีเรียน”“ฉันให้เมธาโทรไปลาแล้ว นอนต่อเถอะ”“ค่ะ” เธอเชื่อฟังอย่างว่าง่ายและหมุนตัวมานอนซุกที่อกกว้างฟาริสอมยิ้มเล็กน้อยและจูบที่หน้าผากมนสวยอย่างอ่อนโยน และกอ
ร่างเล็กนอนหายใจบนเตียงด้วยอาการสั่นเทา ร่างกายเธอเปลือยเปล่า ใบหน้ามีคราบน้ำตาไหลออกมา ทั้งขาและมือถูกพันธนาการด้วยปลอกกุญแจลักษณะพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ“อึก เฮียจะทำอะไร อย่าทำเลยนะหนูกลัว” นานาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่าเวทนาและอ้อนวอนด้วยใบหน้าที่มีแต่น้ำตาที่ไหลลงมาสองข้างแก้ม“หึ ฉันเคยบอกเธอว่าอย่างไร” ฟาริสยิ้มมุมปากและหยิบลูกบอลมาปิดปากหญิงสาวและล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา“อือ อือ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักเมื่อไม่สามารถพูดอะไรได้อีก“ที่ผ่านมาฉันคงใจดีเกินไป ต่อไปฉันจะทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำ หวังว่าเธอจะรับได้นะสาวน้อยของฉัน” เสียงเย็นเอ่ยกระซิบที่ใบหูสวยและส่งนิ้วร้อนสองนิ้วสอดเข้าไปที่รูสวาทและแหย่เข้าออกจนมีเมือกใสไหลออกมาเขาดึงนิ้วออกและเอาปากดูดและเลียอย่างคนหิวกระหาย นานาดูภาพนั้นด้วยอาการตื่นตระหนก เพราะดูเขาจะมีอารมณ์ที่รุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ ครั้งนี้เธอกลัวเหลือเกิน“สั่นเป็นลูกนกเลย น่ารักจริง ๆ”เผียะ เผียะ!!“อือ อื้อ” นานาสะดุ้งเฮือกมือเขาฟาดลงมาที่ก้นเธอเต็มแรง เขาตีอยู่แบบนั้นจนเธอเจ็บแสบบั้นท้ายไปทั้งสองข้าง“ตีแค่นี้ถึงกลับแดงแล้วเหรอ” เสียงหยอกเย้าดังข้างหู แต่หญิงสาวเริ่
“เราแวะกินข้าวกันก่อนไหม” เจย์เอ่ยถามเมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากโรงหนังนานายกนาฬิกาสุดหรูที่เธอได้รู้ราคามาจากเพื่อนว่ามันแพงขนาดไหนขึ้นมาดู เห็นเวลามันค่อนข้างดึกแล้ว เธอควรรีบกลับบ้านดีกว่า“มันดึกแล้วเจย์ นานากลับบ้านดีกว่า”“ทำไม กลัวพ่อดุเหรอ” เจย์เอ่ยแซวและรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันอีก“พูดอะไรนะ เรามีแต่...” เธอกำลังจะบอกว่ามีแต่พี่สาวแต่ก็เปลี่ยนใจไม่พูดดีกว่า ปล่อยให้เขาคิดไปว่าเธอมีพ่อดีกว่าให้เขารู้ว่าอยู่ให้เสี่ยมาเฟียเลี้ยง“ใช่ค่อนข้างดุเลยแหละ เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า”“กลับตอนนี้ยังไงรถมันก็ติดนะ เราไปหาอะไรกินรอเวลาให้รถซาลงดีกว่านะ”“อือ ก็ได้” เธอตกลงไปเพราะไม่ชอบนั่งอยู่ในรถนาน ๆ ที่ขยับได้ทีละคืบ“ไปกันเร็ว เราเลี้ยงเอง” เจย์ยิ้มกว้างและรีบดึงมือเรียวเข้ามากุมและพาเดินไปร้านอาหารด้วยรอยยิ้มที่ใครเห็นก็รู้ว่ามีความสุขมากขนาดไหน“อาหารอร่อยไหม” เมื่อทั้งคู่ทานอาหารกันมาได้ครึ่งจานเจย์จึงถามด้วยรอยยิ้มที่ยังเจืออยู่บนหน้า“อือ อร่อย เราอิ่มแล้ว กลับกันเถอะ จะได้รีบไปเคลียร์งานที่ต้องส่งวันศุกร์นี้ด้วย”“โอเค” ได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว เจย์ยิ้มและคิดในใจและถือวิสาสะจ
ตลอดทั้งวันนานาเอาแต่คิดสิ่งที่ได้ยินจากปากชายหนุ่ม ขืนเป็นอยู่แบบนี้สักวันเขาเบื่อเธอคงได้ฆ่าทิ้งไปจริง ๆ แน่“บี ถ้าเราอยากให้ผู้ชายคลั่งเรา รักเราหัวปักหัวปำต้องทำยังไง” เมื่อตลอดที่ทำมามันไม่มีอะไรคืบหน้าก็ต้องหาเพื่อนช่วยคิด“นานาเจย์ว่าไม่ต้องทำอะไรหรอก ผู้ชายแค่เห็นนานาก็คลั่งแล้วนะ” เจย์รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่บีจะได้ตอบ“นานาถามฉันไม่ใช่นายย่ะ เสือก!!” บีรีบผลักหน้าเจย์ออกไป“ยัย...” เจย์ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็อยากฟังสิ่งที่สองสาวจะพูดเพราะเขาสนใจนานาจริง ๆ“หนึ่ง พยายามเอาใจ”“สอง อ้อนเข้าไว้ ผู้ชายทุกคนแพ้ลูกอ้อนมารยาของผู้หญิงทั้งนั้น”“สาม เป็นเด็กดีเชื่อฟัง ผู้ชายทุกคนชอบให้เราอยู่ในโอวาท”“ถ้าทั้งสามข้อนานาไม่อยากทำมาลองคุยกับเจย์ก็ได้นะ เจย์จะไม่สั่งอะไรเลย นานาไม่ต้องมาอ้อนเจย์ก็ได้ เดี๋ยวเจย์ไปอ้อนเอง”“นานาเขาไม่เอานายหรอกเจย์ เลิกประเคนตัวเองให้เขาซะที”“เธอแหละชอบขัดฉันตลอด ควรจะช่วยเพื่อนอย่างฉันสิ” เจย์พูดอย่างหัวเสีย และหันมายิ้มให้กับนานาอีกครั้งนานาเองก็ยิ้มให้ ถ้าพูดถึงเจย์เขาเองก็มีจุดเด่นหลายอย่าง อย่างแรกคือหน้าตาเลย เขาหล่อมาก รวยมาก เอาใจเก่ง อยู่ด้
“ลิปสติกสีนี้สวยดูเหมาะกับเธอมากเลยนานา” เสียงพูดออกมาอย่างตื่นเต้นจากเพื่อนผู้หญิงคนใหม่ที่เพิ่งมาสนิทได้ไม่นานเอ่ยบอก“จริงเหรอบี”นานาถามออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เรื่องอื่นเธอเก่งเธอมั่นใจตลอดแต่พอเป็นเรื่องการแต่งตัวและเครื่องสำอางเธอไม่ค่อยมั่นใจเลย เพราะแต่งหน้าไม่เก่ง ตอนนี้แต่งหน้าได้เพราะได้พี่ก้อยช่วยสอน เพราะตอนทำงานที่ผับต้องมีหน้าตาเอาไว้ใช้หากิน และเธอต้องอำพรางอายุด้วยเลยแต่งหน้าเข้มให้ดูเซ็กซี่ที่สุด“ใช่นานาเชื่อเราสีนี้สวยมาก มันดูเป็นลูกคุณหนูเลย” บีจึงยื่นลิปสติกทาให้ เธอจึงลองมองดูในกระจก ใช่มันดูสวยและดูสุภาพมากดูแบบใส ๆ สมกับอายุ“งั้นเราเอาอันนี้แหละ”“ดีเลย เราก็จะเอาอันนี้เอาไว้เป็นคู่กันไงล่ะ”“อือ บีจะซื้ออะไรอีกไหม”“คุณพ่อให้บัตรไม่จำกัดวงเงิน เราเข้าไปไปในชอปนั้นกันเถอะ” บีชี้แบรนด์ดังแบรนด์หนึ่งที่เธอไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้าไป ให้เข้าไปนะเข้าได้แต่เธอคงไม่มีปัญญาซื้อเหมือนเขาหรอก“ชุดนี้สวยไหม” บีเดินออกมาด้วยชุดสีชมพูที่ปักกระดุมไข่มุกอย่างสวยงามออกมา“สวย ดูเหมาะกับบีด้วย”“จริงเหรอ งั้นเราเอาชุดนี้” บียิ้มกว้างและหมุนดูตัวเองในกระจก “นานามาลองดูชุดส
เผียะ!“โอ๊ย! หนูเจ็บ”ฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าที่บั้นท้ายเธอเต็มแรง เธอเจ็บแต่มันก็เสียวด้วย จะให้พูดไปมันก็น่าอาย“ปากบอกเจ็บ แต่มันรัดฉันไม่หยุดเลยนะ เด็กขี้โกหกมันไม่ดีไม่ใช่เหรอนานา”“มะ ใช่นะ หนูไม่ได้โกหก เฮีย เบา ๆ อ๊า~” ใบหน้าสวยเหยเกเมื่อความใหญ่โตอัดกระแทกเข้ามาลึกขึ้น เขาตอกอัดเข้ามาอย่างแนบแน่นทุกจังหวะ“อ๊า ขะ ของเฮียมันใหญ่ ไม่ไหวแล้ว”“หึ พึ่งใส่เข้าไปได้ไม่เท่าไรเองนะ ใจเสาะซะแล้ว”“ไม่เอา ไม่ไหวแล้ว อื้อ” นานาดิ้นและเอาเล็บจิกไปกับผนังห้องน้ำ เธอเสียวเหลือเกิน ความรู้สึกแปลกใหม่มันวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเธอ มันเป็นความรู้สึกที่อยากปลดปล่อยบางอย่าง เหมือนกับตอนนั้น ตอนที่เธอบอกว่าปวดฉี่แต่จริง ๆ ที่ออกมามันกลับใช่ฉี่ อือ ไม่ไหวแล้วพรวด!!น้ำสีใสไหลทะลักออกมาอย่างกับก๊อกน้ำเมื่อแก่นกายใหญ่ตอกอัดเข้ามาถี่ ๆ ตรงส่วนนั้นของเธอมันบีบรัดจนเธอเสร็จถึงจุดสุดยอดจึงปลดปล่อยน้ำออกมาอย่างล้นทะลัก“เฮ้อ อ๊า เฮีย”“เหอะ! เธอเสร็จได้ถูกใจฉันจริง ๆ สาวน้อย” ฟาริสฉีกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจเมื่อหญิงสาวเสร็จถึงจุดสุดยอด“อ๊า เฮีย” เธอเอ่ยร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวหมดแรง แต่ยังไม่ทันได้พ
“เฮอะ! ไม่มีทางเป็นอิสระเหรอ ไอ้สารเลว ไอ้เฮงซวย” นานายืนด่ามาเฟียหนุ่มด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเธอขอตัวขึ้นมาบนห้องใช้ข้ออ้างว่าอยากเปลี่ยนชุด แต่แท้จริงอยากขึ้นมาแอบด่าเขาด้วยความรุนแรงต่างหาก“จะให้อยู่ไปทำเพื่ออะไร หรืออยากกินเด็กวัยเอ๊าะ ๆ กันฮะ” ด่าไปด้วยความเกรี้ยวกราด สงบสติอารมณ์ได้จึงเปลี่ยนชุดและลงไปข้างล่างที่ยังมีมาเฟียหนุ่มนั่งอ่านหนังสืออยู่ เมื่อกี้ทำท่าจะจับเธอกิน ตอนนี้คงลืมไปแล้วละมั้ง“เฮีย!” เธอตะโกนเรียกเสียงดังอย่างลืมตัว มาเฟียหนุ่มจึงละหน้าจากหนังสือและขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ“เสียงดังทำไม ไม่มีมารยาทเลย”น่ะ! มาทำเป็นสอนเรื่องมารยาทกับเธอเสียด้วย ควรสอนตัวเองก่อนไหมคะ?“ผู้หญิงคนอื่นของเฮียไม่มีเหรอ”“ทำไม หรือว่าเกิดหึงขึ้นมา”“หนูมีสิทธิ์หึงด้วยเหรอ”“หึ” ฟาริสหัวเราะในลำคอแต่ยังคงอ่านหนังสือต่อโดยไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถาม“หนูถามว่ามีไหม”“ไม่มี มีแต่ที่เอาแล้วทิ้ง” สายตาดุตวัดขึ้นมามองร่างเล็กที่นั่งเกาะแขนเขาอยู่เหมือนเด็กน้อย“ทำไมเฮียไม่มีล่ะ ช่วยมีผู้หญิงที่เฮียเลี้ยงเก็บไว้ด้วยเถอะ” ใช่ช่วยมีบ้างเถอะ จะได้เลิกยุ่งกับเธอสักที ตั้งแต่อยู่กับเขามาก็เห็นหน้าเขาทุ
วันเปิดภาคเรียนก็มาถึงนานาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อคืนเธอก็แทบนอนไม่หลับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ก้าวสู่รั้วมหาลัยเหมือนกับเด็กทั่วไปเธอมองผู้คนโดยรอบที่ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกันกับเธอ แต่ละคนดูสวยใสไม่แพ้กันเลยทีเดียว“ให้ตายสิตื่นเต้นชะมัด”เธอเดินไปตามป้ายของตึกคณะ และดูห้องที่ต้องไปเรียน บอกตามตรงเธอก็ไปไม่ถูกได้แต่อ่านป้ายและเดินตามไป“ตึก A ชั้น 14” เธอพูดพึมพำอ่านตารางคู่มือในโทรศัพท์เอาโดยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้าง“เป็นเด็กบริหารเหรอ”“หืม?” นานาขานรับในลำคอและเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นผู้ชายที่ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสมีลักยิ้มที่แก้มหนึ่งข้างด้วย “ใช่ค่ะ”“เราเจย์ อยู่ปีหนึ่งคณะบริหารเหมือนกัน ขึ้นไปด้วยกันไหม”“อือ เรานานา” เธอพยักหน้ารู้สึกว่าตัวเองรอดตายแล้ว “เจย์เป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกันทำไมดูชำนาญทางจังเลย”“พี่เราเคยพาทัวร์นะ แต่ตอนนี้เรียนจบไปแล้วก่อนจบเขาพามาดูก่อน จะได้ไม่หลงเหมือนกับนานาไง”“เราไม่ได้หลงนะ” นานารีบแก้ตัว เธอไม่ได้หลงเสียหน่อยก็แค่ช้าเท่านั้นเอง“ขอโทษ เราแค่แกล้งเธอเล่นเอง” เจย์ฉีกยิ้มกว้างจึงเห็นลักยิ้มของเขา ทำไมมันดูเท่และน่ารักจังทั้งสองเดินเข้ามาด้า
“มันก็ไม่เท่ากับใครบางคนที่ชอบมาเล่นลอบกัดข้างหลังหรอกว่าไหมคุณโทมัส” ฟาริสตอบเป็นภาษาอังกฤษแสยะยิ้มและใช้สายตาดูแคลนเหยียดมอง“หึ ดูเหมือนผมจะเล่นผิดคนสินะ” โทมัสยิ้มเย็นอย่างไม่สะทกสะท้าน“เล่นผิดเต็ม ๆ เลยแหละ”“แต่ผมชอบนะ ที่เล่นผิดตัว” โทมัสตอบหน้านิ่งไม่ไหวติ่งใด ๆ แต่ฟาริสเองก็ไม่น้อยหน้ามองมาทางคู่อริอย่างเชือดเฉือนเช่นกัน“เด็กนั้นกูขอ และเลิกยุ่งกับเธอซะ” ฟาริสเอ่ยเข้าเรื่องและไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกต่อไป“ทำไมกูต้องทำ”“กูรู้นะว่ามึงต้องการอะไร เรื่องนั้นกูจะไม่ยุ่ง ถ้ามันไม่เกี่ยวกับธุรกิจของกู”“รู้แต่ก็ปล่อยผ่านจะใจดำเกินไปไหมครับคุณฟาริส”“หึ กูไม่ต้องทำอะไรหรอก แต่ฝั่งที่มึงจะเล่นอาจจะไม่ง่ายแบบที่มึงคิดก็ได้”“ง่ายหรือไม่ง่าย แต่ลูกสาวที่เขาหวงแหนหนักหวงแหนหนาก็โดนกูจับกินไม่รู้จะกินยังไงแล้วนะสิครับคุณฟาริส”“ถ้ายังอยากให้ธุรกิจของมึงอยู่รอดปลอดภัยก็เลิกยุ่งกับกูซะ และปล่อยเด็กนั่นไป”“พูดง่ายจัง”“ของที่มึงเอาไปคิดซะว่าเป็นค่าไถ่ชีวิตเด็กนั้นกับพี่สาวของเธอก็แล้วกัน”“หึ ดูท่ากูจะพลาดท่าหนักซะด้วยสินะ ของมูลค่าหลายสิบล้านที่ได้มาแต่ต้องแลกกับฐานข้อมูลสำคัญไป”“มึงก็ได