“อื้อ จะ เจ็บ” หน้าสวยเหยเกเมื่อขยับตัวเลยรู้สึกอึดอัดตรงช่องทางรักร่างกายปวดร้าวไปทุกส่วนยิ่งเธอขยับตรงช่องท้องเธอยิ่งดุนดันเข้ามา เธอก้มไปมองจึงเห็นว่าเขายังสอดใส่เธออยู่อย่างนั้น‘เขาใส่เข้ามาทั้งคืนเลยเหรอ บ้าไปแล้ว’“นอนต่ออีกหน่อยสิ จะรีบตื่นไปไหนวันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ” ร่างหนาพูดเสียงเบาและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ใช้คางเกยผมนุ่มสลวยไปมาอย่างผ่อนคลาย“เฮียเอาออกก่อนได้ไหม หนูอึดอัดมันเปียกมันแฉะจนนอนไม่ได้เลย”“อะไร” เขามุ่ยหน้าแต่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อมองตามสายตาที่หญิงสาวมองมา“ฮ่า ฮ่า ใส่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”สวบ สวบ!!“อะ อือ เฮีย” นานาดิ้นเล็กน้อยเมื่อเขาแกล้งขยับ“ไปอาบน้ำกันเถอะ” เขาอุ้มเธอขึ้นทั้งที่ยังมีแก่นกายอยู่ข้างใน ทุกย่างก้าวมันทำให้เธอเสียวสะท้านจนต้องใช้ขาโอบรัดสะโพกสอบไว้แน่น“หึ หึ” ฟาริสหัวเราะฮึมฮัมในลำคอ และแกล้งบีบบั้นท้ายบังคับให้เธอขยับไปตามที่เขาต้องการ“ฮือ เฮียพอแล้ว นะคะ พอแล้ว” เสียงร้องอ้อนวอนและซุกหน้าที่อกเขาไว้แน่น“พอก็ได้ ฉันจะอาบน้ำให้เท่านั้นไม่ต้องกลัวไป”นานาพยักหน้าหงึกหงักพอมาถึงห้องน้ำจริง ๆ เขาดึงแก่นกายออกให้พร้อมกับน้ำ
“เธออยากจะพูดอะไรสาวน้อย” ฟาริเศรษฐินีเอ่ยถามและอุ้มร่างบางเข้ามานั่งบนตัก เพราะเห็นเธอเหลือบมองเขามาตลอดทางแล้ว เหมือนคนมีเรื่องจะพูดแต่ไม่กล้าพูด“เฮียหลอกให้หนูคอยโทรศัพท์ฝั่งนั้นทำไม แล้วทำไมเฮียไม่บอกว่าใช้หนี้แทนให้หนูไปแล้วทั้งหมด”“ก็มันไม่ได้สำคัญไง เพราะตอนนี้เธอเป็นสมบัติของฉันแล้ว”เขาพูดง่ายจัง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอต้องคอยระวังอยู่ตลอดเพราะกลัวทำอะไรเสียเรื่องแล้วพานทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่เขากลับมาพูดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร“เวลาเธองอนก็น่ารักดีนะ”“หนูไม่ได้งอน แต่ตอนนี้หนูกำลังโกรธอยู่”“อยากตบฉันเพื่อระบายไหมล่ะ”“หนูไม่ได้โง่นะ ยังอยากมีชีวิตอยู่”“หึ รู้ก็ดีแล้ว” ไงยะริสหัวเราะ และหยิบปลายผมหญิงสาวมาม้วนเล่น“เฮียจะให้หนูเป็นอิสระตอนไหน เพราะในอนาคตเฮียต้องมีครอบครัวนะ”“เธอจะเป็นอิสระไปจากฉันได้ต่อเมื่อฉันตายสาวน้อย”“เฮียไม่อยากฆ่าหนูแล้วเหรอ”“ถ้าฆ่าเธอแล้วใครจะสนองความต้องการฉันล่ะ เธอออกจะสนุกแบบนี้ หรือเธอไม่สนุกตอนที่ฉันกระแทกในตัวเธอ”“เฮียพูดอะไรเนี่ย พี่เมธาได้ยินหมดแล้ว” เธอเขินหน้าแดงจึงซุกหน้าลงที่อกกว้างฟาริสนั่งหัวเราะชอบใจและเล่นกับเรือนร่างหญิงสาวต่อ
ปัง!!“อะไรนะ แกเสียที่ตรงนั้นให้มันไปแล้วรึ” เชษฐาตบโต๊ะดังปังไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาอยู่วงการอสังหาริมทรัพย์มานานไม่เคยเสียรู้ให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาก่อน มันช่างกล้าท้าทายกันได้ยังไง“ใช่ค่ะป๋า หนูเซ็นยินยอมไปแล้ว” เมย์ร้องไห้บอกด้วยความเสียใจและเจ็บใจ เพราะมัวหลงมัวเมากับความหล่อและอยากได้เขามาครอบครอง เขาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด“แกนี่มันโง่จริง ๆ แกไม่รู้รึไงว่าที่ตรงนั้นมันสามารถเก็งกำไรได้มหาศาลขนาดไหน อีลูกโง่วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวไม่เคยคิดที่จะมานั่งเรียนรู้เรื่องการสืบทอด เฮงซวยจริง ๆ”“ป๋าอย่ามาพูดแบบนี้กับเมย์นะ ป๋าก็รู้ว่าหนูเป็นลูกของป๋าคนเดียว”“เออ ก็เป็นลูกกูคนเดียวนี่ไงถึงได้ปวดหัวแบบนี้ ไม่รู้ไปได้ความโง่จากใครมา ฝากอะไรไม่ได้สักอย่าง”“ก็หนูรักเขา คิดว่าถ้าให้ที่ตรงนั้นไปแล้วจะได้เขามา”“โอ๊ย! กูปวดหัว”“ป๋าอ๊ะ พูดไม่เพราะหนูจะฟ้องม๊า”“เออไปฟ้องเลย ไปเก็บข้าวของไปอยู่กับม๊าแกไป โง่จริง ๆ” เชษฐานั่งด้วยความอาลัยตายอยาก ที่ตรงนั้นกว่าเขาจะได้มาต้องใช้เรี่ยวแรงขนาดไหนกว่ามันจะตกมาถึงเขา แต่นี่อะไรกับหายหลุดมือออกไปเสียดื้อ ๆ“มึงไปนัดไอ้เด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูงให้กูที เร็
ร่างสูงของฟาริสเดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม เขาสวมชุดสูติแบบที่ชอบใส่ มันดูเหมาะกับเขาที่สุด ช่วงใบหน้าที่สันกรามเห็นเด่นชัดด้วยความเป็นลูกครึ่งจึงช่วยให้ใบหน้าดุดันยิ่งขึ้น บวกกับความสูงที่สูงถึง 193 เซนติเมตร ยิ่งทำให้เขาดูสง่างามน่าเกรงขามด้วยเพียงอายุ 25 ปี“ฟาโรห์พ่อของแกคิดยังไงถึงได้กล้าให้เด็กแบบนี้ขึ้นมาบริหารงานแทน” เสียงเย้ยหยันเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเมื่อได้เห็นชายหนุ่มใกล้ ๆ ด้วยหน้าแบบนี้นี่เองที่ทำให้ลูกสาวเขาหลงได้ขนาดนั้น“เพราะกล้าบริหารแบบนี้ไงครับ คุณถึงได้รีบร้อยมาหาผมแบบนี้”เชษฐาได้ยินเด็กรุ่นลูกเอ่ยอย่างไม่กลัวเกรงก็ยิ่งโมโหตบโต๊ะอาหารดังปึ่ง ตวัดมองด้วยสายตาอย่างเอาเรื่อง“มองกันแบบนี้มั่นใจแล้วใช่ไหมครับคุณเชษฐา ไม่คิดจะเจรจากันสักนิดเหรอครับ”“เด็กอย่างมึงจะมารู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจ ที่ดินที่มึงซื้อไปกูจะจ่ายคืนให้เป็นสองเท่า เอาโฉนดมาคืนกูซะ”“หึ ดูคุณไม่กลัวตายเลยนะครับ ก็ว่าแหละแก่ป่านนี้แล้วจะกลัวทำไม เพราะยังไงก็ต้องเข้าโรงอยู่ดี”“ไอ้เด็กเวร พ่อแม่มึงไม่สั่งสอนใช่ไหม ถึงได้กล้าพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้”“พวกท่านสอนอย่างดีเลยล่ะ แต่ผมเลือกใช้กับคนที่เสวนาด้วย” เ
“เฮ้อ~~”“นานาเป็นอะไรรึเปล่า” เจย์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เช้าหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ นั่งถอนหายใจออกมาหลายรอบแล้ว“เบื่ออ๊ะ ไม่อยากกลับบ้าน”“ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับสิ” เจย์บอกด้วยน้ำเสียงตลก และเท้าคางมองมาทางหญิงสาวด้วยความสนใจ“เจย์มองอะไรเนี่ย จ้องแบบนี้ก็เขินเป็นนะ”“เอ่อ นายจะจ้องอะไรเพื่อนฉันขนาดนี้ จ้องให้ตายยังไงนานาก็ไม่เอานายหรอกย่ะ” บีที่เดินเข้ามาพอดีเลยเข้ามานั่งแทรกกลางและดันหน้าเจย์ออกห่าง“โอ๊ย! อะไรของเธอเนี่ยบี่ ชอบเข้ามาขัด ชอบมาเป็น กขค” ท่อนหลังเขาพูดออกมาไม่มีเสียงแต่บีก็เข้าใจจึงจงใจเอาส้นสูงเหยียบที่เท้าของเขาแทน“ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือโดนอะไรเหยียบเท้าเหรอ” บีหัวเราะเบา ๆ และนั่งหันมายิ้มให้กับนานา “วันนี้นานาของเราก็สวยเหมือนเดิม สวยทุกวันเลย”“เธอเป็นเลสเบี้ยนรึเปล่าเนี่ยบี” เจย์ถามพร้อมกับทำท่าขนลุก“แม่แกซิ แต่ถ้ามีแฟนแบบนานาฉันก็ไม่เกี่ยงนะ” บีส่งสายตาสื่อความหมายให้ และมองมาที่เจไม่ไยดีอย่างเหยียดเดี๋ยวเจอกูตบสักวัน ผู้หญิงก็ผู้หญิงเถอะ“พอเลยทั้งคู่ ทะเลาะกันทุกวันระวังลูกดกนะ” นานาเอ่ยแกล้งและก็ได้สายตาอันวาวโรจน์ของแต่ละคนจ้องมาทางเธออย่างเ
ฟาริสเพ่งสายตามองไปที่เจย์อย่างไม่คลาดสายตาเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้กับโทรศัพท์ที่กำลังพิมพ์อยู่“เฮียมองอะไร นี่งานแต่งน้องนะ ยิ้มให้กล้องหน่อยสิ” ฟาติมาเข้ามาใกล้และสะกิดที่ไหล่“ไม่มีอะไรหรอก ยินดีด้วยนะกับงานแต่ง”“ค่ะ น้องก็รองานแต่งเฮียเหมือนกันนะ”“เหอะ อย่างเฮีย ไม่แต่งหรอก แต่งทำเพื่อ” ทำหน้าเซ็งและกลอกตาไปมา“เหรอ อย่าให้ไปรู้นะว่าไปฉุดกระชากใครมาอยู่ด้วย”“เหอะ! เดินไปหาไอ้ไซรัสได้แล้วมองยังกับต้องการสาวไส้กูกิน”“เฮียก็พูดเกินไป พี่ไซรัสก็แค่มอง คนอะไรล้อหล่อ งื้อ” ฟาริสได้แต่มองน้องสาวเพียงคนเดียว และส่ายหน้าไปมากับความคลั่งรักคลั่งมาตั้งแต่ปี 1 จนเรียบจบแต่งงานกันยังคลั่งกันไม่เลิก“ไม่น่าเชื่อเนอะว่านั้นเป็นพี่สาวผม”“ลาคอส นั่นพี่สาวมึงนะ” ฟาริสหันมาทางน้องชายคนสุดท้องที่ยืนกอดอกมองไปที่ฟาติมาอย่างไม่สบอารมณ์ หรือเกิดอาการหวงพี่สาวขึ้นมารึเปล่าก็ไม่รู้“ยัยนั่นก็ชอบเป็นแบบนี้ เห็นผู้ดีกว่าน้อง”“หึ รู้นะว่าหวงพี่เขา”“เฮียพูดอะไรก็ไม่รู้ ไปหาโอลาฟดีกว่า”“มึงรักพี่เขาก็ไปบอกพี่เขา ไม่ใช่มานั่งไม่พอใจ”“....” ลาคอสเงียบตามองบนและเดินออกไปหาโอลาฟที่กำลังนั่งเล่นกับเอลิน่า
“กรี๊ด! อื้อ เจ็บ” ร่างเล็กสั่นสะท้านเมื่อแท่งอวบใหญ่กระแทกเข้ามาจากช่องทางรักด้านหลังอย่างสุดแรง เนื้อกายเธอแทบฉีกมันเจ็บมันแสบไปหมดหรือไม่มันคงฉีกไปแล้วจริง ๆ“เลือดออกด้วย ดูท่าเธอจะเจ็บจริง ๆ สินะ นานา” เสียงที่ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเขานั้นกำลังยิ้มให้กับความเจ็บปวดของเธออยู่ เขามันโรคจิตชัด ๆเธอไม่รู้เลยว่าเขาจะทำแบบนี้กับภรรยาของเขาหรือเปล่า หรือทำไม่ได้ถึงต้องมาระบายที่เธอแบบนี้“ร้องอีกสิ”นานาข่มน้ำตาไม่ให้ไหล เพราะรู้ว่าคนโรคจิตมันชอบเห็นน้ำตาของเธอ เขาเหมือนคนประสาทที่ชอบเห็นความเจ็บปวดของคนอื่นเพราะเขาเห็นแล้วเขามีความสุข ยิ่งเห็นน้ำตาของเธอ เขายิ่งมีอารมณ์เป็นอย่างปึก ปั่ก ปั่ก!!“อ๊า อ่าส์ อะ เฮีย” เธอเผลอร้องครางออกมาและเรียกเขาด้วยความลืมตัว เพราะเขากระแทกแก่นกายเข้ามาลึกถึงจุดที่เธออ่อนไหวมากที่สุด ร่างจึงสั่นเทิ้มไปด้วยความเสียวซาบซ่านเผียะ เผียะ!!มือหนาฟาดลงมาไม่ยั้ง ยิ่งมีอารมณ์มากเขายิ่งลงแรงที่ก้นขาว ๆ ของเธอ ตีจนขึ้นรอยมือ มันทั้งเจ็บและแสบแต่มีอารมณ์ในคราวเดียวกัน หรือเธอจะเสพติดความรุนแรงจากเขาแล้วรึไงกัน เธอต้องรู้สึกรังเกียจสิ แต่นี่กลับชอบสัมผัสที่เขามอบใ
“ฉันไปโกหกอะไรเธอ” ฟาริสชักสีหน้าเมื่ออยู่ดี ๆ โดนใส่ร้ายเข้ามาอย่างดื้อ ๆ เขาไม่ได้ทำเขาไม่ยอมรับหรอก“ทำไมเฮียนิสัยเสียแบบนี้” เธอร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่ เอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างสุดเวทนาฟาริสหัวใจกระตุกปกติเขาชอบเวลาที่เธอร้องไห้ แต่ครั้งนี้ทำไมมันกลับรู้สึกแปลก ๆ เห็นเธอร้องไห้แล้วใจมันกระตุกและเจ็บขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรจึงดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอกและพยายามปลอบโยนให้เธอเย็นลง“บอกเฮียมาคนดี ว่าโกรธอะไรเฮีย ทำไมถึงบอกว่าเฮียโกหก” ไม่มีเลยสักครั้งที่เขาจะใจเย็นให้ใครแบบนี้ แต่ตอนนี้กำลังทำกับสาวน้อยในอ้อมแขนตอนนี้ที่กำลังร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตา“ฮึก ที่ผ่านมาเฮียไปไหนมา”“ไปธุระไง ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”“แล้วไปทำธุระอะไร” เธอถามเสียงอู้อี้เพราะยังคงร้องไห้ออกมา“ไปงานแต่ง”“งานแต่งใคร”“นานาเธอถามมาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าอยากรู้อะไรกันแน่”“เฮียไปงานแต่ง หรือไปแต่งงานกับใครมากันแน่”เธอเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด และร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ จึงทุบตีเข้าที่เพราะแกร่งทั้งเสียใจและน้อยใจ เธอเองก็ไม่รู้ว่ามีสิทธิ์มาโกรธมาเสียใจแบบนี้ได้ไหม เพราะเธอกับเขาไม่ได้เป็
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ
สวบ!! ตับ ตับ!!“อ๊า เฮียแรงอีก”เสียงครางและเสียงร้องให้เขากระแทกใส่เธอแรง ๆ ดังผสมปนเปกัน เสียงหญิงสาวเหนื่อยหอบแต่เธอยังต้องการอีก เหมือนกับฝ่ายชายที่ยังตักตวงความสุขจากร่างบางยังไม่อิ่ม“จัดให้ทูนหัว ต่อให้หนูไม่ขอเฮียก็จัดให้อยู่แล้วคนดี”ตับ ตับ ตับ!!“อ๊า ดีมากเฮีย แรงอีก หนูชอบ” ร่างเล็กที่นั่งให้กระแทกจากข้างบนเอ่ยบอก และเข้ามาบดจูบอย่างเร่าร้อนตามอารมณ์ร่างหนากอดเอวคอดแน่นดันแก่นกายเข้าออกรัวแรงดัง ตับ ตับ จนแก้มก้นทั้งสองข้างร่างเล็กสั่นพั่บ พั่บ ตามแรง เขาชอบทุกการสัมผัสจากหญิงสาว เขาชอบเหลือเกิน มันนุ่มและอุ่นแถมตอดรัดถึงใจอีกต่างหาก“เบบี้ อ๊า จูบเฮียอีก” ฟาริสบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เข่าสองข้างตั้งชันและกระทุ้งแก่นกายเข้าออกถี่รั่วเมื่อเสียวไม่ไหวแล้วจึงลุกขึ้นและอุ้มหญิงสาวกระแทกกลางห้อง ร่างเล็กกอดรัดคอหนาแน่น เมื่อเธอโดนเขาโอบรัดและตอกแก่นกายเข้าออกถี่รัว เธอเสียวจนต้องร้องออกมาดังลั่น นาทีนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าใครจะได้ยิน เธอไม่สนอะไรแล้วขอเพียงแค่มีเธอและผู้ชายคนคนนี้ก็เพียงพอ“กรี๊ด! เฮีย หนูจะเสร็จแล้ว” เสียงแหบแห้งร้องบอกและอยู่รัดแน่นฟาริสรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัด
3 ปีต่อมาเสียงผู้คนพูดให้ขวักไขว่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะวันนี้เป็นงานแต่งที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นวันของฉันตอนนี้ฉันกำลังนั่งใส่ชุดเจ้าสาวแสนสวยที่ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อน และญาติ ๆ ของเฮียฟาริสฉันมองญาติแต่ละคนของเขาที่งานดีไม่แพ้กัน ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นมาเฟียเหมือนกัน คนที่ฉันเพิ่งมารู้จักเลยก็มีราฟาเอลกับโอลาฟเฮียฟาริสบอกว่าทั้งสองคนเป็นลูกของน้าสาวน้องสาวของพ่อ และสืบต่อธุรกิจจากตนอีกทางฝั่งหนึ่งจึงไม่ค่อยได้เห็นค่าหน้าค่าตาเท่าไร และวันนี้ขึ้นมาได้เพราะงานแต่งของฉันกับเฮีย“พวกมึงเดินมาเร็ว ๆ สิวะ พี่สะใภ้กูนั่งรอนานแล้วนะ”ชิเอลตะโกนเรียกให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มเข้ามาถ่ายรูป ทุกคนต่างยืนห้อมล้อมเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอยู่ด้านหลัง แต่ละคนใส่ชุดสูทสีดำส่วนเจ้าบ่าวใส่ชุดทักซิโด้สีครีมออกขาวที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวชุดเจ้าสาวของเธอเป็นแบบเกาะอกที่แหวกขาสูงช่วงหน้า ส่วนผมเธอปล่อยม้วนสยายลงมาอย่างสวยงาม เพราะด้วยชุดที่แหวกสูงเธอเลยนั่งไขว่ห้าง และมันไปถูกใจมาเฟียร้ายที่เลื่อนสถานะเป็นสามีของเธอเข้าอย่างจัง และเธองงที่เขาส่งไฟเช็กมาให้“เฮียส่งไฟเช็กมาให้ทำไม” เธอถามอย่างงง ๆ“เมื
“โอ๊ย! นานา แหวนเพชรเธอมันทิ่มตาฉัน” บีเอ่ยแกล้งเพราะแหวนเพชรเม็ดใหญ่มันวิบวับแยงตาเหลือเกิน“ทำใจหน่อยนะ เพื่อนมีคนจองแล้วก็เงี่ยแหละ”“จะบอกว่าเพื่อนสวยว่างั้นเถอะ” บีทำหน้าแหวะ นานาจึงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน“งานแต่งเธอ เธอต้องเอาการ์ดเชิญมาให้ฉันเป็นคนแรกนะนานา”“แน่นอน เพราะฉันต้องได้เงินใส่ซองจากเธอเป็นคนแรก”“ฉันจะใส่ให้หนัก ๆ เลย ยัยกะเปี๊ยกของฉัน” บีแกล้งหยิกแก้ม และสักพักต้องหน้ามุ่ยขึ้นมาเมื่อเจย์เดินเอาหนังสือเข้ามาตีที่หัว“ไอ้เจย์ หงุดหงิดโว้ย ไม่โดนด่าสักวันมันกินข้าวไม่อร่อยใช่ไหม หัวฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ มันหนักหัวแกรึไงฮะ”“ใช่หนักมากจะทำไม” เจย์ทำหน้าทะเล้นและทั้งคู่วิ่งไล่จับกันไปมา นานาหัวเราะและต้องยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนมองอยู่และส่งยิ้มมาให้เธอแต่ไกล“เฮียฟาริสขา” เธอเรียกเสียงหวานและรีบวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความคิดถึง และอ้อนเอาหน้าซบที่อกกว้าง“จุ๊บ สวยจัง” ฟาริสจับมือเรียวขึ้นมาจูบและเอ่ยชมแหวนเพชรเม็ดโตที่เขาซื้อให้เธอใส่เป็นการจองว่าเขาคือสามีเธอในอนาคตด้วยความปลาบปลื้มใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของมือเรียวงามคนนี้ มือเธอเหมาะกับเพ