เพราะความอ่อนล้าจากการเดินทางหลายชั่วโมง กัวเหม่ยอิงที่ได้พักผ่อนจากช่วงบ่ายของเมื่อวานจึงหลับสนิท รู้สึกตัวอีกทีก็ช่วงสายของวันใหม่แล้วโรงแรมที่เหวินหลงจองเอาไว้ให้เป็นห้องขนาดใหญ่ มันมีห้องอาบน้ำในตัวซึ่งกัวเหม่ยอิงไม่ต้องไปอาบน้ำรวมกับคนอื่น ๆ ยกเว้นห้องปลดทุกข์ที่ต้องไปเข้าห้องน้ำข้างล่างกัวเหม่ยอิงรีบอาบน้ำเพราะกลัวเหอลี่จะรอ อันที่จริงก็คุยกันแล้วว่าตื่นค่อยไปเคาะประตู แต่กัวเหม่ยอิงตื่นสายมากวันนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวลวดลายสีฟ้าถูกสวมลงบนตัวกัวเหม่ยอิง เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่ลูกค้าต่างแย่งกันซื้อในร้านแต่ที่กัวเหม่ยอิงได้มาก็เพราะสีด้ายมันเพี้ยน หากลูกค้าหรือคนนอกมองคงจะไม่สังเกต แต่กัวเหม่ยอิงตรวจรายละเอียดทุกตัวกัวเหม่ยอิงจะเป็นคนเอาเสื้อออกจากกระสอบให้พนักงานเพื่อตรวจสอบว่าเสื้อผ้ามันได้คุณภาพ ทุกครั้งที่ได้รับเสื้อมากัวเหม่ยอิงก็จะตรวจทันที“เธอตื่นนานแล้วเหรอ”ยังไม่ทันได้เคาะประตูเหอลี่ก็เปิดออกมา เหมือนหล่อนจะรอกัวเหม่ยอิงมาเคาะประตูอยู่แล้ว“เพิ่งจะตื่นค่ะ”“แล้วกินข้าวเช้ายัง”“ยังค่ะ”“อืม เราลงไปหาข้าวเช้ากินก่อนดีกว่า”“ค่ะ”นอกจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่รวมกับค่ากิน
ถิงถิงจำได้ว่าเธอเพิ่งจะนอนหลังอ่านนิยายเรื่อง ‘ฝากรักไว้กับรักแรกของแฟนเก่า’ จบไปตอนบ่ายสามของวัน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักน้ำเน่าที่ถิงถิงชอบมาก และมันยังเป็นนิยายของนักเขียนที่เธอติดตาม เนื่องจากนักเขียนได้ส่งนิยายที่สั่งพิมพ์ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อมาถึง ถิงถิงที่ว่างจึงรีบอ่านนิยายเกือบห้าร้อยหน้าโดยที่ไม่ยอมพักจนจบโดยใช้เวลาเพียงสิบชั่วโมงในการอ่าน จากนั้นจึงหันไปหยิบหูฟังมาสวมพร้อมกับผ้าปิดตาที่ใช้ตลอดเพราะเดี๋ยวแดดจะแยงตาตอนเช้าแต่แล้วถิงถิงที่นอนอย่างสบายใจก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ข้างหู ถิงถิงขมวดคิ้วระหว่างรู้สึกตัวตั้งแต่จำความได้เธอก็โตมากับคุณยายสองคนที่บ้านนอกและเสียไปเมื่อห้าปีก่อน หลังเรียนจบมัธยมปลายจึงย้ายเข้ามาเรียนในมหาลัยรัฐบาลที่มีทุนเรียนฟรี นอกจากยายแล้วเธอก็ไม่ได้มีญาติคนอื่นอีก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงเด็กร้องในห้อง เพราะที่พักของเธอนั้นเป็นหอพักสำหรับนักศึกษา เด็กที่ต่ำกว่าสิบสองขวบถูกห้ามเข้ามาอยู่เพราะเจ้าของหอกลัวจะรบกวนเหล่านักศึกษาในมหาลัยที่ต้องตื่นไปเรียนเช้าและกลับดึกบางคณะถิงถิงบิดขี้เกียจพร้อมกับใช้มือขยี้ดวงตาที่ก
เพราะร่างกายยังไม่แข็งแรง กัวเหม่ยอิงจึงพักผ่อนเอาแรงมาตลอดห้าวันที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ในตอนเช้าเธอจึงตื่นมาทำกับข้าวก่อนที่สะใภ้รองจะตื่น กิจวัตรยามเช้าของสะใภ้รองก็คือทำกับข้าวให้เธอกับแม่สามี และออกไปทำงานเก็บแต้มข้างนอก ถึงมื้อเที่ยงก็จะกลับมาดูแลแม่สามีแต่วันนี้ร่างกายของเธอดีขึ้นมากแล้ว และหานเมิ่งลู่ลูกสาวตัวน้อยของเธอก็เพิ่งจะหลับไปไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เธอจึงมีเวลาลุกขึ้นมาทำกับข้าวไว้ให้น้องสะใภ้กัวเหม่ยอิงใช้น้ำล้างข้าวให้สะอาดก่อนจะนำมาต้มในเตาที่จุดไว้ ระหว่างที่ต้องรอข้าวสุกเธอจึงต้องเตรียมของไว้ทำกับข้าวแต่ในครัวนั้นเรียกได้ว่านอกจากข้าวและธัญพืชแห้งก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว กัวเหม่ยอิงถอนหายใจดังเฮือก“ถ้าไม่รีบหาเนื้อสัตว์มา ฉันตายแน่ ๆ ” ในชีวิตก่อนกัวเหม่ยอิงเป็นคนที่ชอบกินเนื้อสัตว์มาก และยิ่งเป็นเนื้อหมูแล้วยิ่งชอบเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าอาหารแต่ละมื้อต้องมีเนื้อหมู แต่พอมาอยู่ที่นี่เธอไม่ได้กินเนื้อสัตว์สักชิ้น และข้าวก็เรียกว่าข้าวไม่ได้ด้วยซ้ำตะกร้าสานใบเล็กที่วางอยู่ในครัวถูกกัวเหม่ยอิงคว้าออกมาที่สวนหลังบ้าน ในครัวไมมีอะไรให้กินแล้ว หากไม่เอาผักไปประทั้งชีวิต เธอ
กัวเหม่ยอิงเดินเลี่ยงออกจากจุดพักของคนในหมู่บ้านเพื่อเข้าไปในป่าที่ไม่ค่อยจะมีคนเข้าไป ส่วนมากแล้วจะเป็นคนในหมู่บ้านที่รวมกลุ่มล่าสัตว์จะใช้เส้นทางนี้ และเพราะแบบนี้แล้วมันจึงอุดมสมบูรณ์กว่าด้านนอกมากนัก“น้องสาวห้า”ด้านหน้าของกัวเหม่ยอิงปรากฏร่างของชายฉกรรจ์ที่ยิ้มให้กับเธอ กัวเหม่ยอิงมองพลางนึกถึงไปด้วยจนกระทั่งนึกออก“พี่ใหญ่!”“น้องห้าจะเข้าป่าทำไมไม่ไปบอกพี่ก่อน” พี่ใหญ่กัวที่เธอร้องตอบรับ รีบเดินตรงมาหาเธอที่กำลังนั่งเก็บเห็ดป่า ในมือของเขาถือไก่ฟ้าอยู่หลายตัว ด้านหลังยังสะพายตะกร้าไม้สานอันใหญ่พี่ใหญ่กัวขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็ก หลังจากที่หล่อนคลอดลูกสาวก็มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไหนสามีก็ตายจากตั้งแต่อายุยังน้อยอีก ต่อไปน้องสาวของเขาจะทำยังไง ไหนจะบ้านใหญ่สกุลหานอีก ทุกครั้งที่เขาจะเข้าป่าเขาก็จะเป็นคนไปชวนน้องสาว หรือไม่ก็จะนัดกันเอาไว้ แต่หลังจากที่หล่อนตั้งท้องเขาก็ไม่ให้หล่อนติดตามเข้าป่า“ฉัน ฉันลืมน่ะค่ะ”“หากน้องสาวห้าอยากได้อะไรก็ให้มาบอก พี่จะเอาไปให้”“ค่ะ”กัวเหม่ยอิงสนทนากับพี่ชายต่ออีกไม่กี่คำก็แยกย้ายกัน พี่ใหญ่กัวนัดแนะว่าให้ลงมาเจอกันที่ตีนเขาก่อนจ
กัวเหม่ยอิงอ้าปากหาวระหว่างเช็ดผมหลังจากชำระร่างกายเสร็จ เมื่อเช้าเธอตื่นเช้าเกินไป ตอนนี้ก็เลยง่วงขึ้นมา แต่งตัวเสร็จก็ดูลูกสาวครู่หนึ่งจากนั้นจึงเดินออกไปหาสะใภ้รองที่ล้างเห็ดรอ“เหลืออีกเยอะไหม” กัวเหม่ยอิงถามน้องสะใภ้“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ แต่หน่อไม้ฉันยังไม่ได้ทำ” สะใภ้รองตอบพลางชี้ไปที่หน่อไม้ในตะกร้า“ปลาล่ะ”“ฉันแช่น้ำแล้วค่ะ” สะใภ้รองตอบพร้อมกับชี้ไปที่ถังข้างโอ่งกัวเหม่ยอิงเลิกคิ้ว เธอไม่ได้ใส่น้ำให้ปลาตั้งแต่แรกแต่ทำไมปลาถึงยังมีชีวิตอยู่? หากจำไม่ผิดปลาพวกนี้ขาดน้ำได้ไม่นานนี่ ถึงอย่างนั้นกัวเหม่ยอิงก็เดินไปดูปลาในถัง ข้าง ๆ ถังยังมีทั้งกุ้งแล้วก็ปูแยกอีก“เสียดายที่ไม่มีปลาไหล” กัวเหม่ยอิงบ่น เธอจำได้ว่าในนิยายหลายเรื่องจะนำปลาไหลไปตุ๋นบำรุงร่างกาย แต่ยังดีที่ได้ปลาหนีชิวมาอยู่บ้าง“คะ” สะใภ้รองหันมามอง“ไม่มีอะไร” กัวเหม่ยอิงส่ายหัวแล้วลุกไปดูไก่ฟ้าที่วางไว้ข้างเตาถ่านที่จุดไฟรอกัวเหม่ยอิงต้มน้ำให้เดือด พร้อมกับนำชามมาเตรียมไว้รอการถอนขนไก่ ยังดีที่ไก่พวกนี้มันตายแล้วไม่งั้นเธอคงจะไม่กล้าทำมัน ถึงแม้จะไม่เคยทำแต่ถ้าไม่ทำก็คงจะไม่มีอะไรกิน“พี่เข้าไปหาคุณแม่หน่อยนะคะ คุณแม่
กัวเหม่ยอิงมองปากทางเข้าอำเภออย่างตื่นเต้น วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าอำเภอ แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นครั้งแรกเพราะกัวเหม่ยอิงคนก่อนก็เคยเข้ามาอยู่ในอำเภอเพราะมาเรียน แต่ถ้าถามถึงเธอ เธอเพิ่งเคยมาครั้งแรก“พี่สะใภ้จะไปสหกรณ์เลยไหมคะ” เป็นสะใภ้รองที่ถามขึ้นมา“เดี๋ยวพี่จะไปทำธุระก่อน อีกสักพักจะตามไปที่สหกรณ์” พี่ใหญ่กัวว่าเพราะกัวเหม่ยอิงอยากซื้อของไปตุนเอาไว้ก็เลยให้สะใภ้รองมาช่วย ส่วนพี่ใหญ่จะเข้าอำเภอพอดี พวกเธอจึงเช่าเกวียนคนในหมู่บ้านออกมาส่วนเสี่ยวลู่น้อยก็เป็นแม่กัวที่กัวเหม่ยอิงไปขอร้องให้มาช่วยเลี้ยงลูกสาวระหว่างเข้าอำเภอกับฝากดูแลแม่สามีด้วยซึ่งแม่กัวก็ไม่ปฎิเสธ“เราจะเดินดูรอบ ๆ ก่อน เดี๋ยวไปเจอกันที่สหกรณ์เลยก็ได้ค่ะ” ประโยคแรกบอกผู้เป็นน้องสะใภ้ ส่วนประโยคต่อมาเธอหันไปตอบพี่ชาย“ได้” พี่ใหญ่กัวพยักหน้าพร้อมกับหันไปลากเกวียนวัวเดินห่างออกไปกัวเหม่ยอิงหันมองรอบ ๆ ก่อนจะเดินนำสะใภ้รองเดินเข้าตัวอำเภอ เธอไม่ได้ตรงไปที่สหกรณ์เพราะอยากเดินดูที่อื่น ๆ อีกหลายปีถึงจะเปิดการซื้อขายแบบเสรี ที่นี่จึงไม่ได้มีอะไรมากยกเว้นร้านค้าของทางรัฐบาล“เราไปดูน้องชายสามกันไหมคะ” สะใภ้รองถามเมื่
กัวเหม่ยอิงเดินดูอาหารแห้งในสหกรณ์ อาหารพวกนี้มีราคาต่ำกว่านมผงเป็นเท่าตัว หรือบางทีอาหารแห้ง 10 กว่าชั่งถึงจะพอค่านมผง 1 กระป๋องอาหารพวกนี้เป็นของจำเป็นสำหรับพวกเธอ กัวเหม่ยอิงจึงต้องซื้อเก็บไว้จำนวนหนึ่ง อย่างสาหร่ายแห้ง กัวเหม่ยอิงก็ซื้อไป 5 ชั่ง เกากี๋เพิ่มอีก 4 ชั่งเพราะที่บ้านยังเหลืออยู่ เหลือบไปเห็นฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งกัวเหม่ยอิงจึงหยิบมาอีกอย่างละ 10 ชั่ง“ของพวกนี้พี่จะซื้อจริง ๆ เหรอคะ” สะใภ้รองร้องถามด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยสาหร่ายแห้งกับเกากี๋หล่อนเข้าใจว่ามันสามารถเพิ่มรสชาติในอาหารได้ดี และที่บ้านก็จะซื้อติดไว้แม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังมี แต่ฟองเต้าหู้แห้งกับกระเพาะปลาแห้งเป็นของที่ส่งมาจากมณฑลอื่นราคาจึงแพงกว่าของแห้งอื่น ๆ“ใช่ ฉันจะเอาไปบำรุงคุณแม่” กัวเหม่ยอิงพยักหน้า อันที่จริงเธออยากจะได้หมึกแล้วก็กุ้งแห้งตัวโต ๆ เพิ่มอีก เพียงแต่ราคามันแพงเกินไป เธอยังไม่กล้าซื้อ จึงหยิบเอากุ้งแห้งตัวเล็ก ๆ มา 1 ชั่ง“ค่ะ”เพราะแม่สามีล้มป่วยในตอนนั้นพวกเธอไม่ได้พาไปหาหมอ หรือตามหมอมารักษาเพราะไม่มีเงินสักหยวน อย่าว่าแต่หยวนเลย สักเฟินก็ไม่มี ในความคิดของกัวเหม่ยอิงแม่สามีของ
“ไม่ได้!”เสียงตวาดของคุณย่าหานดังลั่นบ้านใหญ่เมื่อน้องชายสามเอ่ยบอกเรื่องราวทั้งหมดและยืนยันที่จะเลี้ยงลูกสาว ไม่ให้ส่งลูกสาวกลับบ้านแม่เดิมของหล่อนสำหรับคนสกุลหานนั้นพวกเขาถือตัวเป็นใหญ่เพราะมีสมาชิกในบ้านเยอะ รวมถึงบ้านเดิมของเหล่าสะใภ้อีก พวกเขาจึงคิดว่าตัวเองมีหน้ามีตาไม่ควรทำอะไรให้เสื่อมเสีย แต่แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้น“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ หล่อนเป็นลูกสาวของผม” น้องชายสามกล่าวด้วยความไม่พอใจ ปกติเขาจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าจะปฎิเสธใคร แต่เว้นคนสกุลหานเอาไว้ด้วยความที่เขาแทบจะเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านจึงถูกเลี้ยงมาอย่างดี และที่เขาเป็นผู้เป็นคนอยู่ก็เพราะถูกสอนจากมารดา เว้นคนสกุลหานที่เขาไม่ค่อยจะฟังมารดา บ้านก็แยกกันแล้วบ้านใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป“เจ้าสาม! นายลืมไปแล้วเหรอว่านายยังไม่ได้แต่งงานแต่นายกลับมีลูกกลับมา” คุณย่าหานพยายามโน้มน้าวหลานชายในบรรดาหลานชายของนางที่มาจากบ้านสาม คุณย่าหานเอ็นดูหานหรงอี้ที่สุด เพราะเขาเรียนในระดับที่สูงกว่าเหล่าหลานชายในบ้านของนางที่ได้เรียน และเขายังเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนสกุลหานได้ เพียงแต่วันนี้กลับทำให้นางโกรธมาก เมื่อหลานชายที่คิดว
เพราะความอ่อนล้าจากการเดินทางหลายชั่วโมง กัวเหม่ยอิงที่ได้พักผ่อนจากช่วงบ่ายของเมื่อวานจึงหลับสนิท รู้สึกตัวอีกทีก็ช่วงสายของวันใหม่แล้วโรงแรมที่เหวินหลงจองเอาไว้ให้เป็นห้องขนาดใหญ่ มันมีห้องอาบน้ำในตัวซึ่งกัวเหม่ยอิงไม่ต้องไปอาบน้ำรวมกับคนอื่น ๆ ยกเว้นห้องปลดทุกข์ที่ต้องไปเข้าห้องน้ำข้างล่างกัวเหม่ยอิงรีบอาบน้ำเพราะกลัวเหอลี่จะรอ อันที่จริงก็คุยกันแล้วว่าตื่นค่อยไปเคาะประตู แต่กัวเหม่ยอิงตื่นสายมากวันนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวลวดลายสีฟ้าถูกสวมลงบนตัวกัวเหม่ยอิง เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่ลูกค้าต่างแย่งกันซื้อในร้านแต่ที่กัวเหม่ยอิงได้มาก็เพราะสีด้ายมันเพี้ยน หากลูกค้าหรือคนนอกมองคงจะไม่สังเกต แต่กัวเหม่ยอิงตรวจรายละเอียดทุกตัวกัวเหม่ยอิงจะเป็นคนเอาเสื้อออกจากกระสอบให้พนักงานเพื่อตรวจสอบว่าเสื้อผ้ามันได้คุณภาพ ทุกครั้งที่ได้รับเสื้อมากัวเหม่ยอิงก็จะตรวจทันที“เธอตื่นนานแล้วเหรอ”ยังไม่ทันได้เคาะประตูเหอลี่ก็เปิดออกมา เหมือนหล่อนจะรอกัวเหม่ยอิงมาเคาะประตูอยู่แล้ว“เพิ่งจะตื่นค่ะ”“แล้วกินข้าวเช้ายัง”“ยังค่ะ”“อืม เราลงไปหาข้าวเช้ากินก่อนดีกว่า”“ค่ะ”นอกจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่รวมกับค่ากิน
ห้องเช่าห้องสุดท้ายกัวเหม่ยอิงตัดสินใจเช่า ก่อนที่ลูกค้าคนอื่นจะมาเช่าเพียงแค่ไม่ถึงสิบหน้าที อย่างที่บอกตอนนี้ห้องเช่าเหลือแค่ห้องเดียวแล้ว การที่คนต้องการจะมาเช่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และยังดีที่เธอได้เช่าทันกัวเหม่ยอิงจะทุบผนังห้องที่ติดกันแค่เดินผ่านได้สองคน ห้องเช่าห้องใหม่กัวเหม่ยอิงจะเพิ่มห้องลองเสื้อสองห้อง ห้องรับรองลูกค้าสองห้อง ที่เหลือจะมีโต๊ะให้นั่งประมาณสิบโต๊ะแต่ห้องพักข้างหลังกัวเหม่ยอิงทุบรวมกันทำเป็นห้องพักของพนักงาน ไหน ๆ พนักงานในร้านก็เยอะแบบนั่งพักในห้องไม่หมด กัวเหม่ยอิงเลยทำเพิ่ม เพราะยังไงก็ต้องได้รับพนักงานมาอีกเพราะต้องขยายร้านเพิ่ม กัวเหม่ยอิงจึงจะใช้เวลานี้ในการไปเลือกซื้อใบชามาใช้ในร้าน เธอได้คุยกับสามีแล้ว ตอนแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะไปคนเดียว แต่กัวเหม่ยอิงก็ไม่ยอมเช่นเดียวกันสำหรับคนเป็นพ่อค้าแม่ค้าแล้ว สิ่งไหนที่ดีกับลูกค้ากัวเหม่ยอิงก็ยินดีที่จะทำ อีกอย่างเธออยากส่งต่อร้านดี ๆ ให้กับลูกสาวกัวเหม่ยอิงยอมรับว่าตัวเองโอ๋ลูกสาวกับหลาน ๆ หนักมาก กว่าที่บ้านจะลืมตาอ้าปากได้ กัวเหม่ยอิงไม่อยากให้รุ่นลูก รุ่นหลานเป็นเหมือนรุ่นก่อน ๆ จึงต้องการปูทางให้
ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างหลังจากเปิดร้านมาได้เพียงสองเดือน ด้วยความที่เป็นเนื้อผ้าที่ไม่ค่อยมีในปักกิ่งหรือเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ได้ อีกทั้งยังมีลวดลายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะร้าน ใครเห็นก็ต้องแวะเข้ามาดู เข้ามาซื้อช่วงหลัง ๆ ต้องสั่งตัดเย็บมาลายละห้าร้อยตัว ยิ่งพอมีลายใหม่มาอีกห้าลาย ลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ตื่นเช้ามาต้องทำกับข้าวให้เด็ก ๆ ไปกินที่โรงเรียน ระหว่างที่รอไปทำงานก็ตรวจบัญชีที่เอามาทำเมื่อคืน ยิ่งวันไหนขายเสื้อได้เป็นพัน ๆ ตัว กัวเหม่ยอิงก็ต้องจดบันทึกจนเหนื่อย จริง ๆ ถ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่หรือมาซื้อทีละหลายตัวมันก็ไม่เยอะหรอก แต่เธอต้องจดบันทึกเอาไว้ว่าลูกค้าซื้อไปกี่ตัว และในแต่ละวันลูกค้าก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยคนกัวเหม่ยอิงกำลังมองห้องเช่าข้าง ๆ ที่ว่างอยู่ห้องหนึ่ง เธอยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่าจะเช่าเพิ่มไหม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ร้านขายดีหรือมีคนอยากเช่าอยู่แล้ว พอเห็นร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่มีลูกค้าก็มาเช่าห้องเปิดร้านไปทั้งหมด เหลือว่างแค่หนึ่งห้องแต่เธอกลัวว่าจะดูแลไม่ทั่วถึงและบางทีอาจต้องหาพนักงานมาเพิ่ม แค่สิบห้าคนก
สัปดาห์แรกของการเปิดร้านกัวเหม่ยอิงหัวหมุนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเอาเสื้อขึ้นแขวนไม่ทัน ลูกค้าเข้าร้านทีละหลายคน พนักงานในร้านไม่เพียงพอต่อลูกค้า หานหรงเจ๋อจึงต้องเข้ามาช่วย ปล่อยให้เด็ก ๆ นั่งเล่นในห้องพักพนักงานไปส่วนน้องชายสามเห็นบอกว่าทางอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเรียกตัวให้เข้าไปช่วยงาน กัวเหม่ยอิงอนุญาตให้เขาไป เธอจึงต้องจัดการเองหลาย ๆ อย่างไม่รู้ว่าเป็นเพราะลวดลายเสื้อที่แปลกตา หหรือลูกค้าชอบเสื้อแบบนี้ภายในเจ็ดวันพวกเธอขายเสื้อไปพันกว่าตัวแล้ว ตอนนี้ก็ได้ไปสั่งตัดเย็บเสื้อเพิ่มแต่คงต้องรออีกหลายคิวถึงจะได้กัวเหม่ยอิงไม่ได้ใช้สัญญาในการลัดคิวลูกค้าคิวอื่น ทั้งที่หลายคนใช้สิทธิ์สัญญาในการเร่งลัดคิวให้ตัวเอง เพราะเธอคิดว่าหากเธอเป็นลูกค้าคนอื่นเธอก็อยากได้ของเร็ว ๆ เหมือนกันในร้านมีพนักงานสิบคน รวมกัวเหม่ยอิงก็สิบเอ็ดคน ตอนนี้คนที่ดูแลหน้าร้านมีเพียงแค่คนเดียว เพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าในร้านมีพนักงานไม่พอเลยดึงเข้ามาช่วย แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อีกอย่างที่หน้าร้านก็มีหน้าที่ต้อนรับลูกค้างานไม่หนักมากยังดีที่การค้าขายเป็นไปด้วยดี ไม่อย่างนั้นกัวเหม่ยอิงคิดว่าเธอคงต้องใช้เงินประคอ
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่กัวเหม่ยอิงต้องฝึกงานให้พนักงาน เธอแทบจะไม่ได้ทำกับข้าวเลย เพราะทุกวันต้องตื่นตั้งแต่เช้าและกลับดึก หน้าที่ทำอาหารนอกจากมื้อเช้าก็จะเป็นหานหรงเจ๋อที่ทำ ไม่ก็ซื้อจากตลาดมากินเองอย่างวันนี้อาหารมื้อเช้าคือโจ๊กกุ้งที่ได้กุ้งมาจากพนักงานฝึกเมื่อวานที่เอามาฝาก ส่วนมากมื้อเช้าที่ทำก็เป็นโจ๊ก ส่วนมื้อกลางวันถ้าไม่ใช่น้องชายสามกลับมาเอากับข้าวที่บ้านเอง ก็จะเป็นหานหรงเจ๋อเอาไปส่งที่ร้านพนักงานฝึกในร้านตอนนี้เหลือสิบคน ผู้ชายสามคนผู้หญิงเจ็ดคน ที่สามารถทำตามเกณฑ์ของร้านที่กัวเหม่ยอิงกำหนดได้ ส่วนคนที่ถูกคัดออกก็จะมีคนที่ไม่สามารถเข้ากับร้านได้ หรือบางทีพอเห็นว่าไม่เหมาะกับต้วเองก็ขอไม่เข้ามาฝึกต่อวันนี้เป็นวันที่ต้องเลือกว่าพนักงานที่ฝึกผ่านมีใครบ้าง สำหรับกัวเหม่ยอิงก็มีคนที่ไม่ผ่าน แต่การที่จะคัดออกนั้นมีสามคนที่เลือก คือกัวเหม่ยอิง น้องชายสามและหานหรงเจ๋อ หากพนักงานฝึกคนไหนไม่ถูกพวกเธอเลือกสองคนก็จะไม่ผ่านและที่สำคัญในร้านก็เอาเสื้อขึ้นแขวนเต็มร้านแล้วระหว่างที่ฝึกงาน เสื้อมีมากถึงสองพันตัวแน่นอนว่าต่อให้ร้านใหญ่เพียงพอกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้เอาขึ้นแขวนหมด เธอเอา
รายชื่อทั้งสามสิบชื่อถูกกัวเหม่ยอิงติดประกาศไว้ที่หน้าร้านว่ามีใครผ่านการสมัครฝึกงานบ้าง พร้อมทั้งเปิดรับสมัครพนักงานอีกรอบที่หน้าร้านเฉพาะวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะประกาศอีกรอบว่าจะมีใครผ่านเข้ามาฝึกงานบ้างกัวเหม่ยอิงแจ้งในใบประวัติแล้วว่าแต่ละคนจะได้เงินเดือนเท่าไรหากฝึกงานผ่าน และช่วงฝึกงานตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ กัวเหม่ยอิงจะไม่มีค่าจ้างให้ ใครผ่านก็จะได้เข้ามาทำงาน ใครไม่ผ่านก็ไม่ได้เข้ามาทำงานรอบแรกมีคนมาสมัครทั้งหมดสามสิบคน เป็นผู้ชายเจ็ดคน ที่เหลือยี่สิบสามคนจะเป็นผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าเกณฑ์การคัดเลือกมีเยอะจึงมีหลายคนที่ไม่ผ่านคนที่ผ่านวันนี้มีแค่ผู้ชายสามคน ผู้หญิงแปดคน ซึ่งสามารถมารายงานตัวได้วันพรุ่งนี้ แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานด้วยแล้วหรือได้งานทำแล้วก็สละสิทธิ์ได้ห้องเช่าที่ช่างได้เข้ามาต่อเติมให้ตามที่กัวเหม่ยอิงอยากได้ ตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้ว รอแค่เอาเสื้อขึ้นแขวนกับสอนงานคนในร้านก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เสื้อที่สั่งตัดมาก็มาส่งเมื่อสองวันก่อนเสื้อเชิ้ตผ้าป๊อปลินจำนวนสองพันตัวถูกคละสี คละไซซ์ของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็กที่ส่งมาไว้ที่บ้านทันทีที่ตัดเย็บเสร็จ ผลงา
แผนกที่สองเป็นแผนกเนื้อผ้าลินิน เป็นเนื้อผ้าเส้นใยเหนียว ดูดซับความชื้นและระบายอากาศมากกว่าผ้าฝ้าย เวลาใส่จะรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด แต่มันเหมาะกับอากาศร้อน ซึ่งกัวเหม่ยอิงยังคิดว่ามันไม่เหมาะกับเสื้อที่อยากจะได้“เนื้อผ้าดีมากเลยค่ะ แต่ยังไม่ใช่” กัวเหม่ยอิงปฏิเสธผู้จัดการถึงแม้ไม่อยากจะพูดว่าไม่ใช่ แต่กัวเหม่ยอิงจะทำธุรกิจเธอจะบอกใช่ไม่ได้ เมื่อไม่ใช่ในสิ่งที่อยากได้ อีกอย่างเนื้อผ้าก็มีเป็นร้อย บางทีเนื้อผ้าที่อยากได้คงจะมีในนี้“ผ้าเรยอนไหมคะ เนื้อผ้าจะนุ่ม ดูดซึมน้ำได้ดี มีความมันเงา แต่จะยับง่ายและคลายยับยาก” ผู้จัดการแนะนำ“ฉันอยากได้เนื้อผ้าเรียบ ๆ ค่ะ ถ้ามันเงามันจะไม่สวย” กัวเหม่ยอิงส่ายหน้า“หรือจะเอาเนื้อผ้าผสมดีค่ะ”“ไม่ดีค่ะ ถ้าผ้าผสมมันต้องผสมให้เท่า ๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่ายาก”เหมือนจะเสียมารยาทแต่กัวเหม่ยอิงก็ตอบแบบนี้จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นได้ในการทำธุรกิจ และต่อให้คนนอกมองว่าเธอเรื่องมาก กัวเหม่ยอิงก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเธอเรื่องมากจริง ๆการออกแบบลวดลายแต่ละลายไม่ได้ออกแบบแบบขอไปที กัวเหม่ยอิงออกแบบให้ใกล้เคียงกับยุคที่เธอจากมาให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นลวดลายปัจ
การจะเปิดร้านเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องวางแผน ออกแบบชุด หาตึกเช่าที่จะเปิดร้าน ต้องมีเงินลงทุนมากพอสมควรหากไม่มีประสบการณ์ และถึงจะมีประสบการณ์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดร้านได้ ต่อให้มีเงินหลายแสนหยวน แต่ไม่มีความรู้ก็สามารถเจ๊งได้แต่กัวเหม่ยอิงจะดีหน่อยที่้เคยเปิดร้านมาก่อนถึงสามร้าน เธอจึงนับว่ามีประสบการณ์พอสมควร อะไรที่มีปัญหาในร้านเดิม กัวเหม่ยอิงก็จะแก้ไขในร้านนี้ให้ดีกว่าเดิมร้านเสื้อผ้าร้านใหม่ที่จะเปิดขายกัวเหม่ยอิงตั้งชื่อว่าร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ของผู้เป็นลูกสาวเหมือนเดิม แต่สาขาที่นี่จะเป็นสาขารอง ส่วนสาขาหลักก็จะอยู่ในมณฑลบ้านเกิดครั้งนี้กัวเหม่ยอิงจะแบ่งเสื้อออกเป็นโซน แยกชายหญิงอย่างชัดเจน เพราะลูกค้าที่มาซื้อของในตลาดมีเยอะมาก จึงต้องแยกเพื่อความรวดเร็วในการซื้อขายกระดาษที่ถูกออกแบบลวดลายมีมากนับสิบลายที่กัวเหม่ยอิงจะส่งให้โรงงานตัดเย็บ ในปักกิ่งแบบนี้ส่วนมากต้องติดต่อโรงงานไม่มีสมาคมแม่บ้าน กัวเหม่ยอิงจึงออกแบบไว้หลายลายเพื่อส่งทีเดียวเห็นน้องชายสามเล่าว่าที่บ้านของโจวเฟินมีโรงงานขนาดใหญ่เป็นของตระกูล ที่สืบทอดมาหลายสิบรุ่นวันนี้น้องชายสามจะเป็นคนพากัวเห
ห้องเช่าขนาดใหญ่ในตลาดถูกปล่อยว่างไว้แทบจะทั้งหมดเพราะมีราคาเช่าที่แพงมาก พ่อค้า แม่ค้า คนไหนที่อยากได้พื้นที่กว้างก็จะเช่าสองห้องติดกันแทนเช่าห้องใหญ่ป้ายเช่าปีละ 25,000 ติดเด่นหลาแปะหน้าห้องเช่าเกือบจะทั้งหมด มีพ่อค้า แม่ค้าอยู่ขายของอยู่ประปราย แต่ก็มีลูกค้าเดินผ่านเพราะมันต้องเดินผ่านบริเวณนี้ในการไปตลาดอีกฟากรวม ๆ แล้วกัวเหม่ยอิงคิดว่าห้องเช่าที่มาดูเป็นห้องเช่าที่ดีมาก มีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับความต้องการ แต่ต้องดูข้างในด้วยว่าจะเป็นยังไง อีกอย่างก็คือที่ทำเลสำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วเธอคิดว่ามันยังไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะส่วนมากลูกค้าจะเดินผ่านเฉย ๆ เพื่อไปตลาดอีกฟาก“แล้วเราจะติดต่อเจ้าของที่ยังไง”กัวเหม่ยอิงมีเส้นสายในอำเภอ ในมณฑล การที่จะติดต่อเจ้าของที่เธอแค่ขอให้คนช่วยก็มีคนช่วยแล้ว แต่ไม่ใช่กับในปักกิ่งที่เธอเหมือนกับเพิ่งหัดเดิน“ติดต่อที่เจ้าหน้าที่ดูแลที่นี่ครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องติดต่อที่ไหน” น้องชายสามตอบ เขาไม่เคยถามใครเรื่องนี้เพราะไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะเข้ามาที่ปักกิ่ง“หน้าทางเข้าไหม” เป็นหานหรงเจ๋อที่พูดขึ้นเพราะปกติถ้าเป็นโรงงาน หรือการติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะอ