ห้องเช่าขนาดใหญ่ในตลาดถูกปล่อยว่างไว้แทบจะทั้งหมดเพราะมีราคาเช่าที่แพงมาก พ่อค้า แม่ค้า คนไหนที่อยากได้พื้นที่กว้างก็จะเช่าสองห้องติดกันแทนเช่าห้องใหญ่ป้ายเช่าปีละ 25,000 ติดเด่นหลาแปะหน้าห้องเช่าเกือบจะทั้งหมด มีพ่อค้า แม่ค้าอยู่ขายของอยู่ประปราย แต่ก็มีลูกค้าเดินผ่านเพราะมันต้องเดินผ่านบริเวณนี้ในการไปตลาดอีกฟากรวม ๆ แล้วกัวเหม่ยอิงคิดว่าห้องเช่าที่มาดูเป็นห้องเช่าที่ดีมาก มีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับความต้องการ แต่ต้องดูข้างในด้วยว่าจะเป็นยังไง อีกอย่างก็คือที่ทำเลสำหรับกัวเหม่ยอิงแล้วเธอคิดว่ามันยังไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะส่วนมากลูกค้าจะเดินผ่านเฉย ๆ เพื่อไปตลาดอีกฟาก“แล้วเราจะติดต่อเจ้าของที่ยังไง”กัวเหม่ยอิงมีเส้นสายในอำเภอ ในมณฑล การที่จะติดต่อเจ้าของที่เธอแค่ขอให้คนช่วยก็มีคนช่วยแล้ว แต่ไม่ใช่กับในปักกิ่งที่เธอเหมือนกับเพิ่งหัดเดิน“ติดต่อที่เจ้าหน้าที่ดูแลที่นี่ครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องติดต่อที่ไหน” น้องชายสามตอบ เขาไม่เคยถามใครเรื่องนี้เพราะไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะเข้ามาที่ปักกิ่ง“หน้าทางเข้าไหม” เป็นหานหรงเจ๋อที่พูดขึ้นเพราะปกติถ้าเป็นโรงงาน หรือการติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะอ
การจะเปิดร้านเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องวางแผน ออกแบบชุด หาตึกเช่าที่จะเปิดร้าน ต้องมีเงินลงทุนมากพอสมควรหากไม่มีประสบการณ์ และถึงจะมีประสบการณ์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดร้านได้ ต่อให้มีเงินหลายแสนหยวน แต่ไม่มีความรู้ก็สามารถเจ๊งได้แต่กัวเหม่ยอิงจะดีหน่อยที่้เคยเปิดร้านมาก่อนถึงสามร้าน เธอจึงนับว่ามีประสบการณ์พอสมควร อะไรที่มีปัญหาในร้านเดิม กัวเหม่ยอิงก็จะแก้ไขในร้านนี้ให้ดีกว่าเดิมร้านเสื้อผ้าร้านใหม่ที่จะเปิดขายกัวเหม่ยอิงตั้งชื่อว่าร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ของผู้เป็นลูกสาวเหมือนเดิม แต่สาขาที่นี่จะเป็นสาขารอง ส่วนสาขาหลักก็จะอยู่ในมณฑลบ้านเกิดครั้งนี้กัวเหม่ยอิงจะแบ่งเสื้อออกเป็นโซน แยกชายหญิงอย่างชัดเจน เพราะลูกค้าที่มาซื้อของในตลาดมีเยอะมาก จึงต้องแยกเพื่อความรวดเร็วในการซื้อขายกระดาษที่ถูกออกแบบลวดลายมีมากนับสิบลายที่กัวเหม่ยอิงจะส่งให้โรงงานตัดเย็บ ในปักกิ่งแบบนี้ส่วนมากต้องติดต่อโรงงานไม่มีสมาคมแม่บ้าน กัวเหม่ยอิงจึงออกแบบไว้หลายลายเพื่อส่งทีเดียวเห็นน้องชายสามเล่าว่าที่บ้านของโจวเฟินมีโรงงานขนาดใหญ่เป็นของตระกูล ที่สืบทอดมาหลายสิบรุ่นวันนี้น้องชายสามจะเป็นคนพากัวเห
แผนกที่สองเป็นแผนกเนื้อผ้าลินิน เป็นเนื้อผ้าเส้นใยเหนียว ดูดซับความชื้นและระบายอากาศมากกว่าผ้าฝ้าย เวลาใส่จะรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด แต่มันเหมาะกับอากาศร้อน ซึ่งกัวเหม่ยอิงยังคิดว่ามันไม่เหมาะกับเสื้อที่อยากจะได้“เนื้อผ้าดีมากเลยค่ะ แต่ยังไม่ใช่” กัวเหม่ยอิงปฏิเสธผู้จัดการถึงแม้ไม่อยากจะพูดว่าไม่ใช่ แต่กัวเหม่ยอิงจะทำธุรกิจเธอจะบอกใช่ไม่ได้ เมื่อไม่ใช่ในสิ่งที่อยากได้ อีกอย่างเนื้อผ้าก็มีเป็นร้อย บางทีเนื้อผ้าที่อยากได้คงจะมีในนี้“ผ้าเรยอนไหมคะ เนื้อผ้าจะนุ่ม ดูดซึมน้ำได้ดี มีความมันเงา แต่จะยับง่ายและคลายยับยาก” ผู้จัดการแนะนำ“ฉันอยากได้เนื้อผ้าเรียบ ๆ ค่ะ ถ้ามันเงามันจะไม่สวย” กัวเหม่ยอิงส่ายหน้า“หรือจะเอาเนื้อผ้าผสมดีค่ะ”“ไม่ดีค่ะ ถ้าผ้าผสมมันต้องผสมให้เท่า ๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่ายาก”เหมือนจะเสียมารยาทแต่กัวเหม่ยอิงก็ตอบแบบนี้จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นได้ในการทำธุรกิจ และต่อให้คนนอกมองว่าเธอเรื่องมาก กัวเหม่ยอิงก็ไม่ปฏิเสธ เพราะเธอเรื่องมากจริง ๆการออกแบบลวดลายแต่ละลายไม่ได้ออกแบบแบบขอไปที กัวเหม่ยอิงออกแบบให้ใกล้เคียงกับยุคที่เธอจากมาให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นลวดลายปัจ
รายชื่อทั้งสามสิบชื่อถูกกัวเหม่ยอิงติดประกาศไว้ที่หน้าร้านว่ามีใครผ่านการสมัครฝึกงานบ้าง พร้อมทั้งเปิดรับสมัครพนักงานอีกรอบที่หน้าร้านเฉพาะวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะประกาศอีกรอบว่าจะมีใครผ่านเข้ามาฝึกงานบ้างกัวเหม่ยอิงแจ้งในใบประวัติแล้วว่าแต่ละคนจะได้เงินเดือนเท่าไรหากฝึกงานผ่าน และช่วงฝึกงานตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ กัวเหม่ยอิงจะไม่มีค่าจ้างให้ ใครผ่านก็จะได้เข้ามาทำงาน ใครไม่ผ่านก็ไม่ได้เข้ามาทำงานรอบแรกมีคนมาสมัครทั้งหมดสามสิบคน เป็นผู้ชายเจ็ดคน ที่เหลือยี่สิบสามคนจะเป็นผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าเกณฑ์การคัดเลือกมีเยอะจึงมีหลายคนที่ไม่ผ่านคนที่ผ่านวันนี้มีแค่ผู้ชายสามคน ผู้หญิงแปดคน ซึ่งสามารถมารายงานตัวได้วันพรุ่งนี้ แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานด้วยแล้วหรือได้งานทำแล้วก็สละสิทธิ์ได้ห้องเช่าที่ช่างได้เข้ามาต่อเติมให้ตามที่กัวเหม่ยอิงอยากได้ ตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้ว รอแค่เอาเสื้อขึ้นแขวนกับสอนงานคนในร้านก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว ซึ่งตอนนี้เสื้อที่สั่งตัดมาก็มาส่งเมื่อสองวันก่อนเสื้อเชิ้ตผ้าป๊อปลินจำนวนสองพันตัวถูกคละสี คละไซซ์ของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็กที่ส่งมาไว้ที่บ้านทันทีที่ตัดเย็บเสร็จ ผลงา
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่กัวเหม่ยอิงต้องฝึกงานให้พนักงาน เธอแทบจะไม่ได้ทำกับข้าวเลย เพราะทุกวันต้องตื่นตั้งแต่เช้าและกลับดึก หน้าที่ทำอาหารนอกจากมื้อเช้าก็จะเป็นหานหรงเจ๋อที่ทำ ไม่ก็ซื้อจากตลาดมากินเองอย่างวันนี้อาหารมื้อเช้าคือโจ๊กกุ้งที่ได้กุ้งมาจากพนักงานฝึกเมื่อวานที่เอามาฝาก ส่วนมากมื้อเช้าที่ทำก็เป็นโจ๊ก ส่วนมื้อกลางวันถ้าไม่ใช่น้องชายสามกลับมาเอากับข้าวที่บ้านเอง ก็จะเป็นหานหรงเจ๋อเอาไปส่งที่ร้านพนักงานฝึกในร้านตอนนี้เหลือสิบคน ผู้ชายสามคนผู้หญิงเจ็ดคน ที่สามารถทำตามเกณฑ์ของร้านที่กัวเหม่ยอิงกำหนดได้ ส่วนคนที่ถูกคัดออกก็จะมีคนที่ไม่สามารถเข้ากับร้านได้ หรือบางทีพอเห็นว่าไม่เหมาะกับต้วเองก็ขอไม่เข้ามาฝึกต่อวันนี้เป็นวันที่ต้องเลือกว่าพนักงานที่ฝึกผ่านมีใครบ้าง สำหรับกัวเหม่ยอิงก็มีคนที่ไม่ผ่าน แต่การที่จะคัดออกนั้นมีสามคนที่เลือก คือกัวเหม่ยอิง น้องชายสามและหานหรงเจ๋อ หากพนักงานฝึกคนไหนไม่ถูกพวกเธอเลือกสองคนก็จะไม่ผ่านและที่สำคัญในร้านก็เอาเสื้อขึ้นแขวนเต็มร้านแล้วระหว่างที่ฝึกงาน เสื้อมีมากถึงสองพันตัวแน่นอนว่าต่อให้ร้านใหญ่เพียงพอกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้เอาขึ้นแขวนหมด เธอเอา
สัปดาห์แรกของการเปิดร้านกัวเหม่ยอิงหัวหมุนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเอาเสื้อขึ้นแขวนไม่ทัน ลูกค้าเข้าร้านทีละหลายคน พนักงานในร้านไม่เพียงพอต่อลูกค้า หานหรงเจ๋อจึงต้องเข้ามาช่วย ปล่อยให้เด็ก ๆ นั่งเล่นในห้องพักพนักงานไปส่วนน้องชายสามเห็นบอกว่าทางอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเรียกตัวให้เข้าไปช่วยงาน กัวเหม่ยอิงอนุญาตให้เขาไป เธอจึงต้องจัดการเองหลาย ๆ อย่างไม่รู้ว่าเป็นเพราะลวดลายเสื้อที่แปลกตา หหรือลูกค้าชอบเสื้อแบบนี้ภายในเจ็ดวันพวกเธอขายเสื้อไปพันกว่าตัวแล้ว ตอนนี้ก็ได้ไปสั่งตัดเย็บเสื้อเพิ่มแต่คงต้องรออีกหลายคิวถึงจะได้กัวเหม่ยอิงไม่ได้ใช้สัญญาในการลัดคิวลูกค้าคิวอื่น ทั้งที่หลายคนใช้สิทธิ์สัญญาในการเร่งลัดคิวให้ตัวเอง เพราะเธอคิดว่าหากเธอเป็นลูกค้าคนอื่นเธอก็อยากได้ของเร็ว ๆ เหมือนกันในร้านมีพนักงานสิบคน รวมกัวเหม่ยอิงก็สิบเอ็ดคน ตอนนี้คนที่ดูแลหน้าร้านมีเพียงแค่คนเดียว เพราะกัวเหม่ยอิงเห็นว่าในร้านมีพนักงานไม่พอเลยดึงเข้ามาช่วย แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อีกอย่างที่หน้าร้านก็มีหน้าที่ต้อนรับลูกค้างานไม่หนักมากยังดีที่การค้าขายเป็นไปด้วยดี ไม่อย่างนั้นกัวเหม่ยอิงคิดว่าเธอคงต้องใช้เงินประคอ
ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างหลังจากเปิดร้านมาได้เพียงสองเดือน ด้วยความที่เป็นเนื้อผ้าที่ไม่ค่อยมีในปักกิ่งหรือเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ได้ อีกทั้งยังมีลวดลายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะร้าน ใครเห็นก็ต้องแวะเข้ามาดู เข้ามาซื้อช่วงหลัง ๆ ต้องสั่งตัดเย็บมาลายละห้าร้อยตัว ยิ่งพอมีลายใหม่มาอีกห้าลาย ลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ตื่นเช้ามาต้องทำกับข้าวให้เด็ก ๆ ไปกินที่โรงเรียน ระหว่างที่รอไปทำงานก็ตรวจบัญชีที่เอามาทำเมื่อคืน ยิ่งวันไหนขายเสื้อได้เป็นพัน ๆ ตัว กัวเหม่ยอิงก็ต้องจดบันทึกจนเหนื่อย จริง ๆ ถ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่หรือมาซื้อทีละหลายตัวมันก็ไม่เยอะหรอก แต่เธอต้องจดบันทึกเอาไว้ว่าลูกค้าซื้อไปกี่ตัว และในแต่ละวันลูกค้าก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยคนกัวเหม่ยอิงกำลังมองห้องเช่าข้าง ๆ ที่ว่างอยู่ห้องหนึ่ง เธอยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่าจะเช่าเพิ่มไหม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ร้านขายดีหรือมีคนอยากเช่าอยู่แล้ว พอเห็นร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่มีลูกค้าก็มาเช่าห้องเปิดร้านไปทั้งหมด เหลือว่างแค่หนึ่งห้องแต่เธอกลัวว่าจะดูแลไม่ทั่วถึงและบางทีอาจต้องหาพนักงานมาเพิ่ม แค่สิบห้าคนก
ห้องเช่าห้องสุดท้ายกัวเหม่ยอิงตัดสินใจเช่า ก่อนที่ลูกค้าคนอื่นจะมาเช่าเพียงแค่ไม่ถึงสิบหน้าที อย่างที่บอกตอนนี้ห้องเช่าเหลือแค่ห้องเดียวแล้ว การที่คนต้องการจะมาเช่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และยังดีที่เธอได้เช่าทันกัวเหม่ยอิงจะทุบผนังห้องที่ติดกันแค่เดินผ่านได้สองคน ห้องเช่าห้องใหม่กัวเหม่ยอิงจะเพิ่มห้องลองเสื้อสองห้อง ห้องรับรองลูกค้าสองห้อง ที่เหลือจะมีโต๊ะให้นั่งประมาณสิบโต๊ะแต่ห้องพักข้างหลังกัวเหม่ยอิงทุบรวมกันทำเป็นห้องพักของพนักงาน ไหน ๆ พนักงานในร้านก็เยอะแบบนั่งพักในห้องไม่หมด กัวเหม่ยอิงเลยทำเพิ่ม เพราะยังไงก็ต้องได้รับพนักงานมาอีกเพราะต้องขยายร้านเพิ่ม กัวเหม่ยอิงจึงจะใช้เวลานี้ในการไปเลือกซื้อใบชามาใช้ในร้าน เธอได้คุยกับสามีแล้ว ตอนแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะไปคนเดียว แต่กัวเหม่ยอิงก็ไม่ยอมเช่นเดียวกันสำหรับคนเป็นพ่อค้าแม่ค้าแล้ว สิ่งไหนที่ดีกับลูกค้ากัวเหม่ยอิงก็ยินดีที่จะทำ อีกอย่างเธออยากส่งต่อร้านดี ๆ ให้กับลูกสาวกัวเหม่ยอิงยอมรับว่าตัวเองโอ๋ลูกสาวกับหลาน ๆ หนักมาก กว่าที่บ้านจะลืมตาอ้าปากได้ กัวเหม่ยอิงไม่อยากให้รุ่นลูก รุ่นหลานเป็นเหมือนรุ่นก่อน ๆ จึงต้องการปูทางให้
“กรี๊ด”“พี่เสี่ยวลู่!”“หลิงเฟยยย”“ช่วยด้วย!”“ฮ่า ฮ่า”กัวเหม่ยอิงส่ายหัวให้กับภาพตรงหน้า ในรอบหลายเดือนที่สาว ๆ ได้กลับมาเจอกันยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนเดิมหานหลินเฟยกับหานหลิงเฟยปิดเทอมได้สองสัปดาห์แล้ว แต่ที่เพิ่งมาถึงปักกิ่งก็เพราะทั้งสองกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านก่อน ค่อยขึ้นมาหาผู้เป็นป้าที่ปักกิ่งแต่น้องชายคนเล็กไม่ได้มาด้วยกัวเหม่ยอิงที่เห็นว่าเด็ก ๆ ได้กลับมาเจอกันในรอบหลายเดือนจึงชวนพี่น้องบ้านหลี่ บ้านสามของน้องชายสามมากินข้าวมื้อเย็นนอกบ้านนอกบ้านก็คือนอกบ้านจริง ๆ บริเวณหน้าบ้านของกัวเหม่ยอิงนอกจากจอดรถไว้แล้วก็ยังมีที่ให้นั่งได้อีก และแต่ก่อนเด็ก ๆ เรียนอยู่ในปักกิ่งก็จะนั่งกินข้าวด้านนอกกันเพราะคนเยอะ ซึ่งทุกคนก็คุ้นเคยกันดีวันนี้กัวเหม่ยอิงลงมือทำกับข้าวมื้อเย็น ทั้งเคาหยก ไข่ตุ๋น ต้มยำปลา ไก่ทอด สามชั้นทอดเกลือ หมูต้มสาหร่าย และของหวานอีกหลายอย่าง เป็นการลงครัวในรอบเดือนด้วยซ้ำเพราะทุกวันนี้หานเมิ่งลู่ลูกสาวคนเดียวของเธอห้ามไม่ให้กัวเหม่ยอิงทำกับข้าว หรือทำงานบ้านเพราะหล่อนจะทำเอง แต่กว่าจะเลิกงานในแต่ละวันกัวเหม่ยอิงทำงานบ้านรอแล้ว“เล่นกันเป็นเด็ก ๆ เลย” เหอลี่
ในระแวกตลาดประจำกรุงปักกิ่งใคร ๆ ก็รู้จักบ้านของคุณนายหานที่มีลูกสาวแสนสวยกับหลาน ๆ ที่สวยไม่แพ้กัน ยิ่งปีนี้พากันเรียนจบถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแล้วต้องบอกว่านอกจากภูมิใจลูกสาวแล้วกัวเหม่ยอิงก็ภูมิใจหลาน ๆ ด้วย เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ตอนนี้โตพอจะเลี้ยงเธอได้กันหมดแล้ว“คุณนายแม่”“หื้ม”กัวเหม่ยอิงลูบหัวลูกสาวที่พุ่งเข้ามากอด เธอรู้ว่าลูกสาวเครียดเพราะช่วงนี้หล่อนเข้าไปเรียนรู้งานในร้าน แม้จะมีผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลือแต่ก็เครียดอยู่ดี เสี่ยวลู่บอกที่ผ่านมาคนเป็นแม่เก่งมาก จากที่มีร้านเล็ก ๆ ตอนนี้ขยายร้านใหญ่มากร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่มีมากถึงสิบสาขา สาขาหลักและสาขาที่สามตั้งอยู่มณฑลบ้านเกิด สาขารอง สาขาสี่ และสาขาห้า กระจายอยู่ในปักกิ่งแต่ก็ไม่ได้ห่างกันมาก เพราะกัวเหม่ยอิงกลัวลูกสาวจะไปมาร้านลำบากสาขาที่หกและสาขาที่เก้าตั้งอยู่ในมหานครฉงชิ่ง สาขาที่เจ็ดและสาขาที่แปดตั้งอยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ และสาขาที่สิบตั้งอยู่ในมหานครเทียนสินยังไม่รวมกับพ่อค้า แม่ค้า ที่เข้ามาขอซื้อเสื้อไปขายต่ออีก หลัง ๆ มานี้กัวเหม่ยอิงให้สั่งเป็นรอบ ๆ จะได้ตัดแยกกับที่เอามาขายในร้าน“เหนื่อยมากเหรอจ๊ะ
หลังจากเสร็จงานของย่าหานกัวเหม่ยอิงก็พาสามีกลับปักกิ่งทันที เพราะเป็นห่วงเด็ก ๆ นี่ก็ทิ้งมากันหลายวันแล้วและเป็นไปตามที่สะใภ้รองบอกจริง ๆ แม่หานไม่ยอมไปปักกิ่งด้วย หลานก็เป็นห่วง แต่ห่วงลูกชายคนกลางที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านคนเดียวกัวเหม่ยอิงก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่เธอก็ให้สะใภ้รองไปด้วย ให้สะใภ้รองไปช่วยงานสักเดือนสองเดือนก็จะให้กลับมาอยู่ที่บ้านจริง ๆ ก็ไม่ได้ช่วยงานหรอก แค่ช่วยอยู่กับเด็ก ๆ ระหว่างที่กัวเหม่ยอิงกับหานหรงเจ๋อไปทำธุระกันก็พอ ยิ่งช่วงนี้มีการติดประกาศขายที่ดิน ขายบ้าน ขายตึก กัวเหม่ยอิงก็อยากซื้อเก็บไว้ ถ้าไม่ใช้ค่อยขายต่อหรือให้คนอื่นเช่าแทนกัวเหม่ยอิงคิดว่าตัวเองจะทำงานได้อีกไม่เกินสามสิบปี ระหว่างที่สามารถทำงานได้เธอจึงรีบทำ ยิ่งพื้นที่ทำเลทองในอนาคตกัวเหม่ยอิงก็ต้องรีบซื้อเก็บไว้ เพราะบางผืนสามารถขายต่อในอนาคตได้มากกว่าเดิมหลานพันหยวน“พี่จะทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ” สะใภ้รองถามกัวเหม่ยอิงที่ล้างผลไม้อยู่ทั้งสี่คน กัวเหม่ยอิง หานหรงเจ๋อ สะใภ้รอง และน้องชายสามพึ่งมาถึงบ้านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ แต่เด็ก ๆ ไปโรงเรียนกันแล้ว กัวเหม่ยอิงเลยปล่อยให้ไปพักกัน แต่ถ้าถึงเวลาเด็ก
กัวเหม่ยอิงมองคนในบ้านใหญ่ที่ร้องห่มร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาตั้งแต่ที่เธอ หานหรงเจ๋อกลับมาถึงบ้านแล้วแวะมาดูย่าหาน มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนในบ้านใหญ่ร้องไห้มีน้ำตาบ้าง และย่าหานยังไม่ถึงแก่กรรมแต่บ้านใหญ่กลับทำเหมือนย่าหานถึงแก่กรรมแล้ว“ทำไมเขาร้องไห้ไม่มีน้ำตาเลยล่ะคะ” กัวเหม่ยอิงกระซิบถามสามีด้วยความอยากรู้ แต่จริง ๆ ก็คือจะบอกว่าพวกเขาแสดงไม่เนียนกันเลยหานหรงเจ๋อส่ายหน้าเพราะไม่มีคำตอบ แค่ตอนนี้เขาก็เอือมระอาเต็มทนแล้ว มีที่ไหนบ้างที่คนป่วยไม่ไหวแล้วแต่เอาออกมานอนกลางบ้าน ทั้งยังฉุนไปด้วยกลิ่นฉี่และสิ่งปฏิกูลอีก นอกจากกลิ่นแล้วยังไม่ทำความสะอาดอีก“จะ..เจ้าใหญ่ แค่ก ๆ ละ…หลาน มารับ…พี่ ชะ ชาย นะ…น้อง ชาย ไป…ทะ ทำงาน ดะ…ด้วย ใช่…มะ ไหม แค่ก ๆ ”กัวเหม่ยอิงหันขวับทันที แค่ตอนนี้ตัวเองก็ยังเอาชีวิตจะไม่รอดยังจะมาห่วงหลานจากบ้านใหญ่แต่มาทำให้หลานอีกบ้านหนักใจอีก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เดี๋ยวจะกระอักเลือดซะก่อน“บ้านใหญ่บอกย่าป่วยครับ ผมเลยลงมาดู แต่มานานไม่ได้” หานหรงเจ๋อบอกยังดีที่น้องชายสามทำงานในโรงงานของคนรู้จักจึงลางานมาได้ แต่ก็แลกกับการต้องหาคนไปทำงานแทนระหว่างที่ไม่อยู่ ซึ่งโชคดีที
ความสำเร็จของลูกสาวถึงแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่มันก็ทำให้กัวเหม่ยอิงร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ แค่ไม่กี่ปีลูกสาวของเธอก็จบในระดับชั้นประถมแล้ว และตอนนี้ยังเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นกัวเหม่ยอิงรู้สึกว่าวันนี้มันเร็วมาก เหมือนเมื่อวานเด็กคนนี้ยังร้องไห้ข้าง ๆ เธออยู่ แต่จริง ๆ มันผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปีแล้วปีนี้เสี่ยวลู่อายุสิบสามแล้วแต่เสี่ยวหนิงยังสิบสองย่างสิบสามอยู่ และเด็กแฝดตอนนี้ก็สิบขวบกันแล้ว ส่วนหลานชายคนเล็กก็เพิ่งจะเจ็ดขวบและกัวเหม่ยอิงก็ให้สามีไปรับเขามาเรียนในปักกิ่งแล้วด้วยหลี่เวยเวยกับหลี่หม่าฮัวเรียนจบโรงเรียนภาคค่ำสาขาบัญชีเมื่อสามปีก่อน ทั้งสองมีงานที่มั่นคงแล้วนั้นก็คืองานในร้านเลยขอออกไปใช้ชีวิตข้างนอกกันสองคน ซึ่งกัวเหม่ยอิงก็อนุญาต ที่บ้านเลยมีแค่กัวเหม่ยอิง หานหรงเจ๋อ เสี่ยวหนิง หานหลินเฟย หานหลิงเฟยและหานหลงเฟย แต่พอมีหลานชายคนเล็กมา กัวเหม่ยอิงก็ให้หลี่เวยเวยกลับมาช่วยในบ้าน บางวันก็ให้น้องชายสามมารับเด็ก ๆ ไปนอนด้วยน้องชายสามเรียนจบเศรษฐศาสตร์สาขาวิชาการเงิน ตอนนี้ทำงานในโรงงานขนาดใหญ่ เงินเดือนยังไม่มั่นคงเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน แต่ก็มีเงินที่สามารถเลี้ยงครอ
การปรับตัวช่วงแรกของเด็กแฝดเป็นการปรับตัวที่ต้องให้เสี่ยวลู่กับเสี่ยวหนิงต้องไปปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนด้วย เนื่องจากเด็กแฝดไม่ได้เรียนแบบจริงจังและยังไม่เคยเรียนโรงเรียนประถมส่วนสองพี่น้องบ้านลู่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะทั้งสองมีพื้นฐานที่กัวเหม่ยอิงสอนก่อนเปิดเรียนภาคค่ำแล้ว ยิ่งในแต่ละวันสอนแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมง ทั้งหลี่เวยเวยกับหลี่หม่าฮัวก็มีเวลาทบทวนการเรียนมากขึ้นห้องนอนห้องแรกเป็นห้องนอนของกัวเหม่ยอิงกับสามี ห้องนอนห้องที่สองเป็นห้องของลูกสาวกับเสี่ยวหนิงเวลาหล่อนจะมานอนที่บ้านห้องนอนห้องที่สามเป็นห้องของหลินเฟย หลิงเฟย ห้องนอนห้องที่สี่เป็นห้องของหลี่เวยเวย ห้องนอนที่ห้าจะเป็นห้องนอนของหลี่หม่าฮัวและสุดท้ายห้องนอนที่หกกัวเหม่ยอิงสั่งให้หานหรงเจ๋อเอาโต๊ะเข้ามาตั้ง และเอาเตียงนอนชิดผนัง ห้องนี้จะเป็นห้องไว้ทำการบ้านหรือห้องอ่านหนังสือของเด็ก ๆเวลามีการบ้านกัวเหม่ยอิงก็จะสอนให้ทำก่อนที่จะไปเล่น เพราะตอนนี้เด็กทั้งสี่มาอยู่ด้วยกันจึงต้องจัดเวลาให้ดี เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านให้ทำการบ้านให้เสร็จ หลังจากนั้นจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า ถ้าให้ทำตอนเย็นก็ยุ่งทำกับข้าว ไม่ต้องพูดถึงเวลาอื่
กัวเหม่ยอิงกำลังหาบ้าน เธอให้สามีพาขับรถวนหาแถว ๆ บ้านเช่า บ้านต้องอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของลูกสาวและตลาดที่ขายเสื้อ เพื่อความสะดวกเวลามีปัญหาหรือไปทำงานในร้านจะไม่ได้เหนื่อยมากบ้านที่เช่าอยู่ตอนนี้มันมีวันที่หมดสัญญา หากเธอไม่เช่าต่อก็แค่ย้ายออก แต่ถ้าจะเช่าต่อก็แค่ทำสัญญาใหม่ และหากสองพี่น้องหลี่กับเด็กแฝดขึ้นมาอยู่ด้วย ห้องที่มีในตอนนี้มันไม่พอ หรือถ้าได้บ้านจริง ๆ กัวเหม่ยอิงก็จะพาไปอยู่ที่บ้าน ส่วนบ้านเช่าหลังนี้ก็ให้น้องชายสามเช่าต่อได้ แต่ถ้าเขาไม่เช่าต่อก็คืนกุญแจโจวเฟินไปกัวเหม่ยอิงมีเงินเก็บมากพอที่จะซื้อบ้านหลังขนาดใหญ่ในปักกิ่ง แต่เงินบางส่วนเก็บไว้ให้ลูกสาว จึงต้องหาบ้านขนาดกลางที่มีห้าถึงหกห้องนอน แต่ถ้าห้องไม่พอและมีพื้นที่อีก กัวเหม่ยอิงก็ยินดีที่จะสร้างห้องเพิ่ม“บ้านหลังนี้เขาขายเหรอคะ” กัวเหม่ยอิงลงจากรถไปถามหญิงชราที่นั่งอยู่หน้าบ้าน แต่ตรงข้ามบ้านนางเป็นบ้านขนาดกลางที่กัวเหม่ยอิงชอบตัวบ้านมีลักษณะที่แปลก“ใช่ ๆ บ้านนี้เขาขาย จะเข้ามาดูเหรอ” คุณยายเอ่ยถาม“ฉันอยากได้บ้านน่ะค่ะเลยแวะมาดู” กัวเหม่ยอิงยิ้มให้นาง จริง ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนนั่งอยู่หน้าบ้านเพราะเป็นเวลากลา
ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านหานกับบ้านเจี๋ยตอนนี้เริ่มสนิทกันแล้ว เพราะทุก ๆ วันหยุดของเด็ก ๆ ไม่กัวเหม่ยอิงก็จางลี่ฮัวที่จะชวนไปกินอาหารมื้อเย็น ไม่ก็ชวนกันไปสวนสาธารณะอีกอย่างไปไหนด้วยกันก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง หานหรงเจ๋อกับเจี๋ยฮงผู้เป็นสามีของจางลี่ฮัวก็เรียกได้ว่าสนิทกัน เพราะบางทีภรรยากับเด็ก ๆ พากันไปทำกิจกรรม สามีทั้งสองจึงต้องเฝ้าของไปด้วยกันจางลี่ฮัวเป็นแม่บ้านที่ต้องเลี้ยงลูก หล่อนจึงว่างเวลาลูกไปเรียนทั้งหมด ส่วนเจี๋ยฮงผู้เป็นสามีเห็นว่าทำงานในโรงงานของคนรู้จัก แต่มีตำแหน่งใหญ่โตที่สามารถเลี้ยงสี่แม่ลูกให้สบายได้ร้านเสื้อผ้าเมิ่งลู่ทั้งสามสาขาทำกำไรในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าแสนหยวน กัวเหม่ยอิงจึงไม่ค่อยเป็นห่วง เวลาว่างก็จะออกแบบลวดลายเสื้อสั่งโรงงาน แต่บางวันก็ชวนจางลี่ฮัวออกไปหาอะไรทำและเพราะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา กัวเหม่ยอิงรู้สึกทำงานหนักมากเกินไปเลยให้แค่หานหรงเจ๋อแวะเข้าไปดูร้าน แต่วันนี้มีเรื่องราวที่น่าตกใจเหอลี่คบกับน้องชายสาม! จริง ๆ เรื่องนี้จะไม่แดงออกมาหากหานหรงเจ๋อไม่เข้าไปเห็นแล้วมาบอกเธอ เห็นว่าน้องชายสามอยากให้เหอลี่มาเปิดตัวกับเธอแต่หล่อนปฏิเสธ เพราะหล่อ
‘คุณลี่มาถามหาพี่ถึงบ้านเลยค่ะ จริง ๆ เขาก็มาสามวันติดแล้ว เลยต้องโทรบอก’เสียงปลายสายทำให้กัวเหม่ยอิงที่นั่งออกแบบลายเสื้อชะงัก มือที่กำลังจับปากกาต้องวางลง แล้วทวนคำบอกเล่าอีกรอบ“คุณลี่มาหาที่บ้าน?”‘ใช่ค่ะ เขาบอกอยากคุยกับพี่ แต่ที่บ้านก็บอกไปแล้วว่าพี่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่เราก็รับผลไม้มาจากเขา คุณแม่กลัวว่าจะมีปัญหา’ “เราไม่มีอะไรที่ต้องคุยกัน แล้วคุณลี่ก็แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ เธอบอกคนอื่นว่าไม่ต้องกลัว” กัวเหม่ยอิงบอกเธอไม่รู้ว่าตลอดระยะเวลาที่กลับบ้านไปสองสัปดาห์ ทำไมเขาไม่มาหาหรือหาทางติดต่อเลยทั้ง ๆ ที่วันนั้นพนักงานมาดักรอเธอ แต่พอเธอกลับมาปักกิ่งกลับไปถามหาเธอซะงั้น อีกอย่างตอนนี้เขาคงจะแต่งงานไปแล้ว‘พี่จะไม่คุยกับเขาจริง ๆ เหรอ’“เราคุยกันแล้ว ฉันมีสามีส่วนเขาคงจะมีภรรยาแล้วด้วย”‘พี่รู้ไหม เขาล่มงานแต่งที่ทางครอบครัวหาให้ ฉันได้ยินมาจากสามีเพราะเขามีเพื่อนเป็นญาติของฝ่ายหญิง ทางนั้นเล่าให้ฟังว่าคุณลี่ไม่เต็มใจจะแต่งตั้งแต่แรกแล้ว'แต่เพราะคุณลี่ยังไม่แต่งงาน งานแต่งที่ว่าจึงต้องเกิดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นคุณลี่ก็กำลังตามจีบพี่สะใภ้ขอ งหล่อนอยู่ แล้วพอถูกพ