ด้วยความที่ซุนอี้ฝึกการต่อในยุคที่นางจากมาจนชำนาญ และแล้วนางได้ใช้มันสักที " ช่วยด้วย ฮือ...ๆ อึก !" มือหนา ๆ กำคอเด็กน้อยไร้เดียงสาข่มขู่ทางสายตาและรอยยิ้มที่น่ากลัว " หยุดร้อง เจ้าเด็กไม่มีประโยชน์ " เด็กน้อยสะบัดตัวไปมาไม่หยุด " ตายซะเถิด " ในขณะนั้นซุนอี้ลอยตัวหมุนเหวี่ยงใช้เท้าข้าขวาเตะ กับเท้าข้างซ้าย สลับกันไปมาอย่างว่องไว " ผู้ใดกัน ? " โจรล้มก้มหน้ากระแทกต้นไม้จนเลือดออกนอนจับหน้าผากด้วยความเจ็บปวดลืมตามาเห็นเลือดในมือตน " เลือด หน้าผากข้า ?" โจรค่อย ๆ ทรงตัวยืนขึ้นหันหน้ามาทางซุนอี้ด้วยท่าทางยังมึนงงเล็กน้อย " แม่นางนี้เอง " ซุนอี้ " ใช่ " "เจ้าเป็นสตรีเหตุใดถึงออกมาสู้รบ ไม่สู้มาเป็นเมียข้าไม่ดีกว่ารึ ซุนอี้" หึ ! ฝันไปเถอะ" ซุนอี้สั่งให้เด็กน้อยไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ตั้งผงาดกำดาบทั้งสองเล่มพร้อมจู่โจม นางวิ่งเข้าหาใช้ดาบมือขวายกขึ้นตั้งผงาดไปที่ลำคอ แต่ถูกโจรตั้งรับได้ทัน เสียงกระทบดาบเสียดสี ดังจนเสี้ยวฟัน เมื่อดาบมือขวาถูกสกัดจึงเหวี่ยงดาบ มือซ้ายแทงเข้าหน้าอกจนทะลุร่าง ภายในไม่ถึง30 วินาที ในขณะที่โจรยังไม่สิ้นลมหายใจซุนอี้ค่อยกระชากดาบอ
นางเดินทางมาหยุดตรงที่ต้นไม้ใหญ่ บริเวณทางนั้นเหมือนมีกับดักถูกวางเอาไว้ นางเลยลองโยนก้อนหินลงไปยังพื้นดินที่สีพื้นต่างกันและดินที่คนละชนิด ให้เป็นที่สังเกตในสายตานาง แล้วมันก็เป็นไปตามอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ตอนที่นางโยนก้อนหินลงไปกลไกลงกับดักสั่งให้ธนูและตาข่ายใหญ่ ออกตัวพร้อมกัน หวังจะเอาให้ตายรวดเดียว ซุนอี้ " แผนแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แน่จริงก็ออกมา "(ซุนอี้เท้าเชิญอย่างบ้าคลั่ง )ไม่นานนักพวกโจรก็ทย่อยกันออกมาตามคำเรียกร้อง " แม่หญิงชั่งฉลาดยิ่งนัก "( ลักษณะรูปร่างแต่ละคนมีแต่คนตัวใหญ่อาวุติครบมือ ใบหน้ามีแต่คราบเหงื่อที่ยังไม่ชำระร่างกายแถมมีกลิ่นตัวเหม็นโชยออกมาอย่างกับหนูตาย หนวดเคราเหมือนไม่เคยได้ตัดรุงรังไปหมด )ซุนอี้" คงแค้นข้ามากสิท่า "" หึ หญิงอย่างเจ้ามันต้องโดนสั่งสอน..... จัดการมัน "โจรวิ่งปะทะเข้ามาหาซุนอี้สองคน นางเตรียมเล็งธนูอาบยาพิษไว้รอ จนพวกมันทั้งสองเข้ามาในระยะประชิดนางจึงปล่อยธนูยิงแฉกทะลุกลางอก ส่วนอีกคนวิ่งมาตามหลังขว้างมีดด้วยความเร็วสูง แต่นางหลบทันเอนตัวย่อนอนราบกับหลังม้าอย่างชำนาญในมือถือธนูหนึ่งเอนตัวลุกขึ้นจับยกธนูเสียบปักที่คอโจรก่อนที่โจ
กรมตุลาการเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อคืนทำให้ผู้ที่มาร้องเรียนนั้นต้องกลับกะทันหันนางให้คำมั่นสัญญาภายในไม่เกินสามวันจะได้ตำหนักกรมตุลาการแห่งใหม่ สภาพหลังเดิมนั้นไหม้หมดไม่เหลืออะไรเลย แต่นางก็ไม่ได้คิดโทษทหารที่ดูแลไม่ดี กลับให้กำลังใจมากกว่าต่อว่า ดังนั้นมันเป็นความผิดพลาดที่มองข้ามไป ตนจึงเรียกประชุมทหารกรมตุลาการเพื่อชี้แจง ว่าจะทำเช่นไรต่อไปซุนอี้" พวกเจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง "ทหาร" ถึงอย่างไรพวกข้าก็มีส่วนผิด เป็นยามเฝ้าแท้ๆ แต่กลับรับของจากคนแปลกหน้า "ซุนอี้" ในเมื่อพลาดไปแล้ว ก็เริ่มต้นใหม่ได้"ทหาร " ท่านมีแผนจะทำเช่นไรต่อไป "ซุนอี้ " ข้าจะออกกฎ 1. ผู้มาร้องเรียนก่อนจะเข้ากรม ต้องตรวจภายในเสื้อผ้า เพราะบางคนอาจจะพบมีด หรือยาพิษ 2" ผู้ที่อยู่ในวังไม่เว้นแม้แต่ฝ่าบาท ขุนนาง นางกำนัล ทหาร ต้องเข้ามาขอแจ้งข้าก่อนถึงจะเข้ามาได้ หากฝ่าฝืนไม่ทำตามกฎ จะจับขัง1 เดือน หรือไม่ก็ถูกโบย 50 ครั้ง มี2 ทางให้เลือก3" ห้ามรับของจากคนแปลกหน้า ส่วนเรื่องอาหาร ข้าจะสร้างใกล้กรมตุลาการ ห้ามไปกินที่อื่นเด็ดขาด อีกอย่างชาวบ้านที่มาร้องเรียนบางคนยังไม่ได้กินข้าวเช้า ก็นำอาหารในครัวให้ชาวบ้านประทังท้อง
" วันนี้องค์หญิงมาที่นี่ทำไมกัน ดูท่าจะมีเรื่องสำคัญ "ชายผู้นี้สอดเเนมทั้งสอง จนซุนอี้กลับตำหนักแล้วจึงคอยถอยออกจากพื้นที่ หากอยู่นานเกรงว่าจะถูกจับได้ " ข้าว่ารีบกลับเสียดีกว่าไม่เช่นนั้นได้เป็นผีเฝ้าศพแน่ๆ "หลังจากนั้นชายผู้นี้ได้ไต่ลงบนต้นไม้อย่างระมัดระวัง เตรียมการได้ดีทุกอย่างโดยเฉพาะสีชุดที่เข้ากับสีต้นไม้ได้อย่างแนบเนียน โป๊ะ ! ไม้ท่อนใหญ่ถูกทุบลงตรงท้ายทอยจนสลบแน่นิ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกมัดมือมัดเท้าขึงแขนกางออก ในมุมมืด" อะไรกัน รึว่าข้าถูกจับได้แล้ว "เสียงเปิดประตูได้นำแสงสว่างเข้ามาเล็กน้อย เผยให้เห็นรูปร่างลักษณะเป็นบางส่วน ซุนอี้" เจ้ามาสอดเเนมพวกข้าทำไม "" ข้าเปล่า "ซุนอี้" โกหก "" ข้าแค่ผ่านทางนี้มาเท่านั้น "ซุนอี้" ผ่านเขตกรมกลาโหม นี้คงเป็นที่เดินเล่นในสวนดอกไม้งั้นรึ "" องค์หญิงปล่อยข้าไปเถอะ "ซุนอี้" เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าจ้าคือองค์หญิง "เผลอหลุดปากออกมาซะจนได้ ตนเงียบไปชั่วขณะ เลยแถไปเรื่อยเพื่อไม่ให้จับได้ " ท่านมีลักษณะกลิ่นตัวที่หอมหวานและท่าทางคงเป็นผู้ลากมากดี หรือคนชั้นสูง การแต่งตัวนั้นไม่เหมือนกับหญิงชาวบ้านทั่วไป "ซุนอี้" เจ้าคงกลัวตาย ถึงไม
ซุนอี้" ไปสะได้ก็ดี วัน ๆ ก็แต่มารมาคอยกวนใจ เห่อ ! "ยามวิกาล 22.00 ตำหนักโบตั๋นก่อนหน้านี้ซุนอี้อาบน้ำให้สามีคอยดูแลอย่างใกล้จนถึงเวลาเข้านอน ก่อนจะหลับนอนพูดคุยเรื่องต่างๆปรึกษากันทั่วไป จนถึง 21:00 ทั้งสองเริ่มง่วงนอนจึงหลับในอ้อมกอดของกันและกันกึก...กึก ! มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ายังตำหนักในยามที่ทั้งสองนอนหลับสนิท ยามที่เฝ้าหน้าประตูนั้นถูกฆ่าตายเสียหมด ดูเหมือนว่าจะชำนาญเรื่องการต่อสู้ในด้านวรยุธร ไม่เช่นนั้นคงเข้ามาตำหนักโบตั๋นไม่ได้ ชงหยุน/หนิงเหอ ทั้งสองได้ยินเสียงที่ผิดปกติตั้งแต่หน้าประตูรั้ว จึงแอบสกดรอยตามอย่างเงียบๆ ชงหยุน" เมื่อครู่เจ้าเห็นหรือไม่ "หนิงเหอ" เห็น น่ากลัวมาก "ชงหยุน" งั้นรีบตามมันไป " ผู้ร้ายได้เข้ามาในห้องนอนทั้งสอง แต่ดันเผลอเดินไปสะดุด ขั้นบันไดโดยไม่ทันระวังนางจึงรู้สึกตัวขึ้นมาทันที นางยังคงแกล้งหลับต่อไป ผู้ร้ายเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ หวังจะใช้ดาบฟันคอให้ขาดบนเตียงนอน จู่ๆก็มีของแข็งเข้าทุบหัวจนสลบ ชงหยุน" เกือบไม่ทัน "หนิงเหอ" ข้าไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน หัวใจข้าสั่น! มาก "ชงหยุน/หนิงเหอ ได้ช่วยชีวิตเจ้านายตัวเองได้ทันเวลา...ทั้งสองจึงจับมัดชายผ
หน้าตำหนักโบตั๋นชั่งใจกล้าหน้าด้านเสียจริง เสี่ยวถังนำทหารมาหน้าตำหนักโบตั๋น เพื่อเจรจาเรื่องการแข่งขัน เมื่อซุนอี้มาถึงตำหนักยังไม่ได้นั่งพักเป็นเวลาส่วนตัวก็มีเรื่องให้นางต้องจัดการอยู่ตลอดเวลา เสี่ยวถัง" ขออภัยองค์หญิงที่กระหม่อมมาโดยกะทันหัน "ซุนอี้" เจ้าเป็นถึงราชาแห่งแคว้นหก เหตุใดถึงไม่รู้จักกาลเทศะ "เสี่ยวถัง " ข้าไม่อ้อมค้อม มาแข่งขันด่านต่อไปเถิดขอรับ "ซุนอี้" ไม่! ข้าไม่แข่ง เจ้าไม่หน้าด้านไปหน่อยรึ อยากได้เมืองของผู้อื่นมาเป็นของตน ชั่งหน้ารังเกียจไม่สมกับเป็นราชาแคว้นหก"เสี่ยวถังได้ยินคำนี้ ถึงกับควันออกหูขึ้นมาทันที ตนไม่คิดว่าองค์หญิงซุนอี้จะฝีปากร้ายกาจเช่นนี้ เสี่ยวถัง" หากไม่แข่ง จะให้ทำการศึกรึ"เสี่ยวถังพูดข่มขู่ซุนอี้ให้กลัว แต่กลับได้คำตอบจากปากนางอย่างคาดไม่ถึงซุนอี้" ใช่ ข้าอยากทำศึกเอาให้ตายกันไปข้าง เจ้าคิดว่าเจ้าเหนือกว่าดินแดนอื่นงั้นรึ "เสี่ยวถัง" องค์หญิงไม่กลัวชาวบ้านเดือดร้อนรึ " ซุนอี้" เอาสิ ข้าจะส่งทหารแห่งแคว้นสิบไปยึดครองเมืองของเจ้า หากเจ้ากล้าก็ลองดู "เสี่ยวถัง" แคว้นสิบงั้นรึ ที่ล่ำลือกันว่าไม่มีแคว้นใดสามารถล้มล้างได้ ฮ่าๆๆๆ ท่านจะไป
ตำหนักลี่ถังซุนอี้" พวกเจ้าเข้าไปรายงานพ่อข้า ข้ามีเรื่องด่วนจะพบท่าน "ทหาร" ขอรับ "ไม่นานนักประตูบานใหญ่ก็เปิดออก นางเดินเข้ามาหาลี่ถังด้วยสีหน้ากังวลตลอดเวลา จนลี่ถังเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยบอกลูกสาวให้รีบพูดออกมา ลี่ถัง" รีบพูดมาเถิด "ซุนอี้" ท่านพ่อ ตอนนี้มีทหารหลายพันคนเจ็บป่วยโดยไม่ทราบว่าเหตุ หมอหลวงของวังเข้าไปตรวจแล้ว แต่หาสาเหตุไม่ได้"ลี่ถัง" ไหนลูกบอกพ่อมาสิ ว่าทหารเหล่านั้นมีอาการเช่นไร "ซุนอี้" แขนขาอ่อนแรง ดวงตาแดงก่ำ ไอเป็นเลือดในบางครั้ง "ลี่ถัง" เข้าใจแล้ว ข้าจะให้นางกำนัลนำสมุนไพรออกมา คงใช้เวลาขนหน่อย เพราะทหารตั้งหลายพันคน "ซุนอี้" ลูกจะช่วยอีกแรง "ซุนอี้ หนิงเหอ ชงหยุน นางกำนัล ทหารเฝ้าประตู ช่วยกันขนสมุนไพรขึ้นรถม้าประมาณ 5 เชือก ก็เต็มรถม้าพอดี ซุนอี้" ท่านพ่อเก็บยาไว้มากมายเช่นนี้เลยรึ "ลี่ถัง" แค่นี้ยังไม่ถึงครึ่ง...ไปรีบเดินทางไปกรมกลาโหม "การเดินทางไปกรมตุลาโหม ลี่ถังได้เดินทางไปด้วย กรมกลาโหม 20: 30เฉินต้าหมิงได้ยินเสียงขบวนรถม้าเข้ามายังหน้าประตู ตนรีบเดินออกไปดูในที่สุดองค์หญิงก็เดินทางมาตามคำขอที่ส่งไป ทำให้รู้สึกมีความหวังขึ้นมาแม้จะอยู่ในสถาน
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั
ตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
" สัญลักษณ์แคว้นหกรึ หมาลอบกัด "ตนยิบป้ายมองมันอย่างแค้นใจที่กล้ามาทำร้ายลูกน้องของตน จึงนำป้ายเก็บไว้เพื่อจะจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า " เจ้าหมาป่าออกจากที่นี้กันเถิด " เมื่อเจ้าหมาป่าได้ยินคำสั่งมันจึงให้หัวหน้าทหารเดินนำก่อนหน้ามันจะเดินตามหลังเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ กรมกลาโหมเมื่อเฝิงเส้าเฟิงทราบข่าวตนวิ่งขี่ม้าเร็วมาที่กรมกลาโหม ก่อนจะเข้าประตูตนได้มองไปยังวังหลวงที่ควันไฟลอยกระจายไปทั่ววังหลวง" เฝิงเส้าเฟิง " มันเปิดการโจมตีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงอยากให้ฝั่งเราเดินตามเกมส์หากตอบโต้กลับชาวบ้านจะเดือดร้อน "เฉินต้าหนิง" ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยรึ ข้าว่าพวกมันยังไงก็เล่นไม่ซื่อ " เฝิงเส้าเฟิง " หากข้าตอบโต้เจ้าคิดว่าจะเป็นเช่นไร " เฉินต้าหนิง" คงวุ่นวายไปทั่วแคว้น "เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าเป็นผู้บัญชาการทหาร จึงสั่งให้เหล่าทหารพร้อมรบตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป" เฉินต้าหนิง " ขอรับองค์ชาย " เสียงระฆังดังลั่นทุกคนวางอาวุตหยุดฝึกซ้อมกะทันหัน ทหารมากกว่า หนึ่งล้านเจ็ดแสนนายพร้อมใจกันรวมตัวเฉินต้าหนิง" ฟังข้าให้ดี นับตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป เฉิ่งฮั่นจะทำสงครามเพื่อปก
ลานประชุมกรมกลาโหมผ่านมาแล้วหกวัน อีกหนึ่งวันก็จะครบกำหนดการเปิดสงครามกับแคว้นหกอย่างเต็มรูปแบบ เวลาชั่งเร็วเหลือเกิน วันนี้ทั้งหกคนต้องแบ่งหน้าที่ของตัวเองเฝิงเส้าเฟิง เป็นผู้วางแผนการทำศึก/ ออกรบ เฉินต้าหนิง คือผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคือผู้นำกองทัพซุนอี้ ค่อยคุมทหารในแต่ละหมู่บ้าน ทั้งหมดในเฉิงฮั่น เพื่อแคว้นหกเล่นตุกติกหวนกลับมาทำร้ายชาวบ้านลี่ถัง" เป็นหมอประจำการ หากมีทหารบาดเจ็บ จะได้รักษาทันในช่วงเวลาที่ทำศึก หนิงเหอ/ชงหยุน " ดูแลเด็กๆอย่าให้ออกไปข้างในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านเฉินต้าหนิง อาวุตที่จะใช้โจมตี มีกี่ประเภทรึ ตนกำลังเลือกดาบที่เหมาะกับตัวเองในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงรอคำตอบนั้นอยู่ เฉินต้าหนิงหันลำตัวกลับมามองสบตาทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามในชุดเกราะที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นออกแบบให้ เฉินต้าหนิง" ที่นี้มีดินระเบิด ธนูไร้หัว ธนูไฟ เฝิงเส้าเฟิง " ตั้งแต่เจ้าสวมชุดเกราะตัวนี้ดูรูปงามมากนัก " เฉินต้าหนิง" ข้ายังหาเมียไม่ได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง" เอาไว้จบศึกครั้งนี้ข้าจะประทานเมียให้เจ้า " เฉินต้าหนิง" ฮ่าๆ องค์ชาย ท่านพูดเล่นรึ " เฝิงเส้าเฟิง
หลิวซินเนียน" เอามือสกปกของเจ้าออกไป" นางใช้ใบพัดตีเข้าที่หัวและมือจนสุดแรงซุนอี้ถึงกับทนไม่ได้ แต่ก่อนที่ซุนอี้จะเข้าไปช่วย ลี่ถังนั้นได้กระแชะหลิวซินเนียนอย่างเงียบๆลี่ถัง" เพราะท่านไม่มีอะไรให้หน้ายกย่อง ท่านเองก็สกปกมาก ๆ ในเฉิงฮั่น "หลิวซินเนียนได้ฟังแล้วยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ่น นางหันไปเห็นไม้ท่อนแข็งๆขนาดใหญ่ปานกลางยื่นแขนและลำตัวก้มลงไปยิบขึ่นมาเพื่อจะทำร้ายลี่ถัง หลิวซินเนียน" เจ้าไม่หยุดใช่ไหม " ซุนอี้" หยุดนะ กิริยาเลวทรามเช่นนี้อย่ามาใช้ให้ทหารไม่เคารพ"นางกระชากไม้ออกจากมือหลิวซินเนียนใช้แขนอีกข้างผลักตัวนางเวี่ยงเข้าถังขยะเศษกองสมุนไพรจนเปื้อนไปหมดหลิงซินเนียน" บังอาจนัก " { โกรธจนปากสั่น สีหน้าไร้ความสดใสมีแต่ความอาฆาต }ซุนอี้ " ทหารส่งพระมเหสีกลับตำหนัก " หลิวซินเนียน" พวกทหารชั้นต่ำ อย่ามาโดนตัวข้า หลิวซินเนียนนิ่งด่าทอทหารในสภาพที่เลอะเทอะไม่ยอมลุกออกจากกองเศษสมุนไพร ด้วยตัวเองหลิวซินเนียน" นางบ่าวไพร่ มาพยุงข้าสิ ยืนมองข้าอยู่ได้ "นางกำนัลรีบไปเข้าไปพยุงนางลุกขึ่นมาแต่พอลุกขึ่นมาได้ ก็สั่งสอนนางกำนัลด้วยการใช้นิ้วจี้ไปที่หน้าผากพูดจาดูถูกเยี่ยงสัตว์ตั