“คุณเย่ คุณไม่ได้ส่วนลดบ้างหรือคะ”อย่างไรเย่ชิงเหวินก็เป็นคนกว้างขวาง ย่อมต้องได้ส่วนลดมาบ้างมิใช่หรือ“ยอดนี้ลดลงมาจากราคาเต็ม 20% แล้ว”ใบหน้าของถังซานเวลานี้ซีดเซียวจนไร้สีเลือด ดูเหมือนเขาต้องขยายไร่ชาออกไปอีกสัก 2 ผืน เลี้ยงวัวเพิ่มอีกสัก 200 ตัว จะได้เพียงพอให้เฉินซิ่วลี่ใช้สอยอย่างไม่ขัดสน“อย่างนั้นคุณรอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันไปเอาเงินมาให้”หัวคิ้วของชายหนุ่มทั้งสองพลันขยับขมวดเข้าหากัน หากแต่กลับไม่มีใครกล้าซักถามถึงที่มาของเงินที่เฉินซิ่วลี่ครอบครอง หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฉินซิ่วลี่ก็เอ่ยชวนพวกเขาอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน ยังให้ถังซานไปเชิญกู้เหยียนมาร่วมโต๊ะด้วย นับเป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มโดยแท้จริงหวังรั่วซียกหมูหมักน้ำผึ้งย่างลงจากเตาหลังจากหั่นเป็นชิ้นพอดีคำก็วางลงบนโต๊ะเคียงข้างผักกาดขาวสดที่เฉินซิ่วลี่ปลูกไว้ด้านหลังบ้านพักเมื่อคราวก่อน“อารอง”หลี่ชุนมองเห็นร่างสูงโปร่งที่คุ้นตาอยู่หน้าบ้านก็รีบร้องเรียกอีกฝ่ายในทันที หลี่อันเผยที่เดิมทีเพียงแวะมาดูพวกเขาเงียบ ๆ จึงจำต้องเดินเข้ามาในบ้าน“น้ำแกงไก่มา...”หวังรั่วซีชะงักเท้ากลืนคำพูดลงไปในค
“ฉันเป็นสามีของเธอ ร่างกายของเธอมีตรงไหนที่ฉันไม่มีสิทธิ์ครอบครองกัน”ขนกายของเฉินซิ่วลี่พลันลุกชันเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ใบหู ร่างกายของเธอเกร็งสะท้าน สองมือกำแน่นหลี่อันเฉิงยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อสัมผัสได้ถึงอาการสั่นเทาน้อย ๆ ของคนใต้ร่าง ริมฝีปากหนาค่อย ๆ ขยับแนบชิดสัมผัสผิวเนื้อเนียนนุ่ม จงใจแสดงความเป็นเจ้าของด้วยการขบเม้มทิ้งรอยประทับบนลำคอขาว“โอ๊ย!...”เฉินซิ่วลี่ร้องเสียงสั่นเมื่อไหล่เล็กสัมผัสได้ถึงความเจ็บเล็ก ๆหลี่อันเฉิงบุรุษน่าโมโห เขาถึงกับกล้ากัดไหล่เธอ“หลี่อันเฉิง หยุดนะ!”“แล้วถ้าฉันไม่หยุดล่ะ”เสียงทุ้มแหบพร่าร้องบอกแผ่วเบา ขยับริมฝีปากไล่ไปตามเนินไหล่เนียนขาว เฉินซิ่วลี่เป็นภรรยาที่ถูกต้องของเขา หากเขาจะครอบครองย่อมไม่ผิด มือหนาปล่อยปลายคางเล็ก เลื่อนลงลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่เขาไม่เคยสัมผัสซ้ำเลยนับจากคืนนั้น“เธอเป็นภรรยาของฉัน เป็นผู้หญิงของฉัน ของฉันเท่านั้น”คำพูดที่แข็งกร้าวเอาแต่ใจของเขาทำให้เฉินซิ่วลี่เหงื่อแตกจนชุ่มตัว ร่างกายเกร็งสะท้าน หัวใจสั่นระรัว ยิ่งสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวของบุรุษในใจก็ยิ่งกระวนกระวายใจ“หลี่อันเฉิง หากคุณไม่ห
หลังจากวัดตัวให้หวังรั่วซีและเด็กชายทั้งสองเสร็จแล้ว เฉินซิ่วลี่ก็นำผ้าที่ซื้อมาคราวก่อนออกมาตัดชุดให้พวกเขา โดยมีหวังรั่วซีทำหน้าที่ในการเย็บชุดตามแบบ ใช้เวลาอยู่สามวันชุดนักเรียนของเด็กชายทั้งสองและหวังรั่วซีก็แล้วเสร็จ เฉินซิ่วลี่ยังนำผ้าสีเหลืองนวล สีแดงอ่อน และสีขาวครีมออกมาตัดชุดใหม่ให้ตนเองและหวังรั่วซีอีกด้วย “อารอง”หลี่ชุนที่กำลังหาทางหนีจากแบบฝึกหัดตรงหน้าร้องอย่างดีใจเมื่อเห็นหลี่อันเผยเดินมาหยุดอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน เท้าเล็กรีบวิ่งออกไปพร้อมกับเปิดประตูรั้วต้อนรับอีกฝ่ายในทันทีหลี่หมิงย่อมรู้ทันน้องชายของตนเอง ทุกครั้งที่ทำแบบฝึกหัดเรื่องการคำนวณทีไรหลี่ชุนก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ หาทางหลบหลีก และถ่วงเวลา บางครั้งยังถึงขั้นให้หวังรั่วซีช่วยดูล่วงหน้า เพื่อเตรียมคำเฉลยเอาไว้ก่อน“วันนี้ฉันเข้าเมืองก็เลยซื้ออุปกรณ์การเรียนมาฝากเด็ก ๆ”เฉินซิ่วลี่เอ่ยขอบคุณพร้อมกับรับของ ถึงแม้เธอจะเตรียมของเหล่านี้เอาไว้แล้ว แต่ในเมื่อหลี่อันเผยมีน้ำใจเธอก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ เพียงแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือของที่เขาซื้อมานี้มีถึงสามชุด นี่เท่ากับว่าเขาซื้อมาเผื่อหวังรั่วซีด้วยใช่หรือไม่หลี่อัน
“แม่สอนครับ”หลี่หมิงตอบสีหน้าเรียบเฉย พลางมองไปทางหญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด แม่ของพวกเขาจบเพียงระดับมัธยมต้นย่อมไม่อาจสอนหวังรั่วซีที่กำลังจะเข้าเรียนระดับมัธยมปลายได้ แบบนี้ต่อให้มีหนังสือเรียนมากมายแค่ไหนก็ล้วนไร้ประโยชน์“อย่างนั้นอารองไปช่วยพี่รั่วซีทบทวนบทเรียนได้ไหมครับ”หลี่ชุนเอ่ยแทนคนที่กำลังขมวดคิ้วแน่น หากแต่กลับทำให้อีกฝ่ายหน้าซีดขึ้นมา พร้อมกับเอ่ยปฏิเสธในทันที“ไม่...”“หากคุณไม่ติดธุระอะไรก็ช่วยดูรั่วซีให้ฉันที อย่างไรเธอก็เป็นคนของฉันแล้ว”หวังรั่วซีเอ่ยได้เพียงคำเดียว เฉินซิ่วลี่ก็พูดเชิญคนไปแล้ว ใบหน้าของเธอจึงยิ่งซีดเซียวสองมือเกร็งแน่น“อย่างนั้นก็ได้”คนถูกร้องขอตอบรับอย่างไม่เต็มเสียงราวกับเป็นสิ่งที่ไม่เต็มใจแต่ยากจะปฏิเสธ ทว่ากลับขยับตัวลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่ว“ฉันค่อย ๆ เรียนรู้เองก็ได้ค่ะ”“อย่าพูดมากตั้งใจฟัง”น้ำเสียงดุเอ่ยตัดบทก่อนจะเอ่ยสอนอย่างจริงจัง แม้ท่าทางจะดูห่างเหินแต่กลับเจือไปด้วยความใส่ใจ เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจเบา ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษที่เจ้าของร่างเดิมสร้างเรื่องเอาไว้ ตอนนี้จะให้คนทั้งคู่เปิดใจต่อกันก็กลายเป็นเรื่องยากเย็นเสีย
ในที่สุดวันแรกของการเปิดภาคเรียนก็มาถึง เฉินซิ่วลี่ตื่นแต่เช้ามาเตรียมซาลาเปาเพื่อไปส่งให้ถังซาน และอาหารเช้าให้กับเด็ก ๆ ก่อนจะไปอาบน้ำและแต่งตัวให้หลี่หมิง หลี่ชุน“แม่ครับ ผมติดกระดุมไม่ได้”เสียงของหลี่ชุนดังมาจากห้องข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะวิ่งเข้ามาในห้องของพี่ชาย เฉินซิ่วลี่รีบผูกโบที่คอเสื้อให้กับหลี่หมิงแล้วหันไปติดกระดุมให้หลี่ชุน“แม่ครับถุงเท้าผมหายไปข้างหนึ่ง”หลี่หมิงถือถุงเท้าข้างหนึ่งไว้ในมือ หมุนตัวมองหาอีกข้างด้วยความร้อนใจ เฉินซิ่วลี่ที่ติดกระดุมให้หลี่ชุนเสร็จก็หันมาจัดการช่วยหลี่หมิงหาถุงเท้า กว่าที่ทั้งสองคนจะเรียบร้อยพร้อมเดินเข้ารั้วโรงเรียน เฉินซิ่วลี่ก็ถึงกับต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนกรอบหน้า“รีบลงไปกินข้าวเช้า แม่จะไปดูพี่รั่วซีของลูก ๆ ก่อน”เฉินซิ่วลี่หยิบกระเป๋าของเด็กชายทั้งสองลงมาวางบนเก้าอี้ ก่อนจะตักข้าวต้มหมูสับให้พวกเขาคนละถ้วย แล้วจึงเดินไปเคาะประตูห้องของหวังรั่วซี“รั่วซีเสร็จหรือยัง”เฉินซิ่วลี่ส่งเสียงเรียกอยู่ที่หน้าประตู ถึงแม้ว่านี่จะเป็นบ้านของเธอแต่เธอก็ให้ความเป็นส่วนตัวและเคารพในพื้นที่ส่วนบุคคลของหวังรั่วซีอยู่เสมอหวังรั่วซีที่เพิ่งแต่งตัวเส
“แม่อยู่นี่แล้วไม่เป็นอะไรแล้วนะอาชุน”เฉินซิ่วลี่น้ำตาไหลลงอาบแก้มเช่นเดียวกับลูกชาย ก่อนจะขยับดันตัวเขาออกห่างเล็กน้อย เพื่อสำรวจดูเขาให้ละเอียดเต็มตา หากแต่เมื่อเห็นว่าเนื้อตัวของเด็กชายมอมแมมผิดปกติคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่น เงยหน้าขึ้นสบตาหลี่อันเผย“เกิดอะไรขึ้นกับอาชุนกันแน่คะ ทำไมถึงได้เนื้อตัวมอมแมมขนาดนี้”ถึงแม้หลี่ชุนและหลี่หมิงจะอายุเพียงห้าขวบกว่า ๆ แต่พวกเขาก็รู้จักเรื่องควรไม่ควร ย่อมไม่สร้างเรื่องจนเจ็บตัวง่าย ๆ“พวกเขาทะเลาะกับเพื่อนในห้อง”ทะเลาะกับเพื่อนในห้องอย่างนั้นหรือ เฉินซิ่วลี่กวาดตามองไปยังหลี่หมิงที่เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างกันแล้วจับเขามาสำรวจร่างกาย“อาหมิง ลูกล่ะเป็นอะไรไหม”“ไม่ครับ”หลี่หมิงเอ่ยบอกสั้น ๆ เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก เพียงแค่ปวดเมื่อยตามตัวเท่านั้นเมื่อเฉินซิ่วลี่ได้รับคำยืนยันจากหลี่หมิงว่าเขาปลอดภัยดีเธอก็เลื่อนสายตาไปยังหวังรั่วซี แม้เด็กสาวจะไม่ได้มอมแมมเหมือนลูกชายทั้งสองคนของเธอ ทว่าเสื้อผ้าและทรงผมที่ยุ่งเหยิงยับย่นก็ทำให้คิ้วเรียวของเฉินซิ่วลี่ขมวดแน่นขึ้น“นี่พวกเธอไปเจอเรื่องอะไรมากันแน่ ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้”เด็กสาวทิ้งตัวลงคุกเข่าข้างกายเฉ
หลังจากทำเรื่องนอนโรงพยาบาลแล้ว เฉินซิ่วลี่ก็เดินออกมาที่ด้านหน้าตึก เท้าเล็กก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมายก้มหน้าหลบสายตาของกู้เหยียน“เท่าที่ผมจำได้ แถวนี้ไม่มีห้องเช่ารายวันนะครับ”กู้เหยียนพูดเสียงราบเรียบก่อนจะเดินมาขวางหน้าคนที่กำลังเดินก้มหน้า เฉินซิ่วลี่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นก่อนจะส่งยิ้มแห้งให้เขา ใช่แล้วแถวนี้ไม่ได้มีห้องเช่ารายวัน แต่หากเธอไม่บอกแบบนั้นพวกเขาจะยอมให้เธออยู่เฝ้าหลี่ชุนหรือ“ฉันแค่เป็นห่วงอาชุนค่ะ”คนยิ้มแห้งบอกเสียงอ่อน กู้เหยียนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกยิ้มอ่อนโยนส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจในความดื้อดึงของคนตรงหน้า“อย่างนั้นก็ตามผมมาครับ”ความรู้สึกของเฉินซิ่วลี่กู้เหยียนย่อมเข้าใจดี และเพราะเหตุผลนี้ เมื่อครู่เขาจึงไม่เปิดโปงเรื่องที่เธอโกหกต่อหน้าหลี่อันเผย และอาสาอยู่กับเธอแทน“คุณหมอกู้คะ เรานอนที่ศาลาหน้าโรงพยาบาลก็ได้นะคะ”ตอนที่ปั่นจักรยานเข้ามา เฉินซิ่วลี่เห็นว่าที่หน้าโรงพยาบาลมีคนอยู่ไม่น้อย ถึงจะไม่ค่อยสบายนัก แต่ก็ปลอดภัยกว่ามาเดินตามถนนเพื่อหาห้องเช่ายามฟ้ามืดแบบนี้“วางใจเถอะครับแถวนี้ผมคุ้นเคยดี”เพราะต้องเข้าเมืองมารับยา และอบรมความรู้ใหม่ ๆ อยู่บ่อย ๆ ดัง
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นภรรยาของฉัน”ไม่เพียงแค่ประกาศสถานะของตนเอง แต่หลี่อันเฉิงยังออกแรงดึงรั้งจนกระดุมผ้าบนชุดของเฉินซิ่วลี่หลุดออก เผยเนื้อนวลเนียนอวบอิ่มยั่วยวนตาทั้งสองข้าง ดวงตาคมเปล่งประกายวาวโรจน์ร่างกายตื่นตัวในทันที มือหนาวางลงบนก้อนนุ่มบีบเคล้นเบา ๆ ก่อนจะเพิ่มแรงขึ้น จนเนื้อนุ่มล้นออกจากซอกนิ้วมือ“อะ เจ็บ”เสียงหวานร้องเบา ๆ มุมปากหยักยกยิ้มอย่างพอใจ โน้มใบหน้าคมลงหมายจุมพิตริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เฉินซิ่วลี่กลับเบนหน้าหลบ หลี่อันเฉิงจึงแนบริมฝีปากลงที่ลำคอระหง สูดดมลิ้มรสเนื้อหอมละมุน ก่อนจะกัดลงบนไหล่เล็กอีกครั้ง“โอ๊ย! หลี่อันเฉิง ฉันเจ็บนะ”เฉินซิ่วลี่ร้องลั่น พร้อมกับออกแรงผลักเขาออกห่าง หลี่อันเฉิงยอมขยับตัวตามแรงผลัก จดจ้องดวงตาเรียวที่คลอน้ำตาน้อย ๆ จากแรงกัดของเขา“เจ็บสิดี เธอจะได้จำว่าเธอเป็นผู้หญิงของใคร”พูดจบหลี่อันเฉิงก็จู่โจมแนบชิดริมฝีปากบางอีกครั้ง มือหนาจับบีบเคล้นอกนุ่มฟูสุดแรง ขณะที่ลิ้นร้อนสอดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้มรสรักในอุ้งปากหวานอย่างกระหาย“อื้ม...”เฉินซิ่วลี่ร้องต้านในลำคอ พยายามดิ้นรนหลบหลีก แต่ยิ่งเธอต่อต้านหลี่อันเฉิงก็ย
“คุณพ่อ คุณแม่ อาเหม่ยอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้”เสียงเด็กหญิงไว้ 3 ขวบร้องบอกคนเป็นพ่อและแม่ กวงซุนหลี่ยิ้มรับทว่าขณะที่กำลังจะเดินไปซื้อของให้ลูกสาวคนเล็ก มือข้างซ้ายก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน“อาเหม่ยเพิ่งซื้อของเล่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หากจะซื้อชิ้นใหม่ต้องเป็นเดือนหน้า”เฉินซิ่วลี่ห้ามปรามเด็กหญิงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้ากลมสดใสพลันสลดน้ำตาคลอก้มหน้ามองพื้น หลี่ชุนในวัย 10 ขวบรีบเข้ามาอุ้มน้องสาวตัวน้อยขึ้นแล้วเอ่ยกระซิบปลอบประโลม“ไม่เป็นไรนะอาเหม่ย เดี๋ยวเดือนหน้าพี่ซื้อให้”ด้วยฐานะทางบ้านของพวกเขาตอนนี้ แค่ของเล่นเพียงชิ้นเดียวไม่ใช่เรื่องยากที่จะซื้อหามาครอบครอง แต่เพราะพวกเขาเคยผ่านความยากลำบากมาก่อนจึงได้เรียนรู้คุณค่าของเงิน ในบ้านจึงมีกฎให้ซื้อของเล่นได้เพียงเดือนละ 1 ชิ้นเท่านั้น“ผมเอาตัวนี้ ใส่ถุงให้ด้วยครับ”เสียงเข้มราบเรียบเอ่ยบอก ทุกสายตาพลันหันมาจดจ้องที่หลี่หมิงขณะที่พนักงานขายรีบหยิบตุ๊กตาที่เด็กหญิงร้องบอกอยากได้เมื่อครู่ใส่ถุงอย่างรวดเร็ว“อาหมิงลูกกำลังจะทำลายกฎของบ้านเรา”เฉินซิ่วลี่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แม้จะไม่ได้มีน้ำเสียงหรือท่าทางตำหนิ แต่สายตานั้นชัดเจ
“คืนนี้พวกเราจะได้น้องสาวแล้วใช่ไหมครับ”หลี่ชุนกระซิบเสียงเบา มุมปากของคนเป็นพ่อยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้ารับด้วยสายตามุ่งมั่น“พ่อรับรองว่าเดือนหน้าน้องสาวของลูกต้องมาแน่ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของคนเป็นพ่อสองเด็กชายก็ย้ายไปนอนที่ห้องถัดไป ขณะที่ร่างสูงโปร่งของกวงซุนหลี่ขยับเดินเข้าห้องลงกลอนแน่นหนาฉับไว “อื้ม...”เฉินซิ่วลี่ร้องครวญในลำคอเมื่อร่างกายถูกรบกวน ความเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะผิวกายทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนที่ดวงตาจะเปิดออก“คุณกวง! เข้ามาทำไมคะ”เพราะความแนบชิดที่ไม่เหมาะสมทำให้เธอตื่นตระหนกรีบมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง“หยุดนะคะ เดี๋ยวเด็กๆ เห็น”“เด็กๆ ย้ายไปนอนอีกห้องแล้ว”คนตัวโตที่ปลดเปลื้องผ้าของเธอจนเหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเขากระซิบบอกเสียงแหบพร่า แนบชิดร่างกายกำยำลงทาบทับบนตัวนุ่ม“คุณกวงหยุดก่อนค่ะ เราต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อน”“เดี๋ยวค่อยคุยนะ”ริมฝีปากร้อนขยับจากลำคอขาวกดแนบชิดบดเบียดริมฝีปากบาง พร้อมกับวางมือบีบเคล้นอกอวบอิ่มทั้งสองข้าง ร่างกายของเฉินซิ่วลี่พลันตื่นตัวขนกายสาวลุกชัน สองเนื้อนิ่มแข็งสู้กับมือหนากวงซุนหลี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ถอนริมฝ
“แค่ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกก็พอ”ใบหน้าของกู้เหยียนพลันร้อนผ่าวแดงก่ำไปจนถึงลำคอ เดิมทีเขาเสนอตัวช่วยแก้ปัญหานี้ก็เพราะว่าเงื่อนไขของคุณหนูกวงเพียงแค่อยากแต่งงาน แต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ทั้งทางกายและใจ ให้แยกบ้านเธอก็ยินดี ในเมื่อชีวิตนี้เขาเองก็ไม่คิดแต่งงานกับใครอีกแล้ว ให้แต่งหลอกๆ เป็นหุ่นเชิดให้เธอก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร แต่งเสร็จเขาก็กลับไปเมืองเจียงเป็นคุณหมอกู้ของชาวบ้านต้าหยางต่อไปก็เท่านั้นเพียงแต่แค่เรื่องหลอกๆ เรื่องหนึ่งทำไมต้องให้เขานอนกับเธอด้วย ทำแบบนี้กวงจือหลินย่อมต้องถูกผู้คนครหาติฉินนินทา ทว่าเขาไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธกวงจือหลินก็ตอบรับแผนการของกวงซุนหลี่ไปแล้ว“ได้!”“ดี! อาหย่งเอาเหล้ามา”กู้เหยียนมองเหล้าดีกรีแรงตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ทั้งชีวิตของเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางอบายมุขไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ ฝิ่น การพนัน และผู้หญิง ล้วนไม่เคยข้องเกี่ยว ดังนั้นเมื่อกวงซุนหลี่ส่งแก้วเหล้าให้ มือหนาจึงยื่นไปรับด้วยท่าทางลังเล“อาหลี่ ฉัน... ไม่กินได้หรือไม่ นายก็รู้ว่าฉัน...”กู้เหยียนพูดยังไม่ทันจบประโยคแก้วเหล้าในมือก็ถูกกวงซุนหลี่จับจรดที่ริมฝีปากของเขา ตอนนี้แม
“นอกจากเธอฉันไม่เคยสัญญาจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น”เฉินซิ่วลี่ขมวดคิ้วเรียวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสับสน กวงซุนหลี่จับมือซ้ายของเธอมากอบกุมแล้วกดจุมพิตที่หลังมือนุ่มก่อนจะสวมใส่แหวนลงไปที่นิ้วนางเธอเหมือนเดิม“คุณกวง คุณจะทำอะไร ฉันไม่ยินดีแต่งเป็นภรรยารองให้คุณหรอกนะ หรือต่อให้เป็นภรรยาเอก ฉันก็ไม่ยินดี”“เอาไว้ไปถึงบ้านฉันจะอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เธอฟัง แต่นับจากนี้ห้ามเธอถอดแหวนวงนี้อีก และห้ามเธอทอดทิ้งฉันด้วย แค่คิดก็ไม่ได้เข้าใจไหม”น้ำเสียงกระซิบอ้อนวอนราวกับสาวน้อยถูกรังแก ทำให้ความกรุ่นโกรธในใจของเฉินซิ่วลี่จางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น “ได้! ฉันจะรอฟังคำอธิบายของคุณ แต่ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอเรื่องของเราก็ยังคงต้องยุติ”“ไม่ได้! ฉันไม่ยอม”กวงซุนหลี่เอ่ยบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่น เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวไม่คิดทำเรื่องที่เสียแรงเปล่าอย่างการดิ้นรนขัดขืนเขา รั้งรอจนรถหยุดลงกวงซุนหลี่ก็อุ้มคนลงจากรถเดินเข้าบ้านในทันที“คุณกวงปล่อยฉันนะคะ ฉันเดินเองได้”“ไม่!”เสียงเข้มหนักแน่นตอบกลับพลางก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องโถงแล้วนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวโดยยังคงกอดรัดเฉินซิ่วลี่ไว้บนตักไม่ยอมปล
นี่เขาคงไม่คิดจะประกาศแต่งงานกับเธอในเวลานี้หรอกนะดวงตาคมของคนบนเวทีมองตอบกลับสอดประสานดวงตาเรียว ก่อนที่เขาจะประกาศก้องอีกครั้ง“ลี่ลี่ แต่งงานกับฉันนะ”เมื่อได้ยินกวงซุนหลี่เอ่ยชื่อหญิงสาวที่เขาต้องการแต่งงาน บรรดาแขกในงานก็ส่งเสียงวิจารณ์อื้ออึงอีกครั้ง“ลี่ลี่เหรอ ใครกัน”“นั่นสิ! คุณกวงไม่ใช่ว่ากำลังคบหาดูใจกับคุณหนูกวงจือหลินอยู่หรือ ทำไมถึงประกาศแต่งกับคนอื่นได้”“แบบนี้คุณกวงจือเหลียงจะยอมหรือ”“กวงซุนหลี่ เขาไม่รักลมหายใจของตนเองแล้วหรือไง”คำพูดของผู้คนมากมายดังก้องไปทั่วงานจนกวงซุนหลี่ขบกรามแน่น หากแต่ใครจะพูดอย่างไรเขาล้วนไม่สนใจ ที่เขาสนใจมีเพียงเฉินซิ่วลี่ที่ยังนั่งนิ่งไม่ตอบรับคำขอของเขา“ลี่ลี่ ฉันสัญญาหากเธอตกลงแต่งงานกับฉัน ฉันจะมีแค่เธอ จะปกป้องดูแลเธอและครอบครัวของเราด้วยชีวิตของฉัน”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นระรัว มองสบดวงตาคมด้วยแววตาสั่นไหว ดูแลด้วยชีวิต เมื่อได้ยินคำพูดนี้ความรู้สึกในวันที่เธอคิดว่าเขาตายจากไปแล้วก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสแบบเธอ ในเมื่อมีโอกาสแล้วยังต้องยึดติดกับทิฐิและข้อสงสัยมากมายทำไมกัน เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินซิ่วลี่ก็โยนท
เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของกวงซุนหลี่ เฉินซิ่วลี่ก็เลือกสวมชุดสีฟ้าเข้ารูปคอสูงเพื่อปกปิดร่องรอยที่กวงซุนหลี่ทิ้งเอาไว้บนลำคอระหง แล้วออกเดินทางไปยังสถานที่จัดเลี้ยงกู้เหยียนใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็ขับรถมาถึงหน้าโรงแรมจัดเลี้ยง ชายในชุดสูทแบบตะวันตกก็เดินมาเปิดประตูรถทั้ง 4 ด้าน กู้เหยียนส่งกุญแจรถให้พนักงานตรงหน้านำรถไปจอดในสถานที่จอดรถ ส่วนตัวเขาเดินมารับเฉินซิ่วลี่ ขณะที่หลี่หมิงและหลี่ชุนเดินขนาบข้างซ้ายขวาหวังรั่วซีตามหลังคนเป็นแม่เข้างานอย่างสงบเสงี่ยมรู้ความและในทันทีที่เฉินซิ่วลี่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น จึงทำให้สายตาชายหนุ่มในงานจดจ้องมาที่เธออย่างมากมาย หากไม่เพราะข้างกายเธอมีกู้เหยียนเคียงข้างอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าคืนนี้เฉินซิ่วลี่คงไม่อาจนั่งอย่างสงบแน่นอน“คุณกวงจัดที่นั่งไว้ให้คุณเฉินและผู้ติดตามเป็นพิเศษ เชิญพวกคุณทางด้านนี้ครับ”เมื่อทุกคนในงานได้เห็นตำแหน่งที่นั่งของเฉินซิ่วลี่ผู้คนในงานต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะความสำคัญของเธอและกู้เหยียน จวบจนกระทั่งกวงซุนหลี่ก้าวเท้าเข้ามาความสนใจของผู้คนจึงเปลี่ยนไปที่เขาแทน“สวัสดีค่ะคุณก
บทสุดท้ายเมื่อหวังรั่วซีตื่นมาตอนเช้าแล้วพบว่าเฉินซิ่วลี่หายตัวไปก็ตื่นตระหนก รีบไปแจ้งกู้เหยียนที่ห้องของเขาด้วยความร้อนใจ“รั่วซี! มาหาฉันแต่เช้ามีเรื่องด่วนอะไรหรือ”กู้เหยียนเอ่ยถามเสียงเบา เพราะเด็กชายทั้งสองยังนอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนจะปิดประตูเดินออกมาคุยกับหวังรั่วซีที่หน้าห้อง“พี่ลี่หายตัวไปค่ะหมอกู้”เมื่อได้ยินว่าเฉินซิ่วลี่หายตัวไป กู้เหยียนก็ตื่นตระหนกจนหน้าซีดรีบหมุนตัวเปิดประตูเข้าไปหยิบเสื้อคลุมและกุญแจรถในทันที“จะเป็นพวกเดียวที่ลักพาตัวอาหมิงกับอาชุนไปเมื่อคราวก่อนไหมคะ”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น เรื่องที่หลี่หมิงกับหลี่ชุน ถูกลักพาตัวไปเมื่อเดือนก่อน จนเป็นเหตุให้หลี่อันเฉิงตายจากไป เขายังจดจำไม่ลืม ดังนั้นไม่ว่าครั้งนี้จะอันตรายแค่ไหน เขาจะต้องปกป้องช่วยเหลือเฉินซิ่วลี่ให้ได้“เธอเข้าไปรอฉันในห้องกับเด็กๆ ก่อน ฉันจะไปตามหาคุณเฉิน”กู้เหยียนยืนยันเสียงหนักแน่นพร้อมกับวางเสื้อคลุมของตนเองลงบนไหล่บาง ใบหน้าของหวังรั่วซีพลันแดงก่ำเมื่อตระหนักได้ว่าตนเองสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมนัก“ขอโทษค่ะ”“ไม่เป็นไร เธอเข้าไปรอในห้องก่อนไม่ต้องกังวลฉันจะพาคุณเฉินกลับมาอย่างปลอดภั
“ตอนนี้ฉันคือภรรยาของหลี่อันเฉิงค่ะ” กวงซุนหลี่กำมือแน่น รู้สึกอิจฉาตนเองในอดีตขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ทว่าสุดท้ายก็ยอมถอยขยับตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาว เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างไร สุดท้ายหลังจากหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ก็ลุกขึ้นหมายใจถอยกลับไปตั้งหลัก“ฉันกลับก่อนนะคะ”ทว่าเท้าเล็กก้าวลงเตียงแต่ไม่ทันได้ขยับเดิน เอวบางก็ถูกดึงรั้งจนเธอเซถลาลงนั่งบนตักกว้าง“อย่าไปได้ไหม”เสียงออดอ้อนแผ่วเบากระซิบที่ข้างใบหูเล็ก“ลี่ลี่ อย่าไปได้ไหม”วงแขนแกร่งกระชับแน่นมากขึ้น กดปลายจมูกลงบนไหล่เล็กแล้วกระซิบเสียงอ้อนเว้าวอน“ลี่ลี่ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ เธอจะทุบตีจะด่าทอฉันก็ได้ แต่อย่าไปจากฉันได้ไหม”เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวก่อนจะบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฉันไม่มีเหตุผลต้องอยู่ทุบตีด่าทอคุณ อีกอย่างเด็กๆ ยังอยู่ที่โรงแรมฉันไม่กลับไม่ได้ค่ะ”“เธอกลับไปตอนนี้พวกเขาก็หลับกันหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่หลับและคงหลับไม่ลงทั้งคืนถ้าเธอจากไป ลี่ลี่... คืนนี้อยู่กับฉันนะ”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นสะท้าน เม้มริมฝีปากบางอย่างสับสน หากคิดตามเหตุผลเธอไม่สมควรอยู่ต่อ แต่หากถามคว
“ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันเป็นการส่วนตัวสักทีนะคุณกวง”“ส่งคนคืนฉันมา”กวงซุนหลี่ขบกรามกำหมัดแน่นพร้อมกับเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้เหลียงเหว่ยพึงพอใจมาก มือหนากระชับไหล่บางเข้าประชิดตัวก่อนจะส่งสายตาเยาะเย้ยเขา“ไม่เอาน่าคุณกวงของดีๆ แบบนี้เราแบ่งกันเล่นสนุกดีกว่านะ”เหลียงเหว่ยพูดพลางหันไปกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม ทว่าปลายจมูกยังไม่ทันสัมผัสผิวของเฉินซิ่วลี่ ร่างกายก็ถูกเธอจับพลิกหมุนเคว้ง รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเขาก็กระแทกลงกับพื้นจนปวดไปทั้งตัว คนของเหลียงเหว่ยชักปืนออกมาในทันที แต่ไม่ทันได้ขยับลั่นไกปืนในมือชายคนหนึ่งก็ย้ายมาอยู่ในมือของกวงซุนหลี่แล้วปัง! ปัง! เสียงปืนดังลั่นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากต้นขาของเหลียงเหว่ยทั้งสองข้าง คอเสื้อด้านหลังถูกกระชากยกขึ้น ก่อนที่ขมับขวาของเขาจะเย็นวาบเพราะปลายกระบอกปืนที่จ่อแนบลงมา“เหลียงเหว่ย คุณคงรู้ว่าต้องบอกคนของตนเองยังไง”“ถอย! ถอยไปให้หมด”สิ้นคำสั่งของเหลียงเหว่ยคนนับสามสิบคนก็ขยับหลีกทางให้กวงซุนหลี่ เขาหันมาส่งสัญญาณให้เฉินซิ่วลี่เดินประกบตามหลังเขาไปที่รถยนต์ด้านหน้าตึก“ลี่ลี่ คุณขับรถได้ไหม”“ได้ค่ะ”เหลียงเหว่ยตัวสั่นสะ