90 : สาวใช้คนนั้นก็คือเจ้าใช่หรือไม่ สามวันต่อมา พ่อบ้านหลิวได้มาเยือนยังเรือนสกุลเซี่ย วันนี้นางถานอยู่บ้านและเป็นคนออกมาต้อนรับแขกด้วยตัวเอง ถึงได้รู้เรื่องในจวนแม่ทัพโหย่ว นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหลังได้ยิน “พ่อบ้านหลิวท่านบอกว่าจ้านเออร์กับซือซือ พวกเขาไปเตือนท่านเรื่องคนร้าย และยังเป็นคนไปช่วยพวกท่านกลางดึกคืนนั้นด้วยหรือเจ้าคะ” “เอ่อ ใช่แล้วเหลียนฮวา” พ่อบ้านหลิวถึงกับทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว เขาลืมได้อย่างไรว่าสองคนนั้น บอกว่าแอบถานเหลียนฮวาออกไป “พวกเขาช่างปิดบังเขาเสียสนิท” นางถานแอบเคืองสองคนนั้น “โหย่วฮูหยินให้ข้านำของขวัญมามอบให้ เป็นการขอบคุณคุณชายถานกับแม่นางเซี่ย” “คุณชายถานอย่างนั้นรึ” นางถานไม่คิดว่าพ่อบ้านหลิว จะใช้สรรพนามนี้เรียกลูกชายของนาง นางมองกล่องของขวัญที่เขานำมาวางบนโต๊ะ “ข้าดูได้หรือไม่” “เจ้าเปิดดูได้เลย” พ่อบ้านหลิวรู้สึกคุ้นเคยกับถานเหลียนฮวามานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มานั่งพูดคุยกับนางใกล้ ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างบังสายตาเขาอยู่ “กำไลหยกกับพู่หยกห้อยเ
91 : คุณชายใหญ่เสียแขนซ้ายไปข้างหนึ่งขอรับ แม่ทัพโหย่วนั่งมองแผนการรบตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ท่อนอ๋องห้าไม่สามารถส่งกองทหารมาช่วยได้ เขายังพอเข้าใจเพราะสถานการณ์ชายแดนฝั่งนั้นอันตราย แต่เหตุใดราชสำนักถึงไม่ส่งกองหนุนมาให้ เช่นนี้ไม่เท่ากับละทิ้งเมืองเว่ย์หรอกรึ “ท่านแม่ทัพมีเรื่องรายงานขอรับ” “เข้ามา !” “ฝั่งคุณชายใหญ่เกิดเรื่องแล้วขอรับ ข้าศึกบุกโจมตีค่ายเมื่อคืน คุณชายใหญ่กับคุณชายรองเสียทีให้กับพวกมัน คุณชายใหญ่เสียแขนซ้ายไปข้างหนึ่งขอรับ” เพล้ง ! แม่ทัพโหย่วกวาดกาน้ำชาบนโต๊ะลงพื้นด้วยความโมโห บุตรชายคนโตทายาทคนต่อไปของตระกูลโหย่ว กลายเป็นคนพิการเหลือแขนข้างเดียวไปแล้ว เขาพยายามสงบสติอารมณ์ลง ทรุดตัวลงนั่งบนตั่งเหมือนคนหมดแรง ราวหนึ่งเค่อทหารได้เข้ามารายงานเขาอีกครั้ง “เรียนท่านแม่ทัพท่านอ๋องเจ็ดเชิญท่านที่กระโจมขอรับ” ครั้งนี้ท่านอ๋องเจ็ดเป็นคนนำทัพออกรบด้วยตัวเอง มีบรรดาบุตรชายทั้งหกคนของเขาตามติดมาด้วย เพราะเป็นสงครามครั้งสำคัญของเมืองเว่ย์ โอกาสพ่ายสงครามนั้นมีสูง เนื่องจากจำนวนทหารที่ต่างกันถึงเท่าตัว แ
92 : อพยพออกจากเมืองเว่ย์ เซี่ยซือซือตุนเสบียงไว้ในมิติพิเศษค่อนข้างมากพอ นางยังได้จัดหาอาวุธสองสามชนิดเอาไว้อีกด้วย ตอนมีข่าวเรื่องสงครามลุกลามมาใกล้ นางได้จ้างโรงหล่อเหล็กทำอาวุธให้ นางมีความรู้สึกว่าอาจต้องได้ใช้มันในสักวัน ตอนถานจ้านเห็นนางเก็บของพวกนี้ในมิติพิเศษ เขานึกตัวเองตาฝาดอาวุธมากมายหายวับไปกับตา จากนั้นนางก็เก็บอาหารกับข้าวของทั้งหมด ไม่เหลือไว้เลยสักอย่าง “ของข้าเยอะนี่เจ้าค่ะ” นางบอกอย่างเก้อเขินเล็กน้อย เมื่อเห็นสามีทำหน้าประหลาดใจแบบสุดขั้ว “เช่นนั้นหนังสือพวกนี้ของข้าเจ้าเก็บไปด้วยได้หรือไม่” “ได้เจ้าค่ะ เอาเข้าไปทั้งชั้นเลยนะเจ้าคะ ในกระท่อมมีพื้นที่ว่างอยู่” นางหลับตาจับไปที่ชั้นวางตำรา สักพักมันก็หายวับเข้าไปอยู่ในมิติพิเศษของนาง “ข้าจะพยายามทำตัวให้ชินกับเรื่องนี้” ถานจ้านถอนหายใจเบา ๆ ออกมา “เช่นนั้นเจ้าก็เอาของในเรือนหลังนี้ เข้าไปในมิติพิเศษของเจ้าให้หมดก็แล้วกัน” “กระท่อมข้าเล็กนิดเดียวเก็บแค่เสบียงกับยาก็เต็มแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากเอาทิ้งไว้ด้านนอกกระท่อม ในมิติพิเศษของข้าก็มีสัตว์มีแมลงเหมือนกันนะเ
93 : พบกันที่อำเภอเหอ การเดินทางเป็นไปอย่างตึงเครียด ระหว่างทางเจอชาวบ้านที่กำลังอพยพกันอยู่เป็นระยะ พวกเขาเดินทางด้วยเท้าจึงทำให้ขบวนรถม้าแซงหน้าไปได้ เซี่ยซือซือได้แต่ถอดถอนหายใจไปตลอดทาง สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายกว่า ตอนหนีมาจากหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่เสียอีก “เมื่อก่อนพวกเราก็เดินเท้าเจ้ายังจำได้หรือไม่” ถานจ้านเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงความหดหู่ผ่านทางสายตาของภรรยา “ข้าจำได้เจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าอดสงสารพวกชาวบ้านไม่ได้” “เราช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเอง วาสนาคนเราไม่เหมือนกัน” “ก็คงเป็นเช่นนั้น เสียดายที่พวกเราไม่สามารถหยุดสงครามได้ เสียดายที่ท่านอ๋องเจ็ดมีทหารไม่มากพอ เสียดายที่ราชสำนักไม่ส่งกองหนุนมาให้ ข้าเสียดายเรือนที่เมืองเว่ย์ด้วย” “เจ้านี่มีเรื่องให้เสียดายมากมายไปหมด” รอยยิ้มของถานจ้านบอกถึงความเอ็นดู ในตัวของภรรยาเป็นอย่างมาก “ก็มันจริงนี่เจ้าคะ” ขบวนอพยพจากจวนแม่ทัพโหย่ว ใช้เวลาเดินทางสองวันเต็ม ๆ กว่าจะถึงอำเภอเหอ ชาวบ้านที่นี่พากันอพยพออกไปกันหมดแล้ว จวนนายอำเภอในตอนนี้เป
94 : เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกข้าจิ่นฟาน หยวนหย่งเล่ออยู่เล่นกับเสี่ยวซือหยาง และพูดคุยกับคนอื่น ๆ ในบ้าน ราวสองเค่อเขาก็ขอตัวกลับ เนื่องจากต้องรายงานท่านอ๋องเจ็ดเรื่องยาของเซี่ยซือซือ แต่ก่อนกลับเขาดึงเซี่ยซือซือไปถามเรื่องบางอย่างตามลำพัง “ข้าได้ข่าวว่าคุณหนูสามของจวนแม่ทัพโหย่ว นั่งเกี้ยวเจ้าสาวไปเมืองเสียนหยาง อยู่ในขบวนอพยพครั้งนี้ด้วย” “ใช่เจ้าค่ะ” “แล้วคนของซื่อจื่อที่มารับตัวเจ้าสาวนั้น ใครเป็นคนคุ้มกันมารึ” “หืม ?” เซี่ยซือซือมองเขาอย่างพินิจพิจารณา ท่าทางเลิ่กลั่กนี่มันคืออันใด หากเขาอยากรู้เรื่องของจวนแม่ทัพโหย่ว เขาน่าจะเข้าถึงข่าวพวกนั้นง่ายกว่านางไม่ใช่รึ “เจ้าอย่ามองข้าแปลก ๆ เรื่องเรือนหลังของผู้อื่นข้าจะไปถามมั่วซั่วไม่ได้” “อ้อ เลยมาถามเอากับข้า ที่เป็นคนนอกนี่นะเจ้าคะ นายท่านหยวนเหตุใดถึงคิดว่าข้ารู้ล่ะ” “เจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ข้าคงคาดหวังมากเกินไป” หยวนหย่งเล่อหมุนตัวกำลังจะกลับ แต่เสียงของเซี่ยซือซือดังไล่หลังเขามา “หัวหน้าขบวนคือท่านหลัวจง ส่วนหัวหน้าคุ้มกันขบวนคือ
95 : อย่างไรถานจ้านก็เป็นสายเลือดของข้า รุ่งเช้าก่อนออกเดินทาง แม่ทัพโหย่วได้มาขอพบนางถานที่เรือน พวกเขานั่งคุยกันในห้องโถง โดยไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้าไปในนั้น แม้แต่คนสนิทยังถูกสั่งให้รออยู่ด้านนอก “เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกความจริงกับข้าเรื่องถานจ้าน” แม่ทัพโหย่วมองนางถานด้วยสายตาเฉยชา เขาไม่สามารถจดจำสาวใช้ในเรือนของตัวเองได้จริง ๆ “ท่านแม่ทัพท่านจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าคิดว่าไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องในอดีตอีกต่อไปเจ้าค่ะ” นางถานเงยหน้ามองสบสายตากับเขา ความเย็นชาในดวงตาคู่ตรงหน้า ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “เจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไรกับเรื่องนี้เหลียนฮวา” นางถานมองหน้าแม่ทัพโหย่วอีกครั้ง นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ในดวงตาคู่นี้ไม่เคยมีนางอยู่ในนั้นเลย ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน นางยังต้องการสิ่งใดอีกรึ “ทำเหมือนท่านไม่เคยรู้เรื่องนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ” “เหลวไหล ! อย่างไรถานจ้านก็เป็นสายเลือดของข้า เมื่อรู้แล้วจะทำเป็นไม่รู้ได้อย่างไร” แม่ทัพโหย่วนอนคิดมาตลอดทั้งคืน ถึงได้มาขอพบนางถานในเช้าวันนี้ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปเมืองเสียนหยาง และชั
96 : อยู่ให้ห่างจากขบวนสองลี้ก็แล้วกัน การเดินทางผ่านเทือกเขาชุนเทียน ขบวนสองจวนรวมกันมีทหารอารักขาอีกกองทัพหนึ่งย่อย ๆ ทำให้เซี่ยซือซือต้องแยกรถม้าของพวกนางออกมาจากขบวน พวกทหารไม่ยอมให้พวกนางแทรกเข้าไปในแถวได้ นางกับอาจารย์ฮู่จึงทำได้เพียงเดินทางตามหลังขบวนพวกเขาไป “อาจารย์ฮู่ขบวนนำหน้าเป็นท่านอ๋องเจ็ดกับครอบครัว ทหารคุ้มกันหนาแน่นเช่นนี้ พวกเราคงแทรกเข้าไปในขบวนไม่ได้แน่ ตามหลังพวกเขาไปติด ๆ ก็แล้วกันนะเจ้าคะ” เมื่อถูกกันออกมาจากขบวน เซี่ยซือซือจึงต้องคุยกับอาจารย์ฮู่ให้เข้าใจ “พวกเขาทำถูกแล้วล่ะซือซือ นี่เป็นยามคับขันของท่านอ๋องเจ็ด พวกเราก็อย่าไปรบกวนขบวนของท่านเลย” เมื่ออาจารย์ฮู่เห็นด้วยเช่นนี้ รถม้าสองคันจึงได้วิ่งตามหลังทหารม้าคนสุดท้ายไปติด ๆ แต่เหมือนทหารม้านายหนึ่งจะสงสัย ถึงกับขี่ม้ากลับมาถามถานจ้านกับเซี่ยซือซือว่าพวกเขาเป็นใคร “พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงได้มาตามหลังขบวนท่านอ๋องเจ็ดเช่นนี้” “พวกข้าเป็นชาวบ้านในเมืองเว่ย์ กำลังลี้ภัยสงครามไปเมืองเสียนหยางขอรับ” ถานจ้านตอบอย่างนอบน้อม “เจ้าชื่อแซ่อันใด มาจา
97 : เทือกเขาชุนเทียนถูกปิดล้อม ถานจ้านกับอาจารย์ฮู่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถละทิ้งบ้านเมืองได้จริง ๆ เซี่ยซือซือไม่แปลกใจในการตัดสินใจของทั้งคู่ ตัวนางก็เห็นด้วยเช่นกัน ผู้คนที่ติดอยู่บนภูเขาลูกนี้มีหลายคนที่นางรู้จัก ไม่อาจเพิกเฉยความเป็นตายหนนี้ได้จริง ๆ เมื่อคนในครอบครัวเข้าไปนั่งในรถม้ากันหมดแล้ว เซี่ยซือซือจึงเอ่ยกับอาจารย์ฮู่ที่อยู่ด้านข้าง “พวกเขาออกเดินทางไปกันแล้วเจ้าค่ะ” “ใครกันซือซือ” “ครอบครัวของท่านอ๋องเจ็ดกับแม่ทัพโหย่วเจ้าค่ะ” “พวกเราอยู่ห่างจากพวกเขาตั้งสองลี้ ต่อให้เร่งอย่างไรก็ไม่ทันหรอกเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือเอ่ยไปตามที่นางเห็น “ทำเช่นไรดีขอรับอาจารย์ฮู่” ถานจ้านอยากช่วยแต่ไม่มีความสามารถเพียงพอ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องเร่งเดินทางไปให้ทันพวกเขา” “ทหารของท่านอ๋องปักหลักอยู่ที่ภูเขาลูกข้างหน้า ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงคิดตั้งฐานลับของทหารไว้ที่นั่น พวกเราไปถึงที่นั่นแล้วเข้าไปแจ้งข่าวเรื่องนี้ ให้พวกเขาส่งทหารม้าเร็ว ไปแจ้งขบวนที่เดินทางไปเมืองเสียนหยางดีหรือไม่”
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป