96 : อยู่ให้ห่างจากขบวนสองลี้ก็แล้วกัน การเดินทางผ่านเทือกเขาชุนเทียน ขบวนสองจวนรวมกันมีทหารอารักขาอีกกองทัพหนึ่งย่อย ๆ ทำให้เซี่ยซือซือต้องแยกรถม้าของพวกนางออกมาจากขบวน พวกทหารไม่ยอมให้พวกนางแทรกเข้าไปในแถวได้ นางกับอาจารย์ฮู่จึงทำได้เพียงเดินทางตามหลังขบวนพวกเขาไป “อาจารย์ฮู่ขบวนนำหน้าเป็นท่านอ๋องเจ็ดกับครอบครัว ทหารคุ้มกันหนาแน่นเช่นนี้ พวกเราคงแทรกเข้าไปในขบวนไม่ได้แน่ ตามหลังพวกเขาไปติด ๆ ก็แล้วกันนะเจ้าคะ” เมื่อถูกกันออกมาจากขบวน เซี่ยซือซือจึงต้องคุยกับอาจารย์ฮู่ให้เข้าใจ “พวกเขาทำถูกแล้วล่ะซือซือ นี่เป็นยามคับขันของท่านอ๋องเจ็ด พวกเราก็อย่าไปรบกวนขบวนของท่านเลย” เมื่ออาจารย์ฮู่เห็นด้วยเช่นนี้ รถม้าสองคันจึงได้วิ่งตามหลังทหารม้าคนสุดท้ายไปติด ๆ แต่เหมือนทหารม้านายหนึ่งจะสงสัย ถึงกับขี่ม้ากลับมาถามถานจ้านกับเซี่ยซือซือว่าพวกเขาเป็นใคร “พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงได้มาตามหลังขบวนท่านอ๋องเจ็ดเช่นนี้” “พวกข้าเป็นชาวบ้านในเมืองเว่ย์ กำลังลี้ภัยสงครามไปเมืองเสียนหยางขอรับ” ถานจ้านตอบอย่างนอบน้อม “เจ้าชื่อแซ่อันใด มาจา
97 : เทือกเขาชุนเทียนถูกปิดล้อม ถานจ้านกับอาจารย์ฮู่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถละทิ้งบ้านเมืองได้จริง ๆ เซี่ยซือซือไม่แปลกใจในการตัดสินใจของทั้งคู่ ตัวนางก็เห็นด้วยเช่นกัน ผู้คนที่ติดอยู่บนภูเขาลูกนี้มีหลายคนที่นางรู้จัก ไม่อาจเพิกเฉยความเป็นตายหนนี้ได้จริง ๆ เมื่อคนในครอบครัวเข้าไปนั่งในรถม้ากันหมดแล้ว เซี่ยซือซือจึงเอ่ยกับอาจารย์ฮู่ที่อยู่ด้านข้าง “พวกเขาออกเดินทางไปกันแล้วเจ้าค่ะ” “ใครกันซือซือ” “ครอบครัวของท่านอ๋องเจ็ดกับแม่ทัพโหย่วเจ้าค่ะ” “พวกเราอยู่ห่างจากพวกเขาตั้งสองลี้ ต่อให้เร่งอย่างไรก็ไม่ทันหรอกเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือเอ่ยไปตามที่นางเห็น “ทำเช่นไรดีขอรับอาจารย์ฮู่” ถานจ้านอยากช่วยแต่ไม่มีความสามารถเพียงพอ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องเร่งเดินทางไปให้ทันพวกเขา” “ทหารของท่านอ๋องปักหลักอยู่ที่ภูเขาลูกข้างหน้า ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงคิดตั้งฐานลับของทหารไว้ที่นั่น พวกเราไปถึงที่นั่นแล้วเข้าไปแจ้งข่าวเรื่องนี้ ให้พวกเขาส่งทหารม้าเร็ว ไปแจ้งขบวนที่เดินทางไปเมืองเสียนหยางดีหรือไม่”
98 : ติดอยู่บนเทือกเขาชุนเทียน “เป็นไปไม่ได้ที่สตรีชาวบ้านเช่นเจ้า จะสามารถมองเห็นกองทหารข้าศึกได้ทั้งหมดนี้ เจ้าบอกข้ามาตามตรงเซี่ยซือซือ เจ้าใช้เล่ห์กลอันใดกันแน่” ท่านอ๋องเจ็ดเอ่ยหลังจากอยู่ตามลำพังกับพวกเขา “นางมีตาทิพย์ขอรับ” ถานจ้านรู้ว่าไม่มีข้ออ้างใดดีไปกว่าการพูดความจริง “หวังว่าท่านอ๋องจะเก็บเป็นความลับให้ภรรยาของข้า นางมีความสามารถพิเศษเช่นนี้เกรงว่าจะนำภัยมาสู่ตัวเอง พวกเราเลยไม่กล้าเอ่ยต่อหน้าคนอื่นขอรับ” ท่านอ๋องเจ็ดเลิกคิ้วขึ้นสูง มองพิจารณาถานจ้านอีกครั้ง “เจ้ารู้จักปกป้องภรรยาของตัวเองจริง ๆ หากนางมีตาทิพย์จริง ข้าคงต้องขอให้นางอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือการทำศึกสงคราม เจ้าจะว่าอย่างไร” “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแทนนางไม่ได้ขอรับ” “เช่นนั้นรึ” ท่านอ๋องเจ็ดหันไปทางเซี่ยซือซือแทน “เจ้าล่ะ” “ข้าจะไปที่ใดได้เจ้าคะ ข้างล่างก็ข้าศึกบนภูเขาก็ข้าศึก คงต้องอยู่ที่นี่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ท่านอ๋องไปก่อนสักพัก” “ฮึ เจ้าเข้าใจพูดนะเซี่ยซือซือ เป็นสตรีแต่กลับไม่มีแววตาหวาดกลัวแม้แต่น้อย หากเรื่องที่เจ้าบอกมาเป็นความจริง ข้
99 : ขบวนอพยพย้อนกลับมา ขบวนอพยพย้อนกลับมาก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงไปแล้ว แม่ทัพโหย่วมอบหมายให้พ่อบ้านหลิว เป็นคนจัดหาสถานที่ตั้งกระโจมให้พวกเขา โดยแบ่งเป็นสองแห่งด้วยกัน แห่งแรกอยู่ใกล้กับกระโจมหลักมากที่สุด เป็นคนของจวนท่านอ๋องเจ็ด อีกแห่งเป็นของจวนแม่ทัพโหย่ว พวกเขาตั้งกระโจมถัดออกไปเล็กน้อย มีเพียงกระโจมของเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ที่ได้อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าค่ายทหาร กระโจมแต่ละแห่งมีทหารคอยคุ้มกันอยู่ ผู้อื่นไม่สามารถเดินผ่านเข้าไปได้ หากไม่ได้รับอนุญาต พอใกล้ค่ำท่านอ๋องเจ็ดได้รับรายงาน จากทหารที่ส่งออกไปสำรวจตามแต่ละจุดบนก้อนหิน และเป็นจริงดั่งที่เซี่ยซือซือเตือนเอาไว้ มีทหารของข้าศึกอยู่ตำแหน่งก้อนหิน ที่นางวางบนแผนที่จริง ๆ หนนี้ท่านอ๋องเจ็ดเรียกเพียงแม่ทัพโหย่ว เข้าไปหารืออย่างเงียบ ๆ “เป็นจริงอย่างที่เซี่ยซือซือเตือนมาหรือขอรับ” แม่ทัพโหย่วเองก็ไม่อยากเชื่อในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน นึกว่านางคงคาดเดาไม่เรื่อย “ใช่ ข้าเองก็ไม่คิดว่านางจะมีความสามารถเช่นนี้” ท่านอ๋องเจ็ดแววตาแข็งกระด้างขึ้นในทันที “รอบตัวข้ามีไส้ศึกกี่คนกันแน่”
100 : จับไส้ศึกได้แล้ว หลูจิ่นฟานเดินสวนทั้งคู่เข้ามาหาแม่ทัพโหย่ว เพื่อรายงานเรื่องแม่นมหวางมาขอเข้าพบ เพื่อเชิญแม่ทัพโหย่วไปที่กระโจมของโหย่วฮูหยิน เนื่องจากนางมีเรื่องสำคัญต้องการหารือด้วยเป็นการด่วน “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน” แม่ทัพโหย่วยังกลัดกลุ้มกับเรื่องหาไส้ศึกอยู่ พอได้ยินว่าฮูหยินของตนมีเรื่องสำคัญต้องหารือ ความไม่สบายใจผุดขึ้นในใจทันที หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริง ๆ ฮูหยินของเขาคงไม่อยากพบหน้าในช่วงเวลาเช่นนี้ โหย่วฮูหยินให้ตามบุตรชายทั้งสองมาที่กระโจมของนางด้วย เมื่อแม่ทัพโหย่วมาถึงเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่เห็นคนในครอบครัว อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ “มีเรื่องสำคัญอันใดฮูหยิน ถึงได้ตามลูก ๆ มากันหมดเช่นนี้” โหย่วฮูหยินปรายตามองบุตรสาวก่อนตอบ “ท่านพี่เสวี่ยหยาอยากยกเลิกการแต่งงานเจ้าค่ะ” สายตาของทุกคนพุ่งไปที่โหย่วเสวี่ยหยาในทันที แม่ทัพโหย่วหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ส่วนพี่ชายทั้งสองก็ก้มหน้าลง เหมือนไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดออกมา มีเพียงโหย่วเสวี่ยหยาที่อยากรู้ ว่าทุกคนเห็นชอบด้วยหรือไม่ นางมองคนโน้นทีคนนี้ทีด้วย
101 : ตีฝ่าออกไป เสียงเหมือนเด็กกำลังวิ่งเล่นกันดังอยู่หน้ากระโจม เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าของสามี กำลังจ้องนางอยู่ก่อนแล้ว มองไปรอบ ๆ พบว่าภายในกระโจม มีเพียงนางกับเขาแค่สองคน “พี่จ้านท่านตื่นนานแล้วรึ” นางขยับตัวออกห่างอกเขาเล็กน้อย “สักพักหนึ่งแล้วล่ะ เห็นเจ้ายังไม่ตื่นเสียที ข้าเลยกลับมานอนเป็นเพื่อนเจ้าต่อ” “ว่าแต่น้องเล็กเล่นกับใครรึเจ้าคะ หัวเราะเสียงดังเชียว แล้วนั่นเสียงเหมือนคนสู้กันเลยนะเจ้าคะ” ถานจ้านขำในความสงสัยของนาง “คุณหนูสามกับคุณหนูสี่มาหาพวกเขา เลยพากันเล่นอยู่หน้ากระโจม” “อ้อ เช่นนี้เอง” ไม่ต้องเห็นก็รู้ว่าคุณหนูสามกับเซี่ยซานซานคงประลองวรยุทธ์กันอยู่ ส่วนน้องเล็กของนาง คงชวนคุณหนูสี่เล่นไปเรื่อยตามประสาเด็ก “เจ้าลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ ท่านแม่กับท่านน้าจางคงทำมื้อเช้าเสร็จแล้วล่ะ” “ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าอยากอาบน้ำเมื่อคืนวิ่งไปในป่าเลอะไปหมดทั้งตัว ข้าจะเข้าไปอาบน้ำในมิติของข้านะเจ้าคะ หากใครถามหาข้า บอกว่าข้าไปส้วมก็แล้วกัน” “ข้าชักอิจฉาเจ้าแล้วสิซือซือ” นางย
102 : ทำลายคลังเสบียงข้าศึก ถานจ้านนำแผนที่ที่เขาทำสัญลักษณ์คลังเสบียงเอาไว้ ไปมอบให้แม่ทัพโหย่วที่กระโจมของเขา เซี่ยซือซือจำต้องเป็นคนอธิบาย สิ่งที่นางเห็นออกมาให้เขาฟัง ทำให้แผนการทำลายคลังเสบียงข้าศึกเป็นไปอย่างรัดกุม นางชี้แนะจุดไหนสมควรดักซุ่มโจมตี จุดไหนไม่สมควรเข้าไปเฉียดใกล้ “ข้าจะเริ่มทำลายคลังเสบียงข้าศึก กองทหารที่อยู่ใกล้กับที่นี่มากที่สุด” “แต่ข้าเห็นสมควรว่าพวกท่านควรโจมตีทุกกองพร้อม ๆ กัน ไม่เช่นนั้นข้าศึกจะรู้ตัว คุ้มกันคลังเสบียงมากขึ้น คราวหน้าอาจทำลายได้ยาก” ถานจ้านไม่อยากออกความเห็นเท่าใดนัก แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้เช่นเดียวกัน แม่ทัพโหย่วคิดตามคำพูดของเขา พลันพยักหน้าลงเล็กน้อย “เจ้ามีหัวด้านการทหารอยู่เหมือนกัน ไม่อยากเข้าร่วมกองทัพกับข้ารึ” “ไม่ขอรับข้าชอบอยู่อย่างเรียบง่ายมากกว่า” คำตอบมาแบบไม่ต้องคิด แม่ทัพโหย่วไม่อาจโน้มน้าวเขาได้อีก “เจ้าเอ่ยมาถูกต้องแล้ว หากจะโจมตีควรทำพร้อมกันทั้งหมด แต่ระยะทางของแต่ละจุดอยู่ห่างไกลกัน ไม่สามารถลงมือในเวลาเดียวกันได้” “เช่นนั้นท่านก็ใ
103 : ช่วยคนกลางดึก เซี่ยซือซือใช้ไข่มุกราตรีในความมืดเช่นเดิม หนนี้นางมีพลธนูร่วมทำภารกิจครั้งนี้สามสิบนาย อาวุธร้ายที่นางตั้งใจมอบให้กองทหารข้าศึก คือธนูไฟเผากระโจมและคลังเสบียง อาจารยฮู่กับถานจ้านมีหน้าที่นำพลทหารยี่สิบนาย เข้าไปช่วยเหลือคนที่ถูกจับมัดเอาไว้ออกไป เมื่อใกล้ถึงจุดที่ข้าศึกตั้งค่ายกันอยู่ นางเก็บไข่มุกราตรีกลับเข้าในมิติพิเศษไว้ นัดแนะกับอาจารย์ฮู่และสามีเรื่องลงมือช่วยเหลือคน “ต้นไม้นั่นเจ้าค่ะ ที่พวกเขาถูกมัดรวมกันไว้” นางชี้นิ้วบอกในความมืด ซึ่งอาจารย์ฮู่กับถานจ้านแทบมองไม่เห็นคนด้วยซ้ำ เพราะมีพุ่มไม้บดบังการมองเห็นอยู่ “ข้าไม่เห็นคน” อาจารย์ฮู่เอ่ยเบา ๆ “คนอยู่ที่นั่นแหละเจ้าค่ะ มันไกลพวกท่านอาจมองไม่เห็น แต่ข้าเห็นชัดเจน พอข้าให้คนยิงธนูไฟไปที่คลังเสบียง กับกระโจมของพวกมัน พวกท่านรีบเข้าไปช่วยคนนะเจ้าคะ” เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ถานจ้านกับอาจารย์ฮู่และทหารอีกยี่สิบนาย ก็แฝงตัวไปในความมืด เข้าไปยังจุดที่ใกล้กับต้นไม้ ที่คนถูกจับมัดรวมกันเอาไว้ เมื่ออยู่ในระยะใกล้ถึงได้รู้ว่า เป็นจริงอย่างที่เซี่ยซือซือ
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป