50 : หลูจิ่นฟาน ถานจ้านให้เกวียนไปส่งที่ใจกลางอำเภอเจียง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้เดินเล่นเปิดหูเปิดตากัน บรรยากาศในอำเภอเจียงค่อนข้างคึกคัก ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันหนาตา “ที่นี่มีทหารคอยลาดตระเวนเยอะเพียงนี้เลยหรือพี่จ้าน” หากเซี่ยซือซือไม่เอ่ย ถานจ้านก็คงไม่คิดสงสัย เขาเองก็แปลกใจเหมือนกัน “ก่อนหน้าไม่มี นาน ๆ ถึงจะมีผ่านมาสักคนสองคน แต่ข้าไม่ได้เข้าอำเภอมาสองปี อาจมีหลายอย่างเปลี่ยนไป” “หรือจะมีผู้ร้ายหนีคดี” “ปากเจ้านี่สรรหาเรื่องจริง ๆ ซือซือ” นางถานอดไม่ได้ต้องดุนางเล็กน้อย “ท่านแม่ข้าก็แค่สงสัย ท่านดูสิเจ้าคะ มีทหารยืนอยู่ทุกหัวมุมของถนนเลย” นางถานมองตามที่ลูกสะใภ้เอ่ยมา “จริงของซือซือนี่มันไม่ผิดปกติไปหรือจ้านเออร์” “ไม่มีประกาศอันใดออกมา คงไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงหรอกขอรับ อาจารย์สวีเองก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ น่าจะเป็นการเฝ้าระวังมากกว่า” “เช่นนั้นรึ” นางถานค่อยเบาใจขึ้น แต่เซี่ยซือซือกลับคิดว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าวางใจแต่อย่างใด นางกลัวจะเกิดอันตรายขึ้นกับครอบครัว หากมีโจร
51 : สถานการณ์ไม่ดี หยวนหย่งเล่อพร้อมพ่อบ้านเกา ขี่ม้ามาที่หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ชาวบ้านพากันตกใจ ทั้งสองดูเหมือนขุนนางมากบารมี หรือเศรษฐีในเมืองหลวงก็ไม่ปาน ไม่มีคนเช่นนี้มาเยือนหมู่บ้านบ่อยนัก นับตั้งแต่ที่ถานจ้านสอบซิ่วไฉได้ “ขอรบกวนถามท่านยายสักหน่อย ท่านพอจะรู้จักบ้านของคุณหนูเซี่ย เอ่อ เซี่ยซือซือบ้างหรือไม่” เกาหลี่เฉียงบังคับม้าไปถามหญิงชรา ที่กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านของนาง “บ้านของอาซือรึ ว่าแต่พวกท่านเป็นใครกัน” แม่เฒ่าจางมองพวกเขาอย่างไม่ไว้วางใจ “ข้าชื่อเกาหลี่เฉียง ส่วนท่านนี้คือนายท่านหยวน แห่งหอโอสถหยวนเป่าขอรับ” พอได้ยินว่าเป็นนายท่านแห่งหอโอสถหยวนเป่า แม่เฒ่าจางก็คลายความสงสัยลง นางยอมบอกทางให้แต่โดยดี แต่ก่อนที่ทั้งคู่จากไป แม่เฒ่าจางได้กล่าวขอบคุณ เรื่องที่พวกเขาช่วยเหลือยามเสบียงไม่เพียงพอ หยวนหย่งเล่อไม่คิดว่า เพียงคำขอบคุณจากหญิงชราผู้หนึ่ง จะทำให้เขารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองขึ้นมาได้ คงเพราะเป็นคำขอบคุณที่ออกมาจากใจริง มิใช่เสแสร้งเหมือนที่เขาเคยพบเจอมา นางถานได้ยินเสียงคนเรียกอยู่หน้าบ้า
52 : เตือนภัยชาวบ้าน เซี่ยซือซือเห็นถานจ้าน ยืนมองชั้นวางตำราด้วยสายตาว่างเปล่า นางเดินไปยืนอยู่ด้านข้างกับเขา “พี่จ้านท่านเสียดายตำราหรือเจ้าคะ” “เสียดายสิ เจ้าไม่รู้กว่าข้าจะซื้อตำราได้แต่ละเล่ม มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่ว่า” ถานจ้านหันมาทางภรรยาตัวน้อยของเขา จับมือนางขึ้นมากุมเอาไว้ทั้งสองข้าง “เอ่อ” นี่เป็นครั้งแรกที่ถานจ้านปฏิบัติต่อนาง เหมือนสามีภรรยากันจริง ๆ “ชีวิตของเจ้าย่อมสำคัญกว่า หากข้ามัวแต่แบกตำราพวกนี้ ใครจะแบกเจ้ายามเจ้าเหนื่อยจนเดินไม่ไหว” “ท่านพูดจาเลอะเทอะแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องให้ใครมาแบกเจ้าค่ะ” ข้ามีน้ำพุวิเศษ ! “ความจริงแล้วข้าแค่เสียดาย ข้าเพิ่งไปติดต่อสำนักศึกษา ไม่ทันไรอนาคตที่ฝันไว้ก็ดับวูบ ชีวิตข้าคงไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากเหมือนเช่นคนอื่นเขา” เซี่ยซือซือเข้าใจในความคิดของเขาแล้ว ถานจ้านต้องการเข้าสอบจวี่เหริน เพื่อความก้าวหน้าของครอบครัว แต่กลับมีข่าวว่าจะเกิดสงครามขึ้น แผนที่เขาวางไว้คงพลิกผันไปหมด “พี่จ้านอนาคตของท่านจะเป็นอย่างไรนั้น ข้าไม่สนใจหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะยังอยู่เคียงข้
53 : อพยพหนีสงคราม ต้นเหมยป่าหน้าหมู่บ้าน ถานจ้านเริ่มนับคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ สรุปได้ว่ามีทั้งหมดแปดครอบครัวสามสิบกว่าคน ยังมีทารกวัยสามเดือนหนึ่งคน คือลูกชายของช่างไม้อวี่ลู่จิว เขาพยายามจดจำทุกคนไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อไม่ได้หลงลืมไประหว่างทาง เซี่ยซือซือเห็นชาวบ้านต่างมีท่าทางหวาดระแวง สายตายังแสดงความลังเลใจอยู่ นางจึงเดินไปอยู่ด้านหน้าของทุกคน “ข้ามีแผนที่การเดินทางครั้งนี้ พวกท่านคงสงสัยว่าข้าเห็นกองทหารจริงหรือไม่ ข้าเซี่ยซือซือขอสาบานตรงนี้เลยว่าข้าเห็นจริง ๆ ทีนี้ข้าอยากขอความร่วมมือพวกท่านบ้าง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง บ้านไหนมีคนชรากับเด็กเล็ก ให้มารวมกันอยู่ฝั่งนี้” เซี่ยซือซือตกลงกับเฒ่าอวี่ไห่เอาไว้แล้ว นางขอเช่าเกวียนสองคันของเขา เอาไว้ช่วยขนสัมภาระของชาวบ้าน และอีกคันเอาไว้ให้เด็กกับคนชรานั่ง แต่เฒ่าอวี่ไห่ไม่ยอมรับเงินของนาง เขาเต็มใจช่วยเหลือชาวบ้าน คนที่ได้ขึ้นเกวียนมี แม่เฒ่าจาง หวงหนิงเจียวภรรยาของช่างไม้ ซึ่งต้องดูแลทารกน้อยเสี่ยวอี เซี่ยซานซาน เซี่ยซือหยาง เสี่ยวเป่า และอวี่หวังหย่ง อวี่จิ่วซิ่น ลูกชาย
54 : มีข้ามีเจ้า (จบเล่ม1) บรรยากาศในยามนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงัด เด็กน้อยทั้งหมดถูกผู้ใหญ่กำชับห้ามใช้เสียง เสี่ยวเป่าถึงกับอุดปากตัวเองเอาไว้แน่น เซี่ยซือหยางแม้ปกติคุยจ้อเก่ง ยามนี้เขากลับรู้ความยิ่งนัก ซุกหน้าแนบชิดอยู่กับอกของนางถานเงียบ ๆ กุบ ! กับ ! ๆ ๆ ๆ มีเสียงฝีเท้าม้าจริงด้วย ทุกคนต่างหน้าผากชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ พยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด เสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือพยายามเพ่งสายตาผ่านพลังมิติพิเศษ นางเห็นกองกำลังเหล่านี้ ดูแล้วไม่ค่อยเหมือนทหารเท่าใดนัก ลักษณะเหมือนพวกป่าเถื่อนพร้อมออกปล้นสะดม นี่มันเรื่องอันใดกันด้านหลังทหารข้าศึก ด้านหน้าเป็นกลุ่มพวกคนเถื่อน สองกลุ่มนี้ร่วมมือกันอย่างนั้นรึ กุบ ! กับ ! ๆ ๆ “ย่าส์ ! หยุด !” เซี่ยซือซือถึงกับกลั้นลมหายใจ นำนกหวีดมาคาบไว้ที่ปาก อวี่จงจับหน้าไม้เอาไว้แน่น อวี่เฉินฟู่หยิบมีดสั้นออกมา นางรีบยกมือห้ามไม่ให้พวกเขาผลีผลาม ให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน “มีอะไรเจ้าหยุดทำไม !” “ข้าเห็นมูลสัตว์สดใหม่ขอรับ” “มูลสัตว์ ! ช่างมันสิ รีบไปสมทบกับนายกองเร็วเข้
55 : ดังหวีดเดียวหมายความว่าปลอดภัย ถานจ้านนั่งเฝ้ายามโดยมีภรรยานั่งพิงอกของเขาอยู่ เหมือนว่าเซี่ยซือซือกำลังนั่งพักอยู่ แต่ความจริงนั้นนางไม่ได้ละเลยหน้าที่เฝ้ายามแม้แต่น้อย คอยลอบส่งพลังออกไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ อยู่เป็นระยะ ตลอดหนึ่งชั่วยามที่นั่งเฝ้ายามอยู่ตรงนี้ ถานจ้านแอบจุมพิตศีรษะภรรยาตัวน้อยไปไม่รู้ตั้งกี่หน เซี่ยซือซือทำเป็นไม่สนใจ ในช่วงเวลาที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้ หากนางทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้ แค่เพียงเล็กน้อยนางก็ยินดี “ซือซือข้าว่าครบหนึ่งชั่วยามแล้วล่ะ พวกเราไปปลุกท่านลุงเฉินฟู่กับท่านลุงจงมาเฝ้าต่อเถอะ” ถานจ้านแตะแก้มนางเบา ๆ “อืม” เซี่ยซือซือลุกขึ้นมายืน บิดลำตัวยืดเส้นยืดสายไปมา เป็นท่ายืดกล้ามเนื้อของยุคปัจจุบัน สามีอย่างถานจ้านเห็นแล้วอดเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะท่าที่นางทำอยู่นั้นช่างแปลกประหลาดนักเชียว “นั่งนานเจ้าคงเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวล่ะสิ ลำบากเจ้าแล้วซือซือ” “ลำบากอันใดกันเจ้าคะ พี่จ้านเองก็ลำบากเหมือนกัน” “แต่เจ้ายังเป็นเพียงเด็กน้อย” “คงจริงของท่าน ลำบากข้าแล้วจริง ๆ” เซี่ยซือซือไม
56 : ข้าจะแบ่งเสบียงบ้านข้าให้พวกท่านเอง ท่านหมออวี่เหมือนเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า รีบพาทุกคนเข้าไปหาชาวบ้านกลุ่มแรกในทันที ครั้นได้เห็นหน้าคนหมู่บ้านเดียวกัน อีกทั้งพวกเขายังมีสภาพปกติดี ไม่ได้ถูกทำร้ายอย่างพวกตน ต่างพากันร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ ที่ไม่ยอมเชื่อคำเตือนของเซี่ยซือซือ “ท่านหมออวี่เกิดอันใดขึ้นขอรับ เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้กัน” ถานจ้านเห็นบางคนได้รับบาดเจ็บ บางคนเสื้อผ้าขาดรุ่ยเหมือนเกี่ยวกิ่งไม้มาตลอดทาง “พวกข้าเจอคนทำร้ายระหว่างทาง พวกมันขี่ม้ามาเร็วมาก มาถึงก็ชักดาบเข่นฆ่าผู้คนในทันที ดีที่พวกข้าหนีเข้าป่าไปคนละทิศทาง เลยรอดมาได้บางคน ส่วนคนอื่น ๆ คาดว่าจะไม่เหลือชีวิตรอดแล้ว” ท่านหมออวี่เล่าไปน้ำตาก็นองหน้าไปด้วย ชาวบ้านในกลุ่มแรกหันไปมองหน้ากันในทันที พวกเขาย่อมรู้ว่ากลุ่มคนที่ขี่ม้านั้น เป็นกลุ่มเดียวกับที่พวกเขาเห็นในคืนที่ผ่านมา หากเซี่ยซือซือไม่บอกให้หาที่หลบซ่อนได้ทัน คงมีสภาพไม่ต่างจากกลุ่มของท่านหมออวี่เป็นแน่แท้ “ตอนที่พวกข้าหนีมามีกันราวยี่สิบกว่าคน ดูสิ ตอนนี้เหลืออยู่สิบคนเท่านั้น” ท่านหมออวี่หันไปมองชาวบ้า
57 : พบผู้อพยพจากอำเภอเจียง ระหว่างการเดินทางผ่านภูเขา เส้นทางขรุขระเป็นอย่างมาก พวกเขาต้องคอยเข็นเกวียน ที่ตกหลุมถนนอยู่ตลอดทาง เฒ่าอวี่ไห่เป็นกังวลพวกเขาจะไปถึงอำเภอวั่ง ไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนเลยลงความเห็นกัน หากไปไม่ทันให้พักค้างแรมอีกคืน เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เซี่ยซือซือตรวจพบว่ามีชาวบ้านอพยพ มาจากถนนตัดแยกข้างหน้า นางเดินไปถามเฒ่าอวี่ไห่ที่เกวียนของเขา “ท่านปู่ในแผนที่มีแยกข้างหน้าด้วย ฝั่งซ้ายมาจากที่ไหนกันหรือเจ้าคะ” “ก็อำเภอเจียงนั่นแหละ เป็นทางแยกมาจากอำเภอเจียง” “เช่นนั้นถ้าอำเภอเจียงถูกยึด ชาวบ้านคงหนีตายมาทางนั้นถูกไหมเจ้าคะ” “คงต้องเป็นเช่นนั้น” ทุกคนได้ยินเสียงที่นางคุยกับเฒ่าอวี่ไห่ ต่างรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา หากมีผู้ลี้ภัยสงครามมาทางเดียวกัน ทรัพย์สินของพวกเขาไม่ค่อยปลอดภัยเท่าใดนัก ระหว่างพักกินมื้อเที่ยงพวกเขาจึงหารือกันเรื่องนี้กัน “แน่ใจหรือเฒ่าอวี่ไห่ว่ามีทางแยกอยู่ด้านหน้า” ท่านหมออวี่ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ การพบเจอผู้อพยพกลุ่มอื่น ย่อมส่งผลต่อความปลอดภัยของทุกคน “แน่ใจ
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป