43 : เสบียงชาวบ้านไม่พอ หิมะตกหนักตลอดทั้งสองสัปดาห์ ถนนถูกหิมะปกคลุมจนไม่สามารถเดินทางเข้าตำบลได้ ชาวบ้านหลายคนไม่ได้เตรียมตัวตุนเสบียงเอาไว้ เพราะคิดว่ายังสามารถเดินทางเข้าตำบลได้อยู่ ต้องพากันผิดหวังต้องไปหารือกับผู้ใหญ่บ้าน เรื่องเสบียงอาหารของพวกเขา หนึ่งในนั้นเป็นคนบ้านสกุลเซี่ยด้วย ผู้ใหญ่บ้านตีระฆังเรียกประชุมที่ลานหน้าบ้าน ทุกคนจึงฝ่าหิมะไปหารือกันที่นั่น “ปีนี้หิมะมาเร็วและตกไม่หยุดมาครึ่งเดือน ถนนไปตำบลหิมะสูงจนเดินทางด้วยเกวียนไม่ได้ มีบ้านนับสิบครัวเรือนที่ไม่ได้เตรียมเสบียงเอาไว้ ข้าจึงอยากถามว่าที่บ้านของใคร มีตุนเสบียงไว้เกินจำเป็นหรือไม่ สามารถนำออกมาขายให้ชาวบ้านได้บ้าง” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวขอความช่วยเหลือ แต่ทุกคนกลับเงียบกันหมด ใครบ้างจะมีเงินตุนเสบียงไว้เกินความจำเป็นเพียงนั้น คนบ้านสกุลถานต่างเงียบ พวกเขาตุนเสบียงแค่พอหน้าหนาว แน่นอนว่าเซี่ยซือซือไม่นับรวมถึงเสบียง ที่อยู่ในมิติพิเศษของนาง หากทุกคนรู้จะมุ่งเป้ามาที่บ้านสกุลถาน ยามนั้นความหิวโหยมาเยือน คนมักจะเห็นแก่ตัวกันหมด “ข้าเห็นคนบ้านสกุลถาน ตุนเสบียงไว้ตั้งแต่ก่อนหิมะจะตก
44 : รถลากเลื่อน เซี่ยซือซือให้สองแม่ลูกสกุลถานกลับบ้านไปก่อน นางยังมีธุระที่ต้องไปทำต่อ โดยมีน้องทั้งสองคนตามไปด้วย พวกนางมุ่งหน้าไปยังบ้านของช่างไม้อวี่ลู่จิว เพื่อรับเครื่องไม้ที่นางสั่งทำไว้เมื่อหลายวันก่อน “ซือซือเจ้ามารับของที่สั่งทำไว้รึ” อวี่ลู่จิวทักทันทีที่เห็นหน้านาง “เจ้าค่ะท่านลุง ท่านทำเสร็จหรือยังเจ้าคะ” “ต้องเสร็จอยู่แล้วฝีมือข้าซะอย่าง อยู่ทางนี้มามาพวกเจ้าเข้ามาดู ว่าใช่ของที่พวกเจ้าต้องการไหม” อวี่ลู่จิวเชิญเด็กทั้งสามคน เข้าไปภายในบ้านของเขา เดินตรงไปยังห้องเก็บเครื่องไม้ เครื่องไม้ที่เซี่ยซือซือสั่งทำไว้ อวี่ลู่จิววางกองรวมกันอยู่บนพื้น “นี่รถลากเลื่อน อันนี้กระดานไม้ ภาพร่างที่เจ้าให้ข้ามา ข้าพยายามทำให้เหมือนมากที่สุดแล้ว รถลากเลื่อนข้าพอจะเข้าใจ ว่ามันเอาไว้ใส่สิ่งของ แต่เจ้ากระดานไม้อันนี้ เจ้าเอาไว้ทำอันใดรึซือซือ” “กระดานไม้ข้าเอาไว้ให้น้อง ๆ ของข้า ลากเล่นบนหิมะเจ้าค่ะท่านลุง” “ของเล่นของข้า !” เซี่ยซือหยางใจเต้นแรงด้วยความดีใจ ตอนนี้แก้มของเขาแดงปลั่งเพราะอากาศหนาว เขาเดินเข้าไ
45 : ฝ่าหิมะเข้าตำบล เซี่ยซือซือเตรียมของบางอย่างให้ชาวบ้าน ที่กำลังออกเดินทางเข้าตำบล นางหิ้วของเหล่านั้นไปพร้อมกับถานจ้าน ผู้ใหญ่บ้านบอกทุกคนว่า รถลากเลื่อนที่ทุกคนนำไปด้วย เป็นฝีมือการคิดค้นจากเซี่ยซือซือ ให้พวกเขาใช้ใส่เสบียงขากลับ จะได้ไม่ต้องแบกกันให้เหนื่อย “ข้าไม่รู้ว่าถนนหนทางเป็นอย่างไร พวกเจ้าต้องตัดสินใจกันเอาเอง” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเตือนพวกเขา “ท่านลุงท่านน้าทั้งหลาย หากท่านเจอความลำบาก ให้ท่านนึกถึงหน้าของครอบครัว ที่รอพวกท่านอยู่ที่บ้านนะเจ้าคะ หากมีปัญหาให้ค่อย ๆ ปรึกษากันอย่าใจร้อน” เซี่ยซือซือแนะนำพวกเขาเล็กน้อย “ท่านลุงเจ้าค่ะ” นางเดินไปหานายพรานอวี่จง “อาซือเจ้ามีอันใดรึ” “นี่คือป้ายประจำหอโอสถหยวนเป่าเจ้าค่ะ ข้ารู้จักกับนายท่านหยวน เขาบอกว่าหากข้าได้พบความลำบาก ให้นำป้ายอันนี้ ไปที่หอโอสถหยวนเป่า เขาจะช่วยจัดการให้เองเจ้าค่ะ” “แต่ข้าจะไปหอโอสถทำไมกัน” “เผื่อเอาไว้เจ้าค่ะ กรณีที่ไม่มีร้านไหนขายข้าวให้ หรือว่าข้าวที่ขายราคาแพงจนพวกท่านซื้อไม่ไหว ลองไปขอความช่วยเหลือเขาดูนะเจ้าคะ ให้บอกว่าข้
46 : ขอความช่วยเหลือจากหอโอสถหยวนเป่า หอโอสถหยวนเป่า เฉาเหวินอู่มองบุรุษชาวบ้านสองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ คนงานในร้านบอกว่า พวกเขาถือป้ายประจำหอโอสถหยวนเป่า มาขอความช่วยเหลือ “พวกท่านบอกว่ามาจากที่ไหนกันนะ” ผู้ดูแลเฉาถามหาที่มาที่ไปของทั้งคู่ “พวกข้ามาจากหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ขอรับ ข้าชื่ออวี่จงนี่คืออวี่ฉือ พวกเราเดินเท้าเข้ามาซื้อเสบียงในตำบล แต่ว่าเสบียงหมดทุกร้าน ก่อนมาอาซือ เซี่ยซือซือ นางมอบป้ายนี้ให้ข้า บอกว่าหากเดือดร้อน ให้มาขอความช่วยเหลือ จากหอโอสถหยวนเป่าของพวกท่านขอรับ” อวี่จงระมัดระวังคำพูดตัวเองเป็นอย่างมาก ท่าทางเขาสุภาพอ่อนน้อมอย่างรู้งาน “เซี่ยซือซือเช่นนั้นรึ” เฉาเหวินอู่หลับตานึกถึงใบหน้าของแม่นางน้อยผู้นั้น นายท่านหยวนเคยกำชับเรื่องนี้แก่เขาไว้ แต่เขาให้ช่วยเหลือนาง ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเดียวกันกับนาง “ท่านไม่รู้จักนางหรือขอรับ” อวี่ฉือคิดว่าตนเองต้องถูกเด็กน้อยนั่นล้อเล่นเข้าให้ “ท่านทั้งสองเข้ามานั่งรอในห้องก่อน ชิมชาร้อนคลายหนาวรอข้าสักครู่” เฉาเหวินอู่เดินนำทั้งสอง ไปยังห้องรับรองของเขา สั่งให้ค
47 : ป่วยเพราะไม่ดื่มสุราคลายหนาว บ้านสกุลเซี่ย แม่เฒ่าเซี่ยกำลังแจกขนม ให้บ้านใหญ่กับบ้านรองคนละกล่อง นางเก็บไว้เองถึงสองกล่อง สะใภ้รองเห็นแล้วถึงกับชักสีหน้าเล็กน้อย “เจ้ามีอันใดไม่พอใจ ก็พูดออกมาสะใภ้รอง” แต่ไม่ได้รอดพ้นสายตาของแม่สามีนางไปได้ “ท่านพี่ของข้าลำบากตรากตรำออกไปหาเสบียง ท่านแม่ควรมอบขนมให้บ้านรองเพิ่มนะเจ้าคะ” “เอะอะก็จะเอาเพิ่ม เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร เจ้ารองยังไม่พูดอะไรสักคำ เหตุใดเจ้า..” “ท่านพี่ !” นางจงรีบเข้าไปประคองสามี เขาทำท่าจะล้มลงไปบนพื้น ดีที่นางขยับตัวได้ทันท่วงที “เจ้าใหญ่เจ้าเข้าไปดูน้องชายเจ้าก่อน เป็นอันใดไปแล้วนั่น” แม่เฒ่าเซี่ยสั่งลูกชายคนโต แต่มือของนางยังกอดกล่องขนมสองกล่องเอาไว้แน่น “เจ้ารอง ๆ ๆ” เซี่ยฉางเรียกเท่าไรเขาก็ไม่ตื่น “เจ้าหลบก่อนน้องสะใภ้” เขารีบแบกน้องชายขึ้นหลัง พาเดินเข้าไปในห้องนอน นางจงกับลูกทั้งสองเดินตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง “เจ้ารองได้ยินข้าหรือไม่” เซี่ยฉางยังคงตบแก้มน้องชายเบา ๆ “ตัวท่านพี่ร้อนจี๋เลยพี่ใหญ่ เวยอันเจ้ารีบไปบอก
48 : สอนเล่นสกี ระหว่างที่เด็ก ๆ ช่วยกันกวาดลานหิมะ มีสตรีชาวบ้านสามคนเข้ามาที่บ้านสกุลถาน เพื่อขอบคุณเซี่ยซือซือที่ช่วยเหลือสามีของพวกนาง “ซือซือกับจ้านเออร์กวาดหิมะบนหลังคาอยู่ มีอะไรพวกเจ้าก็บอกข้าได้” นางถานไม่อยากให้คนไปขัดจังหวะ การทำงานอันตรายของสองคนนั้น “สามีข้าบอกว่าเพราะสุราคลายหนาวของซือซือ ทำให้พวกเขารอดกลับมาแบบไม่เจ็บป่วย” “ใช่ ๆ สามีข้าก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ลุงรองของซือซือกลับไม่เชื่อหลานสาวตัวเอง” “เซี่ยซุนน่ะรึ เขาทำไม” “เขาไม่ยอมดื่มสุราคลายหนาวของซือซือ พอกลับมาถึงบ้านป่วยหนักเกือบตาย มีเขาคนเดียวที่ป่วย คนอื่นปลอดภัยกันหมด ช่างโง่งมเหลือเกิน” “ใช่ บ้านข้าอยู่ใกล้บ้านสกุลเซี่ย ข้าได้ยินว่าแม่เฒ่าเซี่ยไม่ยอมออกเงินรักษาเซี่ยชุน เพราะเขาดื้อดึงไม่ยอมดื่มสุราคลายหนาวเอง เลยบังคับให้สะใภ้รองเขียนใบค้างชำระค่ารักษาเอาไว้ คิดดูสิเหลียนฮวาเงินค่ารักษาตั้งสองตำลึง ซื้อข้าวได้ตั้งกี่โต่ว” “ช่างโชคร้ายจริง ๆ” นางถานแอบยิ้มในใจ ลูกสะใภ้ของนางอุตส่าห์มีน้ำใจ เมื่อไม่รับก็จงรับกรรมไปเถอะ
49 : ไปอำเภอเจียงครั้งแรก เซี่ยซือซือตื่นเช้าขึ้นมา เห็นเชือกถักสีแดงบนข้อมือด้านซ้าย พลันนิ่วหน้าไม่เข้าใจ ห้องนี้มีเพียงนางกับถานจ้านแค่สองคน นางไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องสงสัยนาน รีบลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน นางมัวแต่คิดถึงเรื่องเชือกถัก จึงไม่ทันระวังแปรงสีฟันยุคโบราณ “อ้าก !” กิ่งหลิวทิ่มโดนเหงือกของนางเข้า ตึก ! ตึก ! ได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งมาเร็ว ๆ พร้อมบานประตูห้องถูกผลักออกสุดแรง “ซือซือเจ้าเป็นอะไรไป !” ถานจ้านถลาเข้ามาหาภรรยาอย่างตกใจ ด้านหลังมีนางถานกับเด็ก ๆ วิ่งตามมาด้วย “เอ่อ อืออ่าอ้าเอ็บอาก” นางเจ็บจนพูดไม่ชัด “ไหนขอข้าดูก่อน” ถานจ้านแตะปากล่างของนางเบา ๆ เห็นเลือดซึมอยู่ด้านในก็ตกใจ รีบหาผ้าสะอาดมาเช็ดให้ “ตอนแปรงฟันต้องระวังรู้ไหม เป็นแผลในปากเลย” “ดูดี ๆ นะจ้านเออร์มีเศษไม้ค้างอยู่ไหม” “ไม่น่าจะมีขอรับ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” เขาบอกหลังตรวจดูปากของนางดีแล้ว เซี่ยซือซือรีบบ้วนทำความสะอาดปาก เอาเลือดในปากออกให้หมด นางลองขยับปากดู เหมือนจะเจ็บน้อยลง “อ้อ เชือกถักนี่ท่านให้ข้ารึ
50 : หลูจิ่นฟาน ถานจ้านให้เกวียนไปส่งที่ใจกลางอำเภอเจียง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้เดินเล่นเปิดหูเปิดตากัน บรรยากาศในอำเภอเจียงค่อนข้างคึกคัก ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันหนาตา “ที่นี่มีทหารคอยลาดตระเวนเยอะเพียงนี้เลยหรือพี่จ้าน” หากเซี่ยซือซือไม่เอ่ย ถานจ้านก็คงไม่คิดสงสัย เขาเองก็แปลกใจเหมือนกัน “ก่อนหน้าไม่มี นาน ๆ ถึงจะมีผ่านมาสักคนสองคน แต่ข้าไม่ได้เข้าอำเภอมาสองปี อาจมีหลายอย่างเปลี่ยนไป” “หรือจะมีผู้ร้ายหนีคดี” “ปากเจ้านี่สรรหาเรื่องจริง ๆ ซือซือ” นางถานอดไม่ได้ต้องดุนางเล็กน้อย “ท่านแม่ข้าก็แค่สงสัย ท่านดูสิเจ้าคะ มีทหารยืนอยู่ทุกหัวมุมของถนนเลย” นางถานมองตามที่ลูกสะใภ้เอ่ยมา “จริงของซือซือนี่มันไม่ผิดปกติไปหรือจ้านเออร์” “ไม่มีประกาศอันใดออกมา คงไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงหรอกขอรับ อาจารย์สวีเองก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ น่าจะเป็นการเฝ้าระวังมากกว่า” “เช่นนั้นรึ” นางถานค่อยเบาใจขึ้น แต่เซี่ยซือซือกลับคิดว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าวางใจแต่อย่างใด นางกลัวจะเกิดอันตรายขึ้นกับครอบครัว หากมีโจร
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป