38 : นักพรตเฒ่าตอบแทนคุณซือซือ เซี่ยซือซือยังคงเรียนหนังสือกับถานจ้านในช่วงเช้าอยู่ พอช่วงบ่ายนางก็ขึ้นไปบนเขาไฉ่หง ช่วงนี้น้องสาวของนางอยากเรียนการปักผ้ากับนางถาน นางต้องการเย็บกระเป๋าใส่เงินของนางเอง น้องเล็กนั้นถานจ้านมีการบ้านให้เขามากกว่าผู้อื่น เพราะเขาต้องศึกษาอย่างจริงจัง ไม่ได้ทำเพียงแค่อ่านออกเขียนได้เช่นพี่สาวทั้งสองคน นางอาศัยช่วงไม่มีคน แอบหลบเข้าไปในมิติพิเศษอยู่บ่อยครั้ง งานหลักที่นางทำคือเก็บผลไม้ทั้งสองชนิด มาทำเป็นแยมผลไม้ ก่อนที่มันร่วงหล่นโรยราไป พื้นที่แห่งนี้ยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนตามฤดูกาล ต้นไม้ใบหญ้าจึงปรับเปลี่ยนตามไปด้วย มีเพียงสิ่งของที่มาจากข้างนอก ที่ยังคงสภาพเดิมเอาไว้ได้ น่าแปลกดีจริง นางเปิดไหแยมเฉ่าเหมยใช้ช้อนตักชิมดู รสชาติของมันอร่อยมากจริง ๆ ส่วนแยมผิงกั่วรสชาติก็ไม่เลว หน้าหนาวนี้นางมีของกินเล่น สำหรับทุกคนภายในบ้านแล้ว เพราะเป็นหน้าหนาวนางจึงยังไม่คิดปลูกสิ่งใด ให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปเสียก่อน หน้าหนาวทีไร ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของจ้านเออร์ จะมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งที่ปกติแทบไม่มีความรู้สึก หากเป็นไปได้
39 : ขาข้างที่บาดเจ็บยังไร้ความรู้สึก ระหว่างช่วยกันต้มยาตามที่นักพรตเฒ่าแนะนำ เซี่ยซือซือก็แอบถามถึงที่มา ของการบาดเจ็บจนรักษาไม่ได้ของถานจ้าน นางเคยรู้มาบ้างตามคำเล่าลือของชาวบ้าน แต่คงไม่จริงเท่ากับรู้จากปากของนางถาน “พูดแล้วข้าก็เจ็บใจนัก คนที่มาทำร้ายจ้านเออร์ของข้า เป็นลูกศิษย์ในสำนักศึกษาเดียวกัน แต่ดันเป็นลูกชายของนายอำเภอเจียง” “ลูกชายนายอำเภอเจียง ?” เหมือนเรื่องจะใหญ่กว่าที่นางคิดไว้ “ใช่น่ะสิ เด็กคนนั้นเห็นว่าจ้านเออร์ของข้า เรียนเก่งที่สุดในห้องเรียน มักจะมากลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ จ้านเออร์ไม่อยากมีปัญหา จึงพยายามเลี่ยงมาโดยตลอด แต่วันนั้นเลี่ยงอย่างไรก็ไม่พ้น เพราะอาจารย์ดันเปรียบเทียบความสามารถ ของเด็กคนนั้นกับจ้านเออร์ อาจารย์กล่าวว่าจ้านเออร์นั้นแม้ฐานะยากจน แต่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นอย่างมาก ผิดกับบางคนมีพร้อมสรรพทั้งฐานะและเงินทอง กลับไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น” “โอ้ เช่นนั้นก็แย่ล่ะสิ” “โทษอาจารย์ผู้นั้นก็ไม่ได้ เด็กคนนั้นไม่ต้องใจเรียนเอง แต่ดึงดันจะเอาทุกอย่างให้เหมือนจ้านเออร์ อาจารย์เลยประชดประชั
40 : ขาข้าเริ่มมีความรู้สึกแล้ว “นี่ ๆ ข้าพูดกับเจ้าอยู่ เจ้ามัวแต่คิดสิ่งใด” “หืม ท่านว่าอันนะเจ้าคะ” “หากเจ้าทำได้จริงข้าจะรับซื้อมันไว้ทั้งหมดเอง สี่ดอกนี่ข้าให้ราคาดอกละสามร้อยตำลึง” แม้ยังมีอาการมึนเมา แต่หยวนหย่งเล่อยังคุยราคารู้เรื่องอยู่ เซี่ยซือซือไม่รู้ราคาที่แท้จริงของเห็ดหลินจือไฟ แต่ถึงหยวนหย่งเล่อจะนำไปขายในราคาที่แพงกว่านี้ นางก็ไม่ว่าอันใดหรอก เขาดีกับนางและครอบครัวยิ่งนัก ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจเขาก็แล้วกัน อีกอย่างนางยังมีดงเห็ดหลินจือไฟอยู่ เชื้อของเห็ดคงถูกเพาะไว้บนผนัง เจริญเติบโตได้อย่างไม่มีวันหมด “เจ้ายิ้มอันใด ไม่น่าวางใจชอบกล” “ข้าแค่สงสัย หากท่านเอาเห็ดหลินจือไฟพวกนี้ไปขาย มันจะเป็นเงินเท่าใดกันแน่” “เฮอะ ทำเป็นรู้ดี พ่อบ้านเกาพานางไปรับเงิน” ชิ ! รีบไล่ข้าเชียวนะ พ่อค้าหน้าเลือดได้กระทั่งยามเมา “ขอรับนายท่าน” เกาหลี่เฉียงยิ้มที่เซี่ยซือซือรู้ทันนายท่านของเขา รีบเดินนำหน้านางไปยังห้องทำงานของพ่อบ้าน เขาจัดการทำตั๋วเงินให้นางด้วยความรอบคอบ “ท่านลุงนา
41 : จ้านเออร์เจ้าเดินได้แล้ว เซี่ยซือซือคิดว่าต้องรอถึงสิบวัน ขาของถานจ้านถึงจะหายดี กลายเป็นว่าใช้เวลาเพียงห้าวันเท่านั้น ขาของเขาก็กลับมาเป็นปกติแล้ว เซี่ยซือซือให้เขาวางน้ำหนักลงบนเท้าข้างซ้าย แล้วลองพยายามก้าวเดินดู “มันจะไม่เป็นไปได้รึซือซือ เจ้าเร่งรีบเกินไปไหม” นางถานไม่อยากเชื่อ ว่าลูกชายของนางจะสามารถเดินได้จริง “ท่านแม่เชื่อใจข้าเถอะเจ้าค่ะ วันนี้พี่จ้านต้องเดินได้อย่างแน่นอน” “พี่เขยท่านทำได้แน่ !” เซี่ยซือหยางนั่งยอง ๆ ตาจ้องเท้าของพี่เขยเขม็ง “พี่เขยพยายามเข้านะเจ้าคะ” เซี่ยซานซานเองก็ยืนลุ้นไปพร้อมกับทุกคน แม้นางไม่ใช่คนพูดมากเหมือนน้องเล็ก แต่นางให้ความเคารพนับถือ พี่เขยคนนี้เป็นอย่างมาก ถานจ้านมองดูทุกคนในบ้านที่คอยลุ้นไปกับเขา เหงื่อเขาเริ่มตกด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ครั้นมองสบสายตากับภรรยาตัวน้อย แววตาของนางทอแสงอบอุ่น นางยิ้มให้เขาเหมือนบอกว่า ไม่มีอะไรต้องกลัว “มีข้ากับท่านแม่คอยพยุงอยู่ พี่จ้านท่านอย่าได้กลัวไปเจ้าค่ะ” ถานจ้านพยักหน้าลงให้นาง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ค่อย ๆ วางเท้าซ้ายลงบ
42 : หิมะแรกของปี ยามโฉ่ว[1] เคร้งงงง เคร้งงงง เสียงระฆังดังเตือนชาวบ้านในยามค่ำคืน เมื่อหิมะแรกโปรยปรายลงมา หลายปีก่อนหน้าไม่มีการแจ้งเตือน ชาวบ้านจุดเตาไฟไม่ทัน ตื่นเช้ามากลายเป็นศพไปทั้งบ้าน พอถึงหน้าหนาวผู้ใหญ่บ้านเลยกำหนดให้มีคน คอยดูหิมะตกในยามค่ำคืนเอาไว้ เซี่ยซือซือลุกขึ้นไปทางห้องครัว เจอน้องสาวกับนางถานอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว สักพักถานจ้านก็เดินมาหาพวกนาง เขาเดินได้สองวัน หิมะแรกก็มาเยือนเสียแล้ว โชคดีแค่ไหนที่ไม่ต้องเจ็บขา เหมือนสองปีที่ผ่านมา “ข้ากับอาซานตุนฟืนเอาไว้ค่อนข้างเยอะ ท่านแม่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เพียงพอ ตลอดหน้าหนาวนะเจ้าคะ” เซี่ยซือซือเห็นแม่สามีเป็นกังวลในเรื่องนี้ นางเลยเอ่ยให้ท่านได้เบาใจ “ลำบากพวกเจ้าแท้ ๆ” “ไม่เลยลำบากเลยเจ้าค่ะท่านแม่ ข้ากับอาซานช่วยกันทำสองคนจนชินแล้ว” ความจริงนางใช้น้ำพุวิเศษเพิ่มพลัง ในแต่ละวันจึงแบกฟืนลงมาได้ในจำนวนมาก อีกอย่างนางก็แอบเก็บฟืนในมิติพิเศษออกมาด้วย แต่ไม้แห้งตายในนั้นมีไม่เยอะ ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ นางทำใจตัดต้นไม้ในมิติพิเศษไม่ลงจร
43 : เสบียงชาวบ้านไม่พอ หิมะตกหนักตลอดทั้งสองสัปดาห์ ถนนถูกหิมะปกคลุมจนไม่สามารถเดินทางเข้าตำบลได้ ชาวบ้านหลายคนไม่ได้เตรียมตัวตุนเสบียงเอาไว้ เพราะคิดว่ายังสามารถเดินทางเข้าตำบลได้อยู่ ต้องพากันผิดหวังต้องไปหารือกับผู้ใหญ่บ้าน เรื่องเสบียงอาหารของพวกเขา หนึ่งในนั้นเป็นคนบ้านสกุลเซี่ยด้วย ผู้ใหญ่บ้านตีระฆังเรียกประชุมที่ลานหน้าบ้าน ทุกคนจึงฝ่าหิมะไปหารือกันที่นั่น “ปีนี้หิมะมาเร็วและตกไม่หยุดมาครึ่งเดือน ถนนไปตำบลหิมะสูงจนเดินทางด้วยเกวียนไม่ได้ มีบ้านนับสิบครัวเรือนที่ไม่ได้เตรียมเสบียงเอาไว้ ข้าจึงอยากถามว่าที่บ้านของใคร มีตุนเสบียงไว้เกินจำเป็นหรือไม่ สามารถนำออกมาขายให้ชาวบ้านได้บ้าง” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวขอความช่วยเหลือ แต่ทุกคนกลับเงียบกันหมด ใครบ้างจะมีเงินตุนเสบียงไว้เกินความจำเป็นเพียงนั้น คนบ้านสกุลถานต่างเงียบ พวกเขาตุนเสบียงแค่พอหน้าหนาว แน่นอนว่าเซี่ยซือซือไม่นับรวมถึงเสบียง ที่อยู่ในมิติพิเศษของนาง หากทุกคนรู้จะมุ่งเป้ามาที่บ้านสกุลถาน ยามนั้นความหิวโหยมาเยือน คนมักจะเห็นแก่ตัวกันหมด “ข้าเห็นคนบ้านสกุลถาน ตุนเสบียงไว้ตั้งแต่ก่อนหิมะจะตก
44 : รถลากเลื่อน เซี่ยซือซือให้สองแม่ลูกสกุลถานกลับบ้านไปก่อน นางยังมีธุระที่ต้องไปทำต่อ โดยมีน้องทั้งสองคนตามไปด้วย พวกนางมุ่งหน้าไปยังบ้านของช่างไม้อวี่ลู่จิว เพื่อรับเครื่องไม้ที่นางสั่งทำไว้เมื่อหลายวันก่อน “ซือซือเจ้ามารับของที่สั่งทำไว้รึ” อวี่ลู่จิวทักทันทีที่เห็นหน้านาง “เจ้าค่ะท่านลุง ท่านทำเสร็จหรือยังเจ้าคะ” “ต้องเสร็จอยู่แล้วฝีมือข้าซะอย่าง อยู่ทางนี้มามาพวกเจ้าเข้ามาดู ว่าใช่ของที่พวกเจ้าต้องการไหม” อวี่ลู่จิวเชิญเด็กทั้งสามคน เข้าไปภายในบ้านของเขา เดินตรงไปยังห้องเก็บเครื่องไม้ เครื่องไม้ที่เซี่ยซือซือสั่งทำไว้ อวี่ลู่จิววางกองรวมกันอยู่บนพื้น “นี่รถลากเลื่อน อันนี้กระดานไม้ ภาพร่างที่เจ้าให้ข้ามา ข้าพยายามทำให้เหมือนมากที่สุดแล้ว รถลากเลื่อนข้าพอจะเข้าใจ ว่ามันเอาไว้ใส่สิ่งของ แต่เจ้ากระดานไม้อันนี้ เจ้าเอาไว้ทำอันใดรึซือซือ” “กระดานไม้ข้าเอาไว้ให้น้อง ๆ ของข้า ลากเล่นบนหิมะเจ้าค่ะท่านลุง” “ของเล่นของข้า !” เซี่ยซือหยางใจเต้นแรงด้วยความดีใจ ตอนนี้แก้มของเขาแดงปลั่งเพราะอากาศหนาว เขาเดินเข้าไ
45 : ฝ่าหิมะเข้าตำบล เซี่ยซือซือเตรียมของบางอย่างให้ชาวบ้าน ที่กำลังออกเดินทางเข้าตำบล นางหิ้วของเหล่านั้นไปพร้อมกับถานจ้าน ผู้ใหญ่บ้านบอกทุกคนว่า รถลากเลื่อนที่ทุกคนนำไปด้วย เป็นฝีมือการคิดค้นจากเซี่ยซือซือ ให้พวกเขาใช้ใส่เสบียงขากลับ จะได้ไม่ต้องแบกกันให้เหนื่อย “ข้าไม่รู้ว่าถนนหนทางเป็นอย่างไร พวกเจ้าต้องตัดสินใจกันเอาเอง” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเตือนพวกเขา “ท่านลุงท่านน้าทั้งหลาย หากท่านเจอความลำบาก ให้ท่านนึกถึงหน้าของครอบครัว ที่รอพวกท่านอยู่ที่บ้านนะเจ้าคะ หากมีปัญหาให้ค่อย ๆ ปรึกษากันอย่าใจร้อน” เซี่ยซือซือแนะนำพวกเขาเล็กน้อย “ท่านลุงเจ้าค่ะ” นางเดินไปหานายพรานอวี่จง “อาซือเจ้ามีอันใดรึ” “นี่คือป้ายประจำหอโอสถหยวนเป่าเจ้าค่ะ ข้ารู้จักกับนายท่านหยวน เขาบอกว่าหากข้าได้พบความลำบาก ให้นำป้ายอันนี้ ไปที่หอโอสถหยวนเป่า เขาจะช่วยจัดการให้เองเจ้าค่ะ” “แต่ข้าจะไปหอโอสถทำไมกัน” “เผื่อเอาไว้เจ้าค่ะ กรณีที่ไม่มีร้านไหนขายข้าวให้ หรือว่าข้าวที่ขายราคาแพงจนพวกท่านซื้อไม่ไหว ลองไปขอความช่วยเหลือเขาดูนะเจ้าคะ ให้บอกว่าข้
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป