32 : นางถานหายดีแล้ว บนลาเทียมเกวียนของอวี่ซีห่าว “ท่านพี่ข้าไม่เคยนั่งเกวียนมาก่อน มันสนุกมันเลย ท่านพี่ดูนั่นตรงนั้นมีนกด้วย นั่น ๆ ต้นไม้นั่นเรียกว่าต้นอะไร แล้วนั่นอีก ไอหยา !” เซี่ยซือหยางร้องเสียงดังลั่น เมื่อลาเทียมเกวียนตกหลุมบนถนน คนบนเกวียนเลยล้มระเนระนาดกันไปหมด โชคดีที่ท่านพี่ของเขาคว้าตัวเขาเอาไว้ทัน ไม่เช่นนั้นใบหน้าน้อย ๆ ของเขา คงกระแทกพื้นเกวียนไปเสียแล้ว “เพราะเจ้ามัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ ลามันเลยตกใจ” เซี่ยซานซานรำคาญเสียงน้องชายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านมา เขาก็คุยจ้ออยู่คนเดียว ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยแม้แต่น้อย “พวกท่านมีใครเป็นอะไรมากไหม เมื่อครู่ล้อเกวียนตกหลุมถนนเข้า” อวี่ซีห่าวหยุดเกวียน หันมาถามคนด้านหลัง “ท่านแม่ พี่จ้าน พวกท่านเจ็บตรงไหนหรือเปล่า อาซานด้วย” เซี่ยซือซือเอ่ยถามทุกคนด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร ๆ กระแทกนิดเดียวเอง” นางถานคลำต้นแขนตัวเองเบา ๆ ถานจ้านกับเซี่ยซานซานต่างส่ายหน้าให้นางคลายกังวล เซี่ยซือซือหันไปทางอวี่ซีห่าว “ไม่มีใครเป็นอะไร พี่ซีห่าวท่านขับเกวียนต่อเถอะเจ้
33 : นายท่านหยวนเลี้ยงข้าว ตำบลหานตงมันเล็ก หรือชะตาต้องกันกับหยวนหย่งเล่อก็ไม่รู้ พอออกจากหอหนังสือผู่เยว่ไป เซี่ยซือซือก็ได้เจอกับเขา ที่ประตูทางเข้าภัตตาคารอ้ายเหริน คงเพราะที่นี่เป็นภัตตาคารที่อาหารอร่อยที่สุดของตำบลหานตง เซี่ยซือซืออยากให้คนในบ้านได้กินอาหารอร่อย เลยพากันมายังสถานที่แห่งนี้ “เป็นเจ้า” หยวนหย่งเล่อชะงักอยู่กับที่ เขามองเซี่ยซือซือ มองน้อง ๆ ของนาง เลยไปมองสามีพิการกับมารดาของเขาด้วย อยู่ครบทุกคนพอดี นางไม่ได้โกหกเขาเรื่องครอบครัวจริงด้วย “นายท่านหยวน” เซี่ยซือซือโค้งให้เขาเล็กน้อย “นี่สามีกับแม่สามีของข้า ส่วนนี่ก็น้องสาวกับน้องชายเจ้าค่ะ” ทุกคนต่างเรียกนายท่านหยวนอย่างพร้อมเพรียงกัน มีเพียงถานจ้านที่ยืนนิ่ง เขามีสีหน้าที่ค่อนข้างอธิบายยาก ตอนแรกเขาคิดว่านายท่านหยวน น่าจะสูงวัยกว่านี้เสียหน่อย นี่ไม่ใช่เรียกว่าเป็นบุรุษรูปงามหรอกหรือ “พวกเจ้าจะมากินข้าวที่ร้านนี้ใช่ไหม” หยวนหย่งเล่อรู้ฐานะการเงินของเซี่ยซือซือดี เขาจึงไม่แปลกใจหากนางจะมากินข้าวที่ภัตตาคารแห่งนี้ “เจ้าค่ะ พอดีท่านแม่หายป่วยแล้ว ข้าเลยว่าจะ
34 : น้องเล็กเช็ดน้ำลาย ! ส่วนเด็กทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงนี้ พวกเขาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง โดยเฉพาะเซี่ยซือหยางในตอนนี้ คำพูดอะไรก็ไม่เข้าหัวของเขาแล้ว สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะ น้ำลายทำท่าจะไหลลงมาอยู่แล้ว เซี่ยซานซานเห็นพลันตกใจ “น้องเล็กเช็ดน้ำลาย !” นางตะโกนเสียงดัง จนสะดุ้งกันทั้งโต๊ะ เซี่ยซือหยางทำตาลอย ๆ หันมามองนาง “ซู้ดด พี่รองข้าหิวแล้ว” ท้องน้อยของเขามันไม่ไว้หน้ากันเลย ร้องโครกครากเสียงดังน่าเวทนา “ท่านแม่เด็ก ๆ ทนไม่ไหวแล้วขอรับ” “เอาล่ะ ๆ ทีนี้พวกเราก็ลงมือกินข้าวกันได้อย่างสบายใจแล้ว พวกเจ้าดูอาหารแต่ละจานสิ หมูหัน หมูตุ๋นน้ำแดง เป็ดย่าง แล้วนั้นผัดผักอะไรข้าไม่เคยเห็น ข้าอยู่มาจนป่านนี้ยังไม่เคยได้กินอะไรดี ๆ แบบนี้มาก่อนเลย” นางถานลงมือจับตะเกียบคนแรก จากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าวกัน รสชาติอาหารอร่อยถูกปากทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเซี่ยซือหยางที่อร่อยจนน้ำตาเล็ด ปากก็พร่ำขอบคุณนายท่านหยวนไม่ยอมหยุด พี่รองของเขานึกรำคาญ คว้าน่องเป็ดยัดปากเขาไป เสียงน่าปวดหัวนั่นถึงได้เงียบลง แม้พวกเขาเป็นคนในหมู่บ้าน
35 : บ้านสกุลถานตุนเสบียงหน้าหนาวกันแล้ว นางถานกำลังเลือกดูเนื้อผ้ากับปุยฝ้ายอยู่ ถานจ้านนำเงินคัดลอกตำราล่าสุด มอบให้มารดาใช้จ่ายในเรื่องนี้ แต่เพราะเงินเขามีน้อยเกินไป เฉพาะผ้าห่มบุปุยฝ้ายกับเสื้อผ้าฤดูหนาวของสองแม่ลูก จึงใช้จ่ายไปถึงสองตำลึงกันเลยทีเดียว ไม่สามารถจ่ายให้สามพี่น้องสกุลเซี่ยได้ แม้รู้ว่านางมีเงินอยู่ไม่น้อย แต่ในฐานะสามีถานจ้านอยากทำเรื่องเล็กน้อยให้นางบ้าง ได้แต่นึกสมเพชตัวเองอยู่ในใจ เซี่ยซือซือไม่พูดอันใดออกมา แม้ถานจ้านยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม แต่เขามีความรับผิดชอบสูง และหยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก นางจึงไม่เอ่ยปากจ่ายเงินให้เขา เดินไปเลือกเสื้อผ้าบุปุยฝ้ายแบบสำเร็จรูปมา ซื้อให้น้องกับตัวเองคนละสองชุด ส่วนผ้าห่มบุปุยฝ้ายนั้น นางต้องการอย่างหนาและให้ความอบอุ่นได้ดี จึงสั่งให้ทางร้านตัดเย็บให้สามผืน แบ่งกันไปคนละผืน จะได้ไม่มีปัญหาแย่งชิงกัน นางถานเห็นลูกสะใภ้หยิบเสื้อผ้าหน้าหนาวมาหกชุด เป็นแบบสำเร็จรูปทั้งหมด “เจ้าต้องการซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปจริง ๆ รึซือซือ” “เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะสั่งตัดเย็บแค่ผ้าห่มปุยฝ้ายสามผืนเจ้าค่ะ พอดีข้าต้
36 : ปีศาจมาแล้ว พอพวกเขาเดินทางกลับถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ยืนอยู่บนถนนสองข้างทาง ต่างจับจ้องมาที่ลาเทียมเกวียนของพวกเขา ต่างตื่นเต้นและตกตะลึงกันหมด ที่ครอบครัวยากจนอย่างคนบ้านสกุลถาน กับเด็กบ้านสามแห่งสกุลเซี่ย สามารถซื้อเสบียงมาตุนเอาไว้ได้ ในจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ “ท่านแม่ท่านเข้าใจที่เราคุยกันไว้ใช่ไหม” เซี่ยซือซือไม่สบายใจกับสายตาของชาวบ้าน เรื่องนี้ต้องรู้ไปถึงหูของแม่เฒ่าเซี่ยอย่างแน่นอน “ข้ารู้เจ้าคิดสิ่งใดอยู่ซือซือ เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก ของของข้าใครหน้าไหนก็มาแย่งเอาไปไม่ได้” นางถานตบลงบนหลังมือของลูกสะใภ้เบา ๆ “พวกเจ้าก็ด้วยซานซานเสี่ยวซือหยาง เรื่องที่พวกเราไปกินของอร่อย หรือว่าพี่สาวเจ้ามีเงินนั้น ห้ามเอาไปพูดให้คนอื่นได้ยินเด็ดขาด โดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวซือหยาง เจ้าเล่นกับเสี่ยวเป่าบ่อย ๆ เจ้าอย่าเผลอไปเล่าให้นางฟังล่ะ” “ขอรับท่านป้า” เซี่ยซือหยางนั่งไม่นิ่ง หน้าตาเริ่มเลิ่กลั่ก เขาเคยเล่าเรื่องราวมากมายให้เสี่ยวเป่าฟัง แต่จำไม่ได้ว่าเรื่องไหนบ้าง ท่าทางร้อนตัวของเขา ไหนเลยจะรอดพ้นสายตาจากพี่สาวอย่างเซี่ยซือซือไปได้ “ที่เค
37 : ข้าทำเกษตรไม่เป็นท่านแม่ก็ไม่ถนัด “ท่านย่ากับท่านลุงท่านป้าสะใภ้ มาเยี่ยมพวกเรา” เซี่ยซือซือบอกน้องทั้งสองคนไปตามนั้น แต่ทั้งคู่ย่อมรู้ว่าการมาเยี่ยม กับการมาแย่งชิงสิ่งของนั้นต่างกัน “มาเยี่ยม ? ทำไมต้องรื้อเตียงข้าด้วยเล่า” เซี่ยซือหยางทำหน้าไม่พอใจ เขามีของกระจุกกระจิกอยู่ในถุง เก็บไว้เล่นกับเสี่ยวเป่า แต่หลินเพ่ยเอ๋อกลับเทมันลงบนเตียงนอน กระจัดกระจายกันไปหมด “นั่นสิสะใภ้ใหญ่ เจ้าทำอันใดของเจ้ากันแน่ ไปรื้อของเสี่ยวซือหยางทำไม นั่นมันของเล่นเด็ก !” นางถานอยากปรี่ไปตบคนนัก “พวกท่านเยี่ยมเสร็จแล้วใช่ไหม เช่นนั้นก็กลับไปได้แล้ว พวกข้าเพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ จะได้พักผ่อนกันเสียที” นางออกปากไล่อย่างไม่เกรงใจ นางหลินกับนางจงทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจฟังคำไล่ของเจ้าของบ้าน ทำเอานางถานกำหมัดแน่นด้วยความโมโห “พวกเจ้านี่มีอันจะกินกันจริงนะ มีเงินไปเหมาเกวียนของซีห่าวด้วย” แม่เฒ่าเซี่ยชวนคุย มองไปรอบ ๆ บริเวณห้อง แล้วแกะโน่นดึงนี่ไปเรื่อย ๆ ส่วนนางหลินนั้นถึงกับก้มลงดูใต้เตียงด้วยซ้ำ “พี่สะใภ้นั่นเตียงเตาเจ้าค่ะ” นางจงลอกตาในความโง่ของพ
38 : นักพรตเฒ่าตอบแทนคุณซือซือ เซี่ยซือซือยังคงเรียนหนังสือกับถานจ้านในช่วงเช้าอยู่ พอช่วงบ่ายนางก็ขึ้นไปบนเขาไฉ่หง ช่วงนี้น้องสาวของนางอยากเรียนการปักผ้ากับนางถาน นางต้องการเย็บกระเป๋าใส่เงินของนางเอง น้องเล็กนั้นถานจ้านมีการบ้านให้เขามากกว่าผู้อื่น เพราะเขาต้องศึกษาอย่างจริงจัง ไม่ได้ทำเพียงแค่อ่านออกเขียนได้เช่นพี่สาวทั้งสองคน นางอาศัยช่วงไม่มีคน แอบหลบเข้าไปในมิติพิเศษอยู่บ่อยครั้ง งานหลักที่นางทำคือเก็บผลไม้ทั้งสองชนิด มาทำเป็นแยมผลไม้ ก่อนที่มันร่วงหล่นโรยราไป พื้นที่แห่งนี้ยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนตามฤดูกาล ต้นไม้ใบหญ้าจึงปรับเปลี่ยนตามไปด้วย มีเพียงสิ่งของที่มาจากข้างนอก ที่ยังคงสภาพเดิมเอาไว้ได้ น่าแปลกดีจริง นางเปิดไหแยมเฉ่าเหมยใช้ช้อนตักชิมดู รสชาติของมันอร่อยมากจริง ๆ ส่วนแยมผิงกั่วรสชาติก็ไม่เลว หน้าหนาวนี้นางมีของกินเล่น สำหรับทุกคนภายในบ้านแล้ว เพราะเป็นหน้าหนาวนางจึงยังไม่คิดปลูกสิ่งใด ให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปเสียก่อน หน้าหนาวทีไร ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของจ้านเออร์ จะมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งที่ปกติแทบไม่มีความรู้สึก หากเป็นไปได้
39 : ขาข้างที่บาดเจ็บยังไร้ความรู้สึก ระหว่างช่วยกันต้มยาตามที่นักพรตเฒ่าแนะนำ เซี่ยซือซือก็แอบถามถึงที่มา ของการบาดเจ็บจนรักษาไม่ได้ของถานจ้าน นางเคยรู้มาบ้างตามคำเล่าลือของชาวบ้าน แต่คงไม่จริงเท่ากับรู้จากปากของนางถาน “พูดแล้วข้าก็เจ็บใจนัก คนที่มาทำร้ายจ้านเออร์ของข้า เป็นลูกศิษย์ในสำนักศึกษาเดียวกัน แต่ดันเป็นลูกชายของนายอำเภอเจียง” “ลูกชายนายอำเภอเจียง ?” เหมือนเรื่องจะใหญ่กว่าที่นางคิดไว้ “ใช่น่ะสิ เด็กคนนั้นเห็นว่าจ้านเออร์ของข้า เรียนเก่งที่สุดในห้องเรียน มักจะมากลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ จ้านเออร์ไม่อยากมีปัญหา จึงพยายามเลี่ยงมาโดยตลอด แต่วันนั้นเลี่ยงอย่างไรก็ไม่พ้น เพราะอาจารย์ดันเปรียบเทียบความสามารถ ของเด็กคนนั้นกับจ้านเออร์ อาจารย์กล่าวว่าจ้านเออร์นั้นแม้ฐานะยากจน แต่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นอย่างมาก ผิดกับบางคนมีพร้อมสรรพทั้งฐานะและเงินทอง กลับไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น” “โอ้ เช่นนั้นก็แย่ล่ะสิ” “โทษอาจารย์ผู้นั้นก็ไม่ได้ เด็กคนนั้นไม่ต้องใจเรียนเอง แต่ดึงดันจะเอาทุกอย่างให้เหมือนจ้านเออร์ อาจารย์เลยประชดประชั
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป