28 : ซือซือเจ้าเจอเทพเจ้าโชคลาภอีกแล้วรึ เซี่ยซือซือกอดปลอบน้องชายไปตลอดทาง เขาดูขวัญเสียเป็นอย่างมาก กระทั่งเดินมาถึงบ้านสกุลถาน นางก็รีบหันหลังหลบมุม นำของในมิติออกมาใส่ตะกร้า “นั่งก่อน ๆ อาซานเจ้าไปเอาน้ำเย็น ๆ มาให้พี่สาวเจ้าดื่มเร็วเข้า” “เจ้าค่ะท่านป้า” เซี่ยซานซานเดินหายเข้าไปให้ห้องครัว ครู่หนึ่งนางก็กลับออกมาพร้อมกาน้ำต้ม จัดการรินน้ำให้พี่สาวได้ดื่มแก้กระหาย “ทีนี้เจ้าเล่ามาซือซือว่าเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเป่าสหายของเสี่ยวซือหยาง วิ่งมาบอกว่าเจ้าถูกแม่เฒ่าเซี่ยตีอยู่กลางหมู่บ้าน ทำเอาเสี่ยวซือหยางตกใจมาก รีบวิ่งไปหาเจ้าด้วยความเป็นห่วง” “น้องเล็กหกล้มด้วยท่านพี่” เซี่ยซานซานรีบบอกพี่สาว “จริงหรือไหนขอข้าดูหน่อยเจ้าบาดเจ็บตรงไหน” เซี่ยซือซือรีบย่อตัวลง สำรวจดูร่างกายของน้องชาย “ข้าไม่ได้ถูกตี ข้าไม่เจ็บ” เจ้าตัวน้อยคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น เพราะคำพูดของสหายนั้นดูจริงจังเป็นอย่างมาก “เสี่ยวเป่าไม่เคยโกหกข้า” “เสี่ยวเป่ายังเด็กอาจจะพูดเกินจริงไปบ้าง ข้าแค่ถูกแย่งตะกร้าไม่ได้ถูกตีเสียหน่อย เจ้า
29 : มีบ่อน้ำกลางหมู่บ้านแล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกัน พวกเขาได้ขุดพบบ่อน้ำใจกลางหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนสามารถตักน้ำ กลับไปใช้ที่บ้านของตัวเองได้ เรื่องอิจฉาริษยาคนบ้านสกุลถานจึงถูกลืมเลือนไป เซี่ยซือซือพาน้องทั้งสองคนเดินไปดูบ่อน้ำที่กลางหมู่บ้านด้วย “น้องเล็กจำที่ข้าบอกได้หรือไม่” เซี่ยซือซือย่อตัวอุ้มน้องชายขึ้น “จำได้ ห้ามบอกคนอื่นว่าท่านพี่เป็นคนเจอบ่อน้ำ” เซี่ยซือหยางไม่ได้สนใจบ่อน้ำอีกต่อไป เขาสนใจขนมกับลูกอม ที่อยู่ในกระเป๋าตัวเองมากกว่า “ดีมาก ว่าแต่เจ้าจะเอาขนมไปให้ใคร” “ไอหยา ! ข้าซ่อนดีแล้วนะ ท่านพี่รู้ได้อย่างไร” มือที่ซ่อนขนมสั่นเล็กน้อยหลังถูกพี่สาวจับได้ “เลิ่กลั่กปานนั้น ข้ายังรู้เลย” เซี่ยซานซานกลอกตามองน้องชายอย่างหมั่นไส้ คิดว่ามือน้อย ๆ นั่น จะแอบซ่อนอะไรได้รึ “พี่รองท่านก็ซ่อนขนมไว้ข้าเห็น” “นั่นเรียกว่าเอาไว้กินยามหิวต่างหาก ไม่ใช่แอบซ่อนเอาไปให้ผู้อื่นอย่างเจ้า” น้องเล็กเถียงไม่ออก ทำเสียงอืออาอยู่ในลำคอแทน เรื่องนี้มันชักจะแปลก
30 : สอนหนังสือเด็กสามคน “มีอันใดก็เอ่ยมา พวกเจ้ามายืนจ้องหน้าข้าเช่นนี้ บอกตามตรงข้าอึดอัด” ถานจ้านมองสามพี่น้อง ที่ยืนเรียงหน้ากระดานมองตนเองอยู่กลางห้อง เขารอแล้วรออีกก็ยังไม่มีใคร เอ่ยอะไรออกมาสักคำ “ท่านพี่พูด !” เซี่ยซือหยางกระตุกแขนเสื้อพี่สาวแรง ๆ “เจ้านั่นแหละพูด !” เซี่ยซือซืออดที่จะแกล้งน้องชายตัวเองไม่ได้ เซี่ยซานซานมองทั้งคู่แล้วเบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอา “ข้าพูดเอง พี่เขยท่านช่วยสอนหนังสือพวกเราสามคนได้หรือไม่” “สอนหนังสือ ?” ถานจ้านเลิกคิ้วขึ้นสูง เขามีความคิดอยากสอนหนังสือเซี่ยซือหยางอยู่ก่อนหน้าแล้ว เพียงแต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจ คือพี่สาวทั้งสองคนของเขา ต้องการเรียนหนังสือด้วย “เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้อยากเรียนท่านพี่นั่นแหละบังคับข้า” เซี่ยซานซานแอบฟ้อง นางไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพี่ ถึงอยากให้นางเรียน “เจ้าอยากเป็นคนโง่ไม่รู้หนังสือหรืออย่างไร ข้าไปขายของป่าในตำบล อ่านป้ายชื่อร้านยังไม่ออก ต่อไปจะไปค้าขายกับคนอื่นได้อย่างไร ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าเรียนเก่ง เหมือนบัณฑิตในสถานศึกษานะอาซาน ข้าแค่อยากให้เจ้าอ่านออกเ
31 : พวกเด็กบ้านสามแอบซ่อนเงินเอาไว้ หนึ่งเดือนที่สามพี่น้องสกุลเซี่ย ได้ฝึกฝนการเขียนตัวอักษรกับถานจ้าน พวกเขาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว จนคนสอนอย่างถานจ้านนึกตกใจ โดยเฉพาะภรรยาตัวน้อยของเขา ตำราพันอักษรที่เขาสอน นางจดจำได้เกือบหมด ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ระหว่างนั่งกินข้าวเย็นกันอยู่ ถานจ้านได้เอ่ยเรื่องที่เขาคิดเอาไว้ออกมา “ต่อไปพวกเจ้าควรได้ฝึกการใช้พู่กันกับกระดาษแล้วล่ะ” อาจารย์เฉพาะกิจอย่างถานจ้าน เริ่มพัฒนาการสอนของเขา นอกจากเขาจะสอนเรื่องตัวอักษรแล้ว ถานจ้านยังสอนเรื่องคุณธรรมอันดีงามแก่พวกเขาอีกด้วย “ข้าจะเข้าไปในตำบล หาซื้ออุปกรณ์การเรียนเอง” เซี่ยซือซือยกมืออาสา ถานจ้านรู้ว่าเซี่ยซือซือขึ้นเขาไปวันเว้นวัน และนางมักจะได้ของป่าติดมือกลับมา นางนำของป่าเข้าไปขายในตำบลอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่นางกลับมาจากตำบล บ้านของเขาจะมีอาหารอร่อยกินกัน ตอนนี้พวกนางไม่ได้ผอมแห้งเหมือนตอนแรกที่มา สีหน้าและแววตาดูสดใสมากขึ้น หากยังเป็นอย่างนี้อีกสักเดือนสองเดือน พวกนางก็จะมีร่างกายแข็งแรง เหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป เซี่ยซือซือย่อมรู้ดีเรื่องโภชนาก
32 : นางถานหายดีแล้ว บนลาเทียมเกวียนของอวี่ซีห่าว “ท่านพี่ข้าไม่เคยนั่งเกวียนมาก่อน มันสนุกมันเลย ท่านพี่ดูนั่นตรงนั้นมีนกด้วย นั่น ๆ ต้นไม้นั่นเรียกว่าต้นอะไร แล้วนั่นอีก ไอหยา !” เซี่ยซือหยางร้องเสียงดังลั่น เมื่อลาเทียมเกวียนตกหลุมบนถนน คนบนเกวียนเลยล้มระเนระนาดกันไปหมด โชคดีที่ท่านพี่ของเขาคว้าตัวเขาเอาไว้ทัน ไม่เช่นนั้นใบหน้าน้อย ๆ ของเขา คงกระแทกพื้นเกวียนไปเสียแล้ว “เพราะเจ้ามัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ ลามันเลยตกใจ” เซี่ยซานซานรำคาญเสียงน้องชายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านมา เขาก็คุยจ้ออยู่คนเดียว ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยแม้แต่น้อย “พวกท่านมีใครเป็นอะไรมากไหม เมื่อครู่ล้อเกวียนตกหลุมถนนเข้า” อวี่ซีห่าวหยุดเกวียน หันมาถามคนด้านหลัง “ท่านแม่ พี่จ้าน พวกท่านเจ็บตรงไหนหรือเปล่า อาซานด้วย” เซี่ยซือซือเอ่ยถามทุกคนด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร ๆ กระแทกนิดเดียวเอง” นางถานคลำต้นแขนตัวเองเบา ๆ ถานจ้านกับเซี่ยซานซานต่างส่ายหน้าให้นางคลายกังวล เซี่ยซือซือหันไปทางอวี่ซีห่าว “ไม่มีใครเป็นอะไร พี่ซีห่าวท่านขับเกวียนต่อเถอะเจ้
33 : นายท่านหยวนเลี้ยงข้าว ตำบลหานตงมันเล็ก หรือชะตาต้องกันกับหยวนหย่งเล่อก็ไม่รู้ พอออกจากหอหนังสือผู่เยว่ไป เซี่ยซือซือก็ได้เจอกับเขา ที่ประตูทางเข้าภัตตาคารอ้ายเหริน คงเพราะที่นี่เป็นภัตตาคารที่อาหารอร่อยที่สุดของตำบลหานตง เซี่ยซือซืออยากให้คนในบ้านได้กินอาหารอร่อย เลยพากันมายังสถานที่แห่งนี้ “เป็นเจ้า” หยวนหย่งเล่อชะงักอยู่กับที่ เขามองเซี่ยซือซือ มองน้อง ๆ ของนาง เลยไปมองสามีพิการกับมารดาของเขาด้วย อยู่ครบทุกคนพอดี นางไม่ได้โกหกเขาเรื่องครอบครัวจริงด้วย “นายท่านหยวน” เซี่ยซือซือโค้งให้เขาเล็กน้อย “นี่สามีกับแม่สามีของข้า ส่วนนี่ก็น้องสาวกับน้องชายเจ้าค่ะ” ทุกคนต่างเรียกนายท่านหยวนอย่างพร้อมเพรียงกัน มีเพียงถานจ้านที่ยืนนิ่ง เขามีสีหน้าที่ค่อนข้างอธิบายยาก ตอนแรกเขาคิดว่านายท่านหยวน น่าจะสูงวัยกว่านี้เสียหน่อย นี่ไม่ใช่เรียกว่าเป็นบุรุษรูปงามหรอกหรือ “พวกเจ้าจะมากินข้าวที่ร้านนี้ใช่ไหม” หยวนหย่งเล่อรู้ฐานะการเงินของเซี่ยซือซือดี เขาจึงไม่แปลกใจหากนางจะมากินข้าวที่ภัตตาคารแห่งนี้ “เจ้าค่ะ พอดีท่านแม่หายป่วยแล้ว ข้าเลยว่าจะ
34 : น้องเล็กเช็ดน้ำลาย ! ส่วนเด็กทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงนี้ พวกเขาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง โดยเฉพาะเซี่ยซือหยางในตอนนี้ คำพูดอะไรก็ไม่เข้าหัวของเขาแล้ว สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะ น้ำลายทำท่าจะไหลลงมาอยู่แล้ว เซี่ยซานซานเห็นพลันตกใจ “น้องเล็กเช็ดน้ำลาย !” นางตะโกนเสียงดัง จนสะดุ้งกันทั้งโต๊ะ เซี่ยซือหยางทำตาลอย ๆ หันมามองนาง “ซู้ดด พี่รองข้าหิวแล้ว” ท้องน้อยของเขามันไม่ไว้หน้ากันเลย ร้องโครกครากเสียงดังน่าเวทนา “ท่านแม่เด็ก ๆ ทนไม่ไหวแล้วขอรับ” “เอาล่ะ ๆ ทีนี้พวกเราก็ลงมือกินข้าวกันได้อย่างสบายใจแล้ว พวกเจ้าดูอาหารแต่ละจานสิ หมูหัน หมูตุ๋นน้ำแดง เป็ดย่าง แล้วนั้นผัดผักอะไรข้าไม่เคยเห็น ข้าอยู่มาจนป่านนี้ยังไม่เคยได้กินอะไรดี ๆ แบบนี้มาก่อนเลย” นางถานลงมือจับตะเกียบคนแรก จากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าวกัน รสชาติอาหารอร่อยถูกปากทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเซี่ยซือหยางที่อร่อยจนน้ำตาเล็ด ปากก็พร่ำขอบคุณนายท่านหยวนไม่ยอมหยุด พี่รองของเขานึกรำคาญ คว้าน่องเป็ดยัดปากเขาไป เสียงน่าปวดหัวนั่นถึงได้เงียบลง แม้พวกเขาเป็นคนในหมู่บ้าน
35 : บ้านสกุลถานตุนเสบียงหน้าหนาวกันแล้ว นางถานกำลังเลือกดูเนื้อผ้ากับปุยฝ้ายอยู่ ถานจ้านนำเงินคัดลอกตำราล่าสุด มอบให้มารดาใช้จ่ายในเรื่องนี้ แต่เพราะเงินเขามีน้อยเกินไป เฉพาะผ้าห่มบุปุยฝ้ายกับเสื้อผ้าฤดูหนาวของสองแม่ลูก จึงใช้จ่ายไปถึงสองตำลึงกันเลยทีเดียว ไม่สามารถจ่ายให้สามพี่น้องสกุลเซี่ยได้ แม้รู้ว่านางมีเงินอยู่ไม่น้อย แต่ในฐานะสามีถานจ้านอยากทำเรื่องเล็กน้อยให้นางบ้าง ได้แต่นึกสมเพชตัวเองอยู่ในใจ เซี่ยซือซือไม่พูดอันใดออกมา แม้ถานจ้านยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม แต่เขามีความรับผิดชอบสูง และหยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก นางจึงไม่เอ่ยปากจ่ายเงินให้เขา เดินไปเลือกเสื้อผ้าบุปุยฝ้ายแบบสำเร็จรูปมา ซื้อให้น้องกับตัวเองคนละสองชุด ส่วนผ้าห่มบุปุยฝ้ายนั้น นางต้องการอย่างหนาและให้ความอบอุ่นได้ดี จึงสั่งให้ทางร้านตัดเย็บให้สามผืน แบ่งกันไปคนละผืน จะได้ไม่มีปัญหาแย่งชิงกัน นางถานเห็นลูกสะใภ้หยิบเสื้อผ้าหน้าหนาวมาหกชุด เป็นแบบสำเร็จรูปทั้งหมด “เจ้าต้องการซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปจริง ๆ รึซือซือ” “เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะสั่งตัดเย็บแค่ผ้าห่มปุยฝ้ายสามผืนเจ้าค่ะ พอดีข้าต้
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป