บทที่ 6 เหตุผลที่ต้องเฉยชา
ค่ำคืนมาเยือนความสว่างเริ่มมืดครึ้มลงยามนี้หิมะเริ่มหยุดไม่โปรยปรายเสมือนที่ผ่านมาทว่าร่างบางยังคงเหน็บหนาวจ้องมองผ่านหน้าต่างไปด้านนอกคิดไม่ตกจะทำอย่างไรหรือรับมือกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอย่างไรดี
หลังจากที่นางอาบน้ำแต่งอาภรณ์ชุดใหม่ได้ไปหาเสี่ยวเออร์กับจิ้นเอ๋อที่ตำหนักทั้งสองดีใจมากที่ได้กลับมาอยู่ในจวนมีผ้านวมหน้านุ่มเตียงนอนและห้องที่อบอุ่นไม่ต้องทนหนาวเสมือนอยู่นอกจวน แถมยังมีสาวใช้และแม่นมคอยดูแลไม่ห่าง ทำให้เมิ่งซูเหยาสบายใจก่อนจะกลับตำหนักตนเองกำชับแม่นมของบุตรทั้งสองให้ดูแลอย่างใกล้ชิดอย่าให้สาวใช้ที่ ไม่ได้อยู่ในตำหนักเข้าใกล้เด็กทั้งสอง
“พระชายาเพคะนี่จวนเวลาบรรทมแล้วหม่อมฉันจะธูปหอมเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายนะเพคะ เดี๋ยวสักครู่หม่อมฉันจะดับเทียนให้พระชายาบรรทมเถิดเพคะ”
“เจ้าจุดธูปหอมแล้วกลับไปพักเถิดข้ายังไม่อยากนอน เดี๋ยวข้าจะเป็นคนดับเทียนเองไม่ต้องเป็นห่วง”
“เพคะพระชายาหากต้องการอันใดเรียกหม่อมฉันได้นะเพคะ”
“ขอบใจเจ้ามาก” เมิ่งซูเหยาบอกกับเหมยหลงก่อนจะคิดรับมือกับหานเฟยเยี่ย
‘ขนาดข้าเอ่ยมาขนาดนั้นนางยังไม่เคารพ อย่างนี้ต้องทำบางอย่างเพื่อให้นางได้เห็นว่าในจวนแห่งนี้ข้าคือผู้ดูแลมิใช่นาง บุรุษคือช้างเท้าหน้าคอยออกทำงานสตรีเปรียบเหมือนช้างเท้าหลังคอยดูแลเรื่องภายในจวน ฮึ ฮึ แค่คิดก็สนุกแล้วคอยดูว่าจางอี้ซือกับหานเฟยเยี่ยจะทนได้ถึงเพียงใด กว่าจะเผยธาตุแท้ออกมา เช่นนี้ต้องนำเรื่องที่เกิดขึ้นแจ้งตระกูลของเมิ่งซูเหยาเอาไว้ก่อนแม้จะเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยแต่มีความดีจนฮ่องเต้ยกยอปอปั้น เรื่องอำนาจคงไม่ยากหากจะขอให้ท่านพ่อของเมิ่งซูเหยายื่นมือเข้ามาช่วย’ เมิ่งซูเหยาคิดในใจวางแผนเปิดโปงและยั่วยุทำให้หานเฟยเยี่ยได้รู้ว่าผู้ใดกันแน่คือพระชายาเอกและนางจะทำทุกวิธีให้หานเฟยเยี่ยอกแตกตาย ในเมื่อที่ผ่านมาจางอี้ซือไม่รักไม่สนใจ พอเอ่ยปากหย่าก็ไม่ยอมหย่ามีทางเดียวเท่านั้นที่นางจะทำให้เขารำคาญจนต้องหย่าคือการเอาอกเอาใจทำอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มิใช่แค่ทำให้จางอี้ซือรำคาญแต่เรื่องนี้จะทำให้ไปกระตุกอารมณ์ของหานเฟยเยี่ยให้โมโหและหาเรื่องให้หย่าเร็วกว่าเดิม เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางเริ่มจับพู่กันมาจดเพื่อส่งจดหมายให้แก่ตระกูลเมิ่งว่าตนเองเจอเรื่องอันใดระหว่างทางกลับและขอให้ท่านพ่อหนุนหลังให้ตน
รุ่งสางวันต่อมา
ในจวนเสียงเจี้ยวจ้าวครึกคักเช่นอย่างเคยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือการที่เมิงซูเหยาเข้ามาที่โรงครัวและสั่งพ่อครัวทำอาหารพร้อมนำไปหาจางอี้ซือที่ตำหนักของเขา
ตำหนักจางอี้ซือ
เช้านี้เขาได้รู้เรื่องที่ให้ถังอู่ฟงไปตามสืบมาก็ได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไรและสารถีก็มิใช่บ่าวรับใช้ในจวนด้วย แต่เป็นคนของตระกูลหาน จางอี้ซือกำมือแน่นใบหน้าเส้นเลือดปูดบวมด้วยความโมโห
"ข้ายอมถึงขั้นนี้ยังกล้าลงมือ ในเมื่อข้ายอมอ่อนข้อไม่เกิดผลคงต้องต่อต้าน ถังอี้ฟงเรื่องที่ข้าให้เจ้าจัดการยามนี้ไปถึงไหนแล้ว"
"ใกล้เสร็จสิ้นแล้วพะย่ะค่ะอีกไม่นานกระหม่อมจะมาแจ้งอีกครา"
"เช่นนั้นช่วงนี้เราจะยังไม่ลงมือทำอันใด รอดูต่อไปว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกหรือไม่? ระหว่างนี้ข้าจะให้เจ้าไปตามหาองครักษ์เงาฝีมือดีมาช่วยตามดูแลความปลอดภัยของพระชายากับลูกของข้าด้วย "
"พะย่ะค่ะ "
"ข้าอดทนมามากแล้วใกล้ถึงเวลาที่ข้าจะกำจัดใต้เท้าชั่วช้าต่ำทรามมัวเมาในอำนาจจนหลงระเริงว่าตนเองเป็นเพียงใต้เท้าเท่านั้น มิใช่ราชวงศ์เช่นเดียวกับข้า " เสียงเข้มขรึมของจางอี้ซือเอ่ยออกมาอย่างคับแค้นใจ แม้ว่าเขาจะเป็นเชื้อพระวงศ์แต่ก็มิได้มีอำนาจมากมายอันใดในวังหลวงมิหนำซ้ำยังถูกใต้เท้าหานจัดการข่มขู่เพราะท่านพ่อของจางอี้ซือเคยหลวมตัวคิดจะก่อกบฏทว่าเขากลับใจกลางทางจึงพยายามตีตัวออกห่างใต้เท้าหานออกมา แต่ความโชคร้ายดันเกิดขึ้นเมื่อเขารู้ทันและเกิดการวางยาชินอ๋องคนก่อนทำให้จางอี้ซือได้ขึ้นมาเป็นชินอ๋องแทนผู้เป็นพ่อ ยามนั้นจางอี้ซือหวาดกลัวชายผู้นี้ยอมปิดปากเงียบและทำตามมาตลอด จนกระทั่งเขาเติบใหญ่คิดว่าใต้เท้าหานเป็นผู้มีพระคุณตลอดมา ได้รู้ความจริงว่าเขาคือผู้ที่ลงมือฆ่าพ่อของตนจึงคิดวางแผนจะเปิดโปงความชั่วช้าของใต้เท้าหาน ที่คิดจะยึดครองบัลลังก์จากฮ่องเต้องค์ปันจุบัน เขามีบุตรที่เป็นสตรีสองนาง คนโตแต่งเข้าวังหลวงเป็นพระชายาขององค์ชายสาม บุตรคนแรกของฝ่าบาทคือองค์หญิงจึงมิอาจมีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ได้ บุตรคนที่สองโชคดีที่เป็นองค์ชายและได้รับตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาทสองปีก่อนเกิดโรคระบาดทำให้ฮ่องเต้ติดโรคและทรุดตัวลงสวรรคตองค์รัชทายาทจึงได้ขึ้นครองบัลลังก์ และเป็นฮ่องเต้ที่ปราดเปรียวไม่เชื่อฟังคำพูดของใต้เท้าฝ่ายขวาอย่างใต้เท้าหาน เขาจึงไม่ชอบใจและคิดจะโค้นบังลังก์ให้องค์ชายสามที่เป็นลูกเขยผู้โง่เขราของตน
ยามนี้บุตรสาวคนโตได้คลอดหลานชายให้แก่ราชวงศ์ยิ่งทำให้ใต้เท้าหานฮึมเหิมมีเป้าหมายมากกว่าเดิม ที่จะเอาบังลังก์ให้มาตกอยู่ในการครอบครองของตระกูลหาน
"พระยาชาเสด็จ" เสียงบ่าวรับใช้หน้าตำหนักตะโกนแจ้ง ถังอี้ฟงรีบหลบซ่อนทันที จางอี้ซือพยายามเก็บซ่อนเบาหน้าและนึกแปลกใจที่พระยาชามาหาเขาถึงที่ตำหนักนี้ ตั้งแต่แต่งนางเข้าจวนนี่เป็นครั้งแรกในเจ็ดปีที่ผ่านมา
"ฤดูเหมันต์เปลี่ยนไปแล้วสินะ" เขาพูดพึมพำก่อนจ้องมองไปหน้าประตู เสียงฝีเท้าหลายคู่ที่เดินตามกันมายิ่งทำให้เขาฉงนใจไม่น้อย
บทที่ 7 เตรียมของให้ท่านตาท่านยายเมิ่งซูเหยาตื่นแต่เช้าทำตามแผนที่วางเอาไว้ นางเดินเข้ามาที่ตำหนักของจางอี้ซือพร้อมสาวใช้ที่ยกสำรับมากมายตามหลังมา สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องโถงด้วยใจที่เต้นถี่มากกว่าเดิม“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เมื่อก้าวเท้าเข้ามายังไม่ถึงสองเก้าเสียงเข้มขรึมได้เอ่ยถามขึ้นเสียงดัง เมิ่งซูเหยาถึงจะเตรียมใจแต่ก็มีสะดุ้งเล็กน้อยนางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา ผายมือให้สาวใช้นำสำรับไปจัดที่โต๊ะอาหาร“มันเป็นเรื่องน่าแปลกตรงไหนเพคะ หม่อมฉันเป็นพระชายาต้องการนั่งรวมโต๊ะกับสวามีไม่ว่าที่ใดก็ทำกันเช่นนี้ พวกเจ้ายกสำรับนี้ไปไว้ที่โต๊ะแล้วจะไปทำอะไรก็ไป” สาวใช้ก้มโค้งเดินเข้าไปด้านในทำตามคำสั่งของพระชายาเอก ส่วนเมิ่งซูเหยากำลังเดินเข้ามาใกล้ใช้มือแตะลงที่อกแกร่งของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งดูใกล้ ๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้นางได้เห็นความสง่างามของบุรุษไม่แปลกเลยที่หานเฟยเยี่ยถึงต้องการครอบครองเขาเพียงผู้เดียว และไม่แปลกใจเลยที่เมิ่งซูเหยาคนเก่าจะยอมทนอยู่ที่นี่แม้จะเจ็บช้ำน้ำใจเพียงใด“เจ้าทำอันใดเอามือของเจ้าออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงฉายแววเกรี้ยวกราดสาดลึกเข้าไปถึงดวงต
บทที่ 8 อำนาจในจวนฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยหลังจากที่นางวิ่งตามหลังจางอี้ซือออกมาเขาได้ปลอบใจนางและกล่าวหาว่าพระชายาเอกคงประชวรขอให้นางอย่าได้ใส่ใจ อย่างไรเขาไม่มีทางให้พระชายาเอกมาอยู่ที่ตำหนักเดียวกับเขาแน่นอน เมื่อได้ยินอย่างนั้นหานเฟยเยี่ยพอเบาใจและขอเดินทางกลับเรือนตระกูลหานบอกกับเขาว่านางคิดถึงท่านพ่อและท่านแม่อยากไปเยี่ยมท่าน จางอี้ซือจึงให้นางกลับไปที่เรือนหากอยู่ที่นี่มีหวังปะทะกับเมิ่งซูเหยาอีกเป็นแน่เมื่อแยกจากกันจางอี้ซือจึงสั่งการให้บ่าวในเรือนไปตามท่านหมอหลวงมาตรวจร่างกายของพระชายาตั้งแต่นางกลับมาจากเรือนตระกูลเมิ่งนางเปลี่ยนไปทั้งไม่ยอมคนและเข้าหาเขาอย่างไม่เกรงกลัว และให้ถังอี้ฟงตามหลังสะกดรอยตามหานเฟยเยี่ยว่านางกลับเรือนในครานี้นางมีแผนอันใดอีกหรือไม่?หานเฟยเยี่ยเดินทางมาถึงเรือนตระกูลหานจัดการฟ้องท่านพ่อของนางตามที่นางได้แจ้งมาในสารเมื่อวาน คราแรกนางจะยังไม่รีบร้อนที่จะจัดการแต่เมื่อได้ยินและเห็นว่าช่วงนี้จางอี้ซืออยู่กับเมิ่งซูเหยามากเกินไป ทั้งสองเคยนอนเคียงร่วมหมอนแถมยังมีบุตรด้วยกันถึงสองคน อย่างไรนางก็ต้องคิดรอบคอบเอาไว้ก่อนหากนางมีบุตรให้หานอี้ซือในเร็ววันคงดี แต่
บทที่ 9 หารือวันนี้ใต้เท้ามากมายหลายคนเริ่มทยอยเข้ามาด้านในจนจะครบจางอี้ซือจึงเอ่ยขึ้นมาในเรื่องที่เขานัดพบวันนี้“ในเมื่อท่านใต้เท้าเข้ามาที่นี่ครบแล้วข้าจะพูดเรื่องที่ข้าขอพบทุกคนเลยแล้วกัน ตอนนี้สายของข้าได้แจ้งข่าวมาว่าอีกไม่นานใต้เท้าหานจะลงมือก่อกบฏ ใต้เท้าลี่ต้าหลงท่านใกล้ชิดฝ่าบาทโปรดกำชับองครักษ์ให้ดียามนี้อย่าให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเพียงลำพังแม้จะเป็นองค์ชายสามก็ตาม”“ไม่คิดเลยว่าใต้เท้าหานจะมัวเมาอำนาจจนอยากครอบครองบัลลังก์เพราะความมักโลภ เฮ้อ! แล้วเช่นนี้เมื่อไหร่เราจะเริ่มเคลื่อนไหวชิงลงมือก่อนที่ใต้เท้าหานจะลงมือล่ะท่านชินอ๋อง”“ข้ากำลังรอหลักฐานที่สามารถมัดตัวใต้เท้าหานอีกไม่นานคงจะรวบรวมครบทุกอย่างพวกท่านเบาใจเถิด ข้าจะไม่ยอมให้อำนาจหรือแม้แต่บัลลังก์ตกไปอยู่ในมือของใต้เท้าหานเป็นแน่ เรื่องที่ข้าจะแจ้งในวันนี้มีเพียงเท่านี้หลักจากวันนี้ไปทุกท่านจงตื่นตัวไว้เสมอเพราะไม่รู้เลยว่าใต้เท้าหานจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่ ข้าขอบใจทุกท่านที่มาในวันนี้กลับไปพักผ่อนกันเถิด ส่วนท่านใต้เท้าเมิ่งข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”“พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนเดินออกไปจากห้องตอนนี้เหลือเพียงจางอี้ซือกับ
บทที่ 10 ข้าบกพร่องเองไม่นานเหมยหลงได้กลับมาที่ตำหนักรายงานเรื่องที่สาวใช้ได้ยินมาว่าวันนี้หานเฟยเยี่ยกลับเรือนของตนแต่ยังไม่การสั่งการให้สาวใช้คนสนิทอย่างไป๋ลี่ซูลงมือทำการใด และสั่งการให้สาวใช้คอยจับตาดูต่อไปฝั่งด้านจางอี้ซือออกจากตำหนักมู่หลันเขาเดินไปหาบุตรทั้งสองด้วยความคิดถึง แม้อยากจะโอบกอดหยอกล้อมากถึงเพียงใดเขาก็มิอาจทำได้ กลัวว่าหานเฟยเยี่ยจะโกรธแค้นริษยาที่เขามอบความรักให้เด็ก ๆ ลงมือทำร้ายลูกของเขาขึ้นมาจึงทำได้เพียงแค่ยืนจ้องมองห่าง ๆยามนี้แสงแดดอ่อนลงเริ่มลับลาขอบฟ้าท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีส้มประกายแดง เด็ก ๆ ทั้งสองวิ่งเล่นหยอกล้อกันอยู่ที่สวนหน้าตำหนักแค่เห็นบุตรทั้งสองปลอดภัยเขาก็มีความสุขแล้ว"ท่านชินอ๋องกระหม่อมมีเรื่องมารายงานพะย่ะค่ะ" เสียงของถังอู่ฟงดังขึ้นข้างหลังจางอี้ซือมิได้หันกลับไปมองแต่ตอบเพียงสั้น ๆ คำเดียวและรับฟังเพราะยามนี้สายตาของเขายังอยากจ้องมองรอยยิ้มเสียงหัวเราะใบหน้าที่มีความสุขของบุตรทั้งสอง"พูดมา""วันนี้พระชายารองกลับไปเรือนตระกูลหานมีการหารือเกี่ยวกับการลงมือทำร้ายพระชายาเมิ่งซูเหยา แต่ยังไม่ลงมือเพราะใต้เท้าหานมีการใหญ่ทำก่อนเรื่องการทำร้าย
บทที่ 11 ดื่มสุราตำหนักมู่หลัน“พระชายาเพคะหม่อมฉันได้ยินมาว่าอีกไม่นานจะมีเทศกาลอยู่ใกล้ ๆ แถมยังเป็นช่วงที่ฤดูหนาวจะผ่านพ้นเราพาคุณหนูและคุณชายไปเดินเล่นงานเทศกาลดีมั้ยเพคะ”“ว่าดีก็ดีแต่ข้าก็ยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่ดี คราก่อนก็เกิดเรื่องระหว่างที่ข้าอยู่นอกจวน หากจะออกไปต้องให้เจ้าไปตามหาทหารฝีมือดีมาคอยคุ้มกันข้ากับลูกเสียก่อนถึงจะออกไปเดินเล่นอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือว่าแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีคนดูแล”“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นกังวลเพคะ หม่อมฉันจะจัดหาทหารที่มีฝีมือที่สุดในจวนชินอ๋องเพื่อดูแลพระชายาเลยเพคะ ว่าแต่หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านชินอ๋องมาที่นี่ความสัมพันธ์ของท่านทั้งสองคงจะดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่เพคะ” เหมยหลงเงยหน้าขึ้นมองลอบดูดวงหน้าของพระชายาอย่างใจจดใจจ่อ“ดีอะไรของเจ้ากันล่ะ ชินอ๋องบ้าผู้นั้นมาเตือนให้ข้าอยู่นิ่ง ๆ ห้ามทำอะไรสักอย่างต่างหาก น่าหงุดหงิดใจที่สุดทั้ง ๆ ที่ตนเองยังไม่เคยห้ามหานเฟยเยี่ยสักนิด ไม่ได้การแล้วต่อจากนี้ข้าจะไม่อยู่นิ่งให้ทั้งสองได้ใจคงเป็นเพราะวันนี้ข้าต่อว่าพระชายารองสินะเขาถึงข่มขู่ให้ข้าอยู่นิ่ง ๆ” ทันทีที่ได้ยินคำถามของสาวใช้เมิ่
บทที่ 12 อย่าทำอะไรเสี่ยง ๆหานเฟยเยี่ยยิ้มตาเยิ้มใช้มือแตะที่อกของจางอี้ซือเงยหน้าขึ้นหวังจะจูบที่ริมฝีปากหนาครานั้นเองนางได้สลบพรึบบนอกของเขา“เฮ้อ ...!! ข้าคิดว่าวันนี้จะเสร็จนางเสียแล้วโชคดีที่นางคออ่อน ” จางอี้ซือจับกายของนางนอนลงบนเตียงพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ก็คิดไม่ตกเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่“ใต้เท้าหานตั้งใจจะก่อกบฏและตั้งใจวางแผนกำจัดฮ่องเต้เพื่อให้องค์ชายสามขึ้นครองตำแหน่งและคอยชักใยอยู่ด้านหลังสินะ ข้าตั้งใจอยากล้วงความลับเรื่องรายชื่อแต่หานเฟยเยี่ยคงไม่มีทางรู้เป็นแน่ เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะไปเยือนที่เรือนตระกูลหานเสียหน่อยแล้ว” จางอี้ซือจัดแจงถอดเสื้ออาภรณ์ของหานเฟยเยียให้ไม่อยู่ในสภาพเดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โชคดีที่ยามนี้ไป๋ลี่ซูไม่ได้อยู่หน้าประตูจึงไม่ถูกสงสัย เขาเดินกลับตำหนักของตนยามนั้นเองเขาเห็นสตรีที่คุ้นเคยกำลังเดินไปที่ใดอย่างหน้าสงสัย ปกติหากเป็นเวลานี้นางควรจะนอนไปแล้วสิ นางทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หลบบ่าวรับใช้ทำไมกัน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยเดินตามนางไปทันทีฝั่งด้านเมิ่งซูเหยานางนอนไม่หลับจึงเดินออกมารับลมด้านนอก แต่ทว่าสายตากลับมองไปเห็นชายฉกรรจ
บทที่ 13 แผนผังจางอี้ซือกลับมายังตำหนักของตนเองถอดเสื้อผ้าอาภรณ์เพื่อเตรียมจะนอนเสียงหน้าต่างดังขึ้นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณระหว่างเขากับถังอู่ฟง เพียงไม่นานหน้าต่างถูกเปิดเข้ามาเขาสวมชุดสีดำพร้อมปิดบังใบหน้า“ช่วงนี้เจ้าทำงานบกพร่องจนแสดงตัวให้พระชายาเอกได้เห็น ต่อจากนี้จะทำอันใดจงระวังตัวเอาไว้ให้ดีโชคดีที่วันนี้ข้าเห็นนางเข้าก่อน”“เป็นความผิดของกระหม่อมเองพะย่ะค่ะ เพราะวันนี้กระหม่อมบาดเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิม” ถังอู่ฟงเอ่ยเสียงสั่นทำให้จางอี้ซือรีบหันกลับไปมองทันที“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าคนอย่างเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”“กระหม่อมทำตามคำสั่งของท่านชินอ๋องและตอนนี้ได้หลักฐานมาชิ้นหนึ่งแล้วพะย่ะค่ะแต่โชคร้ายที่ถูกคนของฝั่งนั้นจับได้จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น โชคดีที่ข้าจัดการสิ้นซากไม่เหลือให้ได้ตามตัวข้าเจอ นี่คือที่ตำแหน่งของพวกมันพะย่ะค่ะ” ถังอู่ฟงเอ่ยพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่จางอี้ซือ เขารับมันเอาไว้พร้อมถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบกลัวว่าจะถูกฝั่งนั้นจับได้และขนของพวกนี้ไปซุกซ่อนเอาไว้ที่อื่นหากเป็นเช่นนั้นการเจ็บตัวของถังอู่ฟงก็ไร้ค่า“เจ้ามั่นใจหรือว่าไม่มีใครจับเจ้าได้”“พะ
บทที่ 14 น่าแปลกใจเมิ่งซูเหยามองเด็กชายตัวน้อยเดินจากไปก่อนจะหันไปพูดกับเหมยหลง“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการเป็นเช่นไรบ้าง”“ตอนนี้หม่อมฉันหาทหารได้แล้วเพคะ ผู้ที่มีฝีมือสามารถดูแลความปลอดภัยพระชายากับคุณหนูคุณชายได้อย่างไร้ความกังวล”“ดีเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวงานเทศกาล”“เพคะ”‘ช่างน่าแปลกเรื่องที่สาวใช้มาแจ้งเมื่อครู่ และเรื่องที่ข้าเจอชินอ๋องเมื่อคืนนี้ ปกติเขาจะอยู่กับหานเฟยเยี่ยทุกคืนมิใช่หรือ? เหตุใดถึงออกมาด้านนอกในยามวิกาลมิใช่ว่ากลัวข้าจะเห็นหรือรู้อะไรเข้าหรอกหรือ? เอ๊ะ! หรือชายฉกรรจ์เมื่อคืนที่ข้าเห็นเป็นคนของหานเฟยเยี่ยให้มาจัดการข้า แต่คงมิใช่หรอกหากลงมือทำที่จวนนี้อุกอาจเกินไป ไม่รู้ล่ะยามนี้เชื่อใจใครไม่ได้ระวังตัวเอาไว้จะดีที่สุด’เมิ่งซูเหยาเดินไปที่หน้าต่างครุ่นคิดคำพูดของสาวใช้ที่มาแจ้งนางเมื่อครู่ยิ่งคิดยิ่งน่าแปลกใจ ก่อนที่จะหยุดคิดทุกอย่างและไปทำหน้าที่ของตนเองคือการดูแลหลังจวนไม่ว่าจะอาหารหรือแม้แต่ของใช้ในเรือนนางต้องเป็นผู้จัดการทุกอย่างตำหนักหยุนซีช่วงบายของวันยามนี้หานเฟยเยี่ยตื่นขึ้นมาหลังจากที่ดื่มน้ำแกงสร่างเมาและหลับต่อไปอีกครู่ นางใ
บทที่ 21 คลี่คลายตำหนักมู่หลันเมิ่งซูเหยาเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดถึงกับตกใจไม่น้อย เสียงซุบซิบนินทาของสาวใช้ในจวนที่พูดถึงเรื่องหานเฟยเยี่ย ไม่เว้นแม้แต่เหมยหลง“หม่อมฉันละสะใจจริง ๆ เพคะที่ตระกูลหานถูกลงโทษอย่างสาสมต่อจากนี้พระชายาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดมาปองร้ายท่านอีกต่อไป”“นั่นสิ แม้จะรู้สึกสะใจแต่ก็ใจหายไม่น้อยเลยล่ะ ”“ท่านชินอ๋องปราดเปรียวเก่งกาจจริง ๆ เพคะที่ยอมใจแข็งกัดฟันยอมใต้เท้าหานเพื่อปกป้องพระชายา ท่านคงรักพระชายามากไม่เช่นนั้นคงไม่อดทนเย็นชาต่อพระชายาเช่นนี้ รักแท้เป็นอย่างนี้สินะหวังว่าวันหนึ่งหม่อมฉันจะได้พบเจอความรักดี ๆ เช่นนี้บ้าง”เมิ่งซูเหยาได้ยินคำพูดของเหมยหลงพลางครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของเขาที่เคยบอกนางเอาไว้ สายตาที่นางเห็นคราวนั้นคงเป็นเรื่องจริงมิใช่นางตาฝาดไป‘เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาปกป้องข้ากับลูกทั้งสองคน เขาคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเมิ่งซูเหยาตัวจริงหากยังอยู่คงจะดีท่านจะได้รู้ว่าชินอ๋องสามีของท่านรักท่านเพียงใด แต่ทำไมเพียงแค่นึกถึงจิตใจของข้าถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ ’ เมิ่งซูเหยาคิดในใจเดินไปที่หน้าต่างจ้
บทที่ 20 จับกบฏหลังจากนั้นเมิ่งซูเหยาพาร่างกายที่สั่นเทากลับเข้างานเทศกาลไปหาบุตรทั้งสองและชักชวนกันกลับจวนอ้างว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่มีผู้ใดที่ขัดคำสั่งเพราะยามนี้เด็ก ๆ ก็เหน็ดเหนื่อยอยากจะเข้าบรรทมแล้วเมื่อมาถึงตำหนักเมิ่งซูเหยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อครู่นี้นางแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนไม่แสดงว่านางเองก็หวาดกลัวไม่น้อยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งเมื่อครู่ยังติดจมูกนางกลับมาที่จวน จนเหมยหลงผิดสังเกตและสงสัยว่าเมื่อครู่พระชายาหายตัวไปที่ใดมา แถมยังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเซียว“พระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ ใบหน้าของพระชายาซีดเซียว แล้วเมื่อครู่ท่านออกไปที่ใดมา”“เหมยหลงข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปถูกหรือผิด ข้าสั่งให้ทหารลงมือฆ่าคน หากมีคนตามเจอข้าจะถูกลงโทษหรือไม่”“พระชายาสั่งให้ทหารลงดาบฆ่าคนหรือเพคะ แล้วคนผู้นั้นเป็นผู้ใดกันเพคะ”“ก็สารถีที่พาข้าไปเรือนตระกูลเมิ่ง วันนี้ข้าเห็นเขาที่งานเทศกาลจึงตามไปเพื่อสอบถามความจริง ตอนนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันทำไมถึงได้โมโหจนสั่งทหารไปเช่นนั้น ตอนนี้ข้ากลัวกลัวเหลือเกิน” ร่างบางเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเ
บทที่ 19 เดินเที่ยวงานอีกฝั่งของเรือนตอนนี้ตะวันคล้อยต่ำลงทุกคนต่างพากันกินอาหารกลางวันด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาจางอี้ซือจึงขอตัวกลับจวน“วันนี้ข้าต้องขอบคุณท่านใต้เท้าหานที่ต้อนรับข้าเป็นอย่างดี ข้ามารบกวนเวลาของท่านมากแล้วขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน องค์ชายสามข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยขอให้พระชายาทรงสุขภาพแข็งแรงพะย่ะค่ะ”“นั่นสิมิใช่แค่ท่านชินอ๋องที่มารบกวนเวลาท่านพ่อตา ข้าเองก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเองก็เดินทางปลอดภัยเช่นเดียวกัน” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นมา“กระหม่อมผู้เป็นบิดาไม่เคยคิดว่าการที่ราชบุตรเขยทั้งสองมาเยือนที่เรือนเป็นการรบกวนเวลา จะมาเยือนที่เรือนตระกูลหานเมื่อไหร่นับเป็นวาสนาของตระกูลพะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นข้าเองก็ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง ข้าต้องขอพาพระชายากลับวังหลวงเสียก่อนป่านนี้องค์ชายตัวน้อยคงโยเยหามารดา ” องค์ชายสามเอ่ยพลางโอบบ่าของพระชายาตนเองเดินไปที่เกี้ยวเพื่อเดินทางกลับวังหลวง ชินอ๋องกับใต้เท้าหานก้มโค้งลงเพื่ออำลา ก่อนที่จางอี้ซือจะเดินทางกลับจวนเช่นเดียวกันระหว่างทางกลับจวนใบหน้าของหานเฟยเยี่ยดูมีความสุขมากกว่าตอนที่เดินทางมาทำให้จางอี้ซือสังเกตได้อย่างง่ายดาย“พระชายา
บทที่ 18 เจอหลักฐานชิ้นสำคัญฝั่งด้านถังอู่ฟงเขาลอบเข้ามาด้านหลังเรือนรีบเดินไปที่ห้องทำงานของใต้เท้าโชคดีที่เขาเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้งทำให้รู้หนทางว่าไปทางใด“ใต้เท้ากำชับพวกเจ้าให้ตรวจตราให้ดี แต่วันนี้มีองค์ชายสามกับท่านชินอ๋องมาคงไม่มีผู้ใดอุกอาจเข้ามาหรอกน่า เจ้าเองก็เหนื่อยมากเช่นกันมิใช่หรือ? ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“นั่นสิ ไปเพียงชั่วครู่คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมั่ง” บ่าวรับใช้ที่เดินตรวจตราอยู่พูดคุยกันเสียงดังพร้อมชักชวนกันไปหาอะไรกิน ทำให้ถังอู่ฟงโล่งใจเพราะความปลอดภัยละหลวมทำให้เขาทำการได้ง่ายเมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดเขารีบย่องเข้าไปที่ห้องของท่านใต้เท้าซอกหาหนังสือลงนามและจัดวางของทุกอย่างให้เป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีผู้ใดเข้ามาด้านใน ไม่ว่าจะหาตรงไหนก็ไม่พบเจอเหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้หาคือห้องเคารพบรรพบุรุษ เมื่อหาที่นี่ไม่พบถังอู่ฟงเปลี่ยนเป้าหมายรีบจ้องมองด้านนอกไม่เห็นบ่าวในเรือนรีบปลีกตัวออกมาและลัดเลาะไปที่ห้องเคารพบรรพบุรุษของตระกูลหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางเดินออกมารับลมด้านนอกจ้องมองหน้าท้องของพี่สาวที่กำลังใหญ่อย่างอิจฉานางพึ่งคลอดบุตรคนแรกไปไม่นานก็ตั้งครรภ์อี
บทที่ 17 เยือนเรือนใต้เท้าหานฝั่งด้านหานเฟยเยี่ยนางตื่นขึ้นมามองหาจางอี้ซือมีเพียงความว่างเปล่ากับคราบน้ำกามที่นางร่วมรักกันเมื่อคืนอย่างสุขสม"ท่านพี่ออกไปที่ใดแต่เช้าทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเล่นสนุกกับข้าทั้งคืน ดูสิคราบน้ำรักของท่านพี่เต็มที่นอนไปหมด ครั้งนี้ข้าต้องตั้งครรภ์แน่ ๆ " นางยิ้มอย่างเบิกบานไม่นานเสียงสาวใช้ได้เข้ามาด้านใน"พระชายาเพคะท่านชินอ๋องฝากบอกพระชายาว่าวันนี้จะพาพระชายาไปเยี่ยมท่านใต้เท้าหานฉิงถิงที่เรือนให้พระชายาเตรียมตัวรอเพคะ" ไป๋ลี่ซูเดินเข้ามาแจ้งเมื่อเห็นว่านายหญิงของตนตื่น"ท่านพี่เอ่ยเช่นนั้นหรือ ? ดีเช่นกันนานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับเรือนพร้อมท่านพี่ เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าทีข้าจะล้างตัวเสียหน่อย""เพคะ"จางอี้ซือตื่นแต่เช้าแม้ว่าเมื่อคืนนี้เขายังอยากนอนกอดร่างบางของเมิ่งซูเหยาทั้งคืนแต่มิอาจทำเช่นนั้นได้จึงลุกขึ้นมาใกล้สว่าง เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องไปจัดการ หากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีเขาจะนอนกอดนางเท่าไหร่ย่อมได้“ถังอู่ฟงวันนี้เจ้าเดินทางไปที่เรือนใต้เท้าหานด้วยกัน ระหว่างที่ข้าเข้าไปด้านในเจ้าจงตามหาให้ได้ว่าหนังสือลงนามของใต้เท้าอยู่ที่ใด เมื่อคร
บทที่16 ปลดปล่อย"นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ปล่อยนะเพคะ" เมิ่งซูเหยากล่าวพลางใช้มือดันอกของเขาให้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนครั้นนั้นนางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกทั้งลมหายใจของเขาที่เริ่มเต้นถี่ระรัวและติดขัด"เกิดอะไรขึ้นทำไมสีหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้""ทำไมจู่ ๆ เกิดเป็นห่วงข้าขึ้นมาหรือไง " เขาเอ่ยพลางเดินย่างเท้าไปที่ห้องบรรทมของเมิ่งซูเหยา"ที่หม่อมฉันเอ่ยถามเพราะสงสัยหรือว่าท่านไม่สบายทำอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้อีกด้วย เมื่อไหร่จะปล่อยหม่อมฉันเพคะ ""เมื่อถึงเตียงนอน" เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแต่ทว่าใจของเมิ่งซูเหยากลับกลายเป็นฝ่ายที่เต้นแรงระรัว นางไม่รู้และคาดเดาไม่ได้เลยว่าชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่"ท่านมีแผนอันใดมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ใจสั่นหรือรู้สึกดีกับท่านหรอกนะ""อย่างนั้นต้องลองดู " เอ่ยจบเขาวางกายของนางลงเตียงหนานุ่มจับปลายคงมนของนางให้เชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล เมิ่งซูเหยาเบิกตาโพลงโตด้วยความตกใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ นางรีบใช้มือดันอกของเขาให้ออกจากตนเองทันที"นี่ท่านมันเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ มาทำสิ่งสกปรกกับข้าเช่นนี้ได้ยังไ
บทที่ 15 สลับตัวตำหนักหยุนซีหานเฟยเยี่ยจัดแจงแช่น้ำเกสรดอกไม้ให้สาวใช้จุดเทียนหอมส่งกลิ่นคละคลุ้งเต็มอากาศจะได้รู้สึกผ่อนคลาย ใบหน้าของนางมีแต่รอยยิ้มคลี่เต็มดวงหน้านั่งจิบยาต้มที่ท่านแม่ให้มาอย่างมีความสุขครั้นนั้นเสียงประตูของนางได้เปิดเข้ามานางจ้องมองเห็นเป็นไป๋ลี่ซูหัวใจของนางเต้นแรงระรัว“ท่านพี่มาแล้วหรือ?”“เพคะ ท่านชินอ๋องขอเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วจะรีบตามมาเพคะ”“ดีเช่นนั้นเจ้าไปพักผ่อนเถิด”“เพคะ”เพียงไม่นานที่ไป๋ลี่ซูเดินออกไป จางอี้ซือก็มาถึงตำหนักหยุนซี“พระชายาข้าได้ยินมาว่าเจ้ามึนเมาฤทธิ์สุราเมื่อคืนนี้ยังไม่หายอีกหรือ เป็นเช่นไรบ้างต้องให้ข้าเรียกหมอหลวงมาตรวจร่างกายหรือไม่”“ท่านพี่หม่อมฉันเริ่มดีขึ้นแล้วเพคะ เมื่อคืนนี้หม่อมฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง น่าน้อยใจนักหากมีแต่ท่านพี่ที่รู้สึกเพียงผู้เดียว” เมื่อจางอี้ซือเดินเข้ามาหานเฟยเยี่ยไม่รอช้าเดินเข้าไปกอดคอของเขาแน่น“น่าน้อยใจอันใดกันเล่าในเมื่อเราจะมีความสุขกันยามใดก็ได้เสมอ แต่เมื่อคืนนี้เจ้าช่างงดงามใบหน้าแดงระเรื่อเร้าร้อนอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ” จางอี้ซือสวมกอดนางกลับ“นั่นสิเพคะหม่อมฉันจะน้อยใจไปทำ
บทที่ 14 น่าแปลกใจเมิ่งซูเหยามองเด็กชายตัวน้อยเดินจากไปก่อนจะหันไปพูดกับเหมยหลง“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการเป็นเช่นไรบ้าง”“ตอนนี้หม่อมฉันหาทหารได้แล้วเพคะ ผู้ที่มีฝีมือสามารถดูแลความปลอดภัยพระชายากับคุณหนูคุณชายได้อย่างไร้ความกังวล”“ดีเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวงานเทศกาล”“เพคะ”‘ช่างน่าแปลกเรื่องที่สาวใช้มาแจ้งเมื่อครู่ และเรื่องที่ข้าเจอชินอ๋องเมื่อคืนนี้ ปกติเขาจะอยู่กับหานเฟยเยี่ยทุกคืนมิใช่หรือ? เหตุใดถึงออกมาด้านนอกในยามวิกาลมิใช่ว่ากลัวข้าจะเห็นหรือรู้อะไรเข้าหรอกหรือ? เอ๊ะ! หรือชายฉกรรจ์เมื่อคืนที่ข้าเห็นเป็นคนของหานเฟยเยี่ยให้มาจัดการข้า แต่คงมิใช่หรอกหากลงมือทำที่จวนนี้อุกอาจเกินไป ไม่รู้ล่ะยามนี้เชื่อใจใครไม่ได้ระวังตัวเอาไว้จะดีที่สุด’เมิ่งซูเหยาเดินไปที่หน้าต่างครุ่นคิดคำพูดของสาวใช้ที่มาแจ้งนางเมื่อครู่ยิ่งคิดยิ่งน่าแปลกใจ ก่อนที่จะหยุดคิดทุกอย่างและไปทำหน้าที่ของตนเองคือการดูแลหลังจวนไม่ว่าจะอาหารหรือแม้แต่ของใช้ในเรือนนางต้องเป็นผู้จัดการทุกอย่างตำหนักหยุนซีช่วงบายของวันยามนี้หานเฟยเยี่ยตื่นขึ้นมาหลังจากที่ดื่มน้ำแกงสร่างเมาและหลับต่อไปอีกครู่ นางใ
บทที่ 13 แผนผังจางอี้ซือกลับมายังตำหนักของตนเองถอดเสื้อผ้าอาภรณ์เพื่อเตรียมจะนอนเสียงหน้าต่างดังขึ้นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณระหว่างเขากับถังอู่ฟง เพียงไม่นานหน้าต่างถูกเปิดเข้ามาเขาสวมชุดสีดำพร้อมปิดบังใบหน้า“ช่วงนี้เจ้าทำงานบกพร่องจนแสดงตัวให้พระชายาเอกได้เห็น ต่อจากนี้จะทำอันใดจงระวังตัวเอาไว้ให้ดีโชคดีที่วันนี้ข้าเห็นนางเข้าก่อน”“เป็นความผิดของกระหม่อมเองพะย่ะค่ะ เพราะวันนี้กระหม่อมบาดเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิม” ถังอู่ฟงเอ่ยเสียงสั่นทำให้จางอี้ซือรีบหันกลับไปมองทันที“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าคนอย่างเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”“กระหม่อมทำตามคำสั่งของท่านชินอ๋องและตอนนี้ได้หลักฐานมาชิ้นหนึ่งแล้วพะย่ะค่ะแต่โชคร้ายที่ถูกคนของฝั่งนั้นจับได้จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น โชคดีที่ข้าจัดการสิ้นซากไม่เหลือให้ได้ตามตัวข้าเจอ นี่คือที่ตำแหน่งของพวกมันพะย่ะค่ะ” ถังอู่ฟงเอ่ยพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่จางอี้ซือ เขารับมันเอาไว้พร้อมถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบกลัวว่าจะถูกฝั่งนั้นจับได้และขนของพวกนี้ไปซุกซ่อนเอาไว้ที่อื่นหากเป็นเช่นนั้นการเจ็บตัวของถังอู่ฟงก็ไร้ค่า“เจ้ามั่นใจหรือว่าไม่มีใครจับเจ้าได้”“พะ