หลินเสี่ยวเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นความตื่นเต้นที่ปะปนกับความกังวล ใบหน้าของเธอแดงเรื่อขึ้นเมื่อนึกถึงภาพหยางเฟิงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่จับจ้อง
"คุณตัวร้ายจะสงสัยอะไรไหม?" เสียงของเธอสั่นด้วยความกังวล หยางเฟิงยิ่งเป็นคนที่จับสังเกตคนเก่งซะด้วยสิ
เธอรีบเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องครัว ปล่อยความกังวลลงชั่วคราว ร่างบางนำของออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในมิติของเธอมาทำกับข้าวทันที
"วันนี้ทำเมนูพิเศษหน่อยก็แล้วกัน" เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
หลินเสี่ยวเหยาเริ่มลงมือทำเมนูอาหารจีนโบราณ เสียงมีดสับดังก้องไปทั่วห้องครัว กลิ่นหอมเย้ายวนโชยมาแตะจมูก ไล่ความหิวกระหาย
เธอเริ่มต้นทำเป็ดปักกิ่ง หนังสีทองกรอบ เนื้อนุ่มฉ่ำ ราดด้วยซอสถั่วเหลืองสูตรพิเศษ จานแรกถูกวางลงบนโต๊ะ
ตามมาด้วย หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว เนื้อหมูนุ่มละมุนละลายในปาก รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นซีอิ๊ว
ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว เนื้อปลานุ่มฟู ราดด้วยซีอิ๊วหอมๆ ทานคู่กับผักต้ม อร่อยลงตัว
ผักรวมมิตรผัดน้ำมันหอย ผักหลากชนิดผัดจนสุกกรอบ ราดด้วยน้ำมันหอยรสเข้มข้น
และเมนูสุดท้ายซุปไก่ตุ๋นโสม น้ำซุ
แสงไฟสีส้มอ่อนจากแสงตะเกียงสาดส่องลงบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำอันแสนเรียบง่ายเพิ่งจบลง เสียงหัวเราะและบทสนทนาค่อยๆ เงียบลง เหลือเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องรับกับสายลมยามค่ำคืนนายพลเฉิน ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารพร้อมกับจ้าวหลิน เลขาของท่านผู้นำพวกเขาเดินมุ่งหน้าออกไปสูบบุหรี่ท่ามกลางอากาศเย็นสบายของยามค่ำคืนภายในลานหน้าบ้านหยางจิ้ง นั่งพิงเก้าอี้หลังอาหารเย็นเสร็จ สายตาของเขามองหลานสะใภ้ด้วยความเอ็นดู เธอกำลังเก็บกวาดจานชามบนโต๊ะอาหารอย่างคล่องแคล่วกับน้องชาย"หลานสะใภ้กับข้าววันนี้อร่อยมาก ปู่ไม่เคยทานอาหารเย็นที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ฝีมือหลานเหนือกว่าแม่ครัวในภัตตาคารใหญ่ๆ ในเมืองหลวงเสียอีก" หยางจิ้งเอ่ยชมเชยด้วยความเอ็นดูหลินเสี่ยวเหยายิ้มเขินแก้มแดง "ขอบคุณค่ะปู่ หนูดีใจที่ปู่ชอบ หนูตั้งใจทำมาให้คุณปู่ทานค่ะ"หยางเฟิง นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มองดูภาพความอบอุ่นของคู่หมั้นและปู่ของเขารอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย"คุณปู่ครับ เหยาเหยาทำกับข้าวอร่อยก็จริง แต่ปู่ก็อย่ามาบ่อยนักนะครับ เดี๋ยวเหยาเหยาจะเหนื่อยซะก่อน" เขากล่าวขึ้นด้
แสงไฟสลัวจากโคมแดงส่องกระทบใบหน้าซีดเซียวของหลินเซิ่ง ชายวัย 40 ปีที่นั่งคุดคู้อยู่ในมุมมืดของโรงเหล้าเก่าแห่งหนึ่งในเมืองจินหลง แต่สำหรับหลินเซิ่ง เวลาราวกับหยุดนิ่ง มีเพียงความว่างเปล่าและความขมขื่นที่กัดกินหัวใจเขาจ้องมองแก้วเหล้าขาวในมือ สิ่งเดียวที่พอจะบรรเทาความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เขาได้รับเมื่อไม่กี่วันก่อน ภาพของภรรยาที่เขารักและลูกพี่ลูกน้องของเธอมีความสัมพันธ์กันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวราวกับฝันร้าย"อึก" หลินเซิ่งกระดกเหล้าขาวจนหมดแก้ว น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงอาบแก้ม ความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัว สมัยที่เขากับหวังเหม่ยอิง เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ"เหม่ยอิง..." เขาพึมพำชื่อภรรยา ความทรงจำเก่าๆ ย้อนกลับมาชีวิตคู่ของพวกเขาเต็มไปด้วยความรักและความสุข พวกเขามีลูกสาวที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคนหลินฮวาเป็นดั่งดวงใจของหลินเซิ่ง เขาทำงานหนักเพื่อให้ลูกสาวมีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แล้วความสุขทั้งหมดก็พังทลายลง เพราะความมักมากของภรรยา"ฮึก...ฮือ..." หลินเซิ่งสะอื้นไห้ ความเจ็บปวดและความคับแค้นตีตื้นขึ้นมาจนยากจะทานทน เหตุการณ์วันนั้นยังคงแจ่มชัดใ
ณ ค่ายทหารเมืองจินหลงแสงตะเกียงสลัวส่องสว่างในห้องขังที่มิดชิด อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอับชื้นและความสิ้นหวัง ชายหนุ่มทั้งห้า นั่งหมอบกอดเข่า ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด เต็มไปด้วยรอยช้ำและบาดแผลจากการถูกซ้อมทรมานมาอย่างยาวนานพวกเขาคือเหล่าผู้กบฏที่พยายามลอบสังหารหยางจิ้ง ผู้นำระดับสูงฝ่ายรัฐบาลกลาง แต่แผนการอันโหดร้ายของพวกเขากลับล้มเหลว พวกเขาถูกจับกุมและคุมขังไว้ในห้องขังแห่งนี้ รอคอยการลงโทษหลี่เฉิน ผู้นำของกลุ่ม กัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น เขาคิดถึงครอบครัวของเขา ภรรยาที่แสนสวยและลูกน้อยที่ยังไม่เคยเห็นหน้า พวกเขาจะอยู่อย่างไรหากปราศจากเขา?ทันใดนั้น ประตูเหล็กหนักหน่วงก็ดังกึกก้อง เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังก้องกังวานเข้ามาในห้องขัง ชายหนุ่มทั้งห้าคนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดกลัวชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีดำขลับแฝงไปด้วยความเฉียบแหลม ก้าวเข้ามาในห้องขัง เขาคือพันตรีเหว่ยเจี้ยน ที่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้ พันตรีหนุ่มเดินมาพร้อมพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บัญชาการทหารประจำมณฑล ในการเปิดปากพวกมือสังหารเหล่านี้
เมื่อหลินเสี่ยวเหยากลับมาถึงบ้าน เธอเห็นชายร่างกำยำสองคนกำลังขนกระจกหน้าต่างบานใหญ่ลงจากรถบรรทุกอย่างระมัดระวัง หลินเสี่ยวเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อกระจกนำมาส่งเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับร่างสูงโปร่งของผู้เป็นคู่หมั้น ชายหนุ่มกำลังยืนกอดอก จ้องมองคนงานที่ยกหน้าต่างลงด้วยแววตาที่คมกริบ แม้ใบหน้าหล่อเหลาคมคายจะดูเคร่งขรึม แต่เมื่อเขาเห็นหลินเสี่ยวเหยา แววตานั้นก็อ่อนโยนลงทันที"เหยาเหยา กลับมาแล้วเหรอครับ" หยางเฟิงเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ ที่มุมปากหลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาคุณตัวร้ายโดยมีหลินเสี่ยวหมิงเดินตามมาติดๆ"พี่ชายเฟิง สวัสดีครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะครับ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยทักทายหยางเฟิงก่อนจะวิ่งไปทางหลังบ้าน ทิ้งให้คู่หมั้นหนุ่มสาวได้อยู่ตามลำพังหลินเสี่ยวเหยามองตามน้องชายไปจนลับสายตา ก่อนที่จะเหลือบสายตาไปเห็นคุณตัวร้ายที่กำลังจ้องมองหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่วางพิงอยู่ข้างกำแพงอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาว"วันนี้เหยาเหยาไปไหนมาครับ?"หลินเสี่ยว
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาจัดการแขกที่ไม่ได้รับเชิญเสร็จสิ้น ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เมื่อเธอเดินตรงไปยังพุ่มไม้รกครึ้มที่อยู่ไม่ไกลนัก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ดวงตากลมโตของเธอเป็นประกายระยิบระยับภายใต้แสงจันทร์ราวกับรู้ความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้เมื่อคนร่างบางเข้าไปใกล้ เธอเห็นร่างสูงโปร่งของหยางเฟิงที่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอก กางเกงขายาวสีดำเข้ารูปเน้นเรียวขายาวที่ไขว้กันอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นดูเงียบขรึมราวกับรูปสลัก แต่ดวงตาคมกริบนั้นจ้องมองเธอไม่วางตาตั้งแต่เธอปรากฏตัวขึ้นหลินเสี่ยวเหยาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หยางเฟิงบนพื้นหญ้าแห้ง ใบหน้าหวานแต่งแต้มรอยยิ้มขี้เล่น ทว่าแฝงแววเจ้าเล่ห์ไว้เล็กน้อย "พี่เฟิง ไม่สงสัยเหรอคะว่าทำไมฉันถึงต่อยตีคนเก่งนัก" เธอเอ่ยถามเสียงใส ขณะที่มือบางหยิบกิ่งไม้เล็กๆ ขึ้นมาเล่นหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จ้องมองคนข้างกายด้วยสายตาฉงนปนเอ็นดู "สงสัยสิ แต่พี่คิดว่าเหยาเหยาคงมีเหตุผลของตัวเอง " เขาเอื้อมมือไปลูบผมยาวสลวยของเธออย่างอ่อนโยนหลินเสี่ยวเหยาหัวเร
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาเห็นหลินฮวาโดนพวกเจ้าหนี้จับตัวไป เธอจ้องมองแม่นางเอกดอกบัวขาวอย่างสมน้ำหน้า ต่อจากนี้ไปเส้นเรื่องในนิยายก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้เหลือเพียงหลี่เหว่ยเฉียงเท่านั้น เธอชักอยากรู้แล้วสิ เมื่อไม่มีหลินฮวาคอยเกื้อหนุนแบบในนิยายพระเอกเรื่องนี้จะไปได้ไกลสักแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เธอจะไม่ยอมให้หลี่เหว่ยเฉียง เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นสะพานให้เซียวจิ้งหนานผู้นำจากฝ่ายใต้ ล้มล้างอำนาจของคุณปู่ได้ง่ายๆ หรอกหลังจากดูเหตุการณ์ที่พวกนักเลงลากตัวหลินฮวาไปขายซ่อง หญิงสาวจ้องมองคนพวกนั้นอย่างเฉยชาก่อนจะปั่นจักรยานไปส่งน้องชายที่โรงเรียนประถม เสียงจักรยานดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นจังหวะตามแรงถีบของคนร่างบาง ระหว่างทางเธอได้ยินเสี่ยงน้องชายเอ่ยขึ้น"พี่สาวครับ พี่ฮวาโดนจับไปที่ไหนเหรอครับ?" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลินเสี่ยวเหยาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบ "ลุงใหญ่ไปติดหนี้พวกนักเลงคุมบ่อน พอลุงใหญ่ไม่มีเงินไปจ่ายให้คนพวกนั้น ไอ้พวกนักเลงพวกมันน่าจะเอาหลินฮวาไปขัดดอก""แล้วทำไมลุงใหญ่ต้องไปเล่นการพนันด้วยล่ะครับ?" เสี่ยวหมิงยังคงสงสัย
เมื่อหวังจื้อเฉิงกับหลิวต้าเฉียงคุยกันเสร็จ เธอเห็นหวังจื้อเฉิงเดินจากไป หลินเสี่ยวเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก พลางมองไปยังเงาตะคุ่มของหลิวต้าเฉียงที่กำลังเดินอาด ๆ เข้ามาใกล้ๆ เธอ"เฮ้ย นังหนูอย่ามาเดินขวางทางกู ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ" หลิวต้าเฉียงตวาดใส่หลินเสี่ยวเหยาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมหลินเสี่ยวเหยาไม่ตอบโต้ เธอเพียงแค่จ้องมองหลิวต้าเฉียงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะค่อยๆ ล้วงถุงกระสอบใบใหญ่ออกมาจากในมิติหลิวต้าเฉียงหัวเราะเยาะ "คิดจะทำอะไรวะนั่น จะเอาถุงกระสอบมาคลุมหัวกูเหรอไง?"แต่คำพูดของเขาก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อหลินเสี่ยวเหยาเดินเข้ามาประชิดตัวอย่างคล่องแคล่วและสวมถุงกระสอบลงบนหัวเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะรูดเชือกที่ปลายถุงดึงเข้ามามัดให้แน่น"อื้อ! อื้อ!" หลิวต้าเฉียงดิ้นรนขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถสลัดหลุดจากการจับกุมของหลินเสี่ยวเหยาได้หลินเสี่ยวเหยาออกแรงลากร่างของหลิวต้าเฉียงที่ถูกปิดตาหายเข้าไปในมิติของเธอ เมื่อเข้ามาในมิติที่เต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ หลินเสี่ยวเหยาเผชิญหน้ากับหลิวต้าเฉียงที่ยังคงพยายามดิ้นรนเอาถุงกระสอบออกจากหัว
ณ ค่ายทหารเมืองจินหลงเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณค่ายทหาร ท่ามกลางแสงแดดร้อนอันระอุ เหล่าทหารหาญต่างขะมักเขม้นฝึกซ้อมอย่างไม่ลดละภายใต้แสงแดดที่แผดเผาราวกับจะหลอมละลายทุกสิ่ง ร่างกายกำยำแข็งแกร่งเคลื่อนไหวเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดุจหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมมาอย่างดี ทหารทุกนายล้วนมีแววตามุ่งมั่นและความหวังที่จะเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องมาตุภูมิอันเป็นที่รักในหมู่ทหารเหล่านั้น มีกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเรียน พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้งในฐานะทหารกล้าภายใต้การนำของหยางเฟิง พันตรีหนุ่มผู้มากความสามารถและทรงอิทธิพล หยางเฟิงเป็นผู้นำที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ และมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เขาได้รับความเคารพนับถือจากเหล่าทหารหาญและเป็นที่ยอมรับในความสามารถในการบังคับบัญชากลุ่มเพื่อนทั้งห้าประกอบด้วย ลู่หาน หมิงฮ่าว เจียงเฉิน หลินเฟิง และหยางเฟิง พวกเขามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเหนือกว่าคำว่าสหายร่วมรบ พวกเขาคือเพื่อนแท้ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทุกสถานการณ์"เฮ้ย...พวกนายได้ข่าวหัวหน้าหยางบ้างไหม?" เสียงของลู่หานดังขึ้นท่ามกลางวงสนทนาข
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ
คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน
พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ
ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส