ช่วงเย็นเหอเสี่ยวหงลุกมาทำกับข้าว ส่วนโจวเหวินหลงเข้าไปคุยกับพี่ชาย เพราะโจวเหวินหลงกลับมาทำให้ต้องเพิ่มจำนวนหุงข้าวและจำนวนอาหาร อย่างปกติเหอเสี่ยวหงจะหุงข้าวครึ่งชั่ง วันนี้เหอเสี่ยวหงหุงข้าวเกือบสองชั่ง เหอเสี่ยวหงจะหุงข้าวกินกับผัดเนื้อหมูใส่มันฝรั่งหลังจากที่จุดไฟหุงข้าวแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปอกเปลือกมันฝรั่งหลายลูก จากนั้นนำมาหั่นเป็นแว่น ๆ ก่อนจะหั่นเป็นตาราง มันจะได้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปล้างด้วยเกลือให้สะอาด แล้วนำไปต้มไม่ต้องต้มให้สุกมาก เพราะหากผัดแล้วมันจะไม่เละและสุกพอดี เอาหมูออกมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเกือบชั่งล้างด้วยเกลือก่อนจะหาอะไรมาปิดไว้ เพราะยังไม่ได้ผัดตอนแรกเหอเสี่ยวหงคิดจะทำอาหารจานเดียวก็เปลี่ยนใจ เธอหยิบหัวไชเท้ากับแครอทในห้องออกมาอย่างละห้าหัวก่อนจะปอกเปลือกออก ขูดเป็นฝอยเหมือนที่เคยเอาไปดองแต่รอบนี้จะนำมาผัด ขูดเสร็จก็ล้างแช่น้ำไว้ ตักมันฝรั่งที่ถูกต้มออกมาพักในน้ำเย็น กว่าข้าวจะสุกมันก็น่าจะพร้อมผัดแล้วแอ๊ดดดเหอเสี่ยวหงหันไปมองประตูที่ถูกเปิดออกก่อนจะเรียกสะใภ้ใหญ่เข้ามาในครัว“จะทำกับข้าวเหรอ เข้ามาสิเตาว่างพอดีค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอกสะใภ้ใหญ่เพราะสามีของเธอเข้าไปค
เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวตื่นขึ้นบนเตียงเตาที่ไม่รู้ว่าขึ้นมานอนตอนไหนในเวลาเช้าแล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่เห็นโจวเหวินหลงไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหน เหอเสี่ยวหงลุกขึ้นพับผ้านวมก่อนจะเดินออกจากห้องไปล้างหน้า อีกสักพักจะได้ไปทำกับข้าว วันนี้เธอตื่นสายกว่าปกติ สะใภ้ใหญ่กำลังทำกับข้าวอยู่จึงทำให้เตาไม่ว่าง“เห็นโจวเหวินหลงไหมคะ” เหอเสี่ยวหงถามสะใภ้ใหญ่ที่กำลังเปิดประตูครัว“เห็นออกไปข้างนอกนะ” สะใภ้ใหญ่ว่าก่อนจะถือหม้อออกจากบ้านไป‘ไปไหนนะ’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ‘ช่างเขาเถอะ ไปหาทำกับข้าวดีกว่า' เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจก่อนหยิบหม้อในครัวไปตักข้าวใส่ในห้อง เหอเสี่ยวหงจะหุงข้าวเพราะสะใภ้ใหญ่เพิ่งทำกับข้าว ที่เตายังมีไฟอยู่เหอเสี่ยวหงเลยไม่ต้องจุดเองเหมือนทุกวัน เหอเสี่ยวหงนำข้าวไปล้างก่อนจะนำมาหุง จากนั้นก็เอาผักกวางตุ้งดองไปล้าง นำมาสับให้ละเอียด เหอเสี่ยวหงจะต้มใส่กับกระดูกหมูที่มีในมิติสะใภ้ใหญ่เอาหม้ออีกใบเข้ามาไว้พอดี เหอเสี่ยวหงเลยตักน้ำใส่หม้อเกือบครึ่งแล้วนำมาตั้งบนเตา เติมเกลือลงนิดหน่อยแล้วนำกระดูกที่เคยสับไว้ในมิติมาใส่ตาม ปิดฝาไว้รอสุกค่อยมาดู เหอเสี่ยวหงที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้วในครัวก็ไปเอาตะกร้า
หลายวันที่ผ่านมาหิมะตกหนักมากกว่าจะหยุดตกก็เข้าสิบกว่าวันได้แล้ว ช่วงบ่ายของวันนี้หิมะที่ตกหนักหลายวันก็หยุดลง เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงจึงพากันออกมาดูรอบ ๆ บ้าน เผื่อมีตรงไหนเสียหายจะได้รีบซ่อม ยังมีสะใภ้ใหญ่อีกคนที่ออกมาช่วยเก็บกวาดลานหน้าบ้านเหอเสี่ยวหงกับสะใภ้ใหญ่ช่วยกันกวาดพวกหิมะ ใบไม้ที่ตกทับพื้นลานหน้าบ้านออก หิมะเริ่มละลายไปแล้วบ้างส่วนมันจึงไม่ได้กวาดอะไรมากมาย ส่วนโจวเหวินหลงไปซ่อมหลังคาหลังบ้านที่ชำรุด“ไม่รู้วันไหนหิมะจะตกอีก” สะใภ้ใหญ่บ่นเพราะหิมะตกครั้งนี้ลากยาวหลายสิบวัน การออกมาตักน้ำหรือต้องใช้น้ำมันจึงลำบากมาก ๆเป็นโจวเหวินหลงที่ต้องออกมาตักน้ำให้ และวันหนึ่งไม่ได้ตักแค่ครั้งเดียว เป็นแบบนี้อยู่หลายวันจนโจวเหวินหลงที่ต้องตากหิมะบ่อย ๆ เพิ่งจะหายป่วยไม่กี่วันนี้เอง“ใช่ค่ะ กลัวมันจะตกมาอีกครั้ง” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“อารองหายแล้วหรือ” สะใภ้ใหญ่ถามเหอเสี่ยวหงที่ตักหิมะใส่กะละมัง หิมะพวกนี้จะเอาไปทิ้งนอกบ้านเพราะเวลาละลายหมด น้ำจะได้ไม่ขัง“อ่า ใช่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ“เฮ้อ ปีนี้หนาวกว่าทุกปีเลย หากเป็นเหมือนเมื่อก่อนเราคงไม่รอดกันแล้ว” สะใภ้ใหญ่ที่กวาดใบ
เหอเสี่ยวหงที่กำลังคัดหนังสืออยู่ก็ได้รับข่าวร้ายจากสามีว่าปู่โจวเสียชีวิตแล้ว จากหลังคาถล่มที่บ้านใหญ่เมื่อคืนนี้ โจวเหวินหลงจึงมาบอกเธอก่อนจะกลับไปช่วยทางนู้นจัดการซ่อมแซมบ้าน ส่วนย่าโจวก็บาดเจ็บแต่ไม่ถึงชีวิต แต่ก็เจ็บหนักอยู่บ้างเหอเสี่ยวหงทำเพียงพยักหน้ารับรู้ที่สามีบอกแต่ไม่ได้พูดตอบรับอะไร ก่อนจะบอกให้สามีระวังตัว“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ มันอาจถล่มอีกรอบ” เหอเสี่ยวหงบอกสามีโจวเหวินหลงพยักหน้ารับก่อนจะปั่นจักรยานกลับไปที่บ้านใหญ่โจวอีกรอบ เขากลับมาเพื่อมาบอกข่างภรรยาเฉย ๆ จึงมาเพียงครู่เดียวเพราะโจวเหวินหลงมาบอกแค่เหอเสี่ยวหง เธอจึงต้องไปเคาะประตูบอกบ้านใหญ่แทน เพราะยังไงพี่ชายใหญ่โจวก็เป็นลูกชายคนโตของบ้านรองโจวส่วนเหอเสี่ยวหงเธอเป็นหลานสะใภ้ จริง ๆ แล้วเธอควรจะไปกับโจวเหวินหลงด้วยแต่มันเป็นฤดูหนาว เขาจึงไม่ให้เธอไปด้วยเหอเสี่ยวหงเข้าครัวไปนวดแป้ง เธอจะนวดแป้งทำซาลาเปากับเกี๊ยวไว้กินมื้อเย็น ส่วนไส้เหอเสี่ยวหงจะนำเนื้อหมูแห้งไปทุบก่อนจะนำมาผัดกับผักกาดดองทำเป็นไส้ จริง ๆ แล้วเหอเสี่ยวหงอยากเอาซาลาเปาในมิติออกมาเลยแต่เพราะมีโจวเหวินหลงอยู่ด้วย เหอเสี่ยวหงที่ยังไม่อยากให้โจวเหวิ
เป็นเวลามากกว่าสามวันที่โจวเหวินหลงพาเธอกับลูกขึ้นรถไฟไปฉงชิ่ง ซึ่งระหว่างทางก็มีซาลาเปากับทอดเนื้อแห้งที่เหอเสี่ยวหงทำมาเป็นอาหารระหว่างเดินทาง วันนี้เข้าวันที่สี่พอดีกับที่รถไฟถึงปลายทางแล้วโจวเหวินหลงปลุกเหอเสี่ยวหงกับลูกที่นอนอยู่ในตู้นอนรถไฟ แล้วถือเอากระเป๋าห้าหกใบมาสะพายกับถือเอาไว้ก่อนเดินนำออกจากสถานีรถไฟ“ตอนนี้เริ่มมืดแล้วรถไม่มีให้เราใช้ คงต้องเดินไป” โจวเหวินหลงหันมาบอกกับเหอเสี่ยวหงที่กำลังจับมือลูกสาว“ที่พักอยู่ไกลไหมคะ?” เหอเสี่ยวหงถามก่อนจะอุ้มลูกสาวคนเล็กขึ้นเพราะหล่อนง่วงนอนมาก“ถัดจากตรงนี้ไปไม่ไกลครับ” โจวเหวินหลงตอบ“เดินไปเถอะค่ะ” เหอเสี่ยวหงว่าก่อนจะยื่นมือจับแขนลูกสาวคนรอง“ไปกันเถอะเด็ก ๆ” โจวเหวินหลงจูงมือลูกสาวคนกลางโดยที่มือของโจวอู๋นีจับมือของโจวเอ้อร์นีนำหน้าเหอเสี่ยวหงไปสองข้างทางที่เหอเสี่ยวหงเดินไปมีร้านค้าของรัฐอยู่หลายร้าน มีทั้งของกิน ของใช้ หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้า เยอะกว่าที่อำเภอหลายเท่าตัว ที่นี่พัฒนากว่าที่บ้านเยอะมาก เหอเสี่ยวหงมองสามีเดินเข้าไปในซอยข้างสถานีตำรวจ ก่อนจะปล่อยมือให้ลูกสาวคนรองเดินนำหน้าเพราะโจวลิ่วนีหลับเธอจึงต้องใช้อีกมือประ
หลายวันที่ผ่านมาโจวเหวินกลับเข้าไปทำงานก่อนกำหนดวันลาหมด ซึ่งโจวเหวินหลงแลกวันลาให้สหายไป เหอเสี่ยวหงที่ไม่ต้องทำอะไรก็คัดหนังสือให้ลูกสาว โดยที่ระหว่างรอหนังสือที่คัดเหอเสี่ยวหงให้เด็ก ๆ เขียนอักษรที่จำได้ใส่สมุดให้ดูเพราะวันนี้สมุดของโจวลิ่วนีเสร็จ เหอเสี่ยวหงก็มีเวลาไปทำสวนในพื้นที่เหลือใช้หลังบ้านสักที โดยที่เหอเสี่ยวหงให้โจวเหวินหลงหาของมาให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังจากปล่อยให้เด็ก ๆ คัดหนังสือ เหอเสี่ยวหงก็เริ่มพรวนดิน แต่ก่อนมันจะมีหญ้าแต่แม่บ้านมาตัดออกให้แล้วดินที่ไม่ได้ทำอะไรมานานมันแข็งมากเหอเสี่ยวหงจึงต้องใช้น้ำในการช่วย และด้วยความที่บ้านมีเพียงน้ำที่ไว้ใช้ทำอาหารเธอจึงต้องออกไปตักน้ำใกล้ ๆ ห้องน้ำสาธารณะแทนเหอเสี่ยวหงบอกให้โจวเอ้อร์นีล็อกประตูไว้เพราะมันมีแต่เด็กอยู่ และเธอไม่ต้องการรอโจวเหวินหลง เพราะกว่าเขาจะเลิกงานก็ค่ำแล้วระหว่างทางไปตักน้ำเหอเสี่ยวหงเดินผ่านบ้านพักหลังอื่น ๆ ที่อยู่ห่างจากบ้านพักพวกเธอสิบกว่าหลัง ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น และทุกคนต้องทำงานกันระหว่างทางเหอเสี่ยวหงจึงไม่เห็นใครเดินผ่านเลย เมื่อตักน้ำเหอเสี่ยวหงก็รีบเดินกลับเพราะม
เหอเสี่ยวหงไม่ตอบเธอนึ่งซาลาเปาต่อ อันไหนที่สุกแล้วเธอก็เก็บใส่กล่องไว้ เหอเสี่ยวหงนึ่งซาลาเปากับเกี๊ยวกว่าจะเสร็จก็เกือบชั่งโมงได้ เพราะมันมีจำนวนมาก หลังจากที่เก็บใส่กล่องแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยกเข้าไปเก็บไว้ในห้องโดยที่มีโจวเหวินหลงช่วยหลังจากนั้นโจวเหวินหลงก็ไปตักน้ำมาใส่ถังใบใหญ่ที่เหอเสี่ยวหงให้เขาไปหามาให้ เป็นถังที่เอาไว้ล้างจานกับอาบน้ำ เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่าลูกสาวยังเด็กเกินไปไม่ควรให้อาบน้ำที่ห้องน้ำสาธารณะ กว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านอากาศที่หนาวจะทำให้เด็ก ๆ เป็นไข้ได้ ซึ่งโจวเหวินหลงก็เห็นด้วยกับเธอและยังให้เธออาบน้ำอยู่ที่บ้านอีกด้วยระหว่างที่รอโจวเหวินหลงไปตักน้ำมาให้เหอเสี่ยวหงก็ทำกับข้าวรอ จริง ๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องทำอีกเพราะมีซาลาเปากับเกี๊ยวอยู่แล้วแต่เหอเสี่ยวหงอยากให้กินน้ำซุปร้อนๆ ๆ ด้วยจึงคิดที่จะทำน้ำซุปกระดูกหมูที่ใส่สามชั้นลงไปด้วย ไหน ๆ ก็จะบอกโจวเหวินหลง เธอเลยไม่ต้องการที่จะซ่อนอีกกว่าโจวเหวินหลงจะหิ้วน้ำใส่ถังจนเต็มเหอเสี่ยวหงก็ต้มน้ำซุปเสร็จ เธอเรียกเด็ก ๆ ออกมากินซาลาเปากับเกี๊ยวพร้อมน้ำซุปกระดูกหมูคนละชาม หลังจากอิ่มกันแล้วเหอเสี่ยวหงก็พาเด็ก ๆ ไปอาบน้ำ เนื
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเด็ก ๆ ก็ช่วยเหอเสี่ยวหงล้างจานและกวาดบ้าน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน ตกดึกหลังจากทำอะไรเสร็จเหอเสี่ยงหงจึงคุยกับโจวเหวินหลง“ฉันอยากขายสบู่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะวางครีมเอ่ยขึ้น“ขายสบู่?” โจวเหวินหลงถามซ้ำ“ใช่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบเพราะคิด ๆ ดูแล้วขายสบู่ในช่วงก่อนปีใหม่น่าจะดีกว่า เพราะบางคนหากได้ใช้สบู่แล้วติดใจอาจจะซื้อไปฝากคนอื่น ๆ เป็นของขวัญปีใหม่ก็ได้“ไม่ได้” โจวเหวินหลงปฏิเสธเสียงแข็ง เหอเสี่ยวหงหันมามองก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“เราจะอยู่แบบไม่มีเงินไม่ได้” เหอเสี่ยวหงขึ้นเสียงนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ดังมาก กลัวลูกสาวจะสะดุ้งตื่นและคนอื่นจะได้ยินเสียง ถึงบริเวณบ้านพักจะไม่มีใคร แต่ช่วงกลางคืนต่อให้พูดเบาแค่ไหนก็ได้ยินเสียงอยู่ดี“เงินเดือนของผมก็เพียงพอแล้ว” โจวเหวินหลงบอกเงินเดือนที่ได้รับมาล่าสุดของโจวเหวินหลงรวมกับเงินค่าอื่น ๆ เขาได้เกือบร้อยหยวน คูปองอีกเป็นสิบใบ เงินสิบหยวนชาวบ้านสามารถใช้ได้เป็นปีเพราะต้องประหยัดหากแต่เป็นเหอเสี่ยวหง เธอคิดว่ามันไม่พอใช้ ค่าอาหารเดือนหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่าครึ่งเงินเดือนของโจวเหวินหลงแล้วไหนจะอีกไม่กี่เดือนลูกสาวก็ต
เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน
เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ
เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย
จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร
เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง
สาว ๆ ปิดเทอมสองเดือนในภาคเรียนแรก ที่ปิดนานขนาดนี้เพราะเพิ่งเปิดปีแรก จึงต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างจึงหยุดนานทุกคนมาปรึกษากันดูแล้ว ลูกสาวอยากกลับไปดูบ้านเกิดกันมาก โจวเหวินหลงจึงจะพาไป แต่รถคันเดียวไม่สามารถไปกันได้หมด จึงต้องซื้ออีกคันเพราะถ้าไม่ซื้อก็ไปกันไม่หมดแน่ ลำพังแค่ของก็เต็มรถแล้วแต่ครั้งนี้ต่างออกไป อาสามเหอจะไปด้วย รถที่ซื้ออีกคันก็เป็นเขาขับ ส่วนอาสี่ยังกลับไม่ได้เพราะเดินเรื่องยังไม่เสร็จ ซึ่งอาสี่เศร้ามาก หลายเดือนจนจะปีแล้วการลาออกยังไม่ถึงไหนเลย เหมือนทางกองทัพจะรั้งเขาไว้ด้วย การลาออกจึงถูกสกัดไว้“เดี๋ยวหนูกับซานนีแล้วก็เสี่ยวยวี่จะไปนั่งกับตาสามเอง” เอ้อร์นีบอกเพราะรถมีสองคันจึงต้องแบ่งกันนั่ง อีกอย่างถ้าจะเบียดกันไปก็คงจะไม่ได้“ดีเลยค่ะ หนูอยากนั่งกับแม่” ลิ่วนีพยักหน้าเหอเสี่ยวหงส่ายหัวก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินตรวจดูของพอเห็นว่าไม่ขาดอะไร ก็ไปสั่งงานผู้จัดการร้านไว้ “ฉันฝากร้านด้วยนะคะ ไม่มีกำหนดกลับ แต่ก่อนสาว ๆ จะเปิดเทอมแน่นอน” เหอเสี่ยวบอก“ได้ครับ คุณนายโจวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการให้” ผู้จัดการหลงพยักหน้า“ส่วนบัญชีส่งให้ดูหลังวันหยุดนะคะ”
เหอเสี่ยวหงอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อมารอคุณลุงลี่โจวหูเอาใบชามาส่ง นี่ก็ผ่านมาสามวันตามที่เอ้อร์นีบอกว่าคุณลุงจะเป็นคนมาส่งใบชาเอง และเมื่อวานตอนเย็นคุณลุงติดต่อมาอีกครั้งว่ามาถึงฉงชิ่งแล้ว แต่เพราะมันมืดแล้วจึงจะพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าจึงจะมาส่งส่วนวันนี้โจวเหวินหลงไม่ได้ออกไปคุมช่าง เพราะวันนี้ทำแค่ความสะอาด และวันนี้เป็นวันที่อู๋นีบอกว่าจะกลับบ้านด้วย“ฉันลงไปรอข้างล่างนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอกสามีที่แต่งตัวอยู่จริง ๆ เธอไม่ต้องเป็นคนรับของเองก็ได้ จะให้ผู้จัดการหลงรับเหมือนปกติก็ได้ แต่เนื่องจากครั้งนี้คุณลุงมาส่งเอง เหอเสี่ยวหงจึงต้องออกมาต้อนรับ“มากันครบแล้วเหรอ” เหอเสี่ยวหงถามพนักงาน“ครบแล้วค่ะ” เฟยหยางอิงตอบ“ไปทำความสะอาดที่เก็บใบชาเถอะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะสั่งงาน“ได้ค่ะ”“ได้ครับ”ยังดีที่สามวันที่ผ่านมาลูกค้าที่จองห้องได้เข้าใช้ห้องครบทุกคิว เนื่องจากใบชามีเพียงพอต่อสองวัน และเมื่อวานก็เป็นวันหยุด ทุกคนไม่ได้ทำงานกัน วันนี้เหอเสี่ยวหงจึงต้องให้ทำความสะอาดห้องที่เก็บใบชา เวลาเก็บใบชาจะได้เก็บนาน ๆ อีกอย่างก็จะไม่ได้มีฝุ่นมาเกาะ“แม่!”เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจก่อนจะหัน
ตั้งแต่ที่ทำการซื้อขายใบชาจากไร่ชา เหอเสี่ยวหงซื้อใบชามาจากไร่ของคุณลุงลี่โจวหูคนเดียวเท่านั้น เพราะเธอได้เซ็นสัญญาเรื่องการซื้อขายเอาไว้ ปกติก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คงจะมีแต่ช่วงนี้ที่มีปัญหา และใบชาก็ไม่ได้มาส่งเป็นเวลาสามวัน และคงไม่ถึงสองวันที่ใบชาที่มีจะหมดส่วนเรื่องผ้าผลตอบรับดีมาก ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะอยากได้อีก บางคนก็ซื้อไปขายที่อื่นแต่เหอเสี่ยวหงก็ให้ราคาเต็ม ไม่ได้ลดราคาให้เพราะเธอไม่ได้ขายส่ง ส่วนจะเอาไปขายที่อื่นเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาซื้อไปแล้วยังดีที่ผ้าปักลายมีมากถึงพันกว่าม้วน จึงไม่ทำให้ของขาดตลาดเท่าไร จะมีก็แต่บางลายเท่านั้นที่เหอเสี่ยวหงให้สหายปักเพิ่ม ในหนึ่งวันจะได้ผ้าปักลายเพียงห้าม้วน หรือบางวันก็มากกว่าสิบม้วน อย่างสามวันที่ผ่านมาก็ปักลายผ้าได้ยี่สิบเก้าม้วน เหอเสี่ยวหงเก็บมันเอาไว้แยกอีกที่หนึ่ง เอาไว้ของในร้านหมดค่อยเอามาเพิ่มตอนนี้ทุกคนพยายามช่วยกันติดต่อไร่ชา เพราะต้องสอบถามเรื่องใบชาแต่ไม่มีใครรับสายเลย ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่าเป็นพวกเธอหรือเปล่าจึงไม่ยอมรับ หรือไม่ก็พวกเขามีปัญหากันจริง ๆ“อย่างนี้เราแย่แน่ ๆ เลยครับ” ผู้จัดการหลงเอ่