บทที่ 1.2 แม่เลี้ยงใจร้าย"พ่อเลี้ยงได้โปรดเมตตา อย่าทำอะไรฉันเลยจ้ะ ฉันขอร้อง ให้ฉันกราบก็ได้ อะ...เอาอย่างนี้ดีไหมจ๊ะ ฉันมีลูกสาว ฉันยกลูกสาวให้พ่อเลี้ยงเลย แต่แลกกับพ่อเลี้ยงช่วยยกหนี้ให้ฉันสักครั้งหนึ่งเถอะค่ะ"คนตัวสูงมองเธอด้วยหางตา คิดไม่ถึงเลยว่าคนเราจะน่าสมเพชได้ขนาดยอมขายลูกสาวใช้หนี้แบบนี้"ฉันไม่สน""กะ...แกสวยมากเลยนะคะ ถ้าพ่อเลี้ยงได้เห็นจะต้องชอบแน่ ๆ จะเอามาเป็นนางบำเรอ เมียเก็บหรืออะไรก็ได้เลยค่ะ ลูกสาวฉันคนนี้เก่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือนหรือทำอาหาร ได้โปรดเถอะนะคะพ่อเลี้ยง อย่าทำอะไรฉันเลย นะคะ"อรอนงค์ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว สองมือยกขึ้นเหนือหัวงันงกเพื่อไหว้ขอร้องชายหนุ่ม"ฉันไม่สนใจ จะสวยแค่ไหนก็ไม่สน เอาตัวออกไปได้แล้ว ฉันให้เวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น ถ้ายังหาเงินมาคืนพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดไม่ได้ก็เตรียมขายไตได้เลย"ฐากูรพูดเพียงเท่านั้นก็ส่งสายตาไปทางปณิธาน เพื่อให้มาลากตัวลูกหนี้คนนี้ออกไปให้พ้นสายตา"ออกไปได้แล้ว พ่อเลี้ยงต้องการพักผ่อน"ฝ่ายลูกน้องก็เข้าใจสิ่งที่เจ้านายต้องการจะสื่อ เขาเดินเข้ามาฉุดกระชากลากถูอรอนงค์ออกไปจากห้อง"ไม่นะคะพ่อเลี้ยง สามว
บทที่ 2.1 ดูตัววันต่อมาอรอนงค์ก็ยังคงนอนซมลุกไม่ไหวอยู่บนเตียง เดือดร้อนหญิงสาวต้องตามไปดูแลด้วยอรอุมายังไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นแม่เลี้ยงไม่สบายมาก่อน มธุราโทรลางานกับทางหัวหน้าเพื่ออยู่ดูแล้วอีกฝ่ายคนตัวเล็กต้มข้าวต้มมาเสิร์ฟถึงห้อง“แม่ลุกขึ้นกินข้าวต้มก่อนนะคะ จะได้กินยา”“แค่กๆ”แม่เลี้ยงใจร้ายแสร้งทำเป็นไอเหมือนคนกำลังจะขาดใจตาย ริมฝีปากที่โบกลิปสติกสีนู้ด ไหนจะใบหน้าที่แต่งแต้มเต็มที่กะให้ขาวซีดยิ่งกว่าไข่ต้ม มธุราประคองเธอขึ้นมานั่ง“แม่หน้าซีดมากเลยนะคะ ไปโรงพยาบาลดีมั้ย”“ไม่เป็นไร นอนพักเฉย ๆ สักวันเดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่ว่า...”อรอนงค์ทำหน้าเครียด คิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งจนหญิงสาวต้องออกปากถาม“แต่ว่าอะไรคะ”“จริง ๆ วันนี้ฉันมีนัดสำคัญกับผู้ใหญ่คนหนึ่งเอาไว้ เป็นนัดที่ต้องไปพบให้ได้ด้วย แต่ดูสภาพฉันสิ ฉันจะไปไหวได้อย่างไรกัน จะให้ผิดนัดก็ไม่ได้ด้วย”หล่อนตอบเสียงแหบเสียงแห้งเหมือนคนขาดน้ำมาหลายวัน ซ้ำยังทำท่าจะลุกไปให้ได้เพื่อแสดงให้หญิงสาวเห็นว่านัดนี้สำคัญมากขนาดไหน“แม่อย่าลุกสิคะ เดี๋ยวก็เป็นลมไปอีกหรอก”“แต่ฉันต้องไปตามนัด ไม่ไปไม่ได้”อรอนงค์ยังค
บทที่ 2.2 ดูตัว“มันโป๊ไปนะคะ ต้องไปพบผู้ใหญ่ แต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนี้ไม่ดีหรอกค่ะ”“ไม่เห็นจะโป๊เลย ออกจะสวย แกใส่ต้องขึ้นแน่ ๆ”แม่เลี้ยงยังคงคะยั้นคะยอ ขืนให้แต่งตัวแบบปกติไปคงไม่มีวันถูกใจชายหนุ่มเป็นแน่ จะต้องทำให้หล่อนสวยสะดุดตาที่สุด ไม่อย่างนั้นจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้“หนูไม่อยากใส่ชุดนี้ค่ะ”“โอเค ๆ ถ้าอย่างนั้นชุดนี้ แขนกุด กระโปรงพอง ๆ น่ารัก”อรอนงค์ยอมตามใจมธุราเป็นครั้งแรก เพราะกลัวเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปตามนัดแทน คนตัวเล็กหรี่ตามองชุดในมือแม่เลี้ยงอย่างครุ่นคิด มันไม่ได้โป๊มากก็จริง แต่ก็ไม่ใช่สไตล์ของเธออยู่ดี ใส่แล้วคงออกมาเหมือนคุณหนูเอาแต่ใจแน่ ๆ“จำเป็นต้องใส่ชุดแบบนี้ด้วยเหรอคะ”“จำเป็นสิ เพราะแขกคนนี้สำคัญมาก แกต้องทำตัวให้ดีตอนเจอนะเข้าใจไหม อย่าแผลงฤทธิ์อะไรเด็ดขาด บอกไปเลยว่าเป็นลูกสาวของฉัน”ลูกสาวของฉัน!!แค่ประโยคนั้น ประโยคเดียว ทำเอาคนฟังน้ำตารื้นด้วยความดีใจ มธุรายิ้มน้อย ๆ แม่เลี้ยงไม่เคยยอมให้เธอแนะนำว่าเป็นลูกเลยสักครั้งตั้งแต่แต่งงานกับบิดามา เวลาเจอใครหากไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อก็จะใช้คำว่า ‘ลูกติดสามี’ แทน พอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นอย่างบอกไม่
บทที่ 3.1 เดตแรก“ใช่ค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของคุณอรอนงค์ แล้วคุณคือ...?”“ฐากูร สั่งอะไรกินหรือยัง”เขาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหล่อนแล้วนั่งลงโดยไม่ได้มีคำทักทายอย่างอื่น ทำไมแขกของแม่เลี้ยงถึงดูน่ากลัวแบบนี้นะ เอาแค่สายตาดุดันนั่นก็เหมือนจะมองคนออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว“ยังค่ะ ฉันคิดว่าควรรอให้คุณมาแล้วค่อยสั่ง...”“ขอเมนูด้วย”เขาไม่รอให้มธุราพูดจบด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้นพร้อมยกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศรอบตัวผู้ชายคนนี้มันอึมครึมชอบกล แม้แต่แขกในร้านก่อนหน้านี้ยังทยอยกันออกไปเลย ทั้งที่ก่อนหน้าชายหนุ่มจะมา ทุกคนก็ดูแฮปปี้ดีแท้ ๆ“ระ...รับอะไรดีคะ”“สเต๊กแกะหนึ่ง เธอล่ะ ?”ฐากูรตอบโดยไม่มองเมนูที่พนักงานส่งให้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะขอมาเพื่ออะไรกันนะ หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วเปิดเมนูออกดูรายการอาหาร“เอ่อ...ฉันขอเป็น...”คนตัวเล็กลังเล ดูจากค่าอาหารแล้วทำเอาอยากจะสั่งแค่ข้าวไข่เจียวเลย“สักครู่นะคะ”เธอหันไปมองพนักงานแล้วหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดออกดู ในหัวคำนวณอย่างรวดเร็วว่าจะสามารถสั่งอะไรจากร้านนี้ทานได้บ้าง การกระทำของหล่อนทำเอาคนตัวสูงขมว
บทที่ 3.2 เดตแรก“คุณรู้จักกับแม่ของฉันได้อย่างไรเหรอคะ”“แม่เธอไม่ได้บอกเหรอ”คนตัวเล็กส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวดเข้ากันอย่างแปลกใจ ทั้งที่ยอมจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อใช้หนี้แต่กลับไม่รู้ว่ารู้จักกันได้อย่างไรอรอนงค์บอกกับหล่อนว่าเขาเป็นใครกันแน่?“แต่ว่า...คุณดูแตกต่างจากที่คิดไว้นะคะ”“คิดไว้? คิดไว้อย่างไร”พ่อเลี้ยงถามด้วยเริ่มสนใจความคิดของอีกฝ่าย ทั้งที่ภายนอกเธอก็ดูธรรมดาเหมือนผู้หญิงปกติทั่วไป ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่กลับมีบางอย่างดึงดูดให้คนที่ได้รู้จักอยากรู้จักมากขึ้น“ก็...คิดว่าคงเป็นคนสูงอายุที่ดูท่าทางใจดีอะไรแบบนั้นค่ะ”“คนสูงอายุ? จะบอกว่าฉันดูไม่แก่เหรอ”มธุราพยักหน้า นอกจากจะไม่แก่แล้วยังดูหนุ่มแน่นอีกด้วย เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมหน้าตายังคมเข้มหล่อเหลาไม่บันยะบันยัง ดูจากรถและการที่ต้องมีคนติดตามอย่างนี้ก็แสดงออกถึงความอภิมหารวยของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีแล้ว“คุณดูดีมากเลยค่ะ”“แล้ว...ไอ้ประโยคที่ว่าดูท่าทางใจดี แปลว่าพอได้เจอแล้วฉันดูใจร้ายหรือไง”คนถูกถามทำตาโตเล็กน้อยก่อนเอามือสองข้างขึ้นมาปิดปากแล้วกะพริบตาปริบ ๆ“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ”“ดีเลยค่ะ มาถูกจังหวะมาก”หญิงสาวโ
บทที่ 4.1 ถูกจับคู่พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แม้ว่าฐากูรจะอาสาไปส่งแต่หล่อนก็ปฏิเสธแล้วนั่งรถสองแถวกลับมาเอง แค่ให้เขาเลี้ยงข้าวก็เกรงใจจะแย่ อย่าให้ถึงขั้นต้องมาส่งกันถึงที่เลย เมื่อกลับมาถึงก็เดินเข้าข้างในตามปกติ เจอแม่เลี้ยงและอรอุมากำลังนั่งดูโทรทัศน์กันอย่างสนุกสนาน“แม่หายไข้แล้วเหรอคะ”เธอถามอย่างแปลกใจ เพิ่งจะบ่ายกว่า ๆ เท่านั้นเอง นึกว่ากลับมาถึงจะต้องทำข้าวต้มให้กินและป้อนยาต่อเสียอีก“ดีขึ้นแล้วน่ะ ว่าแต่ทางแกล่ะเป็นไง พ่อเลี้ยงเขาดูสนใจแกมั้ย”“พ่อเลี้ยง?”หญิงสาวทวนคำ ท่าทีของอรอนงค์ที่มีต่อเธอดูเปลี่ยนไปจากเมื่อเช้าราวกับคนละคน“แม่หมายถึงคุณฐากูรเหรอคะ”“ใช่ ๆ เขาเป็นไงบ้าง ดูดีเลยใช่มั้ยล่ะ”“ก็ดูดีค่ะ ดูเด็กกว่าที่คิดด้วย ไหนแม่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่ที่แม่เคารพ แต่เขาดูเด็กกว่าแม่มากเลยนะคะ”เธออดถามเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยยังคาใจ“ก็เขามีฐานะร่ำรวย อิทธิพลของเขากว้างใหญ่ไปทั้งจังหวัดเชียวนะ กิจการในครอบครองมีจนเอานิ้วเราสามคนมานับก็ยังไม่หมด ใครได้แต่งงานด้วยคงสบายไปทั้งชาติ”“แล้วไงคะ แม่มีนัดกับเขาไม่ใช่เหรอ หรือแม่จะแต่งงานใหม่?”ความคิดของเธอเรียกฝ่ามือจากอรอนงค
บทที่ 4.2 ถูกจับคู่“ถึงแล้วครับพ่อเลี้ยง”ปณิธานจอดรถแล้วลงมาเปิดประตูให้ ชายหนุ่มเป็นคนไม่ชอบให้ใครติดตามเยอะเวลาไปไหนมาไหนก็เลยมีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ขนาดนี้ฐากูรเดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มเพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนเคร่งขรึมเหมือนเสือยิ้มยาก คนส่วนใหญ่เลยเลือกจะถอยห่างมากกว่าด้วยกลัวว่าหากเผลอทำอะไรไม่ถูกใจ เสือตัวนี้อาจหันมาแว้งกัดได้เสมอ คนตัวสูงเลี้ยวเข้าไปในห้องรับประทานอาหารตามที่แม่บ้านผายมือเชื้อเชิญเข้าไป“เชิญค่ะพ่อเลี้ยง”“จริง ๆ เหรอคะ คุณแม่ยังคุยสนุกเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย”เสียงหวานใสที่ได้ยินทำเอาพ่อเลี้ยงชะงักฝีเท้า เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปทีละก้าวช้า ๆ ราวกับคนตื่นกลัวบางสิ่ง“หนูก็เหมือนกัน ยังน่ารักเหมือน...อ้าว ตาทิม มาแล้วเหรอ เข้ามาสิ”“พี่ทิม!”ฐิติมากวักมือเรียกลูกชาย ขณะที่หญิงสาวอีกคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของเขาตรงโต๊ะอาหารหันมามองพร้อมส่งยิ้มกว้าง บนโต๊ะมีกระเช้าผลไม้ที่มารดาของเขาชอบทานเป็นพิเศษวางอยู่ด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนหอบเอามาให้“ผมขอตัวกลับเลยแล้วกัน ที่นี่อากาศไม่ค่อยดี”“หยุดเดี๋ยวนี้นะ
บทที่ 5.1 ไม่มีทางเลือกกว่าอาหารมื้อที่แสนอึดอัดนี้จะจบลง ฐากูรต้องพยายามข่มอารมณ์ตนเองเป็นอย่างมากเมื่อวิเวียนเอาแต่ออดอ้อนมารดาของเขา การกระทำของเธอจะทำให้ผู้เป็นแม่อยากจับคู่ให้ชายหนุ่มและหล่อนอีกครั้ง"ทิมไปส่งน้องหน่อยสิลูก มืดค่ำขนาดนี้แล้วจะให้กลับบ้านคนเดียวก็อันตรายนะ"ฐิติมาเปิดประเด็นเมื่อเดินมาส่งลูกชายขึ้นรถที่หน้าบ้าน"ตอนมาเธอก็มาเองได้ ตอนกลับก็ควรจะกลับเองได้สิครับ ผมมีธุระต้องรีบไปต่อ ขอตัวแล้วกัน สวัสดีครับคุณแม่"พ่อเลี้ยงตัดบท ไม่แยแสหรือสนใจอะไรในตัววิเวียนทั้งสิ้น ปณิธานรีบตรงเข้ามาเปิดประตูรถให้กับเจ้านาย"เดี๋ยวสิตาทิม แล้วน้องล่ะ ตาทิม!""ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ หนูกลับเองได้ค่ะ พี่ทิมคงยังโกรธหนูอยู่ ไว้หนูจะหาทางปรับความเข้าใจกับเขาเองนะคะ"วิเวียนห้ามมารดาไว้ เธอไม่คิดว่าการใช้วิธีให้อีกฝ่ายถูกบังคับจากผู้เป็นแม่จะได้ผลพ่อเลี้ยงไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ออกคำสั่งให้ปณิธานขับรถไปทันที จนเมื่อออกจากตัวบ้านมาได้เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรอนงค์ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้มารดากำลังคิดอะไรอยู่ และแน่นอนว่าชายหนุ่มต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ฐากูรไม่ต้องการจะมีความ
ตอนพิเศษ ของขวัญที่แสนพิเศษหลายปีต่อมา…“เอ้า ดื่ม!”เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาผู้ชายขี้เมาดังขึ้น ธีรภัทร์ชูแก้วเหล้าไปตรงหน้าเพื่อนทั้งสี่คน ที่นัดมาดื่มสังสรรค์กันที่บ้านด้วยตัวเขาเองไม่อยากจะออกไปดื่มกินที่ไหน“พวกเราต้องกินให้เต็มที่นะเว้ย เพราะตั้งแต่ไอ้ภีมแต่งงานมีเมียเนี่ย มันเหมือนพระเข้าไปทุกวัน นอนเร็ว งดเที่ยว จนเพื่อนฝูงแทบจะจำหน้ามันไม่ได้แล้ว”เสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานดังขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงเถอะครับไอ้คุณภีม เมียเด็กของมึงนี่ โหดมากเหรอวะ มึงถึงได้ทำตัวเป็นลูกเสือแรกเกิดอยู่ในโอวาทเมียเสียเหลือเกิน”เสียงแซวของกันต์เพื่อนรักดังขึ้นอีกหน“มึงเมาก็กลับบ้านไปนอนไป”ธีรภัทร์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วดื่มพรวดลงคอ ตั้งแต่มาถึงบ้านแต่ละคนไม่หยุดล้อเลียนเขาเรื่องเขมมิกาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาจับผิดของพวกเพื่อน ๆ“มองอะไรกัน กูไม่ได้กลัวเมีย”“พวกกูก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามึงกลัวเมีย”เหมือนจะร้อนตัวรีบบอกออกไป แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายอมรับแล้วสินะว่าเขามันคนกลัวเมีย“กู…”ไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป เมื่อร่างบางระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าของเ
บทที่ 30 จบบริบูรณ์ NCอาการของเขมมิกาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตามร่างกาย มีเพียงร่องรอยฟกช้ำเท่านั้น อีกทั้งได้บุรุษพยาบาลดีทำให้สภาพจิตใจของเธอเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกันก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธี ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเจ้าสัวธนาจะเดินเข้ามา ในมือของท่านมีกระเช้าของเยี่ยมติดมือไปมาด้วย มากไปกว่านั้นใบหน้าเกรงขามดุดันเวลานี้กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีสองคู่รักหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ธีรภัทร์ถึงขั้นขยี้ตาตัวเองด้วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นบิดาที่นี่“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ ภาพจำในคืนดินเนอร์ยังตราตรึงไม่หาย ก็จะให้ลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของว่าที่สามีทำหล่อนร้องไห้กลับบ้าน แถมนั่งน้ำตาแตกนานอยู่หลายชั่วโมง“เป็นยังไงบ้าง”เจ้าสัวธนาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามด้วยใบหน้าปกติอย่างที่สุด ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางแคลงใจกันมาก่อน“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”เขมมิกาตอบพลางชำเลืองสายตามองคนตัวสูงด้านข้าง“พักให้หายดีก่อน แล้วค่อยกลับ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”“คะ?”พะ พ่ออย
บทที่ 29 พี่มาช่วยแล้ว“กรี๊ด!!!”เสียงกรีดร้องของเขมมิกาดังขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนกระโจนเข้ามาแล้วลากเธอกลับขึ้นไปบนเตียง หมายจะปลุกปล้ำทำลายเธอ ที่ตรงมุมห้องหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้วกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอ“ปล่อยนะ ปล่อยนะไอ้พวกชั่ว ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”เขมมิกาพยายามปัดป้องไม่ให้ไอ้พวกคนชั่วข่มเหงเธอได้ ปากเล็กตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย เวลานี้ในสถานที่แบบนี้ใครกันจะมาช่วยเธอได้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลพรากอาบสองแก้มบวมช้ำ ในใจคิดถึงแต่หน้าชายคนรัก‘พี่ภีมขา ช่วยขิมด้วย..’แควก! แควก!“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ปล่อย!”เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นจากการถูกกระชากดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องของเขมมิกา มือเล็กยกขึ้นปกปิดส่วนสงวนของตนเอง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนสุดขีด เขมมิกาถดกายไปจนสุดขอบเตียงนอน แผ่นหลังเล็กแนบไปกับฝาบ้าน ดวงตากลมโตสั่นระริกส่ายหน้าไปมางันงก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำไมมนุษย์ถึงต่ำช้ากับมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ…หนึ่งในชายโฉด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยกมือข้างที่ถือเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของหญิงสาวขึ้นมาสูดดมก่
บทที่ 28 แม่นกต่อ 2“ขิมขับเข้าไปอีกหน่อยนะลูก ห้องพักของแม่อยู่ในซอยข้างหน้านี้แหละจ้ะ”เอมอรชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยเล็กแคบ ที่ดูยังไงรถของเธอก็เข้าไปไม่ได้“รถขิมน่าจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ซอยเล็กขนาดนี้ เราคงต้องลงเดินแล้วล่ะค่ะ”เขมมิกาจอดรถตรงปากทางเข้า หล่อนชะโงกหน้ามองถนนเล็กน้อย ตรงนี้มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ก่อนจะหันมามองมารดาที่เริ่มเมาได้ที่ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทางเข้าซอยอีกครั้งปล่อยแม่เดินกลับเข้าบ้านไปตามลำพังคงจะไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในใจก็คิดไปถึงการหาที่อยู่ใหม่ให้ผู้เป็นแม่ หญิงสาวตัดสินใจดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะประคองร่างหนักอึ้งของมารดาออกมา“ไหวมั้ยคะ แม่ระวังหัวค่ะ ค่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวขิมไปส่งที่บ้านนะ”“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกลูก กลับไปพักเถอะ อีกนิดเดียวเอง แม่เดินไปเองได้”เอมอรยกมือโบก ทำท่าจะดันร่างเล็กของลูกสาวออก ก่อนจะขาอ่อนแรงเดือดร้อนเขมมิกาต้องรีบประคองช่วย พาหิ้วปีกเดินเข้าซอยเล็กอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีแสงไฟสลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนของบ้านคน เดินไปอีกนิดก็เจอสะพานไม้เก่าข้ามคูคลอง ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยแตะจมูก สภา
บทที่ 27 แม่นกต่อ 1“เอางี้ดีกว่า แม่ไม่อยากคลาดกับขิมอีก เดี๋ยวแม่นั่งรอแถว ๆ นี้ก็ได้ หรือถ้าขิมกลัวอายคนอื่นเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ก็ได้นะลูก ดะ.. ดูนี่สิ แม่เพิ่งได้ค่าแรงมา วันนี้ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวลูกสักมื้อเถอะนะ”เอมอรล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมานับรวมเหรียญแล้วได้เงินสามร้อยหกสิบแปดบาท ซึ่งเป็นค่าแรงที่หล่อนบอกว่า แบ่งเก็บไว้จากการทำงานสามวัน ใบหน้าอิดโรยพยายามยิ้มกว้างอวดเงินในมืออย่างภาคภูมิใจ“ก็ได้ค่ะ แต่แม่รอตรงป้ายรถเมล์หรือรอตรงนี้ไม่ได้หรอก อากาศร้อนแบบนี้ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี ฝั่งโน้นมีร้านสปา ขิมว่าแม่ไปนอนรอให้เขานวดตัวให้สักสามชั่วโมงดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้ขิมจะขอลาหัวหน้าขอกลับก่อน บ่ายสามเดี๋ยวขิมไปรับนะคะ หรือถ้าแม่หิวแม่หาอะไรรองท้องก่อนได้เลยนะคะ”“อื้อ ได้ ๆ เอาตามนี้ละกัน”เอมอรพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกสาว เขมมิกาหยิบธนบัตรจากกระเป๋าเงินส่งให้ผู้เป็นแม่สองพันเงินจำนวนนี้ทำเอมอรตาลุกวาว ในใจก็เริ่มคิดว่าบางทีเขมมิกาก็อาจช่วยให้หล่อนไม่ลำบากได้เช่นกันคล้อยหลังเขมมิกา เอมอรก็ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความรายงานความคื
บทที่ 26 สารภาพรัก 2 NC“พี่รักขิมนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกรักซ้ำ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตามากมายไหลอาบสองแก้มแดงเรื่อ ธีรภัทร์ก้มลงจูบซับสองเปลือกตาอย่างรักใคร่“พี่ภีมรักขิมจริง ๆ หรือคะ”เพราะเขาไม่เคยบอก และเธอก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ผู้ชายที่ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่“ถ้าไม่จริงพี่คงไม่พาเธอไปเปิดตัวกับคุณพ่อ และก็คงไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะเลือกเธอ”การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แต่เขมมิกาก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขาอยู่ดี“พี่รักขิม”“…”“รักขิมคนเดียว”ธีรภัทร์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันและกัน เขมมิกาหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับจูบอ่อนหวานจากเขา เรียวลิ้นสากชำแรกเข้ามาในโพรงปากเล็ก วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบแน่น มือข้างหนึ่งบีบขยำเต้าอวบหนักสลับเบาปลุกเร้าอารมณ์คนในอ้อมกอด ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อทั้งหมด ก่อนจะสอดมือไปปลดตะขอบราเซียและเปลื้องทุกอย่างออกในคราเดียวกัน นิ้วโป้งบีบบี้เม็ดทับทิมสีเรื่อจนเขมมิกาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงค
บทที่ 25 สารภาพรัก 1“ไหน ๆ ก็ตัดชุดให้คนอื่นใส่มานักต่อนักแล้ว หาเวลาว่างตัดชุดให้ตัวเองบ้างสิ”หลังจากบนโต๊ะอาหารเงียบไปหลายอึดใจ เจ้าสัวธนาก็เริ่มชวนคริมาพูดคุยอีกครั้ง“คะ?”“ภีม ช่วงนี้งานที่บริษัทก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว มีเวลาก็ไปวัดตัวให้เรียบร้อย กว่าจะถึงฤกษ์ที่ซินแสให้มาก็อีกหลายเดือน หนูครีมรอได้ใช่ไหมลูก”“คุณพ่อครับ!!”ธีรภัทร์ปรายสายตาไปทางบิดาเมื่อรู้ความหมายในสิ่งที่เจ้าสัวต้องการสื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านจะใช้วิธีนี้มามัดมือชก มือข้างหนึ่งของเขากุมมือเขมมิกาแน่น“หรือว่าช้าไป จันพรุ่งนี้เธอนัดซินแสให้เข้ามาพบฉันหน่อย หนุ่มสาวสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว หนูครีมอย่า...”เพล้ง!เมื่อบิดาไม่คิดไว้หน้ากัน ความอดทนอดกลั้นก็จบลง ธีรภัทร์ปัดแก้วน้ำลงพื้น เสียงของมันดังพอที่จะทำให้ทุกคนหยุดพูดและหันมามอง“ลุกขึ้น!”เขาใช้มือข้างที่กุมมือเขมมิกากระตุกรั้งให้หญิงสาวลุกขึ้นยืน“พี่ภีมคะ”ท่าทีแบบนี้ของเขาไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ทว่าก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เคยมี เขมมิการู้ดีว่าเวลานี้อารมณ์ของเขาถึงจุดเดือดแล้ว นอกจากห้ามปรามไม่ได้ เธอยังต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับเขาอีกด้วยธีรภัทร์กระชากแขนเล็ก
บทที่ 24 แขกคนสำคัญคฤหาสน์ที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะตระกูลที่มั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของประเทศ เขมมิกายืนนิ่งไม่ไหวติง รอให้ธีรภัทร์ก้าวลงจากรถมาหยุดยืนเคียงข้างกัน มือใหญ่หงายฝ่ามือออกให้เธอได้จับ พร้อมพยักหน้าให้กำลังใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเหงื่อชื้นของฝ่ามือเล็ก“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”เขาบีบมือหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะพาเขมมิกาเดินเคียงคู่เข้าบ้านไปด้วยกันขาเรียวสั่นเล็กน้อยขณะก้าวผ่านพ้นประตูบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับคนละโลกกับที่เธอมา หน้าเล็กแหงนขึ้นเล็กน้อยมองแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะแสงระยิบระยับจากคริสตัลนับพันกระทบนัยน์ตาจนแทบพร่าเลือนนี่บ้านคนหรือวังกันแน่...หญิงสาวกระตุกเกร็งเล็กน้อยเมื่อหันสายตาไปสบกับพวกแม่บ้านที่ยืนรอต้อนรับชายหนุ่ม เขาคงรับรู้ได้ถึงความประหม่าของเขมมิกาเมื่อฝ่ามือหนาบีบแน่นขึ้นจนเธอต้องเงยหน้ามองเขา“ไม่ต้องกลัวนะขิม มีพี่อยู่ด้วย”“ค่ะ พี่ภีม”เขาใช้มืออีกข้างซับเม็ดเหงื่อบนจมูกเล็กให้ ก่อนจะพาหญิงสาวไปยังชั้นสองของบ้าน ด้วยเวลานี้บิดาของเขามักจะขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานก๊อกๆ ก๊อกๆ“เข้ามา”เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียงทรงอำนาจ ชายหนุ่มก็เปิดปร
บทที่ 23 เงินสำคัญกว่า“กะ แกเป็นแม่ของเขมมิกาเหรอ”คริมาจิกหัวถามซ้ำด้วยไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นหล่อนก็ไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจ“ใช่จ้ะ ฉันเนี่ยแหละ แม่ของเขมมิกา”แหงล่ะ ลูกสาวที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มันจะมีแม่ที่มีสภาพเป็นนางฟ้านางสวรรค์ได้อย่างไรล่ะ“คุณจันบอกให้ฉันมาหาคุณที่นี่ คุณจะให้เงินฉันหากฉันบอกว่าตัวเองเป็นใคร”เอมอรรีบพูดถึงเรื่องเงินทันที คริมาแสยะยิ้มดูถูก กอดอกมองสภาพน่าสมเพชของอีกฝ่าย“แกทำงานอะไร”“เอ่อ… ฉันไม่ได้ทำงานมาหลายปีแล้วจ้ะ”ตั้งแต่เลิกรากับสามีใหม่อย่างชัยณรงค์ เอมอรก็ถูกเตะกลับมายังประเทศไทย หล่อนเร่ร่อนไม่ได้ทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง นอกจากรับจ้างล้างจานตามร้านอาหารตามสั่งโต้รุ่ง กวาดถนน ได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ตัวเองมีเงินซื้อข้าวครบสามมื้อ......และซื้อเหล้า“แล้วได้ติดต่อกับลูกสาวบ้างหรือเปล่า”“ไม่ได้ติดต่อเลยจ้ะ ฉันไม่ได้ติดต่อกับยัยขิมมาหลายปีแล้ว”เอมอรรีบส่ายหน้า เรื่องลูกสาวถือเป็นของแสลงที่หล่อนไม่อยากยุ่งเกี่ยว กลัวว่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ“แสดงว่าแกคงไม่รู้เลยสินะ ว่าตอนนี้ลูกส